บทที่ 5
มรุตวิ่งเหยาะๆไปตามชายหาด หงุดหงิดจนแทบเก็บอารมณ์ไม่อยู่ สักพักก็หยุดวิ่งสองมือเท้าสะโพก สูดหายใจลึกหลายครั้งอย่างพยายามระงับอารมณ์เต็มที่หันหน้ากลับมามอง แววตาไม่สบอารมณ์อย่างแรง เด็กน้อยวัยสี่ขวบ กับเจ้าสุนัขชะงักกึกตั้งแต่ชายหนุ่มหยุดวิ่ง และทำหน้าจ๋อยเมื่อเขาหันมามองตาดุทำท่าเหมือนกลัวเสียเต็มประดา แต่เขารู้ดีว่าทั้งเด็กและหมาคู่นี้ไม่ได้กลัวเลยเพราะพอเขาหันกลับไปวิ่งใหม่เนื่องจากคิดว่าทั้งคู่คงหยุดวิ่งตามแล้ว แต่มันไม่ใช่ทั้งสองยังคงวิ่งตามเขาต่อไปทันทีโดยไม่มีการลังเลสักนิดด้วยซ้ำ...เมื่อฟังจากเสียงฝีเท้าด้านหลัง มันเป็นอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาสามสี่รอบแล้ว เริ่มจากเขาหยุดชะงักหันไปมองอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งคู่จะชะงักกึกทำหน้าสำนึกผิด แต่พอเขาหันกลับไปวิ่ง ทั้งคู่ก็วิ่งตามทันที ซ้ำร้ายกว่านั้นคือมันเป็นแบบนี้มาหนึ่งอาทิตย์แล้ว! อารมณ์มรุตจวนเจียนระเบิดเต็มทน คิดว่าคิดผิดที่ไปอนุญาตให้แม่สาวน้อยนั่นพาเจ้าสองตัวแสบมาพักที่นี่ได้ทั้งที่แม่บ้านของเขาไม่อาจควบคุมพฤติกรรมของเด็กกับสุนัขคู่นี้ได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว เขาเห็นหล่อนเอ็ดลูกชายกับสุนัขทุกครั้งหลังจากทั้งสองหายตัวไปเพราะวิ่งเหยาะๆตามเขาไป สองแสบจะทำท่าสำนึกผิดและหน้าเจื่อน เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่พอเช้าวันใหม่ทั้งคู่ก็จะแอบวิ่งตามมาอีก ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งทุกครั้งหลังไปวิ่งออกกำลังกายเมื่อเดินเข้าบ้าน ก็จะเห็นสาวใช้หน้าใสทำหน้าสลดแล้วก็จะรีบวิ่งไปสั่งสอนสองตัวแสบนั่น ไข่ตุ๋นแม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งตามคุณลุงอีก ทำไมไม่เชื่อแม่เลยหนูทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ไข่ต้ม แกก็เหมือนกัน แม่เป๋อคับหนูดูในโทรทัศน์เขาบอกว่าการออกกำลังกายเป็นฉิ่งที่ดีจริงมั้ยคับ เด็กน้อยถามขึ้น ใช่จ้ะ หล่อนมีสีหน้าสงสัยขณะตอบ แล้วทำไมหนูไปวิ่งออกกำลังกายเหมือนคุณลุงไม่ได้ล่ะคับ ดวงตากลมใสบ่งบอกความกังขา ออกกำลังกายมันก็ได้อยู่หรอกแต่หนูก็วิ่งเล่นกับไข่ต้มก็ได้นี่ ไม่ใช่ไปวิ่งตามคุณลุงเขาแบบนั้นทุกวัน แต่หนูชอบวิ่งกับคุณลุงนี่คับ หนูน้อยยืนกรานอย่างหนักแน่น ฝ่ายแม่จนปัญญาปกติไข่ตุ๋นจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายแต่ครั้งนี้ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงดื้อรั้นแบบนี้ มรุตฟังหล่อนเถียงกับลูกเรื่องนี้ทุกวันแล้วก็ลงเอยด้วยการหล่อนเถียงแพ้เด็กชายตัวเล็กปากตะไกรนั่น มิหนำซ้ำเจ้าเด็กแสบกับสุนัขนั่นก็ต้องยืนส่งเขาขึ้นรถไปทำงานได้ทุกวี่ทุกวัน เด็กน้อยจะใส่ชุดนักเรียนเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน ยืนยิ้มกว้าง โบกมือให้โดยมีสุนัขนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ...สองแสบจะทำงานกันเป็นทีม! ชายหนุ่มแทบจะเหลืออดเหลือทนความสงบในชีวิตอันตรธานไปเพราะคนพวกนี้ จนคิดอยากจะระเห็จสองคน กับหนึ่งสุนัขออกไปแต่ก็ไม่ทราบว่าอะไรหยุดเขาไว้เสียทุกครั้ง พี่เป๋ออยู่มั้ยคะ เด็กสาวตรงหน้าถาม ขณะเห็นมรุตเดินออกมาจากบ้านเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน เขามองเด็กสาวอยู่ครู่หนึ่งหน้าตาบูดบึ้งราวกับไปกินรังแตนมาสักสิบรัง จากนั้นก็พยักหน้าไปทางตัวบ้านเพื่อสื่อว่าคนที่เจ้าหล่อนถามหาอยู่ข้างใน และเร่งรีบเดินไปยังรถสปอร์ตคันงาม เพียงครู่เดียวไข่ตุ๋นกับไข่ต้มก็วิ่งอ้อมออกมาจากทางหลังบ้านด้วยความรวดเร็ว คล้ายจะรีบไปทำงานด่วนอะไรสักอย่างโดยวิ่งไปทางเดียวกับคนหน้าบูดบึ้ง ขนาดท่าเดินยังเท่เลย...ลิ้นจี่คิดในใจมองตามคนรูปหล่อ ตาไม่กะพริบ นัยน์ตาเคลิ้มฝันสองมือประสานอยู่ข้างแก้ม...คนอะไรหน้าบึ้งก็ล้อหล่อ บ๊าย บาย คับ โฮ่งๆๆ เสียงสองไข่ดังแว่วมาตามมาด้วยเสียงสตาร์ตรถกับเสียงออกรถดังเอี๊ยดๆฟ้องว่าผู้ขับรถคงอารมณ์ไม่ดีนักหรือไม่ก็ลีลาการขับรถคงไม่เบา แล้วอีกครู่หนึ่งปุณฑริกก็วิ่งตามออกมาจากหลังบ้านอีกคนและตะโกนเรียกไข่ตุ๋น ไข่ต้ม กลับมานี่เลยนะหล่อนหยุดชะงักเมื่อเห็นเด็กสาวยืนอยู่หน้าบ้านมองขวาที ซ้ายที หน้าตางุนงง อ้าวลิ้นจี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่เมื่อกี้เห็นคุณรูปหล่อเดินหน้าหงิกออกไปเลยส่วนไข่ตุ๋นกับไข่ต้มก็วิ่งตามกันวุ่นวาย แล้วพี่เป๋อก็วิ่งตามออกมาอีกคนดูมันโกลาหลดีนะพี่ หล่อนยิ้มเจื่อนไม่ได้ตอบเด็กสาวว่าเกิดอะไรขึ้น ลิ้นจี่มาหาพี่มีอะไรเหรอจ๊ะ อ๋อ หนูเอาจักรยานมาคืนให้เห็นพี่ไม่ว่างไปเอาเลยขี่มาให้แทน จอดไว้อยู่ใต้ต้นไม้นั่นไง เผื่อพี่จะขี่ไปตลาดหรือขี่ส่งไข่ตุ๋นไปโรงเรียน เด็กสาววัยสิบหกพูดเจื้อยแจ้วใบหน้ากลมแป้นเปื้อนรอยยิ้มวันนี้หล่อนใส่เสื้อสีชมพูสดตัดกับผิวสีน้ำตาลเข้มหรือที่เจ้าตัวมักบอกว่าตัวเองผิวสีน้ำผึ้ง ขอบใจจ้ะพี่กำลังอยากใช้พอดี แต่ไม่มีเวลาไปเอาจริงๆ สักพักไข่ตุ๋นในชุดนักเรียนกับไข่ต้มก็วิ่งกลับมาพร้อมกันท่าทางสนุกสนานทั้งคู่ หญิงสาวค้อนสองแสบไปหนึ่งตลบโดยทั้งสองหาได้รู้สึกรู้สาสักนิด หวัดดีคับ พี่ลิ้นจี่ เด็กน้อยทักทายอย่างอารมณ์ดีหลังจากปฏิบัติภารกิจสำคัญเสร็จเรียบร้อยแล้ว สวัสดีจ้ะ ไข่ตุ๋น เด็กสาวทักทายกลับพร้อมลูบหัวสุนัขที่คลอเคลียอยู่ข้างๆ อย่างเอ็นดู ไปเล่นอะไรมาจ๊ะ ดูน่าสนุกดีนะ ไปฉ่งคุณลุงมาคับ ไข่ตุ๋นตอบอย่างภาคภูมิใจ และไข่ต้มก็เห่าเสริมขึ้น อุ๊ยคุณลุงรูปหล่อเมื่อกี้นะเหรอ น่าสนุกจริงๆ ด้วย คราวหน้าพี่ไปส่งด้วยสิ ลิ้นจี่สนุกไปกับเด็กๆ ด้วย แต่พอสังเกตสีหน้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆก็เลยถามขึ้น พี่เป๋อทำหน้าเหมือนมีอะไรติดคอเลยมีอะไรหรือเปล่า ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากจะกินยำสองไข่เท่านั้นเอง หล่อนตอบประชดสองไข่ทั้งที่รู้ว่าทั้งเด็กกับสุนัขต่างไม่เข้าใจ ลิ้นจี่หัวเราะขำ เอ่อที่นี่มีอะไรน่าสนุกดีแฮะพูดเสร็จก็หันไปมองไข่ตุ๋นกับไข่ต้ม ขยิบตาให้หนูน้อยซึ่งก็เออออห่อหมกด้วยการยกมือป้อมๆ สองข้างขึ้นป้องปาก ทำเป็นพูดกระซิบกระซาบ ที่นี่ฉะหนุกจริงๆ คับคุณลุงก็ใจดีด้วย