Group Blog
 
 
ธันวาคม 2558
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
4 ธันวาคม 2558
 
All Blogs
 
3 คำอธิฐานสาวกภูมิวิสัย และปรารถนาให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน

(คำอธิฐาน สาวกภูมิวิสัย แต่ยังไม่ปรารถนาไปพระนิพพานชาตินี้)  "ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐาน ขอให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ในอนาคตอันใกล้นี้ หากแม้นยังต้องเกิดอยู่ฉันใด ก็ขอให้มาบังเกิดเป็นมนุษย์มีอาการครบ32 มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีรูปเป็นทรัพย์ เกิดมาในสกุลสูงสกุลสัมมาทิษฐิ ได้พบพระพุทธศาสนา และได้เข้าถึงซึ่งธรรมมะอย่างลึกซึ้ง ทรงความดีทรงคุณธรรมประจำจิต มีคู่บุญคู่บารมี มีมิตรที่มีศรัทธามีคุณธรรมเสมอกัน ได้ช่วยพิทักษ์ค้ำชูพระพุทธศาสนาด้วยดังนี้ทุกชาติไป ครั้นถึงวาระแห่งการบรรลุธรรมก็ ขอให้ได้มีพระอริยเจ้าผู้ทรงคุณธรรมได้โปรดมาสงเคราะห์ ให้ข้าพเจ้าได้บรรลุธรรมได้อย่างฉับพลันทันใดด้วย เทอญ สาธุ"
(คำอธิฐานสำหรับท่านผู้ตั้งใจปฏิบัติธรรมในสาวกภูมิวิสัย และปรารถนาให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้)
"ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐาน ขอให้ข้าพเจ้าได้มีกำลังใจให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด  
ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้า เคยบำเพ็ญมาในอดีตชาติจวบจนปัจจุบันชาตินี้ได้กลับมารวมตัวกัน ส่งผลให้ข้าพเจ้ามีความ สุขความเจริญ รุ่งเรืองก้าวหน้าทั้งในทางโลกและทางธรรม
ขอให้ข้าพเจ้า มีครูบาอาจารย์ที่เป็นสัมมาทิษฐิช่วยชี้แนะทางธรรม ทางแห่งการปฏิบัติเพื่อความบริสุทธิ์ของจิต
ให้มีปัญญาตัดกิเลสให้เป็น สมุทเฉทประหาร และบรรลุธรรมได้อย่าง ฉับพลันทันใด เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้อย่างง่ายดายด้วยเทอญ สาธุ"
--แม้เพียงเอ่ยพระนาม พุทธโธ และ รำลึกถึงความดีของพระ พุทธเจ้าท่าน ก่อนดับจิตเพียงเท่านี้ก็สามารถถึงซึ่งสวรรค์ได้
-อธิฐานว่า เราคือจิตดวงนี้ มาอาศัยในร่างกายปัจจุบัน ตามแรงของกฏแห่งกรรมก็ดี ด้วยแรงอธิฐานก็ดี เพื่อการลงมาสร้างบารมีก็ดี  ณ บัดนี้จิตของเรา ได้ตื่นขึ้นจากการยึดติดในร่างกายขันธ์ห้าแล้ว  ขอให้วิชชาและสัมมาทิษฐิในอดีตชาติของข้าพเจ้ากลับคืนมาด้วยเทอญ  
-"สาวกภูมิต้องการไปนิพพานชาตินี้ อธิฐานว่า
"ขอให้การเกิดของข้าพเจ้านี้ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย
เมื่อข้าพเจ้าสิ้นอายุขัยในชาตินี้  ข้าพเจ้าขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอญ"
-- การปฏิบัติจริง แบบมาตราฐาน ทำกันแบบนี้  
เริ่มจับลมหายใจพร้อมๆ กับใช้คำภาวนากำกับ เพื่อให้สติระลึกรู้จังหวะการหายใจไม่ซัดส่ายไปไหน -พอจิตเริ่มสงบ ลมหายใจก็จะเบาลงเองโดยอัตโนมัติ จิตก็จะคลายตัวลงจากการภาวนาเอง คือจิตจะหยุดภาวนาเอง หากบางคนไม่รู้ ก็กลัวว่าคำภาวนาหาย ก็เลยถอยหน้าถอยหลังอยู่จุดเดิม ไม่ไป
ไหน ในช่วงนี้อารมณ์ใจที่ต้องการก็คือ อารมณ์ใจที่สงบ เบา สบาย ลมหายใจละเอียด
-พอใจเราสบาย ก็เริ่มกำหนดพุทธนิมิตรในจิตของเรา ให้ใสเป็นแก้วประกายพรึก ให้อธิฐาน"ปัก"พุทธนิมิตรเอาไว้ว่า   "ขอให้พุทธนิมิตรและพุทธานุภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โปรดสถิตมั่นคงในดวงจิต เหนือศีรษะของข้าพเจ้าตลอดไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"
-การจับภาพพระทรงเอาไว้ในจิตไม่ว่าลืมตาหลับตา หากยังทรงไม่ได้ตลอด  ให้รู้สึกว่า พระท่านอยู่เหนือเศียรเกล้าของเราอยู่ตลอดเวลา  พิจารณาต่อไปว่า เมื่อพระท่านอยู่กับเราก็ขอให้เราทรงอารมณ์อยู่ในกุศลจิต มีความดี ในทุกระดับไปจนถึงความดีเพื่อการหลุดพ้นเป็นที่สุด
---เริ่มการปฏิบัติ
จับลมสบาย ระลึกถึงคุณพระรัตนไตย ระลึกถึงศีล ระลึกถึงบุญความดี ระลึกถึงเมตตา พรหมวิหารสี่ ระลึกถึงวิปัสนาญาณตัดขันธ์ห้าให้ใจละเอียด เบาบาง ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายของเราและของบุคคลอื่น จับภาพพระให้ใสเป็นแก้วประกายพรึกเปร่งรัศมีสว่างไสวแพรวพราว
อธิฐาน ขอบารมีพระท่านยกจิตอาทิสมานกายของเรา ขึ้นสู่พระนิพพาน ตั้งมั่นไว้ที่พระนิพพานครับ
-ขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ และท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย แยกกายออกไปกราบทุกท่านทุกพระองค์และน้อมถวาย ดอกบัวแก้วอันเกิดจากอำนาจบุญกุศลของเรา น้อมถวายท่านทุกพระองค์ด้วยเทอญ.
