ล่องใต้ในหนึ่งวัน "ปัตตานี-หาดใหญ่"
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จัด one day trip พาพ่อกับแม่ไปเที่ยวปักษ์ใต้ ด้วยการนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพไปหาดใหญ่ และเช่ารถพร้อมคนขับให้เค้าพาเที่ยว ระหว่างทางขึ้น status และโพสรูปใน FB ว่า "กำลังมุ่งหน้าเดินทางสู่ปัตตานี" ไม่นาน "พี่ต๊อก (พี่รี่+ต๊อก)" (พี่ในบล็อกแกงค์) รีบโทรมาถามเลยว่าไปทำอะไรที่นั่น พอบอกว่า พาพ่อกับแม่มาไหว้พระไหว้เจ้า ก็โดนบ่นกลับมายกหนึ่งว่า ไปอันตรายคนเดียวไม่พอนะ ยังจะพาพ่อกับแม่ไปเสี่ยงภัยด้วยอีก ช่วงนั้นเพื่อนๆ จะโทรศัพท์มาถามตลอดทาง และบอกว่าถ้าเสร็จธุระแล้วให้รีบกลับเข้าสงขลาเลย อย่าเถลไถลนะ สรุปว่าวันนั้นที่ภาคใต้เหตุการณ์ปกติ แต่ว่าดันมาเกิดเหตุระเบิดกลางกรุงแทนซะนี่ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จากหาดใหญ่มุ่งหน้าสู่ปัตตานี มีด่านทหารเป็นระยะๆ บางช่วงปิดช่องถนนให้รถวิ่งได้ช่องเดียว และในตัวเมืองจะไม่จอดรถริมถนน แต่จะมาจอดที่เกาะกลางถนนแทน เผื่อเวลาเกิดระเบิดจะได้อยู่ห่างจากบ้านคน มอเตอร์ไซค์ต้องเปิดเบาะขึ้นด้วย เพื่อป้องกันการลอบวางระเบิด และง่ายในการตรวจตรา ความตั้งใจแรกของพ่อเมื่อมาถึงปัตตานีคือ มาไหว้เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ศาลเจ้าเล่งจูเกียง ตำนานของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวแบบคร่าวๆ คือ เนื่องจากมารดาป่วยหนัก ลิ้มกอเหนี่ยวจึงได้อาสาออกมาตามหาพี่ชายที่หายไป และมาเจอที่ปัตตานี หลังจากที่ขอร้องให้พี่ชายเดินทางกลับบ้านไม่สำเร็จ เนื่องจากพี่ชายต้องการสร้างมัสยิดกรือเซะให้สำเร็จก่อน จึงได้อธิษฐานขอให้พี่ชายสร้างมัสยิดไม่สำเร็จ และได้ผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมพานต์ใกล้กับมัสยิดที่พี่ชายกำลังก่อสร้าง หลังจากนั้นมาชมมัสยิดกรือเซะที่เคยเป็นข่าวเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมา สำหรับประวัติของมัสยิดกรือเซะนั้น บางตำราบอกว่าที่สร้างไม่เสร็จไม่ได้เกิดจากแรงอาฆาตของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว หากแต่เป็นเพราะกองทัพจากกรุงสยามเข้าตีหัวเมืองปักษ์ใต้ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ระดมยิงปืนใหญ่จนเกิดความเสียหายแก่เมือง พระราชวัง และมัสยิด และทำการเผามัสยิดเพื่อลอกเอาเนื้อทองคำบริสุทธิ์ที่หุ้มบนโดมมัสยิดไปด้วย สภาพบ้านเรือนแถวๆ มัสยิดกรือเซะและสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พี่คนขับรถบอกว่า เมื่อก่อนคึกคักมาก เพราะแถวนี้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติแวะเวียนมาเรื่อยๆ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การค้าในบริเวณนี้ก็ได้ซบเซาลง ไหว้เจ้าจีนกันไปแล้ว ก็มาไหว้พระไทยกันบ้างที่ "วัดช้างให้" เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ประวัติของวัดช้างให้ คือ พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิษฐานปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า และช้างได้หยุดอยู่ที่นี่ แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงจะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ จึงให้สร้างวัดแทน แล้วให้ชื่อว่า "วัดช้างให้" เหตุที่ได้ชื่อว่า "หลวงปู่ทวดเหยียบทะเลจืด" นั้น มีที่มาจาก... พระภิกษุปู่ (หลวงปู่ทวด) ได้ขอโดยสารเรือสำเภาของนายอินทร์ไปกรุงศรีอยุธยาพระนครหลวงเพื่อศึกษาเล่าเรียนธรรมเพิ่มเติม แต่วันหนึ่งเกิดพายุ บนเรือเกิดความเดือดร้อนไม่มีน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหาร นายอินทร์เจ้าของเรือหาว่าเป็นเพราะพระภิกษุปู่อาศัยมาด้วย จึงทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้น เขาจึงได้ไล่ให้พระภิกษุปู่ลงเรือไป