มาลองอ่าน joke in English กัน
ขอออกตัวก่อนว่า ถึงแม้ผมจะมีประสบการณ์ในการใช้ภาษาอังกฤษพอสมควร แต่ก็ไม่อยากเอาตัวเองไปเทียบกับอาจารย์ที่เปิดติวอังกฤษกันเป็นอาชีพ เนื่องจาก Vocab ของผมคงไม่ครอบคลุมเท่ากับเขา
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์จากการเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ (แม้จะสั้นๆ เพราะถอนหุ้นออกมาแล้ว) ช่วยให้ผมรู้และเข้าใจนักเรียนนักศึกษาอยู่บ้าง เคยเอาประโยคจากหลายๆ สื่อมาสอน แต่ที่น่าสนใจที่สุดกลับเป็น joke
Joke นั้นโดยมากจะใช้ศัพท์ไม่ยากนัก และจะเป็นศัพท์ในชีวิตประจำวันเสียด้วย ทำให้อ่านแล้วพอจะเอาไปใช้ได้จริงบ้าง เสียอยู่ว่า Joke นั้นชอบเล่นกับความหมายของคำ ดังนั้นผู้อ่านต้องเข้าใจสำนวนต่างๆ พอสมควร ซึ่งผมมองว่าจุดนี้แหละน่าสนุก ก็เลยเอามาสอน และนักเรียนก็ดูจะโอเคกับเนื้อหาตรงนี้ด้วย
วันนี้เริ่มต้นแบบอุ่นเครื่องด้วย Dialogue สั้นๆ หลายๆ อันก่อนละกัน อ้อ บางคำศัพท์จะไม่อธิบายนะครับ เพราะไม่ยากนัก แล้วถ้าลองเปิดดิคดูจะจำได้ง่ายกว่าอีกด้วย
Sailor: I was shipwrecked, and lived on a can of sardines for a week. Captain: My, weren't you afraid that you'd fall off?
คำว่า shipwreck นี่ แปลว่าเรือล่มครับ คำว่า wreck นี่เป็นกริยาแปลว่าเสียหาย ดังนั้นถ้าพูดว่า car wreck ก็รถเสีย หรือถ้าพูดว่า wreckage ก็คือซากของที่พังแล้วนั่นเอง
ประโยคนี้จุดขำหลักอยู่ที่ live on a can of sardine ครับ กลาสีใช้ live on ในความหมายว่าจะดำรงชีพอยู่ด้วยปลาซาร์ดีนกระป๋องเดียวได้หรือ แต่กัปตันดันตอบว่า "เอ็งไม่กลัวตกเหรอ" ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาแปล live on เป็น "ใช้ชีวิตอยู่บน" แบบตรงตัวเลย
เอ จะขำดีไหมเนี่ยยยย เอ้า มา Dialogue ที่สองเลยดีกว่า
Ben: Did you hear about the new dance called the elevator? Mike: I sure didn't! What's it like? Ben: It has no steps!
จุดขำของอันนี้อยู่คำว่า step ครับ โดยเริ่มเรื่องจากเบ็นพูดแนวประชดว่ามีท่าเต้นใหม่ชื่อ Elevator ที่แปลตรงตัวได้ว่า "ลิฟต์" ที่บอกว่าประชดเพราะเบ็นมาเฉลยตอนท้ายว่า ท่าเต้นใหม่ไม่มี step แล้วถ้าท่าเต้นไม่มี step นี่ คือเต้นมั่วครับ ไม่มีจังหวะ ไม่มีขั้นตอนอะไรเลย ส่วน Elevator นี่ มันเป็นลิฟต์ เลยไม่มี step ที่แปลว่าขั้น (ใช้แทนขั้นบันได) อยู่แล้ว
Get ไหมครับ :-) เนี่ยนะ ตอนผมสอน joke นี่ บางอันอ่านแล้วนักเรียนเครียดแทนที่จะหัวเราะ ผมล่ะขำแทน ฮะๆๆ
ต่อด้วยอันที่สามนะครับ
Teacher: Duff, please use the word "window" in a sentence. Duff: Yes, sir, here goes: "I entered a contest but didn't window."
อันนี้เฉลยง่ายๆ ว่า window อันแรก ครูเขาหมายถึงหน้าต่าง แต่ไอ้ window อันที่สอง Duff ดันใช้ window ให้พ้องเสียงกับคำว่า win, though ผมว่าอันนี้ขำดีนะ เอ หรือผมเส้นตื้นเนี่ย
เอ้า อันที่สี่นะ Jack: Did you hear about the giant that threw up? Jill: No, how'd you know? Jack: It is all over town!
