space
space
space
 
มิถุนายน 2559
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
space
space
13 มิถุนายน 2559
space
space
space

A Slave's Master. (ไลท์โนเวล) บทที่ 6 เผยผลลัพธ์



ผมล้มลงไปกองกับพื้น ตัวไปทาง ดาบไปทาง

อื่ม สถานการณ์ดูย่ำแย่สิ้นดี

ทั้งที่คิดว่าป่านี้น่าจะมีตัวช่วยที่เจ๊อัลเตรียมไว้ แต่เธอคงจะลืมกระซิบบอกผม ไม่อย่างนั้น ผมก็คงนึกไม่ถึงเอง เพราะนอกจากต้นไม้ใบหญ้าและพืชพรรณสีเขียว ผมยังไม่เจอสิ่งน่าจะเอาไว้ใช้ล้มเจ้านักดาบมือไวคนนี้เลย ให้ตาย แค่หลบไม่ให้โดนเฉือนจุดสำคัญก็แทบตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการโต้กลับเลย

และอย่างที่บอก ตอนนี้คนไปทาง ดาบไปทาง ดาบของหมอนั่นก็ได้จ่อที่คอผมเรียบร้อยแล้ว

ถ้าท่องคาถาย้อนกลับตอนนี้ ผมจะได้กลับร่างตัวเองหรือกลับบ้านเก่ากันนะ แต่ดูยังไงๆ เจ้าหมอนี่ก็พร้อมจะเจี๋ยนผมทิ้งเต็มที่ งานนี้บ้านเก่าและห้องคอมผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ เลยขอรับ

“เจ้าดูถูกข้ารึ?”

เอ๋า!

“แสร้งยอมแพ้แก่ข้า หมิ่นเกียรติของข้าไม่พอเจ้า ยังหมิ่นเกียรติตนเองอีก! หยิบดาบขึ้นมา! ถ้าคราวนี้เจ้ายังเสแสร้งแกล้งออมมือ ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีมือให้ออมอีกต่อไป!”

เอิ้ว!

“ใจเย็นก่อนดิ” ผมประท้วง “คือข้าความจำเสื่อมโอเค? ขนาดชื่อยังต้องให้คนอื่นบอกเลย คิดว่าข้าจะจำเพลงดาบได้ว่างั้น? ถ้าข้าจำเจ้าได้จริงๆ คงไม่เดินไปทักให้โง่หรอก”

เขากัดฟันกรอด “ข้ารู้ว่าเจ้าความจำเสื่อม แต่ไม่นึกว่าสิ่งที่ควรจะฝังรากลึกในจิตวิญญาณกลับถูกผลาญไปพร้อมกัน คนอย่างเจ้านี่มัน!"

คร้าบๆ คนอย่างผมมันก็งี้แหละครับ ถ้าซัมมอนนักดาบสาวสวยซึนออกมาสู้ได้ ผมทำไปแล้วคร้าบ พอใจยัง

ทั้งที่คิดว่าคงตายเป็นแน่แท้ แต่เจ้าคนอารมณ์ร้อนกลับยอมเก็บดาบเอาง่ายๆ “ในเมื่อผลลงเอยเช่นนี้ ข้าคงต้องยอมตระบัดสัตย์ แม้นเกียรติยศของข้าจะด่างพร้อยเพียงใดก็ตาม”

ผมพูดอย่างไม่รู้จะทำยังไง “ไม่เคยผิดคำพูดบ้างเรอะ?”

เขาจ้องข้า ดวงตาลุกโพลง “ไม่เคย!”

