ฤดูหวานรัก...Sweet Ogi - Megi วางแผงแล้ว /สนพ. ที่รัก
Group Blog
 
 
กันยายน 2558
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
8 กันยายน 2558
 
All Blogs
 

บทที่ 6

มรุตเลี้ยวขวาตรงแยกข้างหน้าดวงตาภายใต้แว่นกันแดดราคาแพงมองกระจกหลังอยู่บ่อยครั้งแม้จะทิ้งระยะห่างกันมาพอสมควรแล้วแต่ก็ยังเห็นสาวน้อยนั่นขี่จักรยานซอมซ่อโดยมีเด็กน้อยซ้อนท้าย  ถ้าไม่รู้ว่าเด็กนั่นเป็นลูก ก็คงคิดว่าเป็นพี่สาวกับน้องชายเสียมากกว่าหล่อนดูหน้าเด็กมาก รูปร่างอ้อนแอ้น จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งและก็เป็นอีกครั้งที่อยากรู้ว่าสามีหล่อนไปอยู่ที่ไหนเพราะหลังจากอยู่ร่วมชายคากันมาหลายวันก็ไม่เคยได้ยินสองแม่ลูกพูดถึงคนที่เป็นพ่อสักนิด จึงสงสัยว่าอาจเลิกรากันหรือไม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว

สักพักก็ขับรถมาถึงคอนโดมิเนียมหรูริมหาดจวนจะแล้วเสร็จในอีกไม่ช้า การก่อสร้างทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่การตกแต่งทั้งหมด โดยเขาคุมรายละเอียดทุกอย่างเองทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มโครงการ

เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อดังขึ้นจึงหยิบออกมากดรับ ขณะเลี้ยวเข้าที่จอดรถประจำ

“ว่าไง ริน” เขาทักทายเสียงสุภาพ สีหน้ายังคงความเฉยเมย

“มาร์คคุณหายเงียบไปเลย” เสียงหวานใสตัดพ้อ

“ไม่ได้หายไปไหนหรอกงานยุ่งนิดหน่อย” เขาล็อกรถและเดินตรงไปยังออฟฟิศชั้นล่างของคอนโดมิเนียมหรู

“ไม่หน่อยแล้วเนี่ยคุณเล่นหายเข้ากลีบเมฆไปเป็นอาทิตย์ๆ เลย”

เขาหัวเราหึ จนปัญญาจะแก้ตัว “เจ้าธรล่ะ” ถามถึงธรรณธร เพื่อนอีกคนของทั้งสอง

“รินก็เจอเขาอยู่ทุกวันแหละไม่หายหน้าไปเหมือนคุณหรอก เอ่อ คุณจะเข้ามากรุงเทพฯ เมื่อไหร่คะ จะได้เจอกันหน่อย”

“อืม ผมไม่แน่ใจนะอาจจะเป็นอาทิตย์หน้ามั้ง”

เขาคุยอีกสักพักก็ตัดบทอย่างสุภาพเพื่อวางสาย เนื่องจากเห็นแม่ยืนรออยู่ในห้องโถงด้านล่าง

“แม่มาได้ยังไงครับ”

หญิงสาวสูงวัย แต่งกายภูมิฐานเค้าความงามยังเห็นเด่นชัด แม้จะผ่านเลยวัยสาวมาเนิ่นนานแล้ว “ก็แม่คิดถึงลูกเลยให้คนขับรถขับมา” นางตอบพลางยิ้มให้ลูกชายคนเดียวสายตายามมองลูกชายฉายถึงความรักใคร่และห่วงใย

“ทำไมไม่โทรฯมาบอกผมก่อนละครับ”

“โทรฯ มาลูกก็ไม่ค่อยรับสายแม่เลยนี่” นางอิรดีพูดอย่างอ่อนโยนแตะแขนลูกชายเมื่อเขาเดินเข้ามาหา

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ผมงานยุ่งน่ะครับ” นี่คือข้ออ้างที่เขาใช้เป็นประจำ

“ลูกก็พูดแบบนี้ทุกครั้งลูกแม่คนนี้ตามหาตัวยากจริงๆ”นางคล้องแขนลูกชายพาเดินตรงไปยังห้องทำงานของลูกและรู้สึกได้ถึงอาการเกร็งของแขนล่ำสันที่นางคล้องอยู่

