The world around us: My perspective
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 

เดาความหมายจากอารมณ์ของประโยค English

** ออกตัวก่อนว่าการแปลในนี้ เป็นแบบให้เข้าใจในอารมณ์ของประโยคนะครับ
เลยไม่ได้ตัดหรือทำให้สละสลวยเลยครับ :-) **

วันนี้มีบทสนทนาของหนังสามเรื่องมาพูดคุยให้ฟังครับ
เรื่องแรกเป็นหนังเรื่อง Bridge to Terabithia เป็นหนังแฟนตาซีดราม่าที่ผมยกให้เป็นสุดยอดแห่งปี
แม้หนัง Pan’s Labyrinth จะสนุกคล้ายๆ กัน แต่ดันพูดสเปน ผมเลยยกแต่ Terabithia มาให้ดู



บทสนทนานี้เป็นตอนที่เลสลี่พูดในห้องเรียนตอนที่คุณครูให้กลับไปดูทีวีแล้วเขียนรายงานมาส่ง
Leslie Burke: What if you don't have a TV?
All: [laughing]
Leslie Burke: My dad says that TV destroys brain cells.
Scott Hoager: Your dad doesn't know anything. We watch TV like every day!
Leslie Burke: I rest my case.

ในตอนนี้เลสลี่ถามครูว่า “ถ้าเราไม่มีทีวีล่ะคะ?”
เป็นคำถามที่ใช้ What if นำหน้า เป็นคำถามเชิงสมมุติว่าถ้าเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไร
ซึ่งเพื่อนๆ นักเรียนก็หัวเราะกันหมด เลสลี่เลยบอกว่าพ่อพูดว่าทีวีทำลายเซลล์สมอง
พอเจ้าสก็อตตัวป่วนเถียงกลับมาว่า “พ่อเธอไม่รู้เรื่องอะไรหรอก พวกเราน่ะดูทีวีทุกวัน”
ตรงนี้คำว่า like เป็นภาษาพูดครับ เป็นคำติดปากฝรั่งบางคน อารมณ์ประมาณคำ “แบบว่า” ที่เราใช้กัน ซึ่งถ้าใช้เป็นภาษาเขียน จะตัดเอาคำว่า like ออกไปได้เลยทันที



ประโยคต่อมาน่าสนใจครับ คำว่า “I rest my case” นี้ โดยทั่วไปจะใช้ตอนสรุปสำนวนคดี
ประมาณว่าทนายความกำลังโต้เถียงเรื่องคดีอยู่ พอบรรยายเหตุผลเข้าข้างลูกความเสร็จสิ้น ก็จะจบด้วยคำว่า “I rest my case”
แปลได้ประมาณว่า ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งสิ้น ก็สามารถสรุปคดีได้ดังนี้แล
ซึ่งถ้าเราย้อนกลับไปดูประโยค จะเห็นว่าเลสลี่พึ่งพูดเรื่องทีวีทำลายเซลล์สมองไป
พอสก็อตบอกว่าตัวเองดูทีวีทุกวัน เลสลี่ก็ใช้สำนวนในการสรุปคดีทันที
ประมาณว่า ก็เห็นๆ หลักฐานอยู่ว่าคนที่ดูทีวีทุกวันเป็นอย่างสก็อต คงไม่ต้องอธิบายต่ออีก
จริงๆ แล้วไม่ต้องจำความหมายของสำนวนนะครับ เพราะถ้าแปลกันตรงๆ ก็จะได้เป็น ฉันพักเคสนี้แล้ว ซึ่งก็คือเลิกเถียงแล้วนั่นเอง นั่นก็หมายความได้ว่ามันสรุปได้แล้วไม่ต้องเถียงอีก เห็นไหมครับว่าพอเอาอารมณ์ของประโยคมาช่วยเดาความหมาย เราจะแปลสำนวนได้เองเลย

ไหนๆ ก็คุยเรื่องสู้คดีกันแล้ว ลองมาเข้าหนังจำพวก Courtroom Drama กันบ้าง
พวกหนังสู้คดีนั่นแหละครับ ผมออกจะชอบนะหนังพวกนี้
เนื่องจากทนายความในหนังจะใช้ภาษาดีมาก ฟังแล้วเป็นเหตุเป็นผล แถมพูดชัดถ้อยชัดคำ
ซึ่งนอกจากจะเหมาะกับการฝึกฟัง ยังเหมาะกับการดูเป็นแบบอย่างของการพูด รวมไปถึงการเขียน

ก็มาลองฟังบทสนทนาจากพระเอกในเรื่อง The Rainmaker นะครับ



Rudy Baylor: Every lawyer, at least once in every case, feels himself crossing a line that he doesn't really mean to cross... it just happens... And if you cross it enough times it disappears forever. And then you're nothin but another lawyer joke. Just another shark in the dirty water.