อื้อหือ ในทางกลับกัน หมอนี่น่านับถือในหลายๆ ความหมายแฮะ

“งั้นก็คิดอย่างนี้สิ ข้าไม่ใช่อาเธอร์ ถ้าเป็นอาเธอร์ก็ต้องจำเจ้าได้ ถ้าเป็นอาเธอร์ก็ต้องใช้เพลงดาบเป็น แต่ข้าไม่ใช่อาเธอร์ เหมือนคนตายแล้วเกิดใหม่ เจ้าจะนับชีวิตใหม่เป็นคนเดิมไม่ได้หรอกนะ ไม่งั้น ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานแล้ว แต่เกิดใหม่ แล้วไปแต่งงานกับคนอื่น สามีในชาติก่อนจะตามมาบอกว่านางคบชู้ได้น่ะสิ แต่นางไม่ได้คบชู้ นางเกิดใหม่ จำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าเองก็จำเจ้าไม่ได้ เจ้าจะนับข้าเป็นอาเธอร์ไม่ได้หรอกนะ”

เขาทำหน้ายุ่งยาก “เจ้ามันชอบพูดจาวกวน เป็นติดตัวมาตั้งแต่ก่อนความจำเสื่อม”

ผมหัวเราะแหะๆ

“แต่อาเธอร์คนเดิมพูดจาดูมีหลักการกว่านี้ สงสัยว่าความชาญฉลาดบางส่วนคงถูกลืมไปด้วย น่าสงสารเจ้าแล้วจริงๆ”

เอ้า! ไอ้เด็กนี่นิ!

“แล้วจะทำไงต่อ? กลับบ้าน? บอกท่านแม่ว่าเราเลิกประลองกัน ให้นางหาขนมหวานให้เจ้ากิน โบกมือบ๊ายบาย เอางั้นไหม?”

คุ้นๆ ว่าตอนเด็กๆ สมัยที่ผมเล่นกับเพื่อนเสร็จก็แบบนี้

“นางจะให้ขนมรึ?”

โอ้…! เด็กก็คือเด็กบ้าขนมหวานสินะ

“ไม่ต้องห่วง ถึงนางไม่ให้ ข้าก็เลี้ยงเจ้าได้”

พูดตรงๆ โลกนี้ก็มีเบเกอรี่เหมือนกัน ผมเคยกินเค้กที่อร่อยที่สุดในชีวิตก็จากที่นี่แหละครับ ที่สำคัญ มันฟรี! จริงๆ นะ ผมกินเค้กหมดไปห้า พายอีกสอง ขนมอะไรไม่รู้แต่อร่อยอีกหนึ่ง คนครัวยิ้มแก้มปริเลยครับ บอกว่าตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีเจ้านายคนไหนตั้งอกตั้งใจกินตั้งอกตั้งใจชมฝีมือขนาดนี้มาก่อน ฮู้ว! น่าอิจฉาเจ้าอาเธอร์ เจ้านั่นต้องได้กินของอร่อยแบบนี้เป็นประจำแน่เลย

จะว่าไปแล้ว คิดถึงบ้านแฮะ ข้าวปั้นที่รีเควสไว้ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินเลย คนครัวจะทำข้าวปั้นเป็นไหมนะ แต่ต่อให้เป็นมันก็ต่างกันอยู่ดี

คิดถึงบ้าน…

“แล้วนางรู้หรือยังว่าฝีมือดาบเจ้าหายไป?” เสียงจากเบื้องหน้าสะกิดผมขึ้นมาจากภวังค์

“รู้แน่นอน!”

“แล้วนางยังจะยอมให้เจ้าเข้าป่ามาประลองกับข้าที่นี่? แล้วยังจะเลี้ยงขนมหวานข้า? หรือเจ้าเองยังไม่ได้อยู่อย่างถูกทารุณ?”

เอิ้ว หมอนี่พูดอะไรของเขาเนี่ย

“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าป่านี้มันมีความพิเศษอย่างไร?”

ผมส่ายหน้าไว้ก่อน ไม่แน่ว่าสิ่งที่เจ้าหมอนี่พูดอาจช่วยผมหาตัวช่วยของเจ๊อัลเจอก็ได้

“มันเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายและสิ่งมีพิษ เดินสุ่มสี่สุ่มห้า เจ้ามีสิทธิ์จะปรากฏตัวขึ้นอีกคราที่หน้าบังลังก์เทพแห่งความตาย!”

