::ทุกข์นั่น เช่นนั้นเอง::
 

ทุกข์นั่น เช่นนั้นเอง

เรื่องมีอยู่ว่า...

   (1) หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งจำเป็นต้องตื่นแต่เช้ามืดทุกวัน อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันและเตรียมข้าวของ

 เพราะถ้าไม่รีบเธอจะไปขึ้นรถโดยสารที่มีอยู่เพียงเทียวเดียวในแต่ละวันไม่ทัน จุดหมายของเธอ คือ โรงพยาบาล

เพื่อเยี่ยมมารดาผู้เป็นที่รักและทุกๆอย่างของเธอ มารดาของเธอเข้านอนโรงพยาบาล มานานได้ประมาณเกือบ

สองเดือน จากคนที่ปกติและแข็งแรงดี กลับกลายเป็นเดินไม่ได้ นอนติดเตียงอันเนื่องมาจากขยับแขนขาไม่ได้ครึ่งซีก

พูดไม่ได้ ทำได้แต่กระพริบตา ให้แก่ลูกสาวที่มาเยี่ยมและดูแลทุกวันหมอบอกเธอว่ามารดาเธอเป็นโรคหลอดเลือด

สมองตีบเฉียบพลัน และสูญเสียการทำงานของสมองไปหลายส่วน

  

   (2) หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งรู้สึกตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อได้รับโทรศัพท์กลางดึก แล้วพบว่า น้องชายคนเดียวของเธอ

ที่กำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีปีที่หนึ่งในคณะที่เขารักและ ทุ่มเทเพื่อการสอบให้ได้มาตลอด ถูกรถชน ศีรษะ

กระทบกระเทือนอย่างแรง ต้องได้รับการผ่าตัดเร่งด่วน เธออยู่นอกตัวเมือง ไกลจากโรงพยาบาล เธอไปไม่ได้ในคืนนั้น

เธอนั่งรอรถโดยสารถึงเช้าจึงไปได้ เมื่อเธอไปถึงโรงพยาบาล น้องชายเธอยังอยู่ในห้อง ICU อาการหนัก

และยังไม่พ้นช่วงอันตราย                                   

                                        ..................................................................

    (1) มารดาของหญิงคนนั้น อาการกำลังแย่ลง อันเนื่องมาจากมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและการติดเชื้อในปอดซ้ำ

จากการใส่ท่อช่วยหายใจเป็นเวลานาน หมอให้ยารักษาและขออนุญาตจอคอมารดาเธอ เพื่อที่จะสามารถนำท่อช่วย

หายใจออกได้ ลดการติดเชื้อซ้ำ ไตของมารดาเธอเริ่มวาย หมอบอกเธอว่าในไม่ช้าอาจต้องฟอกไตฉุกเฉิน เธออาจ

ต้องมีค่าใช้จ่ายหลายพันบาท เธอไม่อยากกลับบ้าน กลัวมีเหตุด่วน เธอจะมาดูใจมารดาของเธอไม่ทัน เธอจึงไป

ขออาศัยปูเสื่อนอนห้องใต้บันไดของรพ.เพื่อประหยัดเงินค่าที่พัก เผื่อว่ามารดาต้องฟอกไต

    

     (2) น้องชายของเธออาการดีขึ้น ย้ายออกจาก ICU ได้ แต่ข่าวร้ายที่หมอแจ้งให้เธอทราบก็คือ น้องชายเธอ

อาจไม่ตื่น เค้าอาจเป็นเจ้าชายนิทราตลอดไป เธอเสียใจจนพูดไม่ออก เย็นวันนั้น น้องชายของเธอ ต้องเข้าห้องผ่าตัด

อีกครั้ง เพื่อผ่าตัดซ่อมแซมกระดูกต้นขาขวาที่หักหลายส่วน เธอกลับบ้านไม่ได้ นั่งรอหน้าห้องผ่าตัดจนหลับไปนาน

หลายชั่วโมงด้วยความเหนื่อยล้า                                                  

                                     ......................................................................

