บทที่ 12
มาร์คถ้าเราแต่งงานกันแล้ว จะมีลูกกี่คนดีคะผู้หญิงใบหน้าสวยหวาน ผิวขาวจัด เอ่ยถามขึ้นอย่างมีความสุข แววตาเจิดจรัสใบหน้าอิ่มเอิบ สักโหลดีมั้ย เขาแกล้งแหย่ บ้าน่ะสิ ผมไหวนะ เขาแหย่ต่อพลางส่งสายตาขี้เล่น คุณไหวแต่เอมี่ไม่ไหวนี่ เธอทำเสียงกระเง้ากระงอดแล้วสองหนุ่มสาวก็หัวร่อต่อกระซิกกันอย่างมีความสุขขณะนอนเล่นกันอยู่บนเตียงกว้าง มรุตเดินเข้าไปสวมกอดคนรักขณะเธอกำลังยืนอยู่ตรงระเบียงของคอนโดมิเนียมหรู มองแสงสียามค่ำคืนอันสวยงามในกรุงเทพฯ มาร์คคะเอมี่ตื่นเต้นจัง ตื่นเต้นเรื่องอะไรครับผม คนพูดแนบริมฝีปากกับขมับของผู้หญิงในอ้อมกอดอย่างรักใคร่ ก็เรื่องแต่งงานไงคะอีกเดือนหนึ่งเราก็จะแต่งงานกันแล้ว ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน คุณเนี่ยนะตื่นเต้นดูไม่เห็นออกเลย ใครบอกผมตื่นเต้นยิ่งกว่าเอมี่อีก หน้าตาใส่อารมณ์เกินเหตุจนอีกฝ่ายกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่ จริงเหรอ ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ แล้วทั้งสองก็หลุดหัวเราะพร้อมกัน โฮ่งๆๆ เจ้าซันนี่ สุนัขพันธุ์ โกลเด้น รีทรีพเวอร์ สีน้ำตาลแกมทองเดินเข้ามานั่งอยู่ข้างๆ คนทั้งสองที่กำลังยืนกอดกันกลมดิกส่งเสียงเห่าราวกับต้องการร่วมประสานเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขด้วยกัน ว่าไงซันนี่ มาเห่าเนี่ย รู้เหรอว่าเขาคุยอะไรกันเขาหันไปพูดกับเจ้าซันนี่ สุนัขแสนรักที่ทั้งสองพารอนแรมกลับมาจากอังกฤษก่อนยิ้มสดใสกับคนรักในอ้อมแขนอีกครั้ง เอมี่เอมี่ ตื่นสิเขาเขย่าไหล่ร่างโชกเลือดที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวในห้องฉุกเฉินแต่ร่างนั้นแน่นิ่งสนิท มาร์คขอโทษจริงๆ เราพยามสุดความสามารถแล้ว เรายื้อชีวิตเธอไม่ได้จริงๆ เสียงปลอบใจจากบุรุษในชุดขาว สวมแว่นท่าทางสุภาพมองเพื่อนผู้กำลังสูญเสียคนรัก เข้าใจความรู้สึกอีกฝ่ายดี มาร์ค หมอหนุ่มเรียกเพื่อน แต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะรับรู้ยังคงเขย่าไหล่ร่างแน่นิ่งไม่หยุดอย่างบ้าคลั่ง เอมี่เอมี่ แววตาคมกล้าร้าวรานสุดจะประมาณได้ คือ...เธอตั้งครรภ์อ่อนๆได้...