รูดี้พูดว่า “อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในทุกๆ คดี ทนายทุกคนจะพบว่าตัวเองกำลังข้ามเส้นๆ หนึ่งที่เขาไม่ได้คิดที่จะข้าม อยู่ๆ มันเกิดขึ้น" ขอทวนไวยากรณ์พื้นฐานเลยนะครับ lawyer ไม่มี s เพราะ every ต้องตามด้วยนามเอกพจน์เสมอ ซึ่งก็ทำให้กริยา feel ที่ตามมาต้องเติม s ไปโดยปริยาย

ส่วนรูปประโยค find someone doing something นี่ถูกใช้บ่อยเลยครับ หรือจะใช้คำว่า see ก็ได้เช่นกัน รูปประโยคนี้สามารถขยายเต็มได้ว่า find someone who is doing something ซึ่งถ้าจำได้ ผมเคยบอกไปแล้วว่าเราตัด who is ทิ้งเพื่อให้ประโยคกระชับขึ้นได้

ส่วนคำ “it just happens” นี่ แปลตรงตัวก็คือ อยู่ดีๆ มันก็เกิดขึ้นมาเอง เป็นขึ้นมาเอง (ให้ลองนึกคำว่า “Shit happens” ในหนัง Forrest Gumps สิครับ อารมณ์เดียวกันเลย)

ต่อมารูดี้ก็พูดว่า “ถ้าคุณข้ามเส้นนั้นบ่อยพอ มันจะหายไปตลอดกาล” คนที่ไม่เคยดูหนังอาจจะงงว่าเส้นอะไรเหรอ ซึ่งผมคิดว่ามันคือเส้นระหว่างการสู้คดีเพื่อความยุติธรรม กับการสู้เพื่อชนะเพื่อเงินโดยไม่สนใจอะไร (ประมาณนั้นครับ จำได้รางๆ แหะๆๆ)

ส่วนประโยคต่อมาก็คือ “จากนั้นคุณจะเป็นได้แค่ทนายในจำอวด”
ตรงนี้เป็นรูปแบบประโยคที่เขาชอบพูดกันครับ “are nothing but something” ซึ่งถ้าแปลตรงๆ ก็คือ เป็นอะไรไม่ได้อีก นอกจากไอ้ something นั่นแหละ แต่ถ้าจะให้แปลแบบทางการจริงๆ คำว่า nothing but ก็คือคำเดียวกับ only นั่นแหละครับ แต่ว่าถ้าจำมันจะยาก ให้ลองอ่านประโยคดู แล้วจะรู้เองว่าอารมณ์ของประโยคก็บอกความหมายของ nothing but อยู่กลายๆ อยู่แล้ว อ้อ ผมอยากเพิ่มสำนวนคล้ายๆ กันคือ all but ซึ่งแปลได้ว่า nearly หรือ almost ครับ ตัวอย่างประโยคคือ I’ve all but finished reading the book ซึ่งถ้าเราแปลตรงๆ ก็คือ ผมทำไปหมดแล้วยกเว้นอ่านหนังสือจนจบ และถ้าจะแปลแบบทางการ ก็จะเป็น ผมอ่านหนังสือเกือบจบแล้ว (แต่ยังไม่จบ) ไงครับ เห็นไหมว่าอารมณ์ของประโยคก็บอกความหมายได้ในระดับหนึ่งแล้ว

ส่วน lawyer joke นั้น มันหมายถึงตลกของฝรั่งที่เกี่ยวกับพวกทนาย ซึ่งตลกพวกนี้ชอบพูดถึงทนายในแง่หิวเงิน ไม่มีมนุษยธรรม ผมก็เลยแปลมาเป็นทนายในจำอวด ก็คิดว่าน่าจะตรงพอประมาณครับ ประโยคสุดท้ายก็แปลง่ายๆ ครับ “เป็นแค่ฉลามอีกตัวหนึ่งในน้ำเน่าๆ” ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ผมคงอ้างถึงประโยคปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งเข่ง ซึ่งในที่นี้เขาคงหมายถึง ทนายที่ข้ามเส้น (ศีลธรรม) คนนั้นก็จะกลายเป็นปลาเน่าอีกตัวที่ทำให้เข่งเหม็น (ซึ่งในสำนวนของฝรั่ง เขาเปรียบว่ามันเน่ากันอยู่หลายตัวอยู่แล้ว)
** ตรงนี้แนะนำว่าให้ลองอ่าน comment ของคุณคนเมืองแปลนะครับ เขามาพูดเรื่องความหมายของ shark ให้ฟัง :-) ขอบคุณอีกครั้งครับ **