เมื่อเข้ามาในห้องทำงานกว้างขวางโทนสีขรึมๆ แบบผู้ชาย นางก็เดินไปนั่งตรงโซฟารับแขกหากมรุตกลับเดินไปนั่งอยู่ตรงขอบหน้าต่าง แผ่นหลังพิงบานกระจกใจนางอยากให้ลูกชายมานั่งใกล้ๆ ทำตัวสนิทสนมดั่งเช่นเมื่อก่อน แต่ลูกชายคนเดิมคนที่มีบุคลิกอบอุ่น ยิ้มแย้ม ช่างเย้าแหย่ ได้หายไปแล้ว เหลือเพียงลูกชายคนนี้คนที่ดูห่างเหิน หน้าตาเคร่งขรึม ถามคำตอบคำราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วงนางไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนลูกชายคนเดิมจะกลับมาได้แต่หวังว่าเวลาจะช่วยเยียวยาทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่แม้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในตัวมรุตแต่มีสิ่งหนึ่งในตัวเขาที่ไม่เคยเปลี่ยน และเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนย่อมภูมิใจ นั่นคือลูกชายของนางเป็นที่หมายปองของสาวๆ มากมาย ไม่ว่าจะมีบุคลิกอบอุ่น หรือห่ามดิบเสน่ห์ในตัวลูกชายคนนี้ไม่เคยลดดีกรีลงเลย มิหนำซ้ำบุคลิกแรงๆของเขากลับยิ่งมีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามได้มากขึ้นด้วยซ้ำไป

หญิงสูงวัยคิดว่าความเพียบพร้อมในด้านรูปสมบัติและคุณสมบัติก็อาจมีส่วนด้วยเช่นกันมรุตมีเค้าหน้าของนางกับสามีเขาดึงส่วนประกอบดีเยี่ยมที่สุดของบุพการีมาผสมผสานรวมกันได้อย่างชาญฉลาด

นางอิรดีเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษแม่ของนางหรือคุณยายของมรุตเป็นสาวอังกฤษพบรักกับหนุ่มไทยตระกูลผู้ดีเก่าที่ไปศึกษาต่อในประเทศอังกฤษส่วนนายมนัส พ่อของมรุตนั้นเป็นหนุ่มไทยเชื้อสายจีนที่สมัยหนุ่มๆมีความหล่อเหลาระดับน้องๆ พระเอกหนังฮ่องกงเลย

นอกจากรูปร่างหน้าตาแล้วความเก่งกาจสามารถอันโดดเด่นของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ทำให้นางแสนภูมิใจมรุตจบปริญญาโทคณะบริหารศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์จากประเทศอังกฤษด้วยคะแนนดีเลิศและวันนี้ในวัยสามสิบปีเขาเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จสูงมากคนหนึ่งโดยไม่ต้องพึ่งบารมีบุพการีสักนิดทั้งที่ครอบครัวมีความพร้อมในการสนับสนุนได้อย่างเต็มที่เนื่องจากสามีนางเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จสูงคนหนึ่ง ส่วนนางอิรดีดูแลธุรกิจส่งออกอาหารแช่แข็งระดับยักษ์ใหญ่ของประเทศ

“จะไม่ถามหน่อยหรือจ๊ะว่าแม่มาทำไม” นางถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีท่าทีอยากถามเลยว่าแม่มาทำไม

“แม่ก็บอกมาสิครับ” น้ำเสียงห้าวทุ้มกังวานห่างเหิน

นางค้อนลูกชายหนึ่งควักแบบทีเล่นทีจริง“ลูกแม่คนนี้นะจริงๆ เลย” นางถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูดต่อ“มาร์ค เดือนหน้าก็จะถึงวันเกิดพ่อแม่อยากให้ลูกไปงานวันเกิดพ่อสักหน่อย”

ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้นเสียงขรึม “ผมคงไม่ว่าง ช่วงนี้คอนโดฯ ใกล้จะเปิดตัวแล้ว”

นางมองลูกอย่างอ่อนใจบทมรุตจะดื้อรั้นขึ้นมาก็ไม่เคยมีใครเอาเขาอยู่สักคน

“เห็นแก่แม่สักครั้งได้มั้ยมาร์คถือว่าแม่ขอร้อง อย่างน้อยก็ไปทักทายพ่อสักหน่อย ให้พ่อเขาได้เห็นหน้าลูกบ้างพ่อคิดถึงลูกนะ”

อีกฝ่ายนิ่งเงียบแววตาและสีหน้ายากจะคาดเดาความรู้สึก

“แม่รู้ว่าบาดแผลในใจลูกมันยังไม่หายสนิทแม่กับพ่อเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาตลอดเวลา มาร์คเรายังหวังว่าลูกจะให้โอกาสเราได้กลับมาเป็นครอบครัวอบอุ่นอีกครั้งมีรอยยิ้มเหมือนเมื่อก่อน ตอนเร...”