-อธิฐานให้เกิดดอกบัวแก้วใสสว่างในมือของกายพระวิสุทธิเทพ กำหนดจิตว่า ดอกบัวนี้เป็นการรวมบุญกุศลบารมีของเรานับจากอดีตชาติให้มาปรากฏขึ้นณบัดนี้ 
เราขอน้อมถวายความดีทั้งหมดของเรานี้เป็นเครื่องบูชาพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ณบัดนี้ แล้วน้อมถวายดอกบัวแก้วให้พระพุทธองค์ท่าน
กราบขอบูชาให้ท่านได้เป็นบรมครูสั่งสอนธรรมมะความดีให้เราได้ก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไปโดยตรงด้วยเทอญ
-อธิฐานจิตให้ปรากฏ เทพพรหมเทวดา และบิดามารดาท่านผู้มีคุณของเราในอดีตชาติ ให้ท่านมาปรากฏอยู่เบื้องหน้า แยกอาทิสมานกายออกเท่าจำนวนท่านเหล่านั้น เนรมิตดอกบัวแก้วน้อมถวายท่านทุกพระองค์ เพื่อบูชาความดีแสดงความกตัญญูต่อท่าน ..
ขอให้ท่านคุ้มครอง กายวาจาใจให้อยู่ในสัมมาทิษฐิเสมอปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง มีสุขภาพที่แข็งแรง เพื่อใช้สร้างบารมีสร้างกุศล จนถึงพระนิพพาน
--ขอบารมีพระท่านให้สงเคราะห์เราให้ปรากฏ"ดวงจิตเป็นแก้วใส"อันเป็นดวงจิตของเรา พร้อม"ตัวรู้"ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของอาทิสมานกายด้วยเถิด ลองใช้ความรู้สึกที่ไม่ใช่ตา ใจสัมผัสรับรู้ มอง หรือ สัมผัสภาพด้วยใจ
-อธิฐาน ให้จิตเรามีตัวรู้และอายตนะรู้เห็นสัมผัส ได้กลิ่นได้ยินเสียง เป็นปกติ  -อธิฐาน ให้การพิจารณานี้ด้วยสติและใจที่เป็นอุเบกขา ชำระธาตุร่างกายให้สะอาดบริสุทธ์แข็งแรงขึ้นประหนึ่งโอสถทิพย์ด้วยเถิด
-ถ้าวิสัยสาวกภูมิ ขอนิพพานชาตินี้ ขอให้อธิฐานว่า ร่างกายอันเป็นของไม่สะอาดสกปรกนี้ เราขอใช้เพียงชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ที่เดียว จุดเดียวที่เราต้องการคือพระนิพพาน -
-ให้ใช้อาทิสมานกาย 
กราบขอบารมีพระพุทธองค์ทรง สงเคราะห์  ขอได้โปรดเชิญ ท่านพระยายมราช ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย พ่อแม่ในอดีตชาติ เทพพรหมเทวาที่ท่านมีพระคุณ คอยปกปักรักษาดูแล ข้าพเจ้าและครอบครัว ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
ขอให้ท่านเมตตามาปรากฏเบื้องหน้าอาทิสมานกายของข้าพเจ้าด้วยเทอญ  จากนั้นแยกอาทิสมานกายพร้อมดอกบัวแก้วน้อมถวายทุกท่านและกราบลงที่เท้าของทุกท่านทุกพระองค์ด้วยเทอญ
-จากนั้นอธิฐาน ระลึกถึง บุญกุศล ที่ได้ทำมานับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต ขอให้มา รวมตัวกัน ณ บัดนี้ และขอน้อมถวาย บูชาแก่ ทุกๆท่านเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที และนับแต่นี้เป็นต้นไปจนข้าพเจ้าถึงซึ่งพระนิพพาน ขอให้ทุกๆท่านได้ โมทนา และ มีส่วนร่วม ในบุญในกุศลทุกอย่างทุกครั้งไปด้วยเทอญ 
ขอให้ท่านพระยายมราช และแม่พระธรณีได้เป็น พยานบุญ ในการทำความดี ทำกุศลของข้าพเจ้าทุกอย่างทุกครั้ง  หากแม้นข้าพเจ้าพลาดพลั้งในการวางอารมณ์ใจก่อนตาย ก็ขอให้ พระยายมราช ท่านได้ เป็นพยานบุญ ให้ข้าพเจ้าเพื่อการจุติไปในที่สุขติด้วยเทอญ
หากแม้นมีหมู่มาร คิดร้ายทำลายการสร้างบารมีของข้าพเจ้า ก็ขอให้ แม่พระธรณี ท่านได้มาช่วยเป็นพยานเฉกเช่นที่เคยปรากฏกับพระพิชิตมารมาในอดีตด้วยเทอญ
หากแม้นมีภัยอัตรายใดก็ขอให้ท่าน ท้าวมหาราชทั้งสี่ ท่านเมตตาคุ้มครองข้าพเจ้าจากภัยอันตรายทั้งปวงทั้งสี่ทิศด้วยเทอญ
ขอแม่พระธรณี รักษาอย่าให้ข้าพเจ้าผจญกับภัยธรณีพิบัติ
ขอแม่พระคงคา รักษาอย่าให้ข้าพเจ้าผจญกับภัยทางน้ำ
ขอแม่พระเพลิง รักษาอย่าให้ข้าพเจ้าผจญกับภัยแห่งไฟ