เฮ้ย!

“นางน่าจะอยากให้การประลองแห่งการตัดสินชีวิตนี้มีอรรถรสมากขึ้นจึงส่งเจ้ากับข้ามาที่นี่ เราอาจไม่ตายด้วยคมดาบของกันและกัน แต่อาจตายจากงูพิษที่ย่องเลื้อยมาฉกขา” คนพูดเงื้อง่าดาบในมือ “แบบนี้!”

เขาฟันฉับลงไปที่ข้างข้อเท้าผม ตอนนั้นเองที่ผมรู้ว่างูสีเขียวตัวนี้จะฝังเขี้ยวลงบนเนื้อผมในอีกไม่กี่เซนติเมตร แม้เท้าของผมจะสวมบูทไว้ แต่ไม่มีอะไรรับประกันว่าเขี้ยวของมันจะไม่แทงทะลุเข้ามา

“นายช่วยชีวิตฉัน!” ผมร้อง “ไม่เอาแล้ว! พาฉันออกไปที! ฉันไม่อยากอยู่ป่าบ้าๆ แบบนี้อีกแล้ว นายก็ไม่ประลอง เราก็ไม่สู้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องเสี่ยงตายกันต่อไม่ใช่เรอะ!

“นายๆ ฉันๆ อะไรของเจ้า” เขาขมวดคิ้ว “เอาล่ะตามมา ข้ามีความคิดดีๆ แล้ว”

ความคิดอะไรฟะ

“จริงอยู่ที่เจ้าไม่ใช่อาเธอร์คนเดิมที่ข้าเคยรู้จัก แต่จิตวิญญาณของเจ้ายังคงเป็นของเจ้า”

เอ่อ ไม่อ่ะ จิตวิญญาณก็คนละดวง

“ฉะนั้น ถ้าข้าสอนวิชาดาบให้เจ้า เจ้าต้องฟื้นความสามารถขึ้นมาในไม่ช้าแน่ ไม่แน่นะ เจ้าอาจจะฟื้นความทรงจำขึ้นมาพร้อมกันเลยก็ได้!”

ผมขมวดคิ้ว ว่าอย่างไม่เห็นด้วย “ไม่มีทางล่ะ” สอนให้ตายก็เหมือนสอนคนนับหนึ่งใหม่ ผมน่ะถูกโรคกับการออกกำลังที่ไหน นอนแบ็บดูอนิเมฯไปวันๆ ล่ะพอได้

“น่าเสียดาย”

หือ

เจ้านั่นชักดาบออกมา “ถ้าเจ้าไม่ทำ ข้าก็จะสังหารเจ้าให้สิ้นใจอยู่ที่นี่แหละ ทำลายเกียรติยศข้าดีนัก!”

“เอิ้ว เดี๋ยวๆๆ เรื่องนี้เราพูดกันได้ ฝึกก็ฝึกฝึกชัวร์ๆ” ผมปาดเหงื่อ มองเจ้าคนใจร้อนเก็บดาบเข้าฝัก ผมเองก็เดินไปหยิบดาบเหมือนกัน มีอะไรจะได้เอามาเป็นโล่ได้มั่ง

เจ้านั่นเห็นผมถือดาบท่าทางเมื่อยๆ ก็อ่อนใจยอมก้มลงผูกดาบเอวผมให้แต่โดยดี

“เจ้าเนี่ยก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ” ผมชมตรงๆขนาดเกาเหลากับเจ้าเด็กอาเธอร์ขนาดนั้น ยังใจดียอมผูกดาบให้เลยนี่นา

หน้าของเจ้านั่นแดงขึ้นมาน้อยๆ ช่างเป็นคนที่ตอบสนองต่อความเขินได้ง่ายจริงๆ

เขาบ่นอุบอิบ “ก็เจ้าไม่ใช่อาเธอร์คนเดิม ท่าทางอ่อนแออย่างกับผู้หญิง ข้าก็ต้องช่วยบ้างเป็นธรรมดา”

