|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ขนมปะแตน
ขนมชนิดนี้ผู้เขียนชอบรับประทานมากเมื่อเด็กๆ ตอนนี้แก่แล้วก็ยังชอบรับประทานอยู่ ลูกๆ ผู้เขียนเองตอนนี้ชักเริ่มแก่หน่อยๆ แล้ว ก็ยังคงแย่งกันรับประทานอยู่เลยค่ะ
ขนมชื่อนี้ไม่เคยได้ยินใครเขาเรียกกัน แต่ครอบครัวผู้เขียนรู้จักมันมาตั้งแต่เด็กโตขึ้นมา จนกระทั่งแก่ลงไป ไปหารับประทานที่ไหนก็ไม่มี มีที่หน้าตาคล้ายๆ กันบ้าง แต่พอรับประทานไปแล้วรสก็ไม่เหมือน เพราะฉะนั้นถ้าอยากรับประทานวันไหนก็ตามลงมือทำเอง แต่เดี๋ยวนี้แก่มากแล้วก็เลยนานๆ ทำที ทำให้ลูกๆ บ่นหากันอยู่บ่อยๆ
ชื่อขนมว่า "ปะแตน" นี้ เข้าใจว่ามาจากคำว่า "Pattern" เพราะขนมนี้เก่าแก่และโบราณน้องๆ ของเสื้อราชปะแตนเลย ทีเดียวล่ะ
เก่าเสียจนลืมที่มาและที่ไป ถ้าหากจะมีท่านผู้รู้ที่ยังพอจะหลงเหลืออยู่บ้าง และบอกมาให้เป็นวิทยาทานก็คงจะเป็นพระคุณอยู่เหมือนกัน ตำราอันจดไว้อย่างรางเลือนเขียนไว้แต่เพียงว่า
เครื่องปรุงมีแป้งสาลี หรือสมัยใหม่นี้จะใช้แป้งอเนกประสงค์ก็คงได้ หัวกะทิและไข่ไก่ใส่ทั้งฟอง นำมานวดจนเข้าเนื้อกันดี แป้งไม่ติดมือ แล้วก็มีแป้งที่ใช้เป็นนวล เวลาใช้แป้งคลึงออกเป็นแผ่นบาง แป้งจะได้ไม่ติดกระดาน สมัยก่อนไม้คลึงแป้งก็ไม่มีขายหรอกค่ะ ผู้เขียนใช้ขวดน้ำนั่นแหละคลึงเอา
ส่วนไส้หมูมีหมูบดละเอียด หอมเล็กหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก น้ำปลาดี น้ำตาลทรายนิดหน่อย ผัดเข้าด้วยกัน รสตามชอบ เสร็จแล้วโรยพริกไทยป่นพอหอม แล้วยังมีเขียนไว้อีกด้วยว่า ยังมีถั่วลิสงคั่วให้สุกเหลือง นำมาป่นละเอียดราวๆ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงไปด้วย ต้องใช้ถั่วคั่วใหม่จริงๆ ใส่ลงไปแล้วจะหอม แต่อย่าใส่มาก เพราะจะทำให้ไม่อร่อยไป
หลังจากนั้นแบ่งแป้งมาคลึงออกบนกระดานโรยนวลแล้วคลึงให้บาง แล้วใช้พิมพ์อะไรก็ได้กลมๆ (สมัยก่อนผู้เขียนใช้ฝากระป๋องค่ะ) กดลงบนแป้ง กดให้พิมพ์ลึกจนถึงกระดานแล้วหมุนมือเล็กน้อยพอแป้งขาดออกจากกัน ทำเช่นนั้นไปจนหมดแผ่นแป้ง แล้วหยิบเศษแป้งที่นอกเหนือวงกลมออกมาจากกระดาน มารวมก้อนเอาไว้เพื่อผสมแป้งที่เหลือในอ่าง เก็บเอาไว้สำหรับนำมาคลึงครั้งต่อไป
ทีนี้คุณก็หยิบเอาแผ่นแป้งกลมๆ นั้นขึ้นมาทีละแผ่น ตักไส้ที่ผัดเอาไว้แล้วใส่ลงไปสักครึ่งช้อนชา พับแป้งเข้าหากันเป็นครึ่งวงกลม บีบริมแป้งให้ติดกันแล้วลงมือพับริมแป้งแบบขนมปั้นขลิบ ทำเช่นนั้นไปจนหมดแป้ง