    

      (1) ผ่านไปหลายวัน มารดาเธออาการเริ่มดีขึ้น ยุติการฟอกไตได้ อาการทางปอดดีขึ้น กระพริบตาให้เธอได้

เช่นเดิม สิ่งที่แปลกไปสำหรับเธอ คือ ท่อเล็กๆที่หมอเจาะไว้ที่คอให้มารดาเธอหายใจ เธอยิ้มได้กว้างขึ้นเล็กน้อย

มีกำลังใจสู้ต่อ เธอรู้แค่อยากจะสู้ต่อ แม้ว่ายังคิดไม่ออกว่า จะสู้อย่างไร

      (2) น้องชายของเธออาการดีขึ้น ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัดซ้ำอีกแล้ว แต่เค้าไม่เคยลืมตามองเธออีกเลย หมอเริ่ม

คุยกับเธอเรื่องการดำเนินโรค เธอเข้าใจดี บอกหมอว่าจะขอสู้ต่ออีกซักนิด หวังว่าวันนึงอาจจะมีปฏิหาริย์

น้องชายเค้าอาจจะลืมตาได้ ขอแค่ลืมตาได้ ก็พอ

                                          

      เรื่องทั้งสองที่ผมเขียนถึงนั้น เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด แต่เหตุที่อยากนำมาเขียน เนื่องมาจากหญิงวัย

กลางคนทั้งสองเรื่องนั้น เธอคือคนเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเธอ คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้ๆกัน

เป็นเวลาที่เธอบอกว่า เธอทุกข์ที่สุดในชีวิต

   ผมรู้สึกทึ่งและแปลกใจอย่างมากหลังจากฟังเรื่องราวของเธอ เพียงแค่ฟังก็คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คนคนหนึ่ง

จะผ่านเรื่องราวอันโหดร้ายเช่นนี้ไปได้ แล้วเธอผ่านมันมาได้อย่างไร? เธอบอกกับผมว่าแรกๆก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน

นอนร้องไห้เกือบทุกข์คืน ในใจคิดเสมอว่า ทำไมหนอ? เหตุการณ์ร้ายๆเช่นนี้จึงเกิดกับครอบครัวเธอ คนในครอบครัว

เธอไม่เคยคิดหรือทำร้ายใครมาก่อนเลย เธอคิดอยู่ทุกวัน จนสุดท้ายเธอก็เลิกคิด เธอว่าคิดไปคิดมาก็เป็นเช่นนั้นเอง

                                             

   “เป็นเช่นนั้นเอง” หลายท่านอาจมองข้ามความสำคัญของคำนี้ไปนะครับ จริงๆแล้วเป็นคำที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ดี

 ลึกซึ้งและมีความมหัศจรรย์มาก  มหัศจรรย์ที่ทำให้ผู้ที่เข้าใจใช้จริงๆ  ปล่อยวางความทุกข์ได้รวดเร็วมาก 

ท่านพุทธทาส เคยเรียกคำๆนี้ว่าเป็น ยาดับทุกข์ เลยทีเดียวครับ

     ท่านพุทธทาสยังเคยบอกอีกว่า "ที่ต้องทุกข์ก็เพราะว่าเป็นเช่นนั้นเองอย่างนั้น ขณะใดไม่ต้องทุกข์ เพราะว่า

มันเป็นเช่นนั้นเองอย่างนั้น ฉะนั้น เรามีเช่นนั้นเองไว้เป็นเครื่องดับทุกข์เถอะ อะไรเกิดขึ้นมาก็เห็นเป็นเช่นนั้นเองไว้ก่อน

แล้วก็จะไม่รัก จะไม่เกลียด จะไม่โกรธ จะไม่กลัว ไม่วิตกกังวลอะไร เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง"

     แต่การใช้คำนี้ ผมคิดว่าบางทีก็ต้องระวังนะครับ เพราะใช้แบบไม่เข้าใจจริง ใช้แบบพร่ำเพรื่อ ก็จะกลายเป็นการ

