บทที่ 10
หญิงสาวไม่ได้รู้สึกหมั่นไส้อย่างที่ควรจะเป็นตรงกันข้ามแรงดึงดูดจากเขายิ่งรุนแรงขึ้น ผู้ชายถ้าไม่มีดีคงไม่กล้าทำท่าแบบนี้หรอกแต่อย่างว่าแหละแค่หน้าตาหล่อเหลาบาดใจกับรูปร่างสูงใหญ่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก็เร้าใจมากพออยู่แล้ว ไหนจะบุคลิกท่าทางที่ค่อนไปห่ามๆ สาวไหนจะไม่ใจระทวยบ้างล่ะ นี่นามบัตรฉันค่ะ หล่อนล้วงนามบัตรออกมาจากกระเป๋าส่งให้และส่งยิ้มอย่างมีจริตจะก้าน คนถือตัวมองนามบัตรนั้น รับมาโดยไม่พูดอะไรแล้วประตูลิฟต์ก็เปิดออกตรงชั้นยี่สิบ หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะคะ หล่อนพูดก่อนเดินออกไปจากลิฟต์ เหลียวมองกลับมาส่งสายตาอย่างมีความหมายให้ เขาสบตาหล่อนด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ได้ตอบอะไรกลับ อดรู้สึกสงสารพ่อแม่ผู้หญิงพวกนี้ไม่ได้สักพักประตูลิฟต์ก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ก้าวออกไป เดินตรงไปยังห้องชุดของตัวเองพอเข้าไปในห้อง ก็ทิ้งนามบัตรที่เพิ่งได้มาลงในถังขยะอย่างไม่แยแส ห้องชุดห้องนี้ มีสองห้องนอนใหญ่สามห้องน้ำ มีห้องครัว และห้องรับแขก มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เขาเปิดเพลงเบาๆหย่อนตัวนั่งบนโซฟากลางห้อง หลับตา เอนหลังพิงพนัก ร่างกายอ่อนเพลียจากการทำงานมาทั้งวัน ในใจอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูก คืนนี้เหงามากกว่าทุกคืนไม่รู้เป็นเพราะสาเหตุอะไร โดยปกติทุกคืนความเหงาจะอยู่เป็นเพื่อนเขาอยู่แล้วมันจะค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในใจ ไม่ให้ได้หลับอย่างเป็นสุข และหากหลับตาคราใด ภาพในอดีตก็จะตามมาหลอกหลอนเขาจึงต้องดื่มให้ตัวเองเคลิ้มหลับ แต่ก็ยังมิวายจะฝันร้ายเกือบทุกคืน ช่วงจังหวะหนึ่งลืมตาขึ้นมองโต๊ะข้างๆโซฟา เห็นผู้หญิงสาวสวยในรูปยิ้มสดใสส่วนผู้ชายที่นั่งแนบชิดก็คือเขา ทั้งสองคนมีสีหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขทันใดนั้นก็จับกรอบรูปคว่ำลงบนโต๊ะทันที ราวกับไม่ต้องการเห็น ยกสองมือขึ้นปิดหน้าข้อศอกสองข้างเท้าบนต้นขา สักพักก็เดินไปเปิดตู้เครื่องดื่มหยิบไวน์ออกมาขวดหนึ่งและหยิบแก้วมาหนึ่งใบ...อย่างน้อยการดื่มสิ่งนี้ก็ช่วยได้...ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไวน์ขวดนั้นก็พร่องไปครึ่งขวดเขายังนั่งอยู่บนโซฟา แขนข้างหนึ่งวางบนที่เท้าแขนด้านหนึ่งของโซฟาดวงตาเริ่มแดงก่ำ โหนกแก้มแดงระเรื่อ...