ระเบิด รังสี ทั้งปวง  ขอแม่พระพาย รักษาอย่าให้ข้าพเจ้าผจญกับภัยจากลม จากพายุ
และขอหมู่มวลเทวา ปกปักรักษาข้าพเจ้าทั้งยามหลับยามตื่น ให้เจริญทั้งทางโลกทางธรรม ตั้งมั่นในสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติด้วยเทอญ
-จากนั้น กราบขอบคุณ และ กราบลา พระพุทธเจ้าและท่านผู้มีพระคุณทุกพระองค์
-จากนั้นค่อยๆถอนจิตจากสมาธิช้าๆ ภาวนา พุทธโธ ธัมโม สังโฆ กำกับ และทรงอาทิสมานกายไว้บนพระนิพพานไว้
-ที่ผ่านไปคือ พิธีมอบตัวให้ เทวดาผู้ใหญ่ท่านได้รู้จักและคุ้มครองรักษา ช่วยบรรเทาอันตรายให้ท่านได้อีกส่วนหนึ่งถ้าไม่เกินอำนาจกฏของกรรม
- กายคตา อสุภกรรมฐาน ขอบารมีพระท่านให้ทรงสง เคราะห์ ปรากฏกายเนื้อของข้าพเจ้าอยู่บนพระนิพพานพร้อมกับอาทิสมานกายที่สว่างไสวแพรวพราว ใช้จิตตัวรู้มาพิจาร ณา กายเนื้อและอาทิสมานกาย ให้กายเนื้อนอนลงบนแท่น
-อธิฐานว่า กายเนื้อที่ปรากฏนี้เป็นนิมิตรเพื่อพิจารณาในสัง ขารร่างกาย ขออย่าได้มีโทษอันใดต่อกายเนื้อจริงๆ แต่หากแม้เราได้มีโรคภัยไข้เจ็บผิดปกติ ณ อวัยวะส่วนใด ระบบใด ขอให้ ได้พบ เจอก่อน และมีผลในการรักษาผ่านกายนี้ด้วยเทอญ -อธิฐาน ให้ซากอสุภะกายเนื้อกลับมารวมกันดีดังเดิม
-อธิฐาน ประกอบร่างรวมธาตุใหม่ว่า -ธาตุทุกธาตุ อวัยวะทุกส่วน อณูทุกอณูในร่างกายเนื้อของเรานี้ ขอให้กลับมารวมกันด้วยความสมบูรณ์แข็งแรง ที่ไม่ปรกติก็ขอให้ปรกติ ไม่สมดุลก็ขอให้สมดุล ให้ข้าพเจ้านี้ได้อาศัยใช้ร่างกายเนื้อนี้ สร้างบุญ สร้างบารมี สร้างความดี รักษาพระพุทธศาสนาสืบต่อไปด้วยเทอญ
-แล้วกราบขอฉัพพรรณรังสีจากพระพุทธองค์ ส่องลงมาฉาบทา กายเนื้อให้ใสเป็นแก้วระยิบระยับแพรวพราว
กำหนดจิตว่า  -ขอให้กระแสแห่งพระนิพพานนี้ฟอกล้างธาตุหยาบคือกายของข้าพเจ้านี้ให้ มีความสะอาด บริสุทธ์ทั้งกายวาจาใจด้วยเทอญ
- มรณานุสติกรรมฐาน ในอารมณ์พระนิพพาน พิจารณาว่า  "เรานี้ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ แต่เรารู้ว่าเราตายแน่นอนที่สุด  เราไม่อาจหลีกหนีความตายไปได้  แต่เราเชื่อและเคารพในพระรัตนไตยและคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ถ้าเราตายเราจะเลือกไปในสุขคติภูมิ และ ณ บัดนี้เราได้รู้จักและเห็นสภาวะของพระนิพพานแล้ว
จุดสูงสุดที่เราจะไปคือพระนิพพาน ไม่ว่าเราจะปรารถนาพุทธภูมิ หรืออยู่ในวิสัยของ สาวกภูมิก็ดี ท้ายที่สุด ก็ต้องเข้าสู่พระนิพพานด้วยกันทั้งหมด
สาวกภูมิ-บัดนี้เราขอบารมีของพระพุทธเจ้าได้โปรดเมตตาสงเคราะห์  ขอให้ข้าพเจ้าเมื่อตายก็ขอให้ได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานด้วยเทอญ
--ขอให้เราจะมีจิตที่มั่นคงในไตรสรณะคมม์และมีสัมมาทิษฐิตลอดไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
--ขอให้ศีลนั้นรักษาใจเราให้ระลึกถึงแต่ความดีกุศลผลบุญตลอดไป ให้มีสติระลึกรู้ไม่เผลอกายวาจาใจไปในบาปอกุศลทั้งปวงตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ
--ปัญหาในการไม่อาจทรงอารมณ์ไว้บนพระนิพพานไว้ได้นานนั้น วิธีแก้ไขคือ  ให้ใช้อาทิสมานกายมองมาจากบนพระนิพพาน..มาดูร่างกายเนื้อ มองดูร่าง กายเนื้อแสดงอาการหายใจ ประหนึ่งเราดูร่างกายของบุคคลอื่นอยู่  อย่าไปรู้สึกว่าเรากำลังเป็นผู้หายใจ
--อธิฐานจิตเราเมื่อ มีผู้ขอโมทนาบุญจากเราว่า
"เราขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลนี้ให้กับ ท่านทั้งหลายที่ขอโมทนาบุญกับเราในทุกครั้งทุกโอกาส ไม่ว่าเราจะทำในอดีตก็ดี ปัจจุบันก็ดี และที่จะบำเพ็ญต่อไปในอนาคตก็ดี ที่เราได้ทราบก็ดี ไม่ทราบก็ดี จะเป็น มนุษย์หรือเทพพรหม เทวา พญานาค ก็ดี ที่มีกายเนื้อก็ดีไม่มีกายเนื้อก็ดี  ขอให้เขาเหล่านี้ จงประสพแต่ความสุข พ้นจากความทุกข์ พ้นภัยจากวัฏสงสาร สัมผัสพระนิพพาน อันเป็นบรมสุข ด้วยเทอญ"
--มหาโมทนาบุญ หมายถึงการ โมทนาความดี กุศล ผลบุญทั้งปวงที่ได้ปรากฏขึ้น ทั่วอนันต์จักวาล ทั้งสามไตรภูมิ หนึ่งนิพพาน ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ซึ่งล่วงข้ามมิติของสถานที่และกาลเวลา เป็นมหากุศลที่ จะไหลรวมมาหล่อเลี้ยง ดวงจิตของพระโพธิสัตว์ทุกดวงให้สว่างไสว  
-ขอกราบโมทนาบุญของทุกท่าน ทุกโอกาส ทุกวาระ นับแต่อดีต ปัจจุบันและที่ท่านจะบำเพ็ญกันต่อไปในอนาคตครับ
- ศาสตร์ว่าด้วยการระลึกชาติ วิธีการดังนี้ ใช้กำลังของมโนมยิทธิ ทรงอารมณ์นิพพานและ "ให้อธิฐานขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านให้เมตตาสงเคราะห์ ขอให้ ข้าพเจ้าได้เห็นชาติภพที่ข้าพเจ้าได้สร้าง หรือร่วมสร้างพระพุทธรูปไว้ในพระพุทธศาสนาด้วยเถิด"
เมื่อดูจบในแต่ละชาติให้อธิฐานว่า "ขอให้ผลบุญในอดีตชาตินี้จงส่งผลมีอานิสงค์ต่อข้าพเจ้าในชาติปัจจุบันด้วยเทอญ" เกิดมีตัวรู้ บุญ-เวร  ถ้าเป็นบุญก็จงโมทนาของทั้งเราทั้งเขาให้บุญนั้นเจริญยิ่งๆขึ้นไป  แต่ถ้าเป็นเรื่องเวรเรื่องกรรมก็จง รีบอโหสิกรรมให้กันและกันเพื่อให้กรรมในอดีตชาตินั้นเป็นโมฆะกรรม ไม่ส่งผลในปัจจุบันและอนาคตต่อไป-ขอให้ท่านทั้งหลายที่ตั้งใจฝึกการระลึกชาติ แล้ว ขอให้เจริญวิปัสนาญาณต่อจนจิตเกิดนิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่ายในการเวียนว่ายตายเกิดจนจิตยกขึ้นสู่ อารมณ์นิพพานด้วยเทอญ
--อธิษฐาน"ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้า ได้เข้าถึงวิชชาและ
บารมีที่เราได้เคยได้ เคยบำเพ็ญ ตลอดรวมไปถึงสายสมบัติสายบุญที่เรา เคยสร้างเคยสะสมไว้ ได้โปรดกลับมารวมตัวส่งผลดีในชาตินี้ ให้ปรากฏขึ้น เพื่อการสร้างบารมีในชาติปัจจุบันนี้ของข้าพเจ้า เพื่อคุณประโยชน์ ต่อชาติศาสนาและองค์พระมหากษัตริย์แห่งแผ่นดินไทยนี้ด้วยเทอญ"
- การฝึกจิตเข้าสู่ดินแดนแห่งความรู้ ที่มิติของพระพรหมท่าน -อธิฐานว่า"ด้วยบารมีของพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วอนันตจักรวาล  ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงความรู้ ญาณทัศนะแห่งพรหมศาสตร์อันเป็นแหล่งความรู้ของจักรวาล ในความรู้อันเป็นสัมมาทิษฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา เพื่อ ประโยชน์แห่งตัวข้าพเจ้า ส่วนรวม พระ พุทธศาสนาและมวลมนุษยชาติอีกทั้งสรรพสัตว์ด้วยเทอญ
-สิ่งใดที่ข้าพเจ้าสมควรรู้ก็ขอให้ได้รู้  สิ่งใดที่ข้าพเจ้าสมควรเห็นก็ขอให้ได้เห็น  หากความรู้ใดจักเกิดโทษต่อข้าพเจ้าก็ดี ต่อส่วนรวมก็ดีต่อพระศาสนาต่อมนุษยชาติและสรรพสัตว์ก็ดี  ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้รู้ อย่าได้เห็น อย่าได้ทราบ เลย"
-จากนั้นวางใจให้สบาย ไปที่พรหมสถาน และกราบขอความรู้จากท่านท้าวสหัมบดีพรหม ในสรรพวิชา
--หลวงพี่สมปองท่านแนะนำว่า ในตอนเช้าที่เราได้ตื่นขึ้นมา ก็ขอจงตั้งใจทรงจิตอยู่ใน พุทธานุสติ
อาราธนาพระพุทธเจ้าท่านให้ทรงประทับอยู่เหนือเศียรเกล้าของเราไว้ และ อธิฐานว่า ขออาราธนาพระท่านให้เมตตาสงเคราะห์คุ้มครองตัวเราไว้ทั้งวัน เราไปไหนขอให้พระท่านไปด้วย มีอะไรที่เราทำไม่ถูกไม่ควรก็ขอให้พระท่าน ช่วยเมตตาสะกิดเตือน มีอะไรที่จะเป็นอันตรายก็ ขอให้พระท่านคอยเตือนคอยบอกให้รู้ล่วงหน้า  ถ้ากำลังใจ สูงขึ้นก็ขอให้ทรงในพุทธานุสติ สามชั้นคือ ทรงพุทธนิมิตรไว้บนศีรษะหนึ่งองค์ ในศีรษะหนึ่งองค์ และภาย ในอกของเราหนึ่งองค์