เฉื่อยชาปล่อยปะละเลยและสร้างความประมาทขึ้นมาได้ ถ้าเราคอยแต่คิดว่า เป็นเช่นนั้นไปซะหมด โดยเราไม่ได้

พยายามทำอะไรเลย (บางคนชอบพูดว่า ปลงล่ะ) เช่น หากญาติของผู้ป่วยข้างต้น คิดว่า ปลงล่ะ พวกเขาก็เป็นไป

ตามกรรมนั่นแหละแบบนี้เธอก็จะไม่ดูแลใส่ใจญาติของเธออีกเลย เพราะฉะนั้น ปลงล่ะ คงไม่ใช่ ตถตา นะครับ    

     หากเราลองนำ ยาดับทุกข์ นี้ไปทดลองใช้ดูให้ถูกต้องตามเวลาและเหตุการณ์ อาการทุกข์ของเรา

 คงจะบรรเทาลงได้ ไม่มากก็น้อยนะครับ

(Blogนี้ ปรับปรุงใหม่จากBlogเดิมที่เคยเขียนไว้นะครับ เจอผู้ป่วยใหม่คล้ายๆเดิม เลยนึกขึ้นมาได้ 

ขอบคุณภาพประกอบของคุณJimmy liaoครับ)




Create Date : 26 ตุลาคม 2556
Last Update : 26 ตุลาคม 2556 7:32:36 น.
Counter : 1767 Pageviews.

28 comments
  
โหวตบล็อกธรรมะให้นะครับคุณหมอ
เป็นง่านเขียนที่อ่านแล้วชอบมากครับ

เช่นนั้นเอง --- ใครไม่เจอ ใครไม่รู้จริงๆนะครับ
ว่าโจทย์บางข้อของชีวิตนั้น
ผ่านได้ยากเหลือเกิน ....


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:6:31:46 น.
  
กำลังนั่งทำต้นฉบับหนังสือ "คายความทุกข์" เพิ่งเสร็จครับ
ยังไม่รู้จะส่งไป สนพ.ไหนเลย 555

แต่ตั้งใจว่าช่วงใกล้ปีใหม่จะเอามาอัพลงบล้อกให้เพื่อนบล้อกได้อ่านกัน

ส่งกำลังใจให้คุณหมอด้วยนะครับ
งานแปลหนังสือของหลวงปู่ติช นัท ฮันห์คืบหน้าไปมากแล้วหรือยังครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:8:24:43 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหมอ

kanyong1 เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาเหมือนกันคะ เกือบแย่เหมือนกัน
ช่วงเวลาที่ แม่นอนป่วยรักษาตัวด้วยโรคไตอยู่ รพ. ส่วนพ่อประสบอุบัติเหตุอยู่อีก รพ. วันนั้นสติแตกไม่รู้จะทำอย่างไรและไปหาใครก่อนดี
ตั้งสติได้ไปหาพ่อก่อนเพราะพ่อยังไม่ได้สตินอนอยู่ รพ. เจอหน้าหมอๆ บอกว่าพ่อพ้นขีดอันตรายแล้วโล่งอก...ความตายมันอยู่แค่เอื้อมนี่เอง

...ผ่านมาอีก 2ปี แม่ก็เสียชีวิตไปก่อนพ่อ

...ผ่านมาอีก 6ปี พ่อกำลังใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด

**ทำวันนี้ให้ดีที่สุด...ใช้เวลาอยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุดคะ**

ขอบคุณสำหรับเรื่องที่คุณหมอนำมาเล่าให้ฟังนะคะ

มีความสุขในวันหยุดคะ
โดย: kanyong1 วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:9:56:59 น.
  
สวัสดีครับคุณหมอหว่อง
ปล่อยวาง ทุกข์นั่น เช่นนั้นเอง
ขอบคุณข้อคิดดีๆของเธอ
หมอหว่อง Dharma Blog


โดย: moresaw วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:13:48:11 น.
  