เกือบลืมบอกไปว่าแป้งที่เหลือในอ่างนั้น กว่าจะทำเสร็จอาจจะแห้งแข็งเกินไปจนคลึงลำบาก จะให้ดีจะหาผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆ มาปิดปากอ่างไว้ก็ได้ คุณจะได้แบ่งแป้งออกมาคลึงไปปั้นไปตามสบาย หลังจากนั้นคุณก็นำแป้งที่ปั้นไว้ไปทอดในกระทะที่ใส่น้ำมันไว้แล้ว ใช้ไฟกลาง
เมื่อสมัยลูกยังเด็กๆ เขามักจะชอบมาแย่งเศษแป้งไปทอดในกระทะ บางครั้งผู้เขียนก็จะเก็บแป้งให้เหลือเอาไว้บ้าง เพื่อทำกรอบเค็มให้ลูกกิน แต่สามีของผู้เขียนซึ่งเป็นนักดัดแปลงมักจะชอบให้ผู้เขียนผสมแป้งอีกชนิดหนึ่ง คือใช้น้ำมันพืชกับน้ำนวดกับแป้งแทนกะทิและไข่ ส่วนไส้นั้นก็ชอบให้เอามาผัดกับหอมใหญ่ (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก) และผงกะหรี่แทน ออกมาแล้วมันก็อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง
แต่ผู้เขียนเป็นนักอนุรักษ์ของเก่าค่ะ ก็เลยมีความรู้สึกว่าแป้งที่ผสมแบบเก่านั้นเวลาทอดจะมีกลิ่นหอมของกะทิ ซึ่งเป็นเสน่ห์บอกไม่ถูก
ขนมชนิดนี้จะอร่อยมากเวลาทอดรับประทานใหม่ๆ
คุณลองเอาไปทำดูซิคะ จะได้แย่งรับประทานกันกับลูกๆ หรือสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว จะได้เฉลี่ยความอ้วนไปให้ทั่วๆ กัน
พอดีสองสามวันมานี้ ผู้เขียนได้มีโอกาสดูรายการโทรทัศน์ของคุณโอวาท พรหมรัตนพงศ์ เธอนำเที่ยวไปตามจังหวัดสุโขทัย อำเภอสวรรคโลกค่ะ คุณโอวาทเธอพาไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แล้วก็พาไปชิมอาหารอร่อยๆ ตามท้องถิ่นที่เธอผ่านไป ผู้เขียนติดใจตอนที่เธอพาไปชมร้านขายขนมปั้นขลิบทอดแห่งหนึ่งที่สวรรคโลกค่ะ เพราะดูวิธีการทำใกล้เคียงกันกับขนมปะแตนของผู้เขียนมากเลยค่ะ เพียงแต่ว่าวิธีนวดแป้ง เธอใช้วิธีผสมแป้งกับน้ำมันแทนกะทิ ก็คล้ายกันกับวิธีที่สามีของผู้เขียนเธอดัดแปลงนั่นแหละคะ
ขนมของเธอขายดิบขายดี จนต้องให้โทรศัพท์ไปสั่งก่อนจึงจะซื้อได้นั่นแหละค่ะ
ตำราของผู้เขียนเองก็ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ถ้าอยากรวยเหมือนเธอผู้นั้นบ้างก็ลองทำดูสิคะ เผื่อว่าอาจจะช่วยเป็นอาชีพเสริมได้บ้างในยุคเศรษฐกิจฟุบเช่นนี้
Create Date : 22 มกราคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 22 มกราคม 2555 11:38:31 น. |
Counter : 972 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|