- การนอนสีหไสยาสน์ ตอนนอน ให้ระลึกถึงความตาย มรณานุสติ ว่า
หากแม้นเราเอนกายนอนอยู่นี้ แล้วตายลง เราขอตามเสด็จ พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าสู่นิพพานด้วย เทอญ
--"พระนิพพานจะมีสภาวะ มีสภาพเป็นประการใดนั้นไม่สำคัญสำหรับเรา สิ่งที่เราต้องการคือความไม่เกิดอีก
ดังนั้น องค์พระพุทธศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า และหมู่พระอรหันต์ ท่านได้ เสด็จเข้าสู่พระนิพพานด้วยสภาวะใด ข้าพเจ้าขอเข้าถึงพระนิพพานด้วยเช่นนั้นด้วยเทอญ"
ใจของเราจะมีอารมณ์ใจที่ …-เบื่อร่างกาย
-ไม่อยากเกิดอีก ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ พรหม อรูปพรหม
-มีความมั่นคงและเชื่อมั่นในพระรัตนไตร –สิ้นสงสัยในการปฏิบัติว่ามีผลหรือไม่ -เห็นธรรมดาในทุกๆ สรรพสิ่ง
ทำทุกสิ่งเพื่อความดี เพื่อถึงซึ่งพระนิพพาน เพราะ  
จิตต้องการจุดเดียวคือพระนิพพานเท่านั้น

-อารมณ์นี้เป็นอารมณ์ของพระนิพพานโดยอาศัย การพิจารณา ผู้ปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องได้อภิญญา หรือมโนมยิทธิ ก็เข้าถึงอารมณ์นี้ได้ เมื่อบรรลุแล้วไม่มีความสามารถพิเศษทางด้านอภิญญา นอกจากการตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาร
--พรหมวิหารสี่ เราเป็นผู้ปรารถนาดี ต่อทุกสรรพชชีวิต ไม่เป็นศัตรูของผู้ใดเพราะทุกคนก็ล้วนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมด เราปรารถนา ให้ผู้อื่นเป็นสุข พ้นจากความทุกข์ อยากให้เขาได้ถึงซึ่งพระนิพพาน
--ยกจิตของเราขึ้นสู่พระนิพพาน อยู่เบื้องหน้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อธิฐานจิต ตั้งมั่นไว้บนพระนิพพานเป็นอารมณ์
"ขอบารมีแห่งพระจอมไตรศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ได้โปรดแผ่ ฉัพพรรณรังสี คลุมกาย คลุมจิตของเรา ให้สะอาด สว่าง สงบเย็นเช่นเดียวกับ อารมณ์ใจของพระพุทธองค์ท่านด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า"
และอธิฐานย้ำว่า "-ขอให้ ข้าพเจ้า สามารถเข้าถึงอารมณ์พระนิพพานนี้ได้ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ ที่เราต้องการ หากแม้นเราได้ละจากร่างกายนี้แล้ว จุดเดียวที่เราต้องการก็คือพระนิพพาน เป็นที่สุด  -ขอพระพุทธองค์ได้โปรด คุมกาย วาจา ใจ ของเรา ในทุกวัน ทุกเวลา ทุกลมหายใจ ให้มุ่งลัดตัดตรงสู่พระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ"
- ส่วนการ สวดมนต์ให้ได้อานิสงค์สูงสุด นั้น
-กายเนื้อสวดมนต์ ออกเสียงเปร่งออกจากท้องน้อย ด้วยลมปราณ อธิฐานเปร่งพลังแห่งพุทธมนต์ออกไปสู่ดวงจิตของสรรพสัตว์ทั่วอนันต์จักรวาล ทุกมิติ ทุกภพภูมิ
-ส่วนการท่องมนต์ก็ให้หลั่งไหลจากดวงจิต สู่ทุกดวงจิต ไม่ใช่ ออกมาจากความทรงจำครับ
-กายทิพย์ อาทิสมานกาย ใช้กำลังขึ้นสู่พระนิพพาน สวดมนต์บนพระนิพพาน ด้วยอารมณ์พระนิพพาน อันเป็นกำลังใจสูงสุดแห่งการปฏิบัติ
-ส่วนนิมิตร ในการสวดมนต์ การกำหนดภาพพระพทธนิมิตรของพระพุทธเจ้าที่ใสเป็นแก้วประกายพรึกเอาไว้ตลอดเวลา เหนือเศียรเรา เปล่งฉัพพรรณรังสี ส่องสว่างคุ้มครองกายและดวงจิตเรา
--การรู้เหตุผลด้าน กุศล ควรหมั่นพิจารณาและระลึกไว้เสมอเก็บรวบรวมสัญญาอันเป็น กุศล เอาไว้ หากผลด้านลบ อกุศลกรรม ควรละ ควรเลิกยึดติดโดย..