สวัสดียามค่ำครับ

คุณหมอเขียนให้ข้อคิดที่ดีมากครับ

โหวตและไลค์ส่งกำลังใจไปให้คุณหมอด้วยนะครับ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog
โดย: **mp5** วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:18:54:40 น.
  
ตอนทำไม่ค่อยง่ายนะคะคุณหมอ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
mambymam Home & Gargen Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: schnuggy วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:20:43:47 น.
  
สวัสดีค่ะ คูณหมอหว่อง ^^

ทีแรกอ่านนึกว่าคนละคนกันค่ะ
แค่นึกก็ยังรู้สึกว่าหญิงทั้งสองคนอยู่ในภาวะย่ำแย่พอๆกับคนป่วยที่ต้องดูแลทั้งสองคนเลยค่ะ
แต่พอรู้ว่าเป็นคนเดียวกันก็ทึ่ง
เธอผ่านไปได้ยังไงนะคะ
ต้องทุกข์มากๆแน่ๆเลยค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ

โดย: lovereason วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:21:51:24 น.
  
ตั้งใจว่าจะขยันทำต้นฉบับมากขึ้น
และส่งไปที่อื่นดูบ้าง
ลุ้นๆดีครับ

สนพ. อะธิงค์ตอนนี้ยุ่งนิดหน่อย
เจ้าของ สนพ.กำลังจะแต่งงานครับ 555
เลยไม่มีเวลาทำหนังสือครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:23:03:16 น.
  
หญิงท่านนี้ก็มีความทุกข์ไม่ต่างจากท่านก่อนนะคะ
ช่างเป็นทุกข์ที่ยากจะทำใจ
"เป็นเช่นนั้นเอง" เมื่อใช้คำนี้ให้ถูกที่และถูกเวลา
สามารถเป็นยาดับทุกข์ขนานเอกที่ไม่ต้องซื้อหาเลยนะคะ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆอีกครั้งค่ะคุณหมอ

โหวต และ like ค่ะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต

หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog
....................

ขอบคุณคุณหมอสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจค่ะ
นอนหลับฝันดีคืนนี้นะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:23:06:45 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ส่งความคิดถึงมาให้
กดไลท์ให้ก่อนนะ

โดย: pantawan วันที่: 26 ตุลาคม 2556 เวลา:23:35:02 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณหมอ
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:6:58:02 น.
  
ขอบคุณกับเรื่องราวดีๆที่มีมาแชร์กันค่ะ:)))
ขอให้หมอมีสุขภาพแข็งแรงเพื่อประชาชนในความดูแลของหมอนะคะ
โดย: maistyle วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:12:16:42 น.
  
ขอบคุณสำหรับกำลังใจคะคุณหมอ
โดย: kanyong1 วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:12:25:53 น.
  

สวัสดีค่ะคุณหมอ มาอ่านเรื่องจริงที่สอดแทรกธรรมะได้ดีมากค่ะ

กว่าที่ผู้หญิงคนนี้จะเกิดธรรมะตถตาได้ก็คงต้องมีธรรมะข้ออื่นเป็นพื้น

ฐานมาก่อนคือความรักความเมตตาและขันติซึ่งในคนจนจะต้องมี

ธรรมะข้อนี้มากขึ้นไปอีก การคิดบวกก็ช่วยในการแก้ปัญหาได้ดี

มีผู้กล่าวว่ามองทางโลกให้มองที่ต่ำมองทางธรรมให้มองที่สูง

ไล้ค์และโหวตค่ะ

หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: พรไม้หอม วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:14:32:23 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหมอ พี่กิ่งพักบล็อกไปก่อนค่ะ ตอนนี้เข้ามาทักทายคุณหมอได้เพราะพี่กิ่งนอนเฝ้าแม่ที่ รพ. ค่ะ ก็เข้ามาทักทายเพื่อนๆ ได้อ่านเรื่องราวของคุณหมอแล้วนึกถึงแม่พี่กิ่งเลยค่ะ จากที่เคยเดินได้ปกติแข็งแรง ตอนนี้แม่ต้องมานอนอยู่บนเตียงลุกไม่ได้ที่ รพ. ค่ะ อ่านเรื่องคุณหมอแล้ว คุณป้าเธอทุกขฺหนักกว่าพี่กิ่งหลายเท่านะคะ และคิดว่าพี่กิ่งยังโชคดีกว่าอีกหลายร้อยคนนะคะเพราะตอนนี้แม่อาการค่อยดีขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ

หลับฝันดีค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:20:40:06 น.
  