หล่อนหันไปมองไข่ตุ๋นอย่างสงสัยไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กน้อยชอบผู้ชายคนนั้นนักนะ บอกว่าเขาใจดีทั้งที่ดุแสนดุขนาดนั้น หน้าก็บูดบึ้งออกปานนี้ แล้วก็หล่อด้วย ลิ้นจี่พูดสำทับ พอกันได้แล้ว ไปไข่ตุ๋นไปโรงเรียนได้แล้วจ้ะ ลิ้นจี่พี่ไปส่งไข่ตุ๋นก่อนนะ ไปเถอะพี่เป๋อหนูก็จะไปแล้วเหมือนกัน ต้องรีบไปรีดผ้า แล้วค่อยแต่งตัวไปโรงเรียนหนูเรียนภาคบ่ายน่ะ บ๊ายบายทุกคน เด็กสาวโบกมือร่ำลาและหันหลังเดินไป ร่างอวบในชุดเสื้อยืดรัดติ้วเล็กน้อย กับกางเกงขาสั้นยิ่งเน้นย้ำความอวบอัด ที่เจ้าตัวมักบ่นให้ฟังอยู่เสมอเคยถามหล่อนว่าทำอย่างไรถึงผอม แล้วก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร แต่ที่แน่ๆคือเห็นคนบ่นก็กินแบบไม่บันยะบันยังเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด ลิ้นจี่เป็นเพื่อนสนิทของหล่อนเพียงคนเดียว เด็กสาวเป็นคนอารมณ์ดี มีน้ำใจคอยช่วยดูแลไข่ตุ๋นกับไข่ต้มให้บ่อยครั้ง บ้านของลิ้นจี่ถือเป็นครอบครัวชนชั้นล่างแต่ก็นับว่ายังดีว่าปุณฑริก เพราะอย่างน้อยก็ยังมีพ่อแม่ช่วยกันขายส้มตำพอมีรายได้ส่งเสียลูกสาวกับลูกชายได้ร่ำเรียนหนังสือ หล่อนขี่จักรยานซอมซ่อไปส่งไข่ตุ๋นที่โรงเรียนให้หนูน้อยนั่งซ้อนท้าย และผูกไข่ต้มไว้กับต้นไม้หลังบ้านหลายวันมานี้หล่อนเดินไปส่งหนูน้อยไปโรงเรียน แม้ไม่ไกลนัก แต่ก็กินเวลา การใช้จักรยานย่นเวลาไปได้เยอะทีเดียว ระหว่างขี่จักรยานช่วงก่อนถึงปั๊มน้ำมัน ก็เห็นรถสปอร์ตของชายหนุ่มขับเลี้ยวออกมาคาดว่าเขาคงแวะเติมน้ำมัน หล่อนไม่แน่ใจว่าเขาเห็นหรือไม่ เนื่องจากรถติดฟิล์มทึบแต่คาดว่าคงไม่ทันสังเกตเห็น เพราะเขาขับรถเลี้ยวออกไปอย่างรวดเร็ว จริงๆก็โล่งใจที่เขาไม่เห็น แค่นึกถึงสายตาคมกล้า หน้าตาบูดบึ้ง ท่าทางหยิ่งยโสก็ใจฝ่อทุกที หลายครั้งเคยนึกอยากถามว่าทำไมเขาทำท่าเหมือนเกลียดคนทุกคนบนโลกนี้ สังเกตเห็นว่าทุกคืนเขาต้องดื่มเบียร์หมดไปหลายกระป๋องหรือไม่ก็ดื่มไวน์เป็นขวดแล้วถึงหลับฟุบอยู่บนโซฟาตัวนั้นทุกครั้ง เขาดื่มหนักจนกลัวแทนอยากบอกว่าไม่ควรดื่มมากขนาดนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ไม่กล้าพูด กลัวจะโดนไล่ตะเพิดตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยค เขาดูแปลกคนนักในความรู้สึกหล่อน แววตาคมกล้าแข็งกร้าวดุดันเป็นนิจนั้นจะซ่อนอะไรไว้หรือไม่ หล่อนไม่รู้ แต่บางครั้งเคยเห็นความเศร้าสร้อยอ้างว้างหลุดรอดออกมายามเจ้าของดวงตาเผลอตัวซึ่งน้อยครั้งมาก แม้บางครั้งอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายตัวโตคนนี้ ความห่ามความดิบและเถื่อน คือเกราะป้องกันอะไรบางอย่างหรือไม่ทว่าหล่อนกับเขาอยู่คนละโลกกัน จะเรียกว่าอยู่กันคนละจักรวาลเลยก็ได้แค่จะเอ่ยปากถามอย่างห่วงใยในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็ยังไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ
^_________________^
Create Date : 07 กันยายน 2558 |
Last Update : 7 กันยายน 2558 10:06:36 น. |
|
3 comments
|
Counter : 514 Pageviews. |
|
|