คุณลุง รูปร่างท้วม ดูเป็นคนท่าทางใจดีไม่เหมือนคนที่เคยฆ่าใครมาก่อน ผมเข้าไปซักประวัติและ

ตรวจร่างกายพบว่าท่านมีอาการไข้ ไอมีเสมหะและหายใจหอบเหนื่อยมากตั้งแต่เมื่อวาน ต้องทาน

ยาลดไข้ตลอด วันนี้รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นจึงตามเจ้าหน้าที่มาช่วย เสียงหายใจของคุณลุงก็ผิดปกติ

ผมประเมินแล้วสงสัยว่าในเบื้องต้นนี้ท่านน่าจะเป็นโรคปอดอักเสบติดเชื้อ จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่และ

รับคุณลุงมารักษาต่อที่โรงพยาบาล   

  หลังได้ยาปฏิชีวนะเกือบหนึ่งอาทิตย์คุณลุงอาการดีขึ้นมาก วันหนึ่งขณะที่ผมมาตรวจท่านตามปกติ

ท่านก็กล่าวคำขอบคุณ ผมคิดว่าคงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเริ่มการสนทนาขึ้น ผมจึงถามท่านว่า

ท่านติดคุกด้วยสาเหตุอะไร ท่านเล่าให้ฟังว่า   

    เมื่อก่อนท่านอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้และค้าขายที่ดิน ธุรกิจกำลัง

ไปได้ดี ท่านบอกผมว่าท่านเป็นคนทะเยอทะมากในช่วงวัยนั้น ยอมหักไม่ยอมงอ วันหนึ่งท่านเกิด

อยากจะรวยทางลัด จึงนัดคุยกับผู้จัดการของโครงการบ้านจัดสรรโครงการใหญ่ที่ท่านสนใจอยาก

จะขายที่ดินให้ ซึ่งเขาเคยเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียน ท่านว่ามีแผนจะแบ่งผลประโยชน์กันในการฮั๊ว

การประมูลการซื้อขายที่ดินในโครงการนั้น พอคุยกันได้สักพักก็เริ่มตกลงกันไม่ได้ เขาก็กล่าววาจา

ไม่สุภาพโดยเริ่มดูถูกท่าน บอกว่าทำการค้าไม่เป็นและเห็นแก่ผลประโยชน์มากกว่าความเป็นเพื่อน

สุดท้ายก็ลามไปถึงพ่อและแม่ของท่าน ท่านโกรธมากห้ามใจไม่อยู่จึงชกหน้าเขาล้มลง

จากนั้นการต่อสู้ก็เกิดขึ้นและจบลงด้วยความตาย ท่านบอกผมว่ามานึกย้อนหลังช่วงที่อยู่ในเรือนจำ

แล้วก็คิดได้ ท่านคงไม่ต้องมารับโทษแบบนี้เลยถ้าวันนั้นท่านมีสติ

    สตินั้นหมายถึง ความระลึกได้ก่อนจะทำ พูด หรือคิด คืออาการของจิตที่นึกขึ้นได้ว่าจะทำ พูด

และคิดอย่างไรจึงจะถูกต้องและไม่หลงลืมตัวจนกระทำในสิ่งที่เป็นอันตรายหรือทำร้ายผู้อื่น

แต่สตินั้นก็ไม่ได้มีไว้เพื่อกดข่มอารมณ์ด้านลบที่เกิดเหมือนที่หลายคนเข้าใจนะครับ เพราะการข่ม

อารมณ์นั้นไว้ก็มีแต่จะระเบิดออกมาในสักวันหนึ่ง

หลวงปู่ติช นัท ฮันห์ พระมหาเถระในพระพุทธศาสนา ชาวเวียดนาม ท่านกล่าวถึงความหมายและ

วิธีการเจริญสติไว้ตอนหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมากครับ                            

 “สติไม่ได้มีไว้เพื่อต่อสู้กับความโกรธหรือความสิ้นหวัง หากมีไว้เพื่อรับรู้  การมีสติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ก็คือการรับรู้ว่า มีบางสิ่งบางอย่างดำรงอยู่ที่นั่นในปัจจุบันขณะ สติจึงคือความสามารถที่จะ

ตระหนักรู้ว่า กำลังเกิดอะไรขึ้นในชั่วขณะนั้น ไม่ใช่การเก็บกดหรือการต่อสู้ ทว่าเป็นการรับรู้

เวลาที่รับรู้โทสะเราจะโอบกอดมันไว้ด้วยความระลึกรู้และความอ่อนโยนอย่างยิ่งยวด 

  หากห้องของเธอเย็นแล้วเธอเปิดเครื่องทำความร้อน เครื่องก็จะเริ่มปล่อยกระแสลมร้อนออกมา

อากาศเย็นไม่ต้องออกไปจากห้องเพื่อให้อบอุ่นขึ้น ทว่ามันจะถูกลมร้อนเข้าโอบล้อมจนอุ่น ไม่มีการ

ต่อสู้ปะทะกัน เราเอาใจใส่ดูแลความโกรธด้วยวิธีเดียวกัน สติจะรับรู้ความโกรธ ตระหนักรู้ถึงการเกิดขึ้น

ของมัน ยอมรับและปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้น เพราะความโกรธก็คือตัวเรา และความกรุณาก็คือตัวเราด้วย”

ก่อนคุณลุงจะกลับไปที่เรือนจำนั้น ผมนำบทความนี้ให้คุณลุงติดตัวกลับไปด้วย ท่านรับไปพร้อมกับ

รอยยิ้มและคำขอบคุณ ผมหวังว่าสิ่งนี้จะเป็นเหมือนกุญแจสู่อิสรภาพให้ท่านต่อไปนะครับ

หมายเหตุ

Blogนี้ อาจจะยาวสักเล็กน้อยนะครับ แต่ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกท่านที่อ่านจนจบถึงบรรทัดนี้ ผมเอง

ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รู้จักทุกท่าน เพื่อนBlogทุกท่านเป็นดั่งกำลังใจให้ผมเขียนBlogเล่าเรื่องราวตาม

แบบที่อยากทำมาโดยตลอด 

ผมขออนุญาตฝากผลงานเพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อยนะครับ เนื่องจากBlogเล็กๆของผมนี้กำลังจะขยายพื้นที่

ไปอยู่ในนิตยสารHealthToday คอลัมMental Healthแล้วในเดือนหน้า การเขียนยังคงเป็นลักษณะ

แบบที่ผมเขียนอยู่(เนื้อหาหลายเรื่องนั้นเขียนขึ้นมาใหม่และบางเรื่องก็มาจากการปรับปรุงเนื้อหาBlog

เก่าๆนี่ล่ะครับ)แต่จะเน้นข้อคิดและแง่มุมทางศาสนามากขึ้น

นิตยสารHealthTodayเป็นนิตยสารด้านสุขภาพ ที่ผมคิดว่าน่าจะดีที่สุดเล่มหนึ่งในประเทศนะครับ

(อันนี้ไม่ได้ชมกันเองนะครับ ของเค้าดีจริงๆ) เพราะเนื้อหาครบถ้วนครอบคลุมในทุกๆเรื่องของสุขภาพ

และเนื้อหาก็ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา หลายคนที่เคยอ่านคงพอทราบดี

ผมอนุญาตใช้พื้นที่โฆษณาสักเล็กน้อยนะครับ แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังคงเขียนBlogต่อไปเรื่อยๆ

นะครับ หากอ่านแล้วมีความเห็นหรือข้อแนะนำประการใด ผมยินดีเสมอเลยครับ^^