หลับฝันดีจ้าน้องหมอ

โดย: อุ้มสี วันที่: 27 ตุลาคม 2556 เวลา:21:40:04 น.
  
น หิ จินฺตามยา โภคา อิตฺถิยา ปุริสสฺส วา

โภคะของใคร ไม่ว่าสตรีหรือบุรุษ
ที่จะสำเร็จเพียงด้วยคิดเอา ย่อมไม่มี

มีความสุขกับการใช้สติในทุกความเพียรตลอดไป...นะคะ



สวัสดีค่ะ คุณหมอ...

อ่านแล้วก็นึกถึงทุกข์ของตัวเองที่ต้องเสียลูกชายไป
วันนี้ครบ ๕ เดือนพอดีที่เขาจากปอป้าไป ยังเศร้าเป็นบางครั้ง
ยังร้องไห้เป็นบางครั้ง ยังต้องไปพบจิตแพทย์ทุกเดือน

พยายามอยู่กับความทุกข์ให้มีความสุขให้ได้
เหลือลูกสาวอีกเพียงหนึ่งคน ไม่คาดหวังกับสิ่งใดอีกแล้ว
ทุกข์..ไม่ว่าจะเป็นทุกข์จากสิ่งใด มันก็คือทุกข์
ใช่ค่ะ มันเป็นเช่นนนั้นเอง

เรื่อง ตถตา พี่เคยนำมาอัพบล๊อกถึงสองครั้ง
อ่านแล้วชอบมาก ๆ ได้ข้อคิดดี ๆ จากท่านพุทธทาสมากมาย
ท่านเป็นบรมครูที่พี่เคารพมาตลอด

วางได้เมื่อไร ก็สุขเมื่อนั้น วิมุตติสุข...นะคะ

ไลค์และโหวตให้คุณหมอด้วยค่ะ

โดย: พรหมญาณี วันที่: 28 ตุลาคม 2556 เวลา:10:53:54 น.
  
สวัสดีค่าพี่หมอ เปิดเข้ามาอ่านโปรยเรื่องทำให้อยากติดตามอ่านไปจนจบเรื่องจริงในชีวิตที่แสนสะเทือนใจ ความรู้สึกซึมไหลผ่านความคิดเลย ผู้หญิงที่มีเรื่องราวหนักๆในชีวิตเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันแล้วสามารถใช้ผ่านไปได้อย่างปกติทึ่งมากเธอเข้มแข็งจริงๆบทส่งท้ายของพี่หมออ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าคนเรานี้ต้องปลงและปล่อยวางให้ได้นะคะเครื่องมือดับความทุกข์ของเราก็คือตัวเราเอง ...เยี่ยมยอดเหมือนเดิมเฮะแพมหายไปนานวิ่งมากดโหวตและไล้ค์เป็นพลังให้งานเขียนงดงามต่อไป...พี่หมอสบายดีนะค่ะ^^

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

โดย: mastana วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:14:00:56 น.
  
รู้สึกตัว --- คำนี้คำเดียว
อาจฝึกจนเป็นวิปัสสนากรรมฐานได้เลยนะครับคุณหมอ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:21:05:28 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหมอ
ขอบคุณโหวตที่บล็อค
ส่งกำลังใจให้เช่นกัน โหวตและไลท์ค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
โดย: pantawan วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:22:18:29 น.
  