การอธิฐาน ขออโหสิกรรมทั้งปวง ต่อบรรดาสรรพสัตว์ทั้ง หลาย ก็ดี  การขออโหสิกรรมโดยจำเพาะเจาะจงต่อเหตุนั้นๆ เรื่องนั้นๆ ในบุคคลที่เกี่ยวข้องก็ดี เมื่ออโหสิกรรมแล้วก็ทำ..
การชำระล้างสัญญาออกไปจากกายและจิต โดยการอาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้าท่านจากพระนิพพานเป็นกระแสบริสุทธิ์ เย็น สะอาด สงบเหมือนเป็นน้ำทิพย์ ชะโลมล้างดวงจิต และกายเนื้อบริเวณที่เคยระลึกสัญญา  ให้หายสลายออกไปจนหมด  จิต ปล่อยวาง จากใจที่เคยยึดติดกังวลจากกรรมอันนั้นเสีย เหลือเพียง ใจที่ปล่อยวาง สงบ เย็น เห็นโทษภัยในทุกข์แห่งกฏของกรรม
-- กราบขอบารมีพระท่าน ส่งเคราะห์ ให้ ...
-การปฏิบัติสมาธิธรรม เพื่อให้ชีวิตราบรื่น รุ่งเรือง -แก้กรรมเก่าฝ่ายอกุศลให้เป็นโมฆะกรรม(ลบพลังงานด้านลบที่ฉุดรั้งชีวิต) –ทำปัจจุบันให้ดี (ให้ทานรักษาศีลทำสมาธิ งดการทำชั่วบาปอกุศลทั้งปวง) –การอธิฐานรวมบุญบารมีที่เท่าทำมานับแต่อดีตให้ส่งผลมายังปัจจุบันชาติ  -การอธิฐาน ขอบารมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตั้งผังชีวิต ด้วยกำลังแห่งกุศลธรรม
-- การสร้างบารมีไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น สร้างบารมีทุกลมหายใจ
-"เรามีเมตตาจิตต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายไม่มีที่สุดไม่มีประ มาณ ทั่วอนันต์จักรวาล เมื่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ได้สัมผัสกับคลื่นแห่งความเมตตาจากจิตของเราแล้วขอให้….
-เข้าถึงธรรมได้โดยง่าย –มีจิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาเช่นเดียวกับเรา  -มีดวงจิตในหนทางแห่งสัมมาทิษฐิ –มีส่วนร่วมในบุญในกุศลเช่นเดียวกับเราทุกอย่างทุกประการ
-หากเป็นโอปปาติกะ สัมพเวสี ก็ขอให้ได้อาศัยบุญจากเราไปบังเกิดในสุขคติภูมิอันมีสรรค์เป็นต้น" -จากนั้น กำหนดคลื่นแห่งความเมตตา จากดวงจิตเรา แผ่กระจายออกไป
พร้อมๆกับการกำหนดรู้ลมหายใจของเรา ระลึกว่า
-ทุกลมหายใจของเรา  เราจะกำหนดใจในพรหมวิหารสี่  พร้อมอารมณ์พระนิพพานอยู่สมำเสมอ ทำจนชินเป็นปกติ
-"ทุกก้าวย่างที่เราได้ ไปสัมผัสได้ไปถึง ไปเหยียบ
ขอแม่พระธรณี ได้โปรดเป็นพยานบุญ พยานแห่งเมตตาของข้าพเจ้าที่มีไม่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
ขอให้ทุกที่ที่ข้าพเจ้าได้ไปจงเป็นสถานที่ที่สุขสงบ ร่มเย็น อุดมสมบูรณ์ มีสันติสุข เป็นดินแดนแห่งสัมมาทิษฐิ คนและสัตว์ทั้งปวงอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข "
- การบวชจิต บวชข้างในเราเป็นพระ เวลาทำบุญทำความดีอะไรก็ตาม เวลาแผ่บุญออกไป ให้นึกว่าตัวเองเป็นพระ
-- เอาฝึกเข้มจริงๆ ใช่ไหม เอางี้นะ
เช้าตื่นขึ้นมา นึกภาพพระให้ได้พร้อมลมสบาย เอากายไปกราบที่พระบาทพระท่าน (บนพระนิพพาน)
พออาบน้ำแปรงฟันพิจารณาว่า ร่างกายเราปากเราสกปรกไหม หากไม่ทำความสะอาดจะเป็นอย่างไร จากนั้นตอนอาบน้ำก็กำหนดให้เห็นน้ำที่อาบเป็นกสิณ ล้างจิตเราให้สะอาดใสไปด้วย (พิจารณา ความสกปรก ความไม่เที่ยงของสังขารร่างกาย ให้จิต นึก เห็นภาพตามไปด้วยทุกครั้ง ว่า ร่างกายมันเป็นถุงอุจจาระปัสสาวะเคลื่อนที่ได้ มันสวยงามจริงหรือ)
พอกินข้าว ก็ถวายข้าวพระท่านเป็นของทิพย์ข้างบน(ก่อนที่คุณจะทานอาหาร ขนม หรือเครื่องดื่มใดๆ.ให้คุณนึกน้อมให้เห็นภาพว่า คุณกำลังน้อมถวายอาหารและเครื่องดื่มนั้นๆ แด่องค์พระรัตนตรัย (น้อมจิตเราถวายข้าวพระพุทธเจ้าท่านบนพระนิพพาน) จับภาพนั้นไว้สักพัก แล้ว ขอน้อมลาอาหารนั้นมาทาน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวคุณ และขอให้พระท่านช่วยสงเคราะห์ เสกอาหารนั้นให้เป็นอาหารทิพย์ มีสรรพคุณเป็นยาวิเศษ รักษาสารพัดโรคในกายคุณ).แล้วก่อนจะทานอาหาร อีกอึดใจหนึ่ง) จึงพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา (ว่าอาหารที่ขบฉันนี้ แท้จริงเป็นของสกปรก เป็นสิ่งปฏิกูล เป็นของไม่สะอาดเมื่อผ่านร่างกายเราก็ยิ่งกลับกลายเป็นอุจจาระ ปัสสาวะอีก เรากินเพื่อคงอันตรภาพนี้เพื่อสมถะธรรม)