“นั่นก็เรียกว่าน้ำใจอยู่ดี เจ้าเนี่ยจริงๆ เป็นคนใจดีใช่ไหม” ผมแหย่ต่อ

“ข้าปรามาสเจ้าว่าประพฤติตนอ่อนแอ ไม่ต่างจากสตรีเพศต่างหาก!” เขาหันมาแหว แต่หน้าแดงขึ้นสองเท่าจนตอนนี้แดงอย่างกับตำลึงสุก เพราะผิวพรรณที่ค่อนข้างขาวอยู่มากเป็นทุนเดิม เวลาเปลี่ยนสีเลยสังเกตง่ายกว่าปกติ

ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจคิดว่าการถูกปรามาสว่าเป็นผู้หญิงเป็นเรื่องน่าอับอาย (หรืออย่างน้อยๆ ผมว่าหมอนี่ต้องเม้งแตกแน่ ถ้าถูกหาว่าเป็นผู้หญิง) แต่ผมไม่ พูดเลย ในโลกพิสดารแบบนี้ แค่ไม่พยายามแตะเนื้อต้องตัวผมเกินเหตุอย่างเจ้าบ้าวายโอเนล จะหาว่าเป็นผู้หญิงหรือเป็นอะไรก็พูดไป

“จริงสิ ยังไม่รู้เลยเจ้าชื่ออะไร?”

เขาเหลือบมองเล็กน้อย “เควนติน”

“อ้อ! เควน”

“เควน – ติน!”

“เควน”

“เควนตินต่างหาก!” เขาหันมาทำหน้าขู่ฟ่อ

ครับ

‘เควน’


“งั้นรึนึกไม่ถึงว่าเด็กท่าทางมุทะลุนั่นจะยอมอ่อนข้อให้เจ้าถึงเพียงนั้น” คุณแอนโธนี่ว่าพลาง จิ้มชิ้นเนื้อมื้อค่ำไปพลาง

ถูกต้อง ตอนนี้เป็นเวลาอาหารค่ำ ฟ้ามืดแล้ว สำรับเตรียมเสร็จแล้ว โต๊ะถูกจัดเรียบร้อยแล้ว อาหาร เครื่องดื่ม ทุกอย่างพร้อมเสิร์ฟอย่างสมบูรณ์ จำได้ว่ามื้อเย็นแรกที่กิน ผมถึงกับตะลึงในความมากมายของอาหารที่ถูกจัดมาเลยทีเดียว ก่อนจะเรียนรู้ว่าไม่ใช่ทุกอย่างที่จำเป็นจะต้องถูกกินจนหมดหรอก และในส่วนของเครื่องดื่มนั้น พวกผู้ใหญ่ในโต๊ะจะได้รับเสิร์ฟเครื่องดื่มที่เข้ากันกับอาหาร อย่างไวน์แดงที่กินคู่กันกับเนื้อ เป็นต้น ส่วนเด็กอย่างผมถูกจัดน้ำแร่ให้อย่างเดียว

ฮึ่ย! น่าเสียดาย ท่าทางจะเป็นไวน์ดีแท้ๆ!

โอเค กลับมาเรื่องเดิม จากคำพูดของคุณแอนโธนี่เมื่อครู่ สร้างความประหลาดใจแก่ผมนิดหน่อย

“ท่านรู้จักเควนด้วยหรือขอรับ?”

