Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2550
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
6 มิถุนายน 2550
 
All Blogs
 

@-->- ปาเจราจะริยาโหนติ -<--@

ปาเจราจะริยาโหนติ
คุณุตตะรา นุสาสะกา


วันนี้ขอเริ่มต้น blog ด้วยบทสวดที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ และความเต็มตื้น

ช่วงนี้ใครที่นั่งรถผ่านไปมาแถวๆปากคลองตลาด จะเห็นลุกค้ากลุ่มใหม่เดินกันขวักไขว่ เป็นลูกค้าหน้าใสๆในชุดนักเรียน ที่มากันเป็นกลุ่มๆ กลุ่มละสามสี่คน ช่วยกันเลือกซื้อและแบกดอกไม้หลากสีหลายพันธุ์กลับโรงเรียน ยิ่งเป็นวันพุธอย่างวันนี้ ลูกค้ากลุ่มนี้ยิ่งมาจับจ่ายกันอย่างคึกคัก เห็นแล้วทำให้นั่งนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวตอนเด็กๆ จนเกือบจะเลยป้ายที่ต้องลงประจำ

ใช่แล้วค่ะ ตอนนี้คือช่วงวันไหว้ครูของแต่ละโรงเรียน ซึ่งจะทำหลังจากเปิดเทอมแรกได้แล้วสักระยะหนึ่ง พิธีไหว้ครูจะจัดกันในวันพฤหัสบดี ซึ่งถือว่าเป็นวันครู (ใครที่เกิดวันพฤหัส เขาว่ากันว่าเป็นครูของพวกเทพ ส่วนที่เกิดวันศุกร์อย่างตัวข้าพเจ้า เขาก็ว่าเป็นครูเช่นกัน แต่ครูของพวกอสูร ... มิน่า อย่างนี้นี่เอง

ดังนั้น เมื่อถึงวันพุธ ปากคลองตลาดซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการค้าดอกไม้ที่ใหญ่สุดในเมืองกรุง จึงเต็มไปด้วยลูกค้านักเรียนที่มาช็อปปิ้งวัสดุอุปกรณ์เพื่อนำไปจัดพานไหว้ครู

ในพิธีไหว้ครูนับตั้งแต่สมัยก่อน จะใช้ดอกไม้หลัก 3 อย่างในการทำพาน ซึ่งทั้ง 3 อย่างนั้นจะมีความหมายระลึกถึงบุญคุณของครู อันได้แก่

หญ้าแพรก สื่อถึง ขอให้เรียนได้เร็วเหมือนหญ้าแพรก ที่โตได้เร็วและทนต่อสภาพดินฟ้า อากาศ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งเปรียบเสมือน คำดุด่าของครูบาอาจารย์

ดอกเข็ม สื่อถึง ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เหมือนชื่อของดอกเข็ม

ดอกมะเขือ สื่อถึง การเปรียบเทียบว่า มะเขือนั้น จะคว่ำดอกลงเสมอเมื่อจะออกลูก แสดงถึง นักเรียนที่จะเรียนให้ได้ผลดีนั้นต้ิองรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย เหมือนมะเขือที่โน้มลง

ตัว จขบ เองนั้น ยังพอจำพิธีไหว้ครูครั้งแรกได้เลาๆ คือ มันนานมากแล้ว ภาพที่นึกได้คือ เด็กนักเรียนอนุบาลกำลังพนมมือ มีดอกเข็มหนึ่งช่อกับธูปเทียน .. ภาพที่จำได้สีออกมัวๆเทาๆ มีแต่สีแดงของดอกเข็มเท่านั้นเองก็เด่นชัดเจนไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม

หลังจากสมัยอนุบาลแล้ว ก็รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้ใช้ดอกไม้ตามพิธีกรรมที่ถูกต้องไหว้ครูสักเท่าไร ตอนอยู่ป.2 ช่วงนี้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของห้อง (หัวหน้าห้อง) ต้องเป็นตัวแทนของเพื่อนทั้งห้องเข้าพิธี ซึ่งจำได้ว่าครูได้เขียนจดหมายมาบอกพ่อให้ช่วยเตรียมดอกไม้ให้ด้วย .. จำไม่ได้แฮะ ว่าครูเขาหมายถึงพานหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ พอถึงวันงาน ห้อง ป.2/1 มีพานไหว้ครูเป็นกล้วยไม้ช่อใหญ่ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเป็นลูกสาวเจ้าของสวนกล้วยไม้ จะให้ใช้ดอกอื่นไหว้ครูได้กระไร