เขาไม่น่ามานอนที่นี่เลยคืนนี้ควรไปนอนที่อื่น ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ที่นี่ เพราะที่นี่ทำให้คิดถึงเอมี่ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจ แล้วหล่อนก็รักเขามากเช่นกัน เขากับหล่อนเคยมาพักอยู่ที่นี่ด้วยกันตอนกลับมาอยู่ประเทศไทยครอบครัวเอมี่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันหมด หล่อนไม่มีญาติอยู่ทางนี้ดังนั้นจึงมาพักกับเขาที่นี่ ทั้งสองพบรักกันที่อังกฤษและมีโครงการจะแต่งงานกัน แต่แล้วก่อนถึงงานแต่งงานไม่ถึงเดือนเอมี่ก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตไปพร้อมกับ...ทารกน้อยในครรภ์ลูกของเขา นี่เป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืม และที่ทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่านั้นคือบุพการีของเขามีส่วนในการจากไปของเอมี่ ท่านทั้งสองไม่เห็นด้วยที่เขาจะแต่งงานกับคนรักเพราะต้องการให้ลูกชายแต่งงานกับลูกสาวรัฐมนตรีคนดังท่านหนึ่งพวกท่านรู้ว่าไม่อาจบังคับเขาได้เนื่องจากเขาเป็นตัวของตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วดังนั้นพ่อจึงใช้วิธีแอบไปนัดพบกับเอมี่ เพื่อหว่านล้อม ซึ่งก็ไม่รู้ว่าท่านใช้คำพูดหรือวิธีไหนแต่ที่แน่ๆ คนรักของเขาคงจะได้รับความสะเทือนใจไม่มากก็น้อยหลังจากพูดคุยกับท่านเสร็จ เธอก็ขับรถออกมาจากที่นั่น และเกิดอุบัติเหตุขึ้นรถเสียหลักคว่ำกลางถนน เขาเคยกำชับหลายครั้งแล้วว่าไม่ควรขับรถไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะเอมี่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ยังไม่คุ้นเคยกับการขับรถในกรุงเทพฯ เขาได้ทราบเรื่องทั้งหมดเพราะแม่ตกใจอย่างมาก ไม่คาดว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขนาดนี้และยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าคนรักของเขาตั้งครรภ์อ่อนๆนั่นเป็นสาเหตุที่ท่านสารภาพเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง มรุตมองไปรอบๆ ห้องเอมี่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่เคยเข้ามาในห้องนี้ และเขาก็ไม่เคยคิดจะพาผู้หญิงคนไหนมาที่นี่อีกเลยมือใหญ่เอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาอีกครั้ง เห็นเอมี่ยิ้มให้เขา เอมี่ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ เสียงพึมพำบ่งบอกถึงความปวดร้าว เมื่อไหร่คุณจะปล่อยผมไปสักทีผมทนทุกข์อยู่กับความเจ็บปวดมานานแล้วนะ คุณรู้มั้ยไม่มีคืนไหนที่ผมนอนหลับโดยไม่ฝันร้าย รอยยิ้มหยันผุดขึ้นที่มุมปาก คุณจะลงโทษผมใช่มั้ยที่ผมมันเลวปกป้องคุณไม่ได้ เขาคว่ำรูปบนโต๊ะอีกครั้งรินไวน์จนเต็มแก้ว ดื่มรวดเดียวหมด ขณะนั้นมือสัมผัสกับบางสิ่งในกระเป๋ากางเกงจึงล้วงมือลงไปเพื่อหยิบมันออกมา กิ๊บติดผมของสาวน้อยนั่นภาพผู้หญิงนัยน์ตาสวยใสผุดขึ้นมาอีกครั้งหวนนึกไปถึงคืนนั้นคืนที่เขาเมาหมดสภาพอยู่บนโซฟา หล่อนเข้ามาห่มผ้าให้ทั้งที่ดึกมากแล้ว ร่างเล็กบางสะดุ้งเมื่อเขาคว้ามือไว้ พยายามขอร้องให้ปล่อยแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย วินาทีที่รู้ว่าหล่อนมาห่มผ้าให้เขารู้สึกอบอุ่นในใจอย่างบอกไม่ถูก อย่างน้อยในค่ำคืนที่แสนอ้างว้างก็มีใครสักคนหนึ่งห่วงใยเขา สาวน้อยนั่นดูเป็นคนมองโลกในแง่ดีใสซื่อ ที่สำคัญมีมือที่อุ่นมาก มากเสียจนเขาไม่อยากปล่อยมือเล็กๆ นั่น เพราะกลัวความเย็นยะเยือกในใจจะเสียดแทงกลับเข้ามาอีกครั้ง รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าคมสันยามคิดถึงตอนหญิงสาวพูดกล่อมให้เขาหลับราวกับเขาเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งเพื่อจะได้ปล่อยมือหล่อน น้ำเสียงและแววตาสื่อถึงความอบอุ่นในแบบที่เขาไม่ได้พานพบมาเนิ่นนาน และค่ำคืนนั้นก็เป็นคืนหนึ่งในรอบปีที่เขาหลับสนิทตลอดคืนเมื่อคิดถึงตรงนี้ก็อยากขับรถกลับชะอำไปเดี๋ยวนี้เลย เพราะไม่ชอบบรรยากาศที่นี่พักหลังเขาเริ่มชินกับการอยู่ในบ้านพักตากอากาศหลังนั้น...ใช่เริ่มชินกับการอยูร่วมบ้านกับแม่สาวใสซื่อคนนั้น กับเด็กน้อยพูดมาก และเจ้าสุนัขขากะเผลก! ปุณฑริกเงี่ยหูฟังเสียงรถตลอดทั้งคืน จนแน่ใจว่าคืนนี้เจ้าของบ้านคงไม่กลับมานอนบ้านแน่นอน ในใจคิดเป็นห่วงหวังว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แหม อย่างน้อยก็น่าจะโทรศัพท์บอกกันบ้างถึงหล่อนจะเป็นแค่แม่บ้าน แต่เจ้านายหายไปทั้งคืน ไม่กลับบ้าน ไม่บอกกล่าวกันเลยใครจะไม่ห่วงล่ะ อีกอย่างถึงเขาจะหน้าดุ บูดบึ้ง ทำท่าหงุดหงิดรำคาญเป็นประจำแต่อย่างน้อยก็แน่ใจว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจ อย่างวันที่เขาช่วยพาไข่ตุ๋นไปโรงพยาบาลออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน และพามาส่งบ้าน เช้าวันรุ่งขึ้นยังถามไถ่เรื่องการล้างแผลหล่อนก็บอกไปว่าจะไปล้างแผลที่คลินิกใกล้ๆ เพราะสะดวกกว่าอีกอย่างพอเย็บแผลแล้วก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร ไข่ตุ๋นยังวิ่งเล่นแบบขากะเผลกๆกับเจ้าไข่ต้มด้วยซ้ำ ไม่ได้ลดดีกรีความซนลงเลย ยังเกรงใจเขาเรื่องค่าใช้จ่ายอยู่เลยถึงอาจไม่มากมายสำหรับเขา แต่ก็เป็นเงินก้อนโตสำหรับหล่อน และบอกเขาไปแล้วว่าจะหามาใช้ให้เร็วที่สุด