บทสนทนานี้เป็นตอนที่เลสลี่พูดในห้องเรียนตอนที่คุณครูให้กลับไปดูทีวีแล้วเขียนรายงานมาส่ง Leslie Burke: What if you don't have a TV? All: [laughing] Leslie Burke: My dad says that TV destroys brain cells. Scott Hoager: Your dad doesn't know anything. We watch TV like every day! Leslie Burke: I rest my case.
ในตอนนี้เลสลี่ถามครูว่า “ถ้าเราไม่มีทีวีล่ะคะ?” เป็นคำถามที่ใช้ What if นำหน้า เป็นคำถามเชิงสมมุติว่าถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไร ซึ่งเพื่อนๆ นักเรียนก็หัวเราะกันหมด เลสลี่เลยบอกว่าพ่อพูดว่าทีวีทำลายเซลล์สมอง พอเจ้าสก็อตตัวป่วนเถียงกลับมาว่า “พ่อเธอไม่รู้เรื่องอะไรหรอก พวกเราน่ะดูทีวีทุกวัน” ตรงนี้คำว่า like เป็นภาษาพูดครับ เป็นคำติดปากฝรั่งบางคน อารมณ์ประมาณคำ “แบบว่า” ที่เราใช้กัน ซึ่งถ้าใช้เป็นภาษาเขียน จะตัดเอาคำว่า like ออกไปได้เลยทันที
ก็มาลองฟังบทสนทนาจากพระเอกในเรื่อง The Rainmaker นะครับ
Rudy Baylor: Every lawyer, at least once in every case, feels himself crossing a line that he doesn't really mean to cross... it just happens... And if you cross it enough times it disappears forever. And then you're nothin but another lawyer joke. Just another shark in the dirty water.
รูดี้พูดว่า “อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในทุกๆ คดี ทนายทุกคนจะพบว่าตัวเองกำลังข้ามเส้นๆ หนึ่งที่เขาไม่ได้คิดที่จะข้าม อยู่ๆ มันเกิดขึ้น" ขอทวนไวยากรณ์พื้นฐานเลยนะครับ lawyer ไม่มี s เพราะ every ต้องตามด้วยนามเอกพจน์เสมอ ซึ่งก็ทำให้กริยา feel ที่ตามมาต้องเติม s ไปโดยปริยาย
ส่วนรูปประโยค find someone doing something นี่ถูกใช้บ่อยเลยครับ หรือจะใช้คำว่า see ก็ได้เช่นกัน รูปประโยคนี้สามารถขยายเต็มได้ว่า find someone who is doing something ซึ่งถ้าจำได้ ผมเคยบอกไปแล้วว่าเราตัด who is ทิ้งเพื่อให้ประโยคกระชับขึ้นได้
ส่วนประโยคต่อมาก็คือ “จากนั้นคุณจะเป็นได้แค่ทนายในจำอวด” ตรงนี้เป็นรูปแบบประโยคที่เขาชอบพูดกันครับ “are nothing but something” ซึ่งถ้าแปลตรงๆ ก็คือ เป็นอะไรไม่ได้อีก นอกจากไอ้ something นั่นแหละ แต่ถ้าจะให้แปลแบบทางการจริงๆ คำว่า nothing but ก็คือคำเดียวกับ only นั่นแหละครับ แต่ว่าถ้าจำมันจะยาก ให้ลองอ่านประโยคดู แล้วจะรู้เองว่าอารมณ์ของประโยคก็บอกความหมายของ nothing but อยู่กลายๆ อยู่แล้ว อ้อ ผมอยากเพิ่มสำนวนคล้ายๆ กันคือ all but ซึ่งแปลได้ว่า nearly หรือ almost ครับ ตัวอย่างประโยคคือ I’ve all but finished reading the book ซึ่งถ้าเราแปลตรงๆ ก็คือ ผมทำไปหมดแล้วยกเว้นอ่านหนังสือจนจบ และถ้าจะแปลแบบทางการ ก็จะเป็น ผมอ่านหนังสือเกือบจบแล้ว (แต่ยังไม่จบ) ไงครับ เห็นไหมว่าอารมณ์ของประโยคก็บอกความหมายได้ในระดับหนึ่งแล้ว
ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้จริงๆ
ขออนุญาติแอดไว้นะคะ