หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
...หลงเสียงนาง บทที่ 4


มณีมัญชุญ์รีบโทร.นัดช่างไฟฟ้าของบริษัท เพื่อที่จะไปดูโมเด็มที่บริษัทลัคกี้อีเลเฟ่นทันที หลังจากรวบรวมสติจากความอายที่ตนอุทานลั่นให้ลูกค้าได้ยิน แต่เมื่อโทร.กลับไปแจ้งเวลาที่ช่างจะเข้าไปแก้ไขคนที่รับสายกลับเป็นผู้หญิง
“ค่ะ จากบริษัทเอสไอซีเหรอคะตอนนี้คุณพอลติดสายอื่นอยู่ค่ะ เดี๋ยวดิฉันขอลีฟเมสเซสไว้ให้นะคะ”


มณีมัญชุญ์แจ้งชื่อของวิศวกรไป คนที่รับสายเรียกเขาว่า...คุณพอล
“จากบริษัทเอสไอซีนะคะ นัดเรื่องช่างไฟจะมาดูโมเด็ม ไม่ทราบว่าจากคุณอะไรคะ”
หญิงสาวแจ้งชื่อไป กระนั้นดูเหมือนจะไม่พอ เพราะคนรับสายขอทั้งชื่อเต็มและนามสกุล


“ขอโทษค่ะ ที่ต้องยุ่งยากนิดหนึ่ง ดิฉันเป็นเลขาฯของคุณพอลค่ะ ทราบนามสกุลเอาไว้เผื่อชื่อคนที่ติดต่อมาอาจจะซ้ำกันค่ะ จะได้ตามเรื่องได้ถูก”
เลขาฯให้เหตุผล ใจหญิงสาวนึกเบื่อในความเรื่องมาก ของตาวิศกรจากเมืองนอกคนนี้ขึ้นมาครามครัน


...ยิ่งใหญ่เสียจริง ขนาดมีคนโทร.มาหายังต้องให้เลขาฯกรองเสียหลายชั้น มณีมัญชุญ์จึงบอกชื่อพร้อมนามสกุลเต็มๆ ไป
ซึ่งก็ได้เรื่องเลย เพราะก่อนที่จะกลับบ้านเพียงสิบนาที พนักงานคอลเซ็นเตอร์รุ่นพี่คนหนึ่งรีบปรี่เข้ามาหา


“มะขาม สายจากลัคกี้อีเลเฟ่นจ้ะ คุณปริยวัตร”
“แต่หนูบอกฝากเรื่องกับเลขาฯเขาไปแล้วนะพี่”
หล่อนขมวดคิ้วค้าน เอ...เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ
“ไม่รู้สิ เขาจะคุยกับแกน่ะ เดี๋ยวพี่โอนสายให้นะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่ช่วย”
ว่าแล้วรุ่นพี่ก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน มณีมัญชุญ์จึงจำต้องรับสายโอนจากวิศวกรที่ชื่อปริยวัตร


“เอสไอซีคอลเซ็นเตอร์สวัสดีค่ะ มณีมัญชุญ์รับสายยินดีบริการค่ะ”
หล่อนทักทายตามปรกติ ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“ผมปริยวัตรนะ ที่คุณโทร.มาแจ้งเรื่องช่างที่จะเข้ามาดูโมเด็ม คุณบอกเลขาฯผมว่าคุณชื่อ มณีมัญชุญ์ นามสกุล มังกรไกรวัฒนา ใช่ไหม”


“ค่ะ นั่นเป็นชื่อนามสกุลเต็มของดิฉัน”
หล่อนนิ่วหน้าเพราะหลังการตอบปลายสายเงียบไปอีกแล้ว เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“ขอบคุณมากครับ คุณมณีมัญชุญ์ หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก”
สายตัดไปแล้วพร้อมอาการงงงันของมณีมัญชุญ์


ตาวิศวกรคนนี้แปลก... พูดอะไรเป็นปริศนา ชื่อนามสกุลของหล่อนมันแปลกมากนักหรือยังไง แล้วยังบอกว่า ‘หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีก’


คิดจะจีบหล่อนนะรึ เมินเสียเถอะ มณีมัญชุญ์ย่นจมูกพลางกดปุ่มโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อล็อกเอ้าท์จากระบบ คนเสียงดุแถมชอบขู่อย่างนี้ไม่น่าพิสมัยหรอก ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากมีผู้ชายคนไหนมาเกี่ยวข้องให้ว้าวุ่นหัวใจ เพราะคราวไรวินทร์ก็เจ็บมากพออยู่แล้ว



มณีมัญชุญ์ตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก อาการสะลึมสะลือง่วงนอนหายไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาหยุดที่หน้าห้องตนเอง

หอที่คับแคบเหมาะกับราคาแสนถูก ข้างห้องทำอะไรหรือหน้าห้องมีใครเดินผ่านจะได้ยินเสียงหมด หล่อนค่อยๆ