เสียงละเมอฟังไม่ได้ศัพท์ดังมาจากร่างเล็กๆข้างกาย จึงรีบตบบั้นท้ายเด็กน้อยเบาๆ จนเสียงละเมอนั้นเงียบไปคงจะเล่นจนเพลียถึงได้ละเมอขนาดนี้ เมื่อมองลูกน้อยก็นึกขำขนาดโดนเศษแก้วบาดยังบ่นว่าอยากไปวิ่งกับคุณลุง แต่ได้สอนย้ำไปแล้วว่าห้ามไปวิ่งตามคุณลุงอีกไหนจะทำให้เขารำคาญและทำให้เขาวุ่นวายอีก แต่ไม่รู้ไข่ตุ๋นจะเชื่อที่สอนมั้ยเพราะเด็กน้อยดูจะชอบคนตัวโตหน้าบึ้งนั่นเสียเหลือเกิน มรุตตื่นแต่เช้าตรู่หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ตรงดิ่งไปยังลานจอดรถเพื่อขับรถกลับชะอำทันทีราวกับมีนัดกับใครไว้ ใช้เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงชะอำไปเสียเวลารถติดตอนอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่อย่างนั้นก็คงจะถึงเร็วกว่านี้และระหว่างทางเกือบถึงบ้านพักก็เห็นแม่บ้านของเขากำลังขี่จักรยานอยู่ด้านหน้าห่างไปพอสมควร มีลูกซ้อนท้าย จึงชะลอรถช้าลง...คงส่งลูกไปโรงเรียน...เพราะหนูน้อยอยู่ในชุดนักเรียนคิ้วเข้มขมวดมุ่น มองปราดไปยังขาป้อมที่พันผ้าอยู่... แผลหายดีแล้วรึแต่ก็หลายวันมาแล้วคงน่าจะดีขึ้น เด็กน้อยเหมือนกำลังพูดอะไรบางอย่างสองแม่ลูกหัวเราะกันอย่างร่าเริง เขาเผลอยิ้มตามไปด้วยอาการหนักอึ้งในอกจากเมื่อคืนคลายลงอย่างไม่รู้ตัวเริ่มอยากรู้ว่าเจ้าหนูนั่นพูดอะไร ซึ่งถ้าไม่ทำให้ผู้ใหญ่ขำก็ต้องหงายหลังตึง คุณลุงคับวิ่งช้าหน่อยได้มั้ยคับนึกถึงครั้งหนึ่งที่เด็กน้อยถามขึ้นขณะวิ่งเหยาะๆ ตามหลังมาพร้อมกับสุนัขคู่ใจเขานิ่งเฉย ไม่ได้ตอบกลับไป แต่เด็กน้อยหาได้ย่นย่อท้อถอยยังคงถามเจื้อยแจ้วไม่หยุด อีกหน่อยถ้าหนูโตแล้วคุณลุงแก่ หนูจะวิ่งไม่รอคุณลุงเหมือนกันไข่ตุ๋นขู่ไปตามประสาเด็ก เขาเผลอยิ้มไปกับคำขู่นั่นชะลอความเร็วลง ไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่ แต่เพราะอะไรก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน คุณลุงอยู่ในบ้านหลังเบ้อเริ่มคนเดียวไม่กลัวผีหรือคับ...แม่เป๋อว่าคุณลุงไม่กลัวผี แต่ผีกลัวคุณลุง ร่างสูงใหญ่หยุดกึกทันที หันกลับมามองพยายามข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ ไข่ตุ๋นกับไข่ต้มก็ชะงักตามสีหน้าใสซื่อยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่รู้จะทำอย่างไร เลยได้แต่วิ่งต่อไป คุณลุงคับ เสียงเจื้อยแจ้วดังมาอีก เขาถอนหายใจดังเฮือก พี่ลิ้นจี่บอกว่าคุณลุงหล่อมากหนูเลยอยากได้พ่อหล่อเหมือนคุณลุง แต่แม่เป๋อบอกว่า... เสียงเด็กน้อยหยุดอยู่แค่นั้น มรุตกำลังเงี่ยหูฟังอย่างตั้งอกตั้งใจหยุดวิ่ง หันกลับไปมองอีกครั้ง เพื่อรอให้หนูน้อยพูดต่อ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมพูดมีสีหน้าเหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม สุดท้ายทนไม่ไหวจึงแกล้งถามขึ้นมาแต่ไม่ลืมวางมาดเคร่งขรึม ไง บอกว่าอะไร บอกว่า...