ขณะที่พระภิกษุปู่ลงนั่งอยู่ในเรือเล็ก ท่านได้ยื่นเท้าลงเหยียบน้ำทะเลแล้วบอกให้ลูกเรือคนนั้นตักน้ำขึ้นดื่มกินดู ปรากฏว่าน้ำทะเลที่เค็มจัดตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำที่มีรสจืดสนิท ลูกเรือคนนั้นจึงขึ้นไปบนเรือใหญ่แล้วพากันตักน้ำทะเลตรงนั้นขึ้นไปดื่ม นายอินทร์ได้ลองดื่มน้ำพิสูจน์ดู ปรากฏว่าน้ำทะเลที่จืดนั้นมีบริเวณอยู่จำกัดเป็นวงกลมประมาณเท่าล้อเกวียนนอกนั้นเป็นน้ำเค็มของทะเล นายอินทร์และลูกเรือได้ประจักษ์ในอภินิหารของท่าน จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษตามที่ตนได้กล่าวคำหยาบต่อท่านมาแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่ปัตตานีก็รีบเดินทางกลับมาสงขลา เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขอปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ขนาดคนขับรถที่บอกว่า ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเราไม่ซวยจริงๆ แต่พอขับมาถึงแยกที่เลี้ยวเข้าสงขลาเท่านั้นล่ะ พี่แกบอกว่า ขับมาถึงตรงนี้ได้ ผมก็สบายใจแล้ว อ้าว...แล้วตอนแรกดันมาบอกเราว่าไม่มีอะไรหรอก แวะมากินข้าวเที่ยงตอนบ่ายๆ ที่เกาะยอ ต้องข้ามสะพานติณสูลานนท์ หรือสะพานป๋าเปรม เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย โดยเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน ความยาวรวม 2,640 เมตร อีกจุดหนึ่งที่ไม่พลาดเมื่อมาเยือนหาดใหญ่ คือ การขึ้นมาไหว้พระพุทธมงคลมหาราช บนเขาคอหงส์ เสียดายวันนี้ฟ้าไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร ชมวิวเมืองหาดใหญ่ไม่ชัดเจนซะเท่าไหร่ เป็นโรคที่เห็นกระเช้า หรือเคเบิ้ลคาร์ไม่ได้ ชอบที่จะไปนั่งจริงๆ มาเที่ยวหาดใหญ่ครั้งก่อน เห็นป้ายขึ้นว่ากำลังก่อสร้างอยู่ 2 ปีผ่านไป ได้กลับมาใช้บริการแล้ว เป็นกระเช้าลอยฟ้าแห่งแรกในประเทศไทย ระยะทาง 525 เมตร เพียงแค่ 2 นาทีกว่าๆ เราก็ได้ข้ามฟากจากสถานีพระพุทธมงคลมหาราชมาถึงสถานีท้าวมหาพรหม ตรงท้าวมหาพรหมนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซียมากราบไหว้กันเยอะมาก เห็นจุดประทัดกันทีหลายๆ พันนัดเลย และยังมีการเอาช้างมาถวายด้วย ก่อนอำลาเมืองหาดใหญ่ แวะซื้อของฝากกันที่ตลาดกิมหยง แต่ว่ามาซะเกือบ 6 โมงเย็น ตลาดวาย แม่ค้าเก็บของกันจะหมดแล้ว แต่เราก็ตรงดิ่งไปซื้อของที่ร้านประจำ ปกติจะโทรสั่งให้เค้าส่งพัสดุมาให้ที่ชลบุรี แต่คราวนี้ได้ลงไปซื้อถึงหน้าร้านเลย จบท้ายด้วยการไปกินติ่มซำที่ "โชคดีแต้เตี้ยม" แต่แปลกจัง ทำไมรู้สึกว่าครั้งนี้ไม่อร่อยเหมือนเมื่อคราวก่อนที่มากินเลย วันนี้ออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 5 กลับถึงบ้านอีกทีก็เที่ยงคืนเลย เป็น 1 วันเต็มๆ ที่มีความสุขมากๆ ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของพ่อและแม่ ดีใจที่เห็นพวกท่านมีความสุข
Create Date : 04 พฤษภาคม 2555 |
|
44 comments |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2556 14:38:45 น. |
Counter : 4675 Pageviews. |
|
|
|
ได้เห็นบล็อกเอนทรี่ใหม่ๆ จากบ้านนี้ซะที น่ายินดีจริงๆ .....
ปัตตานี รวมทั้งจังหวัดอื่นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจังหวัดที่ผมอยากไปแต่ไม่กล้าไป จริงอยู่ว่าเหตุการณ์ไม่สงบไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่ผมก็ไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอยู่ดีแหละครับ .....
ขนาดแถวๆ หาดใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังเกิดเหตุวางระเบิดในลานจอดรถโรงแรมเลย ไม่รู้คุณหนึ่งไปก่อนหรือหลังเหตุการณ์นั้น เดาว่าน่าจะไปก่อนนะ เพราะถ้าเกิดระเบิดแล้วยังไป ก็ถือว่ากล้ามากเลยล่ะครับ .....
ไม่รู้ว่าในชั่วอายุขัยของพวกเราๆ จะได้มีโอกาสเห็นสามจังหวัดชายแดนใต้ สงบสุขหรือเปล่านะครับ .....