อืมม วันนี้ออกจะเป็นประโยคไม่ยากนะครับ
แบบว่าฉลองการกลับมาเขียนของผม เลยไม่อยากเริ่มอะไรที่ยุ่งยากเท่าไหร่
และจริงๆ แล้ว blog ที่สอนอังกฤษก็มีเยอะพอแล้ว ผมก็แค่อยากให้ blog ของผมเป็นตัวที่ช่วยให้คนอ่านรู้สึกว่า การอ่านสำนวนอังกฤษมันไม่ต้องไปหาดิคชันนารีสำนวนมาอ่าน แค่อ่านประโยคแล้วจับใจความให้ได้พอประมาณ เสร็จแล้วอารมณ์ของประโยคมันจะบอกความหมายของสำนวนนั้นเอาเอง ซึ่งพอฟังบ่อยๆ มันก็จะเริ่มชินแล้วก็จำได้เอง ผมก็ใช้วิธีแบบนี้แหละครับ อาศัยอ่านนิยายจนเคยตัว อ่านแบบไม่เปิดดิค มั่วบ้างข้ามบ้าง ไปๆ มาๆ ก็เริ่มจำศัทพ์จำสำนวนได้เองครับ ดังนั้นคนที่อยากเริ่มอ่านภาษาอังกฤษ อ่านไปเลยครับ ขอแค่ให้อ่านอย่างต่อเนื่องเท่านั้น แล้วมันจะได้เอง  สู้ๆ ครับ




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2550
12 comments
Last Update : 24 ตุลาคม 2550 22:25:59 น.
Counter : 7969 Pageviews.

 

ดีจังเลยค่ะ เรียนภาษาอังกฤษนอกห้องเรียน
ขอบคุณนะคะ ได้ความรู้จริงๆ

ขออนุญาติแอดไว้นะคะ

 

โดย: Rabbit Sunflower 26 กรกฎาคม 2550 2:37:11 น.  

 

I would do mention -- you 'd very superb idea, But I would like to suggest you some or other things that we 're now always saying ...is

Duck

That's mean.....ระวังอะไรจะพุ่งใส่หัว หรือ ให้ระวังหัวเอาไว้ด้วย

 

โดย: Preconventional Level IP: 202.41.190.225 26 กรกฎาคม 2550 13:36:28 น.  

 

เป็นการแนะนำความรู้ที่ดีครับ ในฐานะที่ผ่านความผิดพลาดในการแปลมานับครั้งไม่ถ้วนกว่า 10 ปี ขอเอาประสบการณ์มาร่วมแบ่งปันครับ การแปลที่ดีต้องใช้สมาธิดีๆครับ ไม่อย่างนั้นสิ่งที่แปลจะคลาดเคลื่อนทีละเล็กละน้อยจนทำลายต้นฉบับได้
ประโยค it just happens ที่แปลไว้ว่า อยู่ดีๆมันก็เกิดขึ้นมาเอง เป็นขึ้นมาเอง ก็ถูกต้องนะครับ แต่ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายก็แปลว่า "เป็นเรื่องธรรมดา"น่าจะดีกว่าครับ
ตรงประโยคเรื่อง rain maker
at least once in every case, feel himself ...
แปลไว้ว่าอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในทุกๆคดี ก็ถูกต้องตามตัวอักษรครับ แต่ลองแปลอย่างนี้ดีไหมครับ "อย่างน้อยก็มีสักคดี"เพื่อไม่ให้เยิ่นเย้อครับ ส่วนคำว่า feel himself แปลไว้ว่า พบว่า... แต่แปลว่า "รู้สึกว่า"จะถูกต้องกว่าครับ
และประโยคสุดท้าย Just another shark in dirty river.
ที่แปลว่า เป็นแค่ปลาฉลามอีกตัวในน้ำเน่า จริงแล้วคำว่า shark นี้เป็นแสลงนะครับ แปลว่าพวกหิวเงิน หน้าเงิน ตะกละ อะไรประมาณนี้ครับ หรือจะแปลให้มีลูกเล่นก็แปลว่า เสือหิวก็เข้าเค้านะครับ เพราะในความคิดของคนอเมริกัน พวกทนายส่วนใหญ่จะหน้าเงินครับ หวังว่าประสบการณ์เล็กๆน้อยของผมจะมีประโยชน์บ้างนะครับ

 

โดย: คนเมืองแปล IP: 203.113.35.9 27 กรกฎาคม 2550 11:28:20 น.  