Threw up เป็นช่องสองของ Throw up ที่แปลว่า Vomit หรืออาเจียน ดังนั้นการที่บอกว่า all over town นั้นเลยมีความหมายได้สองแบบ แบบแรกคือ อาเจียนมัน all over town คือไหลนองไปทั่วเมืองเนื่องจากเป็นอาเจียนของยักษ์ แบบสองคือ ข่าวยักษ์อาเจียนนี่ถูกพูดกันไปทั่วเมือง (all over town) อันนี้ใช้ได้เพราะมันสอดคล้องกับคำว่า hear ไงครับ
ต่อเลยนะ
Mary: Did you know they're not making pencils any longer? Sue: Wow! Why not? Mary: They're already long enough!
อันนี้ any longer มีความหมายสองแบบเช่นกัน แบบแรกคือ "ไม่อีกต่อไป" แปลว่าไม่มีการสร้างดินสออีกแล้ว (เหมือนกับ no longer นั่นแหละ) แบบที่สองคือ "ไม่ยาวกว่านี้" ซึ่งเป็นการใช้คำว่า long ให้สื่อถึงคำว่ายาวนั่นเอง (อันนี้รู้ได้จากคำตอบสุดท้ายของแมรี่)
แล้วก็มาถึง Dialog อันสุดท้าย
Why has no one ever spotted a leopard in Africa? Because leopards are already born with spots.
อันนี้ spot มีสองความหมาย (อีกแล้วแฮะ ใช้มุขแบบนี้บ่อยจัง) ความหมายแรก spot หมายถึง notice, look, see, meet นั่นคือ "พบเจอ" "มองเห็น" นั่นเอง ซึ่งอันนี้เป็นความหมายที่ผู้ถามต้องการสื่อถึง แต่ว่าผู้ตอบดันตอบโดยแปล spot ให้หมายถึง "จุด" โดยเขาคิดว่า spot ในประโยคแรกเป็นกริยา ซึ่งหมายถึงการเติมจุดให้เสือดาว ส่วน spot ในประโยคสองเป็นนาม ซึ่งหมายถึงเสือดาวมีจุดอยู่แล้ว
อ่าน joke เสร็จแล้วมีขำสักอันไหมครับนี่ :-)
เอ้า แถมเรื่องยาวให้อีกสักอันครับ
เรื่อง Morning Sickness
The neighbor dropped in on a friend and found her sitting at the kitchen table, staring blankly at a half-empty cup; her three children squabbling loudly in the other room. "What's wrong?" she asked. "Morning sickness." Surprised, the neighbor replied, "I didn't even know you were expecting." "I'm not." the harried young woman replied. "I'm just thoroughly sick of mornings"
คำว่า drop in on someone แปลว่าไปเยี่ยม someone ครับ แต่ไม่ได้หมายถึงเยี่ยมไข้นะครับ :-)
ส่วนคำว่า find นั้น โดยมากจะใช้ในรูป find + noun + V เติม ing ครับ เช่น Find a friend eating something, find a cat catching a mouse แต่ก็มีกรณีที่ใช้ find + noun + adjective เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น I find it easy ที่แปลว่า "เขาพบว่า it นี่ง่าย" แต่อย่าไปสับสนกับบางกรณี เช่น He finds it fast ที่แปลว่า "เขาหา it ได้เร็ว" ซึ่ง fast อันนี้ถูกใช้เป็น adverb เพื่อขยายคำว่า find ครับ
ส่วนจุดขำของเรื่องนี้อยู่ที่คำว่า morning sickness ที่แปลว่าแพ้ท้อง ซึ่ง neighbor ก็เลยงงว่าเพื่อน expect อยู่เหรอ (ในที่นี้ expect หมายถึงท้องครับ แบบว่า expect a child ประมาณนี้ แต่เขานิยมใช้ expect โดดๆ เลยมากกว่า) คราวนี้ที่ตลกคือเพื่อนดันตอบว่า sick of morning ที่แปลตรงตัวได้เลยครับ คือกำลังเซ็งกับช่วงเช้า (อ้าว พูดจากำกวมแบบนี้ อยู่เมืองไทยโดนเซ็นเซอร์ไปแล้วนะนี่)
--- เอ้า ไม่รู้ว่าจะมีคนชอบหรือไม่อย่างไรกับบล็อกภาษาอังกฤษอันแรกของผม แต่ว่านี่เป็นสไตล์ที่ผมเคยใช้สอนเลยครับ ถ้ามีคนชอบบ้างผมคงดีใจ แบบว่านี่ก็คิดๆ อยู่ว่าถ้าเคลียร์งานหลักๆ ได้ ปีหน้าอาจจะเป็นโรงเรียนใหม่เป็นของตัวเองเสียเลย :-) ถ้ายังไงก็ขอ comment ด้วยนะครับ ---
Create Date : 01 พฤษภาคม 2550 |
|
15 comments |
Last Update : 24 ตุลาคม 2550 22:27:41 น. |
Counter : 4566 Pageviews. |
|
|
|
ดีใจจังมีสมาชิกมาเพิ่มแล้ว