ก็คงจะเป็นที่แปลกตาแปลกใจดีในตอนนั้น แต่ในความคิดของท่านหัวหน้าห้อง รู้สึกเขินเป็นที่สุด เพราะคนอื่นเขาเป็นพานถูกต้องตามระเบียบแบบแผน

พูดถึงความทรงจำกับพานกล้วยไม้แล้ว ทำให้นึกถึงงานไหว้ครูตอนที่อยู่เขมะฯ ขึ้นมาได้ พิธีไหว้ครูที่เขมะฯนั้น ทำได้อย่างศักดิ์สิทธิ์อลังการงานสร้างมากๆ คือเป็นทั้งพิธีพุทธ และพิธีพราหมณ์เต็มขั้น ช่วงแรกเป็นการไหว้ครูจริงๆ คือยกพานเข้าไปกราบครู แต่หลังจากนั้น เป็นการมอบรางวัลแก่นักเรียนที่เรียนดีในด้านต่างๆ จำได้ว่า นอกจากรับโล่ห์กันตามปกติแล้ว ยังจะต้องเงยหน้าให้ท่านหัวหน้าพราหมณ์เจิมหน้าผากอีกด้วย แถวด้านหลัง ยังมีพราหมณ์มาเป่าสังข์ แขว่งบัณเฑาะว์เพิ่มความขลังอีกตะหาก

ก็ต้องขออวดไว้นิดหน่อย ว่าที่จำขั้นตอนรายระเอียดตรงนี้ได้ดี ก็เพราะเคยเข้าร่วมการเจิมหน้าผากด้วยครั้งหนึ่ง ตอนนั้นได้รางวัลเรียนดี เป็นที่ปลาบปลื้มของตระกูลเป็นอย่างมาก .. แต่พ่อกะแม่คงจะปลาบปลื้มมากกว่านี้ ถ้ามันจะได้รางวัลในวิชา คณิต อังกฤษ ภาษาไทย แต่นี่ดันได้ในวิชา การงานพื้นฐานอาชีพ !!!

เอาเหอะน่า... อย่างน้อยก็เคยได้รับโล่ห์กับเขาล่ะเนาะ

ครั้งอื่นๆก็จะเป็นรางวัลจากการประกวดวาดภาพมั่ง จัดแจกันมั่ง ฯลฯ เรียกว่า ช่วงนั้นมือขึ้นเรื่องล่ารางวัล แต่ก็อย่างที่บอก มันก็ยังเป็นรางวัลทางสายการงานฯอยู่ดี

กลับมาที่เรื่องไหว้ครูต่อ
ตอนที่เลื่อนขั้นมาอยู่ชั้นมัธยม ในโรงเรียนสตรีชื่อดังแห่งหนึ่ง รู้สึกแปลกใจกับการไหว้ครูของโรงเรียนใหม่เป็นอย่างมาก เพราะทำไมมันช่างสั้น กระทัดรัดซะขนาดนั้น ทั้งนี้เพราะผ่านพอธีกรรมแบบยาวๆมาจนชิน พอมาเจอแบบน้อยๆ แต่เน้นๆ เลยแปลกใจ

ไม่ใช่อะไรหรอก มันสั้นเกิน จนไม่ต้องงดเรียนอ่ะดิ อิอิ

การไหว้ครูตอนเรียนมัธยมนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ ทั้งๆที่จริงๆแล้วมันน่าจะเป็นเรื่องของความศักด์สิทธิ์ ความสนุกมันเริ่มต้นจากการคัดเลือกผู้ที่จะทำพาน (คนถือไม่ต้องเลือก หัวหน้ากับรองหัวหน้ารับไป) พวกที่ทำพานพวกนี้แหละ ที่จะได้รับอภิสิทธิ์ให้ออกไปช็อปปิ้งได้ หลายคนจึงใฝ่ฝันตำแหน่งนี้ซะเหลือเกิน ส่วนคนที่ไม่ได้ไปกะเขาก็รอเป็นลูกมือ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เป็นลูกมือ เด็กทั้งห้องมี 50 คน เป็นลูกมือไป 45 คน ดอกไม้เฉาพอดี และครูก็คงไม่ปลื้มที่มันจะใช้เป็นข้ออ้างไม่เรียนตลอดคาบบ่ายของวันพุธ