คราวนี้นั่งรถไปทำงาน ก็จับลมหายใจสบายพร้อมกับจับภาพพระ และทรงพรหมวิหารสี่จิตเย็นใสไปด้วย
(ตีห้า-แปดโมงได้ทำกรรมฐาน3ชม.แน่ะ)
(๔. เวลาที่มีอะไรมากระทบกับจิต ทำให้จิตคุณหวั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นอาการดีใจ เสียใจ หงุดหงิด ไม่พอใจใดๆ ก็ตาม...ให้พิจารณาวิปัสสนาในข้อ อริยสัจสี่ ว่าชีวิตเป็นทุกข์อย่างไรบ้าง เราจะต้องเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเองอีกหรือ สังขารร่างกายของเรามันก็ไม่เที่ยงแท้ จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ เราจะมามัวโกรธ เกลียด รำคาญใจคนอื่นด้วยเรื่องอะไร โลกธรรมทั้ง๘ ก็ล้วนเป็นของไม่เที่ยง เราจะไปยึดไปถือมันด้วยสาเหตุใด..)
(๕. ถ้าเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย... ก็น้อมนำสังขารร่างกายมาพิจารณาว่า มันเป็นรังของโรค มันทุกข์ หรือมันสุข)
พอทำงาน ก็จับลมสบาย ใจสบาย ทรงเมตตาจิตยิ้มหน้ายิ้มแย้มเอาไว้ เป็นปกติ ไม่ทุกข์ร้อนอะไรตอนทำงาน
จนเย็น พอเดินทางกลับบ้าน เราก็ทำแบบตอนเช้าอีก
พอสวดมนต์ ก็ขึ้นไปสวดข้างบนพระนิพพาน
สวดเสร็จก็นอน แต่เรานอนสมาธิ จับลมสบาย ยกจิตขึ้นพระนิพพานแล้วหลับ (เท่ากับได้อานิสงค์ว่าทรงฌานในอุปมานุสติกรรมฐานอารมณ์นิพพานตั้งแต่หลับยันตื่น)
ตื่นมา ก็ทำแบบเดิมอีก ทรงจิตสบายตลอดเวลา อารมณ์จิตเบาๆ ปฏิบัติแบบไม่ยึดรูปแบบให้เป็น มานะทิษฐิ เราทำ โดยคนไม่รู้ไม่เห็นว่าเราทำ เราปฏิบัติ ทำข้างในเราให้ ใส เย็น สะอาด สงบ
 คำอธิษฐานเพื่องานส่วนรวม ชาวพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ
"ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมจิตระลึกถึงบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อันมีองค์สมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย เทพพรหมเทวา สัมมาทิฐิทั้งหลายทั่วทุกๆจักรวาล ได้โปรดมาเป็นพยานในการทำงานถวายพระพุทธศาสนา รักษาชาติและค้ำชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ของเหล่าข้าพเจ้าทั้งหลาย
ขอให้เหล่าข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้ระลึกรู้จดจำคำอธิษฐานและหน้าที่ที่ได้อธิษฐานมาก่อนลงมาเกิดในชาตินี้ได้อย่างกระจ่างแจ้ง หากเพื่อนพรรคที่ลงมายังไม่ตื่น ยังไม่รู้สึกตัวถึงหน้าที่ ขอทวยเทพเทวา มาดลจิตดลใจพวกเขาให้ตื่นรู้ซึ่งหน้าที่ด้วยเถิด
ขอให้ดวงจิตของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ สัมมาสมาธิ สัมมาปัญญา สัมมาปฏิบัติ  มีองค์พระพุทธองค์ทรงคุ้มครองปกป้องดวงจิตของข้าพเจ้าไว้ไม่ว่ายามหลับก็ดี ยามตื่นก็ดี ยามมีสติก็ดี คลาดจากสติก็ดี   ขอทวยเทพเทวาช่วยชักนำจิตข้าพเจ้ากลับเข้าสู่กุศลไว้เสมอตลอด 
แม้เพื่อนพรรคผู้เป็นมิจฉาทิฐิ ก็ขอให้พลิกจิตฟื้นกลับคืนสู่ความเป็นสัมมาทิฐิด้วยเถิด ทุกคนทุกท่าน
ขอให้วาสนาบารมีเก่าที่ได้บำเพ็ญมา ทั้งสามสิบทัศน์จงได้กลับคืนเพื่อนำมาใช้ในการสร้างบุญบารมีในชาตินี้ ขอสายกุศลสมบัติทั้งปวงจงกลับมาเพื่อการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ขอกรรมฐานเก่า อภิญญาจงกลับมาเพื่อความก้าวหน้าแห่งการปฏิบัติ
และขอให้เหล่าข้าพเจ้าทั้งหลายจงมีกำลังใจ จงมีบารมีที่เต็มเปี่ยมในการทำงานเพื่อการรักษาบวรพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองประดุจครั้งพระพุทธองค์ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ตราบจนห้าพันวัสสากาลแห่งพุทธศาสนาด้วยเทอญ.."
"ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เทพพรหมเทวาสัมมาทิฐิทั้งหลาย ได้โมทนาในบุญที่พวกเราทั้งหลายได้ตั้งใจไว้ดีแล้ว  ขอให้ช่วยเมตตาปกปักรักษาคุ้มครองกายวาจาใจของพวกเรานี้รวมไว้เป็นหนึ่งเดียวสามัคคีมั่นคงเห็นประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้งด้วยเทอญ"
ขอให้ทุกท่านจงสำเร็จในความปรารถนาทุกประการไม่ว่าเพื่อสัมมาสัมโพธิญาณก็ดี หรือเพื่อพระนิพพานก็ดี ขอให้บารมีของทุกท่านจงสำเร็จสมหวังร้อยเท่าพันทวีด้วยเทอญ
"บุญกุศลและความดีทั้งหลายที่ข้าพเจ้าและสมาชิกพลังจิตพิชิตภัยพิบัติได้สร้างได้บำเพ็ญมานับแต่อดีต ปัจจุบัน และจะบำเพ็ญต่อไปในอนาคต
 ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายแทบพระบาทองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระมหาธรรมมิกราชามหาโพธิสัตว์ผู้ทรงเปี่ยมล้นไปด้วยพระคุณอันประเสริฐ อีกทั้งองค์สมเด็จพระสังฆราช ผู้ทรงเป็นองค์พระประมุขแห่งพุทธศาสนจักร 
ขออำนาจแห่งคุณพระศรีรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลจักรวาล ได้โปรดอภิบาลทั้งสองพระองค์ท่านให้ทรงพระเกษมสำราญมีพระพลานามัยที่แข็งแรง ทรงพระชนมายุยิ่งยืนนาน แผ่พระบารมีปกเกล้าชาวไทยตลอดไปด้วยเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ"
-ขอน้อมกราบใต้เบื้องพระบาทแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัม
พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระมหาโพธิ สัตว์ พระโพธิสัตว์ทุกๆท่าน อีกทั้งครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆต่อกันมามีองค์หลวงปู่ปานวัดบางนมโค และองค์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เป็นที่สุด.
.... อีกทั้งขอน้อมกราบขอบพระคุณอาจารย์คณานันท์...
ที่ทุกๆพระองค์ ทุกๆองค์ ทุกๆท่าน ได้สู้อุตส่าห์ฝึกฝนตนเองด้วยความยากลำบากแสนสาหัสมานับภพนับชาติไม่ถ้วน...
เพียงเพื่อจะนำพระธรรมอันประเสริฐมาช่วยสงเคราะห์หมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย...ให้มีความสุขกาย สุขใจ มีความคล่องตัว มีความเจริญในทุกด้านของชีวิตในทางโลก...
มีความเจริญในทางธรรม เพื่อการเข้าถึงซึ่งการพ้นทุกข์เข้าสู่แดนแก้วประกายพรึกพระนิพพานในที่สุด….
(-ขออาราธนาบารมีคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ทั้ง หลาย พรหมเทพเทวา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วอนันตจักรวาลนี้...ขอได้โปรดช่วย ปกปัก รักษา คุ้มครอง ป้องกัน คนไทยทุกคน.. คนทุกชาติทุกภาษาที่อยู่บนแผ่นดินไทย.. ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลาย ณ สยามประเทศนี้.. ให้พ้นจากภัยแห่งมิจฉาทิฐิ.. ให้พ้นจากทุกข์ โศก โรค ภัย.. ภัยทั้งที่เกิดจากน้ำมือของมนุษย์.. ภัยที่เกิดจากมาร.. ภัยที่เกิดจากธรรมชาติ.. และภัยต่างๆ อีกนานับประการ..  ขอได้โปรดอำนวยพรให้(ทุกรูปนาม)ทุกๆ ท่าน.. ทุกๆ สรรพชีวิต.. ทุกๆ ดวงจิต.. มีความสุขกาย สุขใจ ไร้ทุกข์ ไร้โศก ไร้โรค ไร้ภัย.. เป็นสัมมาทิฐิ.. สมหวังทั้งมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ โลกียสมบัติ (ที่เป็นไปในทางที่ชอบ ที่ควร ที่เป็นสัมมา) อีกทั้งโลกุตรสมบัติ อริยสมบัติ.. มีพระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ...)

 


Create Date : 04 ธันวาคม 2558
Last Update : 4 ธันวาคม 2558 13:51:05 น. 2 comments
Counter : 6696 Pageviews.

 
อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุครับ


โดย: สุทธิพงษ์ บุญยงค์ IP: 163.44.196.209 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:8:57:01 น.  

 
อนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุครับ


โดย: สุทธิพงษ์ บุญยงค์ IP: 163.44.196.209 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:10:18:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.