 

ยินดีที่คุณ Rabbit Sunflower ชอบนะครับ :-) เชิญ add ได้ตามสบายเลยครับ

ส่วนคุณ Preconventional Level นี่ คงเป็นคุณบัวกับกลยุทธใช่ไหมครับ
เห็นเข้ามาพูดคุยอยู่ในหลายๆ หัวข้อเลย ก็ยินดีต้อนรับครับ

ส่วนคุณ "คนเมืองแปล" ครับ ผมขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมครับ
บล็อกนี้ี่ออกจะเป็นการแนะนำให้แปลแล้วเข้าใจความหมายและอารมณ์ของประโยคน่ะครับ
ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นการแปลแบบยาวๆ ให้มองภาพออกเสียก่อน
เลยไม่ได้ใส่ใจมากนักกับการแปลให้สั้นและสละสลวยขึ้น
แต่ก็ยินดีที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์นะครับ :-)
ผมก็เคยแปลบทความภาษาอังกฤษมาหลายบทความเหมือนกัน แต่ในนิตยสารคอมพ์ทั้งนั้น
เลยคิดว่าคุณคนเมืองแปลคงมีประสบการณ์โดยตรงมากกว่าแน่ๆ
ไว้แวะมาพูดคุยกันอีกนะครับ
แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำแปลของ shark ครับ ยอมรับว่าผมลืมจุดนี้ไปเสียสนิท
พยายามอธิบายให้ได้อารมณ์เสียจนลืมพูดถึงความหมายของคำที่ใช้บ่อยๆ นี้ไป
คำ loan shark นี่ก็เห็นออกบ่อยๆ (แถมเดี๋ยวนี้มีในไทยกันตรึมมมม)

:-)

 

โดย: MrET_TK 28 กรกฎาคม 2550 4:48:05 น.  

 

ขอบคุณนะคะสำหรับการสอนภาอังกฤษในครั้งนี้

เป็นประโยชน์มากๆเลย

ไว้มาเขียนอีกนะคะ

 

โดย: แวะมาชม IP: 203.113.32.8 29 กรกฎาคม 2550 12:01:36 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะพี่ชาย สบายดีนะคะ คิดถึงค่ะ ^_^

 

โดย: Beee (Beee_bu ) 29 กรกฎาคม 2550 12:52:41 น.  

 

เก่งจังอ่ะ

 

โดย: Kurt Narris 29 กรกฎาคม 2550 23:27:47 น.  

 

คราวก่อนแวมาทัก คราวนี้แวะมาอ่านแบบละเอียดคร้า งิงิ

 

โดย: Beee (Beee_bu ) 1 สิงหาคม 2550 14:20:02 น.  

 

ดีจ้า พี่พลนี่น้องเน็ตเองน้า ลูกศิษย์พี่จิ๋ง

คิดถึงนะค่า จาแวะมาอ่านเรื่อยๆ

แอดวั้ยแล้วน้า

 

โดย: เน็ต (momokonoi ) 3 สิงหาคม 2550 18:48:35 น.  

 

คุณ Kurt Narris สวัสดีครับ แวะมาทักหลายบล็อกเลยนะครับ :-)
ช่วงนี้ผมอัพบล็อกเรื่องภาษาอังกฤษบ่อยหน่อย ไว้วันหลังจะเอาเรื่องอื่นมาบ่นแทนครับ

น้องบี.. หวังว่าคงสบายดีนะ ดีใจที่เห็นน้องบีแว่บไปแว่บมานะ
ดูเป็นสาวนินจาดี แหะๆ

น้องเน็ต ... เป็นไงบ้างครับกับการเรียนภาษาอังกฤษ
พี่จิ๋งฝากความคิดถึงมาให้นะ ยังไงก็แวะมาทักทายก็แล้วกันนะครับ :-)

 

โดย: MrET_TK 3 สิงหาคม 2550 21:37:16 น.  

 

ช่วยนำเอา idiom มาแนะนำเยอะๆหน่อยค่ะ ต้องการมากค่ะ ที่ใช้บ่อยๆด้วยนะค่ะ ขอบคุงมากค่ะ

 

โดย: anabell IP: 61.91.47.142 7 สิงหาคม 2550 14:31:17 น.  

 

ขอบคุณมากเลยนะคะที่ให้คำแนะนำไปเยอะเลย

ตอนแรกดูซับไทยไม่รู้เรื่องเลยล่ะคะ ดูรอบสองถึงจะเข้าใจ พอมาอ่านที่เว๊ปนี้อีก Get เลยล่ะคะ

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

 

โดย: เด็ก Law IP: 202.28.47.11 19 พฤศจิกายน 2550 15:29:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


MrET_TK
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




วิศวกรคอมพิวเตอร์โดยปริญญา แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นอาจารย์ในที่สุด (แถมเป็นคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ฮะๆๆ) ปัจจุบันเป็นวิทยากรด้านการตลาดออนไลน์ให้กับสถาบันในเครือกรุงเทพธุรกิจและเว็บ exitcorner รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ให้บริษัทเอกชน

ปัจจุบันผมเขียนบทความใน fan page เป็นประจำ (http://www.facebook.com/dr.ekkasit กับ http://www.facebook.com/InspireRanger)
Friends' blogs
[Add MrET_TK's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.