สองอาทิตย์ หมอหนุ่มเอ่ยขึ้น มรุตอึ้งกับสิ่งที่ได้ยินแทบไม่อาจควบคุมสติได้ พร่ำเรียกหญิงคนรักราวกับคนเสียสติ มาร์ค นายต้องมีสตินะ หมอหนุ่มพูดปลอบและพยายามหยุดอีกฝ่ายแต่ก็ไม่อาจสู้แรงแห่งความบ้าคลั่งนั้นได้ผู้ช่วยสองคนจึงต้องเข้ามาช่วยดึงตัวมรุตเอาไว้ ก่อนบุรุษพยาบาลจะเข็นร่างไร้วิญญาณออกไป เอมี่มมม เขาร้องตะโกนก้อง ขณะบุรุษพยาบาลสองคนต้องช่วยดึงเอาไว้เพราะมรุตวิ่งตามออกมานอกห้องจะวิ่งตามไป บุรุษทั้งสองนายรอจนเขาเริ่มควบคุมสติได้จึงค่อยๆ ปล่อยมือ แล้วร่างสูงใหญ่ ก็ทรุดลงกับพื้นตรงนั้น แผ่นหลังพิงกำแพงซบหน้าลงกับสองมือของตัวเอง หัวใจบอบช้ำ ร้าวรานอย่างที่สุด เพล้ง! เสียงของตกแตกดังแว่วมาจากในบ้าน หญิงสาวสะดุ้ง มองไปยังไข่ตุ๋นทันทีเห็นหนูน้อยยังหลับสนิท มองนาฬิกา เที่ยงคืนกว่าแล้ว เกิดอะไรขึ้นกัน คิดจะเข้าไปดู แต่ก็สองจิตสองใจ ไม่อยากเข้าไปในบ้านตอนดึกๆกลัวจะเจอเหตุการณ์แบบคืนนั้นอีก หากสุดท้ายก็ทำใจไม่ได้ ปุณฑริกค่อยๆ แง้มประตูมองลอดเข้าไปในห้องรับแขกเป็นอันดับแรก เห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่ หล่อนถอนหายใจเบาๆเมื่อเห็นเขาหลับฟุบอยู่บนโซฟาในสภาพเดิม ยังอยู่ในชุดเมื่อตอนกลางวันเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงผ้ายืดสีเทาตัวหลวม ใจหายวาบ เมื่อเหลือบไปเห็นเศษแก้วแตกกระจายอยู่บนพื้นไม่ไกลจากโซฟาเบดเดาเอาว่าคงเป็นขวดไวน์ เพราะเห็นของเหลวสีแดงเข้มไหลเจิ่งนองกับซากปากขวดไวน์ เขาคงเมาจนเผลอปัดถูกขวดไวน์กระมัง หล่อนตัดสินใจเข้าไปเก็บเศษแก้วก่อนไม่เช่นนั้นหากเขาตื่นขึ้นมาอาจเหยียบถูกจนบาดเท้าได้ ทีนี้คงได้เจ็บสองเด้งแน่ทั้งเท้าแพลงและแก้วบาดอีก ปุณฑริกตรงเข้าไปเก็บเศษแก้วทำความสะอาดจนแน่ใจว่า ไม่มีเศษแก้วหลงเหลืออีก อากาศในห้องไม่เย็นฉ่ำเหมือนทุกคืนสงสัยเขาคงปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น เลยคิดว่าคงไม่ต้องไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้อีก...ในห้องไม่ได้เย็นมากคงไม่เป็นไรหรอก...เหลือบมองเท้าข้างที่แพลงของเขา ด้วยความเป็นห่วงไม่แน่ใจว่าดีขึ้นหรือยัง แต่เมื่อตอนเย็นเห็นบวมพอสมควร เสียงละเมองึมงำฟังไม่เป็นศัพท์ดังมาจากคนนอนเมาหลับอยู่บนโซฟาเลยหันไปมอง เห็นคิ้วเข้มขมวดเป็นปม ท่าทางดูกระสับกระส่าย คล้าย...คนกำลังฝันร้ายใบหน้าแข็งกร้าวอยู่เสมอในยามตื่น บัดนี้ดูร้อนรนกระวนกระวาย ปุณฑริกอยากเดินกลับออกไปเพื่อเข้านอน แต่ไม่รู้ทำไมสองขาจึงตรึงแน่นอยู่ตรงนั้น อาจเป็นเพราะคนห่ามๆพูดจาห้วนๆ หน้าตายโส กำลังอยู่ในสภาพที่ดู...