หวัดดีค่าคุณหมอ

ยาดับทุกข์บางทีก็คือกำลังใจที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเหมือนกันนะคะ
อ่านเจอว่า ญ สองคนนั้นก็คือคนคนเดียวกัน
เวลาก้าวผ่านเรื่องพวนี้มาได้ ก็คือใจที่เจ้มแข็งด้วยเช่นกันนะคะ



ให้กำลังใจคุณหมอด้วยเลย เลยคนไข้มาเยอะ
ได้มีเรื่องราวมาเล่าบ่อยๆ อิอิ




บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
schnuggy Travel Blog ดู Blog
chon CH Food Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Gargen Blog ดู Blog
jamaica Music Blog ดู Blog
หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:22:32:01 น.
  
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Opey Topical Blog ดู Blog
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
คนบ้า(น)ป่า Home & Gargen Blog ดู Blog
หมอหว่อง Dharma Blog ดู Blog

ทุกข์นั่นเช่นนั้นเอง โลกนั้สุขน้อยกว่าทุกข์นะ
แต่ถ้ารับได้ก็ทุกข์น้อยลง
โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 30 ตุลาคม 2556 เวลา:22:56:31 น.
  
ขอบคุณสำหรับโหวตค่าคุณหมอ

โดย: schnuggy วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:0:25:49 น.
  
สวัสดียามเช้าครับคุณหมอ
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:6:36:03 น.
  
สวัสดีค่ะคุณหมอ ตอนนี้แม่พี่กิ่งอาการดีขึ้นมากแล้วค่ะแม่ลุกนั่งเองได้แล้วค่ะแต่ยังไม่ได้หัดเดินค่ะ ตอนนี้แม่ออกจาก รพ.มาพักรักษาตัวที่บ้านแล้วค่ะ

พี่กิ่งเปิดบล็อกแล้วแต่ยังไม่มีเวลาอัพใหม่เลยค่ะเพิ่งทราบว่าคุณหมอเป็นคนพิจิตรนะคะ

ไว้พี่กิ่งมาคุยด้วยใหม่ค่ะ หลับฝันดีค่ะ



โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 31 ตุลาคม 2556 เวลา:20:00:35 น.
  
หวัดดีค่าคุณหมอ

วันก่อนเห็นคุณหมอ แว๊ป ๆ ที่เฟส ใช่เลย อิอิ

ตะพาบรอบหน้าจะออนแอร์อีกแล้ว
คุณหมอมีเวลาเขียนรหรือเปล่าน้อ ^^





Interview .. the Blogger ประจำเดือน 11 มาแล้วค่ะ
ฉบับนี้พบกันเจ้าแม่ขนมปัง
อยากรู้จักเธอให้มากขึ้น
ที่นี่ค่ะ ^^


โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:13:29:30 น.
  
ขอบคุณคุณหมอที่แวะทักทายต๋านะคะ
นอนหลับฝันดีคืนนี้ค่่ะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 1 พฤศจิกายน 2556 เวลา:22:20:03 น.
  
สวัสดีค่ะ...คุณหมอหว่อง

คุณพ่อเสียแล้วค่ะ ท่านจากไปอย่างสงบในช่วงบ่ายของวันที่ 8/11/56 ท่านไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป วันนั้นดิฉันได้อยู่เคียงข้างท่านตลอดจนลมหายใจสุดท้าย และคิดว่าเราทำดีที่สุดสำหรับคนที่เรารักแล้ว ถึงแม้จะเสียใจอย่างไร ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป คุณพ่อกับคุณแม่ของดิฉันของได้พบเจอกันบนสวรรค์แล้ว...หวังว่าท่านทั้งสองคงมีความสุขดีในภพหน้า ไม่ต้องพบเจอโรคภัยมาเบียดเบียนเหมือนในภพนี้

ขอบคุณคุณหมอที่ให้กำลังใจมาตลอดนะค่ะ
ขอบคุณจากใจจริงๆ

รักษาสุขภาพด้วยคะ

ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ...
คำคมนี้ยังใช้ได้ตลอดกาล...

โชคดีมีความสุขในการทำงานค่ะ


โดย: kanyong1 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2556 เวลา:12:42:40 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

หมอหว่อง
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]



ตุลาคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
30
31