พ่อผมหล่อกว่าคุณลุงอีกคับ หนูน้อยตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด เขาจำได้ว่าต้องระงับอารมณ์อีกรอบและพอกลับบ้านก็พาลอารมณ์เสีย จนใครก็เข้าหน้าไม่ติด เมื่อขับรถมาถึงบ้านพักตากอากาศสีขาวหลังใหญ่พอลงจากรถ ยืนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก็หยิบโทรศัพท์มือขึ้นมากดหาผู้ช่วยที่คอนโดฯ สวัสดีครับ คุณมาร์ค ปลายสายทักทายอย่างนอบน้อม พิชัยวันนี้ฉันไม่เข้าออฟฟิศนะ เพิ่งมาจากกรุงเทพฯ ถ้ามีอะไรด่วนนายโทร. หาฉันแล้วกันจะฝากข้อความไว้ก็ได้ ครับ ท่าน วันนี้มรุตรู้สึกไม่อยากเข้าออฟฟิศเห็นอากาศปลอดโปร่ง แดดไม่แรงมาก เลยคิดว่าจะไปเล่นสกีน้ำสักหน่อยโดยปกติเขาเป็นคนชอบเล่นกีฬาแทบทุกชนิด โดยเฉพาะกีฬาทางน้ำจะชอบเป็นพิเศษจึงเข้าบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นเหนือเข่ากับเสื้อยืด และสวมหมวกแก๊ป ตามด้วยโทร.เรียกเจ้าเหวียง ลูกจ้างหนุ่มผิวคล้ำที่มีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดเรือเร็วของเขาและทำงานเบ็ดเตล็ดทั่วไปในคอนโดฯ หรูที่กำลังจะแล้วเสร็จ หนุ่มน้อยอาศัยอยู่ตรงท้ายหาด เกิดและโตที่นี่คล่องแคล่ว ว่องไว ฉลาด ไว้ใจได้ และไม่นานเหวียงก็ขี่เรือเร็วลำสีขาวมาจอดรอไม่ห่างจากฝั่ง ปุณฑริกขี่จักรยานกลับมาถึงบ้านเห็นรถสปอร์ตสีบรอนซ์เงินจอดอยู่ ขมวดคิ้ว มองด้วยความแปลกใจเมื่อคืนเขาไม่ได้กลับบ้าน แล้วก็กลับมาแต่เช้า เขาไปไหนนะ หรือนอนที่คอนโดฯ สาวน้อยเดินเข้าบ้านเพื่อจะถามเขาว่าจะกินอาหารเช้ามั้ย จะได้เตรียมให้ แต่ในบ้านก็เงียบกริบเมื่อขึ้นไปด้านบน เคาะประตูห้องนอนก็เงียบกริบ ลองเปิดประตูดูก็ไม่มีใครอยู่ แต่มีร่องรอยของการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะหล่อนเพิ่งเก็บเสื้อผ้าลงไปเมื่อวาน แต่ตอนนี้มีเสื้อทิ้งอยู่ในตะกร้าแสดงว่าคงกลับมาเปลี่ยนชุด แต่ทำไมไม่เอารถไปด้วยล่ะ ไปไหนของเขานะ พี่เป๋อๆ อยู่มั้ยจ๊ะ เสียงเรียกของลิ้นจี่ดังมาจากด้านนอก จึงเดินไปเปิดประตูเห็นเด็กสาวยื่นถุงอะไรบางอย่างให้ เอามะม่วงมาฝากมีคนเอามาให้เยอะแยะเลย กินไม่หมดหรอก แต่หวานสุดๆ เลยนะพี่ ขอบใจจ้ะ ปุณฑริกสังเกตเห็นอีกฝ่ายชะเง้อมองไปมองมา มองหาอะไรหรือจ๊ะลิ้นจี่ คนรูปหล่อไม่อยู่เหรอ ลิ้นจี่ตอบและยิ้มอย่างเอียงอาย