“แม่กลับไปก่อนเถอะครับผมจะลองคิดดูอีกครั้งเรื่องงานวันเกิดพ่อ” เขาพูดตัดบท

นางถอนหายใจเบาๆ เลือกจะไม่เซ้าซี้ต่อเพราะรู้จักนิสัยลูกชายดี แค่มรุตบอกว่าจะลองคิดเรื่องงานวันเกิดพ่อก็ถือว่ายอมให้มากแล้ว ตอนนี้นางคงไม่กล้าหวังอะไรไปมากกว่านั้น

สักพักนางอิรดีก็กลับเพราะลูกชายสื่อโดยไม่ต้องใช้คำพูดว่าอยากอยู่คนเดียวตามลำพัง

“ว่าไงรินเจ้ามาร์คมันเป็นยังไงบ้าง” ธรรณธรถามขึ้นทันทีเมื่อรินลดาวางสาย

“ก็คงสบายดี”

“แล้วมาร์คจะมากรุงเทพฯเมื่อไหร่ ไม่ได้เจอกันหลายอาทิตย์แล้วนะ”

“อาจจะอาทิตย์หน้ามั้งไม่รู้สิ”รินลดาน้อยใจที่มรุตมักให้คำตอบเหมือนเอาแน่เอานอนกับเขาไม่ได้ทุกทีสีหน้าหล่อนไม่ร่าเริงนัก ความรู้สึกบางอย่างยังคงเกาะกินใจเช่นเคยมันเกาะกินใจมาเนิ่นนานร่วมสิบปีแล้วบางครั้งนึกสงสัยว่าจะมีสักวันมั้ยที่มรุตจะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกนี้ดวงหน้าแต่งแต้มไว้อย่างสวยงามเศร้าหมองอย่างไม่รู้ตัว

ชายหนุ่มจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าเห็นความเศร้าหมองนั้นอย่างชัดเจน และรู้ที่มาของความเศร้าหมองนั้น หัวใจเจ็บแปลบขึ้นมาแต่พยายามควบคุมอย่างสุดความสามารถ แม้อยากเอื้อมมือไปกุมมือเล็กๆที่วางอยู่บนโต๊ะ เพื่อปลอบใจ แต่ก็ไม่กล้าหรืออาจเรียกว่าเป็นความเจียมตัวก็ว่าได้

ธรรณธรสถาปนิกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง สำรวจบรรยากาศรอบๆ ร้านอาหารร้านประจำที่เขามักมากินกับรินลดาอยู่บ่อยครั้ง และบางครั้งมรุตก็เคยมาด้วยกัน

ทั้งสามรู้จักกันตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยอยู่คณะเดียวกัน และยังสนิทกันจนถึงทุกวันนี้แม้บางช่วงมรุตกับรินลดาจะแยกย้ายกันไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่ทั้งสามก็ยังติดต่อกันมาตลอด

ตัวเขาเองไม่ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศเพราะครอบครัวมีฐานะปานกลาง พ่อแม่มีลูกถึงห้าคน เมื่อเรียนจบคณะสถาปัตฯจากมหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ก็เริ่มทำงานทันทีจนทุกวันนี้มีหน้าที่การงานมั่นคงในบริษัทรับออกแบบที่อยู่อาศัยที่มีชื่อเสียงทว่าเปรียบเทียบกับมรุตแล้วเขารู้ตัวว่าไม่อาจเทียบเพื่อนสนิทคนนี้ได้แม้สักกระผีกและนี่เองที่ทำให้เข้าใจผู้หญิงตรงหน้าคนนี้

ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่มีสมองมากพอก็คงพึงใจในตัวมรุตบริราชรักษ์ มากกว่าผู้ชายธรรมดาๆ แบบเขาแน่นอน แม้จะรู้ว่าการครอบครองหัวใจผู้ชายคนนั้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญสักเพียงไรอาจเรียกว่าไม่เห็นแม้ความหวังอันริบหรี่ แต่ผู้หญิงบางคนก็ไม่ยอมละทิ้งความหวัง