น่าสงสารอย่างบอกไม่ถูก จนความรู้สึกลึกๆ ภายในใจสั่นไหวแต่แล้วก็นึกสมเพชตัวเองอยู่ในใจ คนอย่างหล่อนจะมีหน้าไปสงสารใครได้ ด้วยเหตุนี้จึงหันหลังกลับ อย่าทิ้งผมไปนะอย่า...ผมขอร้อง เสียงงึมงำดังขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้หล่อนได้ยินชัดเจนทุกคำตกใจและไม่แน่ใจว่าเขาเรียกหล่อนหรือแค่ละเมอ ค่อยๆ หันไปช้าๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะดวงตาคมกล้ายังหลับสนิทเหมือนเดิม ผมขอโทษ น้ำเสียงนั้นขาดเป็นห้วงแสดงถึงความปวดร้าวและอ้างว้างจนรู้สึกได้ หล่อนเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่รู้ตัวคุกเข่าลงข้างๆ ร่างที่นอนอยู่บนโซฟา สังเกตเห็นเหงื่อหยดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผม...จะเป็นไข้หรือเปล่านะ...หล่อนคิดอย่างเป็นห่วงลองอังหลังมือกับหน้าผากชื้นเหงื่อ รู้สึกอุ่นๆ แต่ไม่มาก คงไม่น่าจะเป็นไข้ เสียงงึมงำฟังไม่ได้ศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งเขาขยับมือข้างหนึ่ง คล้ายกำลังไขว่คว้าบางสิ่งหล่อนไม่รู้ว่าอะไรดลใจถึงได้ยื่นมือไปหามือที่ยื่นขึ้นมานั่นและแล้วมือแข็งแกร่งก็กำมือเล็กๆ ของหล่อนแน่น แน่นมากจนแทบประสานเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วก็ดึงมือเล็กๆไปแนบชิดอกด้านซ้ายของเขา...อีกครั้ง หล่อนปล่อยให้เขากำมือไว้โดยไม่ได้ดึงออกมาเหมือนเช่นทุกครั้งเพียงไม่นานท่าทางกระสับกระส่ายร้อนรนก็บรรเทาลง ไม่มีเสียงละเมองึมงำดังขึ้นอีกคิ้วเข้มเริ่มคลายอาการขมวด เจ้าตัวไม่รู้ว่านั่งอยู่ในท่านั้นนานแค่ไหนหรืองีบหลับไปเมื่อไร สะดุ้งตื่นอีกทีตอนตีสาม เห็นเขายังหลับสนิทเหมือนเดิมมือที่กำแน่นคลายลงแล้ว จึงดึงออกมาช้าๆ มองสักพักให้แน่ใจว่าเขายังหลับสนิท ค่อยๆถอยออกมา ก่อนหันเดินตรงไปประตูหยุดครู่หนึ่งเพื่อเหลียวหันกลับมามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หลังเสร็จจากอาหารเช้าชายหนุ่มก็เตรียมออกจากบ้านไปทำงาน เท้าข้างที่แพลงดีขึ้นมาก แต่ยังไม่หายสนิทยังต้องเดินขากะเผลกข้างหนึ่งไปขึ้นรถ โดยเจ้าตัวเล็กกับสุนัข ซึ่งต่างก็ขากะเผลกทั้งคู่เดินตามมาเพื่อปฏิบัติภารกิจประจำวัน นั่นคือ...มาส่งเขา! มรุตหันไปมองสองไข่หน้าหงิกเพราะสภาพของทั้งสามตอนนี้ชวนให้น่าขันเป็นที่สุดเพราะต่างมีสภาพร่างกายไม่สมบูรณ์เหมือนกัน แล้วจู่ๆก็หมั่นไส้เด็กน้อยขึ้นมาตงิดๆ...ขาเดี้ยงแต่ยังเดินตามมาอยู่ได้ จะหยุดพักสักวันไม่ได้หรือไง...แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสท่าทางไม่ย่อท้อ แววตามุ่งมั่นของเด็กตรงหน้า ก็รู้ในทันทีว่าไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออก ฟ้าจะร้อง โลกจะถล่มทลายเด็กคนนี้คงไม่ละความพยายามในการมาส่งเขาไปทำงานง่ายๆ ไข่ตุ๋น ไปกินข้าวก่อนเร็ว หญิงสาวร้องเรียกลูกชายและเดินตาม เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ขำจนกลั้นไม่อยู่หลุดหัวเราะคิกทันที ฉับพลันเจ้าของดวงตาคมกล้าก็หันกลับมาจ้องอย่างหัวเสียนิดๆก่อนพูดขึ้น ขำอะไรนักหนา หล่อนหยุดหัวเราะทันทีเช่นกันก้มหน้าจ๋อย และเรียกลูกชายด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมในทันใด ไข่ตุ๋นไปเร็ว แล้วก็เดินหันกลับเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่หันหลังกลีบปากอิ่มของสาวน้อยก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างอดขำภาพเมื่อสักครู่ไม่ได้อีกครั้ง เสียงรถแล่นออกไปแล้วไข่ตุ๋นกับไข่ต้มก็เดินกระย่องกระแย่งกลับมาพร้อมกันหล่อนมองทั้งสองอย่างละเหี่ยใจ ปกติลูกชายจะว่านอนสอนง่ายแต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนตัวโตนั้น ไม่ว่าจะเพียรห้ามปรามยังไงก็ดูไข่ตุ๋นจะไม่เชื่อฟังหล่อนเอาเสียเลย ใช่ผมอยากให้คุณเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ผมคิดว่ามันดูไม่เข้ากัน มรุตในชุดสูทสีเข้มเนี้ยบเรียบกริบมือหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือแนบหู ขณะอีกมือกดล็อกรีโมตรถยนต์ เตรียมจะเดินเข้าบ้าน ผมคิดว่าทันนะถ้าคุณจะเร่งมือสักหน่อย เขายังคุยโทรศัพท์ไปเดินไป เสียงขู่ฮึ่มๆ ของสุนัขดังขึ้น เขาหันมองตามเสียงทันทีหน้านิ่ว เมื่อสุนัขสีดำตัวหนึ่งกำลังแยกเขี้ยวขู่เจ้าไข่ต้มสุนัขแสนรู้สีขาวมีท่าทางหงอเดินถอยจนชิดต้นไม้ด้านหลัง ส่วนเจ้าตัวสีดำก็อันธพาลยืนกร่าง ขวางลำจนไข่ต้มเดินไปไหนไม่ได้ เขามองไปรอบๆไม่เห็นใครสักคน แค่นี้ก่อนนะ ผมมีธุระด่วน ไว้ค่อยคุยกัน คนพูดตัดสินใจวางสายฉับพลัน ทั้งที่ยังคุยธุระไม่เสร็จ โดยหารู้ไม่ว่าคนปลายสายหน้าเหลอด้วยความประหลาดใจที่โดนเขาตัดบทอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนี้พลางบ่นงึมงำกับตัวเอง สงสัยจะมีธุระด่วนจี๋จริงๆ ส่วนมรุตมองไปมองมาไม่เห็นใครเลยสุนัขของเด็กน้อยก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน สุนัขสีดำโผล่มาจากไหนกัน...