|
ตอนที่ 14 กล้าแล้วนะตัวเอง
กล้าแล้วนะตัวเอง
ตรุษจีนแล้ว เฮอ...ปีนี้คงรอด น้ำหนักลงไปหลายกิโล หรือไม่ก็แก่เกินแกงจนหนังเหนียวเคี้ยวไม่ไหว ฮึ..ฮึ ยัยโรคจิตชอบว่าตัวเอง อันนี้เป็นเทคนิคนะคะ รีบว่าตัวเองก่อนที่ใครจะอ้าปากทัน อย่างน้อยก็ไม่เสียใจเท่าไหร่ ดูอย่างหน้าผากเถิกๆอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล ที่มักจะบอกใครต่อใครอย่างภาคภูมิใจ (ไปเองคนเดียว) ว่าเวลาถ่ายรูปหมู่เนี่ย ไม่ต้องใช่แฟลชเลยนะ อาจจะสว่างไปหน่อยด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆเพื่อนๆชอบล้อ ก็อายซะ ตัดหน้าม้ามันตลอด ซึ่งหน้าม้าไม่รักดีก็ไม่เป็นใจเลย จะแหวกม่านประเพณีอยู่เรื่อย เฮ้อ...คุณย่าก็บ่น ปิดหน้าผากทำไม หน้าผากออกจะสวย (สวยสำหรับผู้สูงอายุเท่านั้นหน่ะสิคะคุณย่าขา)
พอเข้ามหาลัย เจ้าเพื่อนผู้ชายในกลุ่มตัวดีก็แซวได้ทุกวัน โอ๊ย...แสบตาจัง สะท้อนเข้าตาเงี้ย ใจร้ายมาก อายนะนั่น เบื่อต้องมานั่งม้วนโรลหน้าม้าทุกวัน มือต้องคอยเช็คว่ามันจะแหวกรึเปล่า ไอ้เราก็เหงื่อออกง่าย ผมก็เส้นบาง แถมน้อยอีก หน้าม้าก็ลีบไปด้วย ไม่ไหวแล้วววววววว...... ฉันแหวกผม ปัดข้างเสยขึ้น (เหมือนจะไปต่อยกะใครเลยเนอะ) ไปเรียนอย่าง....ไม่มั่นใจเลย เอาล่ะมาแล้วเจ้าตัวแสบ โหย...วันนี้พระอาทิตย์มีสองดวงแหนะ ฉันยิ้มหวาน (หวานจนน่ากลัว ข่มใจเต็มที่) ก็ดีไง ต้นไม้จะได้ผลิตออกซิเจนเยอะๆ เพื่อนตัวดีจะอ้าปากแซวอีก แต่มันก็เปลี่ยนใจหุบปาก (คิดถูกแล้วล่ะแก) แล้วมันก็ไม่พูดถึงหน้าผากเถิกๆของฉันอีกเลย จนถึงทุกวันนี้ เพื่อนๆก็ชินกับหน้าผากกว้างๆของฉันแล้ว แถมยังบอกอีกว่า โหวงเฮ้งดีนะแกเนี่ย คุณย่าพูดถูกจริงๆเลย
อันที่จริงนะ มาคิดๆดูแล้วหน้าผากฉันมันอาจจะไม่ดูกว้างมากก็ได้นะถ้าหาก....ถ้าหากฉันมี คิ้ว เหมือนชาวบ้านเค้า งงสิ..งง คือความที่เป็นคนขนน้อย (ผมก็เลยน้อยไปด้วย) สีขนก็อ่อน ตามแขนนี่แทบไม่เห็นขนเลยนะ เวลาขนลุกจะน่าเกลียดเพราะสภาพผิวจะเหมือนตูดไก่ เห็นรูขุมขนชัดมาก เพราะไม่มีขนมาบังเลย คิ้วก็เลยน้อยไปด้วย แถมตอนเล็กๆเคยล้มไปโดนหิน หมอเย็บไปหลาบเข็ม ตรงแผลเป็นก็ไม่มีขนขึ้น (อนาถหนอฉัน)