เขาไม่ได้คิดอิจฉาเพื่อนตัวเองเพราะเป็นผู้ชายใจกว้างพอ อีกอย่างมรุตก็เป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เป็นคนน่าคบ มีน้ำใจแม้เหตุการณ์บางอย่างจะทำให้เพื่อนสนิทของเขาคนนี้เปลี่ยนไปแต่ความมีน้ำใจของมรุตกลับไม่เคยเปลี่ยนครั้งหนึ่งครอบครัวธรรณธรประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก เมื่อมรุตรู้ก็หยิบยื่นเงินก้อนโตให้อย่างไม่ลังเลสักนิด แม้เขาจะปฏิเสธแต่มรุตก็ไม่สนใจคำปฏิเสธนั้น และตอนนี้เขาก็ทยอยใช้หนี้ก้อนนั้นไปจนหมดแล้วโดยชายหนุ่มไม่เคยเอ่ยปากทวงแม้แต่ครั้งเดียว

เขามองเพื่อนสาวตรงหน้าอีกครั้งด้วยแววตาห่วงใยอย่างสุดซึ้งแต่รินลดาก็มิเคยมองเห็นความห่วงใยนี้ “แล้วรินต้องไปฮ่องกงเมื่อไหร่นะ” ธรรณธรชวนคุย

“พรุ่งนี้ แต่ไปแค่วันเดียวทำธุระให้ป๊าเสร็จก็กลับ”ใบหน้าสวยบ่งบอกว่ามีเชื้อสายจีนผสมอยู่ผุดยิ้มบางๆ

“แล้วโครงการใหม่ล่ะเห็นว่าใหญ่น่าดูเลยนะ”เขาอดรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสองไม่ได้ รินลดามีฐานะร่ำรวยหลังเรียนจบจากต่างประเทศก็เข้าช่วยงานธุรกิจของครอบครัว และความแตกต่างทางฐานะนี่เองที่ทำให้เขาไม่กล้าเปิดเผยความลับในใจเฝ้าเก็บงำความรู้สึกบางอย่างมาตลอดหลายปี

“ป๊าหวังกับโครงการนี้มากรินกลัวตัวเองจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร”

“รินทำได้อยู่แล้วคุณเป็นคนเก่งนะ เชื่อผมสิ” เขาพูดให้กำลังใจ และยิ้มให้อย่างอบอุ่น

“อยากมีชัมวันชัมวัน กุมมือฉันเวลาไปไหน ชัมวัน ชัมวันชักคนให้ฉันจับมือไว้...”

เสียงเด็กร้องเพลง ซัมวัน ของศิลปิน บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว ดังแว่วมาขณะเปิดประตูเข้าบ้านและรู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงร้องของเจ้าเด็กพูดมาก...แต่พูดไม่ชัดมรุตคิดว่ามันน่ารำคาญเต็มทน แต่กลับเดินไปใกล้หน้าต่างตรงห้องครัวเอียงศีรษะแนบกับบานหน้าต่างติดมุ้งลวด เพื่อจะได้ยินเสียงเพลงนั้นชัดขึ้น

“...ให้ทุกก้าวที่เดินไม่ฉับฉนบนถนนที่ดูกว้างไกล...”

มุมปากข้างหนึ่งของชายหนุ่มกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว“พูดก็ยังไม่ชัด ริอ่านจะร้องเพลง” บ่นงึมงำกับตัวเอง

“จุ๊ๆ พอได้แล้ว ไข่ตุ๋นคุณลุงกลับมาแล้วนะ เดี๋ยวคุณลุงหนวกหู”เสียงของผู้หญิงดังแทรกขึ้นมาเบาๆ

“คุณลุงไม่หนวกหูหรอกคับ คุณลุงบอกชอบฟังหนูร้องเพลง” เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้ว

เขาทำเสียงขึ้นจมูกก่อนบ่นกับตัวเอง “เราไปบอกมันตอนไหนปั้นน้ำเป็นตัวตั้งแต่เด็ก”

เสียงเพลงร้องวนไปวนมาได้สักพักก็ค่อยๆเงียบลง คาดว่าเจ้าของเสียงเพลงคงเคลิ้มหลับไปแล้ว มรุตค่อยๆ ถอยออกมาจากหน้าต่างเปิดไฟห้องครัว ตรงไปนั่งบนโซฟาตัวยาวในห้องรับแขกที่มืดสลัวอาศัยแสงสว่างจากห้องครัวพอช่วยไม่ให้มืดจนเกินไป...คืนนี้เขาไม่อยากได้แสงสว่างมากนัก