รายละเอียดของพานไหว้ครูสมัยมัธยมเป็นเรื่องที่ยังจำได้ไม่ลืม ตอนเด็กๆ ก็ยังทำพานตามแบบแผนอันสวยงาม แต่พอเริ่มเปรี้ยวเริ่มโต พลังของวัยรุ่นจึงค่อนข้างพลุ่งพล่าน ก็เลยแบ่งพลังลงมาใส่พานเอาไปให้ครูดูบ้างเป็นการอวด

การทำพานสมัย ม.ปลาย เป็นเรื่องที่น่าสนุกและน่าลุ้น และเป็นกิจกรรมที่ต้องทำกันอย่างลับๆ ห้ามให้ห้องอื่นรู้ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ แต่ละห้องต่างต้องการให้พานของตนดูแปลกตา เลิศหรูกว่าของคนอื่น มันจึงออกมาในแบบที่ว่า พานของห้องเด็กวิทย์ ก็อาจจะมีน้ำพุพุ่งขึ้นมาเป็นสาย มีไฟฟ้าสว่างวาบๆแทนแสงเทียน ดูแล้วเห็นมอ
เห็นอนาคตของนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าพานออกมาในรูปแบบพสดารพันลึก มีหอไอเฟลปักกลางมั่ง ทำเป็นรูปสะพาน สวนน้ำและดอกลิลลี่น้ำ อันนี้ใช่เลย เด็กสายศิลป์ ซึ่งมีอยู่ปีหนึ่งไหว้ครูช่วงบอลโลก พานเด็กศิลป์ก็เป็นโลโก้บอลโลก .. เอากะมันสิ

วันไหว้ครูสมัยมัธยม จึงสนุกตรงที่ได้ลุ้น ตอนเป็นรุ่นน้องก็คอยที่จะดูอภินิหารย์ของรุ่นพี่ พอมาเป็นรุ่นพี่เองก็ต้องคอยหาไอเดียสร้างอภินิหารย์ของตนเอง

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ต้นจนจบ และเริ่มเรียนใหม่ ตั้งแต่ต้น จนจบอีกรอบ ไม่เคยไปเข้าร่วมพิธีไหว้ครูกับเขาเลย .. คิดแล้วก้เสียดาย มิน่า เรียนไปถึงได้ตกๆหล่นๆ ลูกผีลูกคน ไม่เป็นนักศึกษาที่สมบูรณ์แบบกะเขาเลย สงสัยเพราะไม่ได้ผ่านการไหว้ครูนี่เอง

มาวันนี้ อายุอานามล่วงพ้นการถือพานไปไหว้ครูแล้ว เหมาะสำหรับให้คนอื่นมาไหว้มากกว่า แต่การนั่งรถผ่านปากคลองก็ทำให้ได้คิดอะไรๆได้แยะเหมือนกัน

ความจำในเรื่องเก่าๆชัดขนาดนี้ แสดงว่ายังไม่แก่เท่าไหร่ ความจำยังดีอยู่ เอิ้กๆๆๆๆๆ



คำไหว้ครู
(หัวหน้ากล่าวคาถาไหว้ครู) ปาเจราจะริยาโหนติ

(นักเรียนทุกคนรับพร้อมกัน) คุณุตตะรา นุสาสะกา

ข้าขอประณตน้อมสักการ บูรพคณาจารย์
ผู้กอปรเกิดประโยชน์ศึกษา
ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา
แก่ข้าฯ ในกาลปัจจุบัน
ข้าฯ ขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์
ด้วยใจนิยมบูชา
ขอเดช กตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน
อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี
แก่ชาติและประเทศไทยเทอญ

(หัวหน้ากล่าวคาถาไหว้ครูตอนจบ) ปัญญาวุฑฒิ กะเรเต เต ทินโนวาเท นะมามิหังฯ




 

Create Date : 06 มิถุนายน 2550
1 comments
Last Update : 6 มิถุนายน 2550 12:18:11 น.
Counter : 2031 Pageviews.

 

 

โดย: 555555555555555 IP: 202.129.32.182 8 มิถุนายน 2550 12:31:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Meliot Baggins
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




สวัสดีค่ะ ... กลับมาแล้วค่ะ



อัพบล็อกใหม่แล้วค่ะ
... ชมสวนที่คาดว่า จะอังกิ๊ด อังกฤษได้ที่กรุ๊ป เมื่อดอกไม้บาน


Photobucket ...ภาพงานกระดาษของขวัญวันแต่งงาน ที่กรุ๊ป งานกระดาษ
ค่ะ
Friends' blogs
[Add Meliot Baggins's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.