ตอนเด็กๆไปถ่ายรูปติดบัตรก็เห็นรูปตัวเองมีคิ้วดีนี่นา เอ...แต่พอโตขึ้นส่องกระจกทำไมไม่เห็นขนคิ้วมันเข้มอย่างในรูปเลย หนนึงเลยถามเจ้าของร้านถ่ายรูปที่ถ่ายกันตั้งแต่เขายังหนุ่มจนเราเริ่มจะเป็นสาว เขาก็ชี้รูปยิ้มๆบอกว่า อ้อ...อั๊วเติมในฟิล์มให้เองแหละ เห็นลื้อไม่มีคิ้วเลย ตลกชิก เออ....แปะ...ไม่พูดจะอายุยืนกว่ามั้ยคะ
เมื่อความจริงเป็นที่ประจักษ์ว่าเราเป็นผู้อาภัพคิ้ว ก็เริ่มเรียนรู้หัดการวาดคิ้ว ในเมื่อขนที่มีอยู่หาความเป็นร่องรอยไม่ได้ ฉันก็ถอนค่ะ เคยถอนขนไหม แรกๆก็เจ็บ สักพักเริ่มชิน บ่อยๆก็มัน อันที่จริงก็ไม่ได้ถอนอะไรเยอะหรอก ก็ขนมันมีนิดเดียว ถอนไม่กี่เส้นไอ้ที่รกๆก็หมด เหลือแค่เป็นไกด์ ให้เห็นเค้าโครง จากนั้นเปิดเพลงของมาลีวัลย์ เออ...เด็กรุ่นใหม่รู้จักไหม เพลงอย่าง...ขอเพียงที่พักใจ เสียงลากยาวๆ เราก็วาดดินสอเขียนคิ้วตาม สองท่อนฉันก็ได้สองข้างเรียบร้อย สามารถจริงๆ
แต่...คิ้วที่เขียนก็มีวันลบออกได้ เพราะฉะนั้นฝนที่รักนักหนา ก็จะไม่ได้แอ้มหัวดิฉัน หรือถ้าหัวจะเปียก สองมือก็จะป้องคิ้วไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย ฮึ...ไม่มีคิ้วไม่รู้หรอกว่ามันเศร้า ไปว่ายน้ำก็ต้องทำใจว่า นอกจากหน้าจะไร้เครื่องสำอางแล้วก็จะปราศจากคิ้วคู่ใจด้วย ก็เอาเหอะ...แว่นก็ไม่ได้ใส่ ใครจะขำยังไงก็ช่างมัน มองอะไรก็ไม่ค่อยเห็น
แต่เพื่อนตัวดีชอบแซวนะ บางทีแวะมาหาที่บ้าน เราก็สบายๆ พอเข้ามาอมยิ้มคิกคักใหญ่ ถามว่าขำอะไร เพื่อนบอกว่า เออ...แกไม่มีคิ้วหน้าตาแปลกดีนะ เท่านั้นแหละคุณ วิ่งปรู๊ดเข้าห้องนอน คว้าดินสอมาฉับๆ (มืออาชีพซะอย่าง) แล้วเดินเฉิดฉายออกมาอย่างมั่นใจ เฮ้อ....แอบหอบเล็กน้อย เวลาไปเที่ยวหน้ามันก็ซับ (ประมาณห้าแผ่นใหญ่ แค่หน้าผากก็ล่อไปสามแผ่นแล้ว แผ่นนึงแปะหน้าผากได้พอดี....กว้างแค่ไหนคิดเอาเอง) แต่ต้องระวังในการซับบริเวณคิ้วเป็นพิเศษ เดี๋ยวมันจะลบหายไป ก็ใช้วิธีแปะแล้วดึงออก ก็จะได้ศิลปะเส้นคิ้วอย่างงดงามบนกระดาษ เคยมีน้องอาร์ทติสสนใจบอกอยากทำเป็นงานโชว์ (ต๊าย...ตาถึงนะยะ) ไปเที่ยวเหนื่อยๆแอบจะงีบหลับ เพื่อนเดินมาบอก .....คิ้วหายแล้ว ตาเปิดตัวกระตุก (ไม่ได้ชัก) มือเปิดกระเป๋าหยิบกระจกส่องทันที หายจริงๆด้วย หยิบดินสอมาต่อหางที่แหว่งไป แล้วก็เอนลงหลับตาต่อได้ แต่บางทีโดนแกล้ง เพื่อน (คนเดิม) มาหลอก พอส่องแล้ว ยังอยู่ดีนี่นา ใจร้ายนะ