เดิมเคยนึกว่าคุณแอนโธนี่จะเป็นพวกเรื่องบ้านไม่ยุ่ง มุ่งแต่เรื่องงานนะเนี่ย

“ตอนเจ้าแข่ง เขาก็ไปเกาะขอบสนามเชียร์อยู่ข้างข้านี่ไง” เจ๊อัลพูดจบก็กะพริบตาปิ๊งๆ ส่งเสียงหวานเชื่อมไปทางสามี “จริงไหมคะ? ที่รัก”

“จริงแท้แน่นอน ยาหยี” คุณแอนโธนี่ส่งเสียงตอบกลับไป แม้จะไม่หวานจ๋อยอะไร แต่ก็นุ่มนวลและอบอุ่นมากทีเดียว

อื่ม คู่นี้คงจะเป็นสามีภรรยาที่รักกันมากแฮะ

“แล้วเจ้าจะไปไหม?” เจ๊อัลเปลี่ยนเสียงเปลี่ยนหน้า หันมาถามผมด้วยสีหน้าปกตินิยมตามเดิม

ผมส่งเสียงออกไปด้วยความประหลาดใจขั้นสุด “ปฏิเสธได้ด้วยหรือ!

“ก็แหม…ข้าไม่ใช่มารดาใจร้ายไส้ระกำอะไร หากเจ้าไม่อยากไป ไหนเลยข้าจะบังคับ จะช่วยพูดกับเควนตินให้ด้วยซ้ำ” เจ๊อัลสำทับ “แต่ก็น่าเสียดายนะ คนระดับเควนตินอุตส่าห์จะฝึกฝีมือให้ มีหลายคนที่อยากให้เขาช่วยติวให้ตัวต่อตัว พอๆ กับที่ไม่อยาก”

“พอๆ กับที่ไม่อยาก?” ผมทวนคำ

“ใช่ ก็เขาน่ะโหดจะตาย คู่ต่อสู้ของเขาไม่ตายก็เจ็บหนักกลับไปทุกที ใครล่ะจะอยากอยู่ใกล้คนโหดร้ายแบบนั้น ชื่อเสียงของเขาขจรขจายถึงขนาดมีข่าวลือว่าร่างกายของเขาเป็นคน แต่หัวใจถูกสิงสู่โดยปิศาจ!” เจ๊อัลตาลุกวาว ทำหน้าเหมือนคุณแม่ใจร้ายที่พยายามแกล้งลูกน้อยวัยสองขวบครึ่ง และแน่นอนผมโตเกินกว่าจะกลัวหน้าแบบนั้น

“ไม่จริงอ่ะ หมอนั่นนะปิศาจ? เขาช่วยชีวิตผมไว้ด้วยซ้ำ”

พูดถึงเรื่องนี้ ผมแอบฉุนนิดหน่อยที่เจ๊อัลส่งผมไปที่น่ากลัวแบบนั้น ถ้าชนะเจ้าหมอนั่นแต่ดันไม่ชนะสัตว์ในป่าจะทำไง

“งั้นเจ้าตั้งใจจะเรียนกับเขา? ว่างั้น?” เจ๊อัลถามขึ้นมา

ผมนึกถึงเจ้าคนที่เกลียดที่สุดเวลาผิดคำพูดตัวเอง เขาต้องไม่พอใจมากแน่ๆ ที่ผมตกปากรับคำแล้วดันเบี้ยวไม่มา “ขอรับข้าตั้งใจไว้ว่าแบบนั้น”

คุณแอนโธนี่ยกแก้วไวน์สีแดงสดขึ้น

“สมชายชาตรี แก้วนี้ข้าดื่มให้เจ้า”

เขายกกระดกรวดเดียวก็ดื่มน้ำสีแดงนั่นจนหมด

แหม่อย่าทำพูดไปหน่อยเลยน่า เมื่อกี้ข้าเพิ่งเห็นท่านจิ้มเนื้อไปหยกๆ! อยากล้างปากใช่ไหม!




 

Create Date : 13 มิถุนายน 2559
1 comments
Last Update : 13 มิถุนายน 2559 1:36:03 น.
Counter : 384 Pageviews.

 

ดีจ้า มาทักทายนะจ้ะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4061181 25 สิงหาคม 2560 15:30:42 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 3190137
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 3190137's blog to your web]
space
space
space
space
space