ปกติแถวนี้จะไม่ค่อยมีคนหรือสิ่งมีชีวิตแปลกหน้าผ่านเข้ามาคงเผลอหลงเข้ามา...แล้วก็มาทำตัวนักเลงล่ะสิ...เขาคิด พร้อมกับเหลียวมองซ้ายทีขวาทีแม่บ้านเขาหายไปไหนกัน สุนัขตัวเองโดนรังแกยังไม่รู้เรื่องอีกกำลังตัดสินใจว่าจะเดินเข้าไปบอกดีไหม เสียงขู่ฮึ่มๆจากเจ้าตัวสีดำก็ดังมาอีกระลอก เจ้าตัวสีขาวก็ถอยหลังอีกทั้งที่ไม่มีที่จะให้ถอยแล้วท่าทางกลัวหงอ เป็นสุนัขจนตรอกเต็มพิกัด ไม่มีท่าทางจะฮึดสู้ขึ้นมาเลย วินาทีนั้นตัดสินใจหยิบท่อนไม้เล็กๆบนพื้นทรายขึ้นมาท่อนหนึ่ง เดินเข้าไปหาสุนัขสองตัว แล้วก็โยนท่อนไม้ใส่ตัวสีดำ ไปเลยไอ้นักเลง เห็นเขาหงอ ก็ขู่ใหญ่เลยนะ เขาขึ้นเสียงกับสุนัขหลงถิ่นมันตกใจวิ่งหนีไปในทันที ไข่ต้ม แกก็เหมือนกันถิ่นตัวเองแท้ๆ ดันกลัวหงอซะนี่ มรุตหันมาเอ็ดเจ้าไข่ต้มมันก็เหมือนรู้ตัว เดินคอตก ท่าจ๋อง กลับไปนอนใต้ต้นไม้ที่ประจำเหลือบมองเจ้าของบ้านเป็นระยะ ราวกับกลัวจะโดนดุอีกรอบ สุนัขอันธพาล หันกลับมามอง ยังไม่ยอมไปเสียทีเดียวเหมือนจะดูลาดเลา หาทางรังแกเจ้าไข่ต้มอีก ยังไม่ไปอีก เขาไล่สำทับอีกรอบ เห็นเขาอ่อนแอ ได้ใจรังแกใหญ่เลยนะ ในที่สุดสุนัขสีดำยอมตัดใจหันหลังเดินไป มรุตถอนหายใจเสียงดัง ส่ายหน้า พอหันกลับเห็นสองแม่ลูกจูงมือกัน ยืนมองมาที่เขาเป็นตาเดียวทั้งสองมีสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด จึงรู้สึกเก้อเขินอย่างมากแกล้งทำเป็นวางมาดขึงขังกว่าปกติ เดินอาดๆ ผ่านสองแม่ลูก หยุดชะงัก มองปุณฑริกทำหน้าเคร่งขรึมก่อนเอยขึ้นว่า มองอะไร ไม่เคยเห็นคนไล่หมาหรือไง แล้วก็เดินดุ่มๆ กลับเข้าบ้านไป หล่อนมองเขางงๆ ก่อนก้มมองตาใสๆของไข่ตุ๋นที่งงงันไม่ต่างกัน แม่เป๋อคับ จ๊ะ เมื่อกี้คุณลุงทำอะไรคับ หนูน้อยเงยหน้าขึ้นมองแม่ขณะถาม ก็คุณลุงบอกว่าไล่หมาไงจ๊ะหล่อนตอบ ยังคงงุนงงไม่หายกับภาพเมื่อสักครู่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงท่าทีสนใจไยดีเจ้าไข่ต้มเลย มีแต่ทำท่ารำคาญ ยิ่งได้ยินเสียงเห่าเมื่อไร คิ้วเข้มก็ขมวดมุ่นเสียทุกครั้งแต่เมื่อกี้เห็นกับตาว่าเขาช่วยไล่สุนัขที่มารังแกเจ้าไข่ต้ม สองแม่ลูกสบตากันอีกครั้ง ก่อนหันหลังจูงมือกันเข้าบ้าน และต่างก็ขมวดคิ้วพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
^________^
Create Date : 16 กันยายน 2558 |
|
2 comments |
Last Update : 16 กันยายน 2558 12:31:53 น. |
Counter : 763 Pageviews. |
|
|
|