ในที่สุดปีที่แล้วก็ตัดสินใจยอมให้เพื่อนชาวญี่ปุ่นสักคิ้วถาวรให้ (ซักที) ทั้งที่มีคนมาชวนบ่อยมาก แต่พอเริ่มมีอายุ บางทีก็ขี้เกียจเขียน ตื่นมาอยากไปไหนได้เลย พอทำแล้วก็...ฮึ..ฮึ...ความมั่นใจเต็มร้อนแล้วค่ะ ฝนตก...ว่ายน้ำ...เหงื่อออก สามารถปาดเหงื่อเช็ดหน้าได้อย่างมั่นใจ ยิ่งกว่าโฆษณาผ้าอนามัยสามสิบชั้นซะอีก
เดี๋ยวนี้ก็มีความกล้ามั่นใจขึ้น เพื่อน (คนเดิมแหละ เพื่อนมีอยู่ไม่กี่คน) เดินมามองยิ้มๆ (ไม่น่าไว้ใจนะ) มีคิ้วแล้วหลอกไม่ได้แล้วเนอะ เออ...พูดไม่ออก เพราะจากนั้นเธอก็มาแซวเป็นระยะๆว่า หาง (คิ้ว) มันหายนะ ฉันก็ผวาไปตามเขาอีก (มันเป็นอาการตกค้าง) แต่ยังดี...หัวคิ้วก็ไม่มีวันลบเลือน....เย้
พูดถึงความกล้า นึกถึงตอน..จะกล้ากว่านี้ได้ไหมเรา วันนี้ฉันทำได้แล้วล่ะ (ใครงง กลับไปหาอ่านเอาใน blog นะคะ) เย็นวันจ่าย รถติดมากบนโทลล์เวย์ แล้วก็เห็นรถปอ.จอดเสียอยู่ ตัดสินใจเลย เปิดไฟขอทางเข้าซ้าย ได้ผลค่ะ รถที่จะเบนขวาบีบแตรสนั่น ไม่ยอมให้เข้า ก็หน้าด้านสู้ขอทางจนจอดเลยมานิดหน่อย วิ่งหน้าเริ่ด (คาดว่าเขาคงเห็นหน้าผากสะท้อนมาแต่ไกล) เข้าไปถาม วันนี้ขับรถลงมาจากทางด่วนพร้อมเพื่อนแปลกหน้าแปดคน บอกได้คำเดียว...สุขใจค่ะ ดีใจกับความกล้าของตัวเอง ยิ้มกับตัวเองได้อย่างเต็มที่ หัวจะเถิก ตัวจะใหญ่ คิ้วจะปลอม ก็ช่างมันเหอะนะวันนี้ กลับบ้าน ส่องกระจกดูหน้าตัวเอง อืม....ทำไมขนตามันสั้นกุดอย่างงี้นะ ต่อขนตาเนี่ยมันจะอันตรายรึเปล่าน้า........
**************************
ชาราบูน
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2550 11:46:41 น. |
|
4 comments
|
Counter : 536 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พี่เปี๊ยก IP: 58.136.50.132 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:18:55:00 น. |
|
|
|
โดย: ไอติม IP: 58.9.129.138 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:1:29:24 น. |
|
|
|
โดย: เราเอง IP: 203.107.202.21 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:16:53 น. |
|
|
|
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:03:54 น. |
|
|
|
|
|
|
|