นี่สรุปจะมาหาพี่หรือหาคุณมาร์คกันแน่มะม่วงก็เหมือนกันสงสัยไม่ได้มาฝากพี่มั้ง แกล้งกระเซ้า ไม่ช่าย ไม่ช่าย เด็กสาวปฏิเสธเสียงยานเป็นทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดี จนหล่อนอดขำไม่ได้ ก็เอามาฝากพี่แหละ แต่ถ้าคุณมาร์คชอบก็ฝากปอกให้เขาด้วยนะบอกว่าลิ้นจี่เอามาฝากด้วยหัวใจ ลิ้นจี่ทำตาปรือกะพริบตาถี่ๆ ปุณฑริกเลยยกมือขึ้นกุมขมับคิดคนเดียวในใจว่า...ลิ้นจี่ท่าจะอาการหนัก เอ่อ พี่เป๋อ พี่สมเจตน์เขากลับมาจากกรุงเทพฯ แล้วนะ เห็นว่าแม่เขาเรียกกลับมาช่วยงานที่บ้าน จู่ๆ เด็กสาวหุ่นอวบก็เปลี่ยนเรื่องสนทนา หล่อนฟังด้วยสีหน้านิ่งเฉย อ๋อจ้ะ แต่ได้ยินเขาลือกันว่าพี่เขาทำงานมาหลายปี เงินเดือนก็หมื่นกว่าเท่าเดิม แม่เขาทนไม่ไหวเลยเรียกตัวกลับสงสัยจะทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง เด็กสาวอธิบายละเอียดยิบวิเคราะห์ให้เสร็จสรรพ คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกบ้านเขาคนมีเงิน คงอยากให้ลูกชายกลับมาช่วยงานละมั้ง โถพี่มีเงินสักแค่ไหนเชียว แค่ที่บ้านมีโรงงานเล็กๆ ทำมาเป็นขี้อวดสู้คุณมาร์คของหนูไม่ได้หรอก ดูแค่บ้านหลังนี้กับรถสปอร์ตคันนั้นสิ นี่แหละมหาเศรษฐีของจริง มันเปรียบกันไม่ได้เลยพี่ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับคุณมาร์คล่ะ หล่อนถามอย่างงุนงง แหมหนูก็แค่เปรียบเทียบหมั่นไส้คนที่มีแค่นิดหน่อยทำเป็นขี้อวด คนรวยจริงไม่เห็นจะต้องอวดเลย เด็กสาวตอบ ไม่ชอบใจคนที่ถูกกล่าวถึงอย่างออกนอกหน้า อันที่จริงพี่เลิกๆ กับตานั่นไปก็ดีแล้ว คนพูดฉอดๆเริ่มยิ้มเจื่อน เพราะเผลอตัวพูดเรื่องบางอย่างออกไปโดยไม่ตั้งใจ หล่อนไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป ไม่ได้โกรธลิ้นจี่ด้วยรู้ว่าเด็กสาวไม่ได้ตั้งใจ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว แม้หากคิดขึ้นมาครั้งใดความน้อยเนื้อต่ำใจก็ถาโถมเข้ามาทุกที ยังจำทุกถ้อยคำที่คนๆนั้นยกมาเป็นข้ออ้างบอกเลิกหลังจากที่ทราบว่าหล่อนไม่ได้เรียนต่อชั้นมหาวิทยาลัย เป๋อต้องเข้าใจพี่นะพี่ขัดใจแม่ไม่ได้ ฐานะเราต่างกัน การศึกษาของเป๋อก็แค่ชั้นมัธยมปลายพี่ต้องหาเมียที่มีความรู้เพื่อมาช่วยดูแลโรงงานที่บ้าน เป๋ออย่าโกรธพี่นะ ตอนนั้นหล่อนได้แต่อึ้งพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างมันตื้ออยู่ในอก แต่ไม่ได้คิดโกรธเขาได้แต่โทษตัวเองที่เกิดมามีฐานะต่ำต้อย ^__________^
Create Date : 13 กันยายน 2558 |
Last Update : 13 กันยายน 2558 10:52:49 น. |
|
2 comments
|
Counter : 645 Pageviews. |
|
|