มรุตพาดเสื้อสูทกับโซฟา

นี่ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ววันนี้เขากลับบ้านค่อนข้างดึก นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศจนมืดค่ำกว่าจะรู้สึกตัวก็สามทุ่มกว่า จึงออกจากห้องทำงาน ขับรถตรงดิ่งกลับบ้าน

เขายังไม่กินอะไรเลยตั้งแต่เย็นเพราะไม่รู้สึกหิวสักนิด อาจเป็นเพราะการได้คุยกับแม่เมื่อเช้าก็ได้ริมฝีปากระด้างโค้งลงอย่างเยาะหยันเมื่อนึกภาพตอนคุยกับแม่และสาเหตุที่ท่านมาหาเขา

เสียงท้องร้องจ้อกๆ ดังขึ้นตอนนี้เขาหิวจนแทบกินช้างได้ทั้งตัว และไม่ได้โทรศัพท์กลับมาบอกว่าจะกลับดึกไม่แน่ใจว่าในครัวจะมีอะไรให้กินบ้าง เมื่อเหลือบมองไปบนโต๊ะอาหารก็เห็นแต่ความว่างเปล่า คิดว่าคงไม่มีอะไรให้กินแล้วกระมังในใจคิดจะไปทำอะไรกินเอง แต่โดยส่วนตัวไม่ถนัดเรื่องการทำอาหารเลยสักนิดเพราะทั้งชีวิตมีแต่คนทำให้มาตลอด

มรุตถอนหายใจก่อนเอนหลังพิงพนักหงายศีรษะไปด้านหลัง หลับตา หน้าตาและท่าทางแสดงถึงความอ่อนล้าที่ไม่ใช่มาจากแค่ภายนอก แต่เหมือนมาจากภายในด้วย

เสียงเปิดประตูทางห้องครัวดังขึ้นเขาเหลียวมอง

ปุณฑริกอยู่ในชุดนอนเสื้อกับกางเกงขายาวสีขาวมีลายดอกไม้เล็กๆยืนนิ่งอยู่หน้าประตู ท่าทางละล้าละลัง คล้ายทำอะไรไม่ถูก สีหน้าอึดอัดซึ่งนั่นเป็นเพราะดวงตาคมกล้าที่จับจ้องมองมาแบบไม่กะพริบ แม้เขาจะอยู่ในความมืดแต่แสงไฟในครัวก็พอทำให้เห็นรางๆ ว่าดวงตาคู่นั้นกำลังเพ่งมองมายิ่งหล่อนอยู่ในมุมสว่างของห้องครัว เลยเหมือนเปิดโล่ง จึงรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก

มรุตจ้องมองอีกฝ่ายเพราะเรือนร่างผอมบางในชุดนอนสีขาวลายดอกดูแปลกตา ผมดำขลับปล่อยสยายเต็มแผ่นหลังนี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่หล่อนปล่อยผมครั้งแรกเมื่อวันที่หล่อนนอนอยู่หน้าบ้านอยู่ทั้งคืนและขึ้นมาเก็บตะกร้าเสื้อผ้าบนห้องโดยปกติหล่อนจะผูกผมอยู่ตลอดเวลา คงเพื่อความสะดวกในการทำงาน...ผู้หญิงคนนี้มีเรือนผมสวยมาก ดูนุ่มสลวย แต่ตอนนี้ใบหน้าสวยใสราวสาวแรกรุ่นดูอึดอัดและแววตาคู่สวยซ่อนแววหวาดหวั่นไว้ลึกๆ

“ดิฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับกี่โมงเลยเก็บกับข้าวไว้ในตู้เย็น คงไม่น่าทานแล้ว จะให้ทำอะไรให้ทานมั้ยคะ” เสียงเบาๆ หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม

หล่อนหยุดรอให้อีกฝ่ายพูดแต่เขาไม่มีทีท่าจะพูดอะไร ยังคงมองมานิ่งๆ อย่างไม่วางตา

ปุณฑริกเริ่มใจสั่นไม่รู้ว่าเขาไม่พอใจอะไรอีกหรือเปล่า หลายวันมานี้รู้ว่าเขาคงรำคาญหล่อน ไข่ตุ๋น กับไข่ต้มเต็มทนยังคิดอยู่ว่าวันดีคืนดีคงโดนระเห็จออกจากบ้านนี้เป็นแน่ แต่เจ้าของบ้านก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะไล่ไข่ตุ๋นกับไข่ต้มอีกเลยนอกจากคืนนั้นที่หล่อนพาลูกเข้ามาในบ้านโดยพลการ

“คุณทานอะไรมาหรือยังคะจะ...ให้ดิฉันทำอะไรให้ทานมั้ยคะ”สุดท้ายหล่อนก็เป็นฝ่ายถามขึ้นมาอีก

เขาหันหน้ากลับไปอย่างรวดเร็วคล้ายเพิ่งรู้สึกตัว ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเสยผมลวกๆ “ทำไมเธอยังไม่นอนอีก” เขาถามเสียงห้วน

“คือ...ดิฉันกลัวว่าคุณยังไม่ได้ทานมื้อเย็นค่ะ” หล่อนตอบเสียงเบาลงไปอีกเมื่อได้ยินเสียงห้วนๆ “ถ้าคุณทานแล้วดิฉันขอตัวนะคะ”

“เดี๋ยว” เสียงห้าวทุ้มทรงพลังดังขึ้น

หล่อนสะดุ้ง ค่อยๆ หันกลับมาช้าๆสายตาเป็นเชิงถาม

“ฉันยังไม่ได้กินข้าวเย็นต้มบะหมี่ให้ฉันหน่อย”

ดวงตาโตมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง “ค่ะ”แล้วก็เดินอ้อมเข้าไปในครัวหยิบบะหมี่สำเร็จรูปออกมาจากในตู้บิวต์อิน

หญิงสาวใช้เวลาไม่นานก็ต้มบะหมี่เสร็จเทใส่ชาม ยกไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร กลิ่นหอมของบะหมี่อบอวลไปทั่วห้อง ควันลอยฉุยจากชามใบโต“บะหมี่เสร็จแล้วค่ะ”

มรุตเดินมานั่งที่โต๊ะ ลงมือกินบะหมี่ด้วยท่าทางหิวจัดจนหล่อนแอบอมยิ้ม ในใจคิดว่าเขาคงจะหิวน่าดู สงสัยคงทำงานหนักจนลืมกินหล่อนเดินไปรินน้ำมาวางบนโต๊ะ แล้วเดินถอยห่างออกไปพอสมควร รอให้เขาพูดว่าออกไปได้แล้ว แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะพูดอะไร เลยคิดจะพูดขออนุญาตออกไป “เอ่อดิ...”

“เดี๋ยวรอเก็บชามไปล้างด้วย” เสียงกระด้างดังแทรกขึ้นมา

กลีบปากสวยเม้มเข้าหากันไม่กล้าพูดต่อ ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น...แปลกคนจริงๆเดี๋ยวหล่อนก็ต้องกลับเข้ามาอีกรอบเพื่อเก็บชามไปล้างอยู่แล้ว...และหล่อนรู้หน้าที่ดีว่าพอกินเสร็จเขาก็ต้องบอกให้ไปหยิบเบียร์ให้

ปุณฑริกยืนอยู่สักพักก็เดินเลี่ยงไปเก็บหนังสือบนโต๊ะทั้งที่ก็เรียบร้อยดีอยู่แล้ว แต่เพราะความอึดอัดเลยหาอะไรทำจะได้ไม่ต้องยืนอยู่ตรงนั้น เปิดไฟดวงหนึ่งในห้องรับแขกเพราะไม่อยากอยู่ในความมืดแบบนี้ในช่วงเวลาตอนนี้กับผู้ชายคนนี้

เขาใช้เวลากินไม่นาน บะหมี่ก็หมดชามคงหิวจัด ดื่มน้ำจนหมดแก้ว แล้วก็เดินมานั่งตรงโซฟาที่ประจำ หล่อนแอบมองด้วยหางตาใจจดจ่อรอว่าเขาคงจะเรียกไปหยิบเบียร์ในอีกไม่ช้า

 ^___________^




 

Create Date : 08 กันยายน 2558
1 comments
Last Update : 8 กันยายน 2558 9:42:55 น.
Counter : 894 Pageviews.

 

ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 25 สิงหาคม 2560 18:23:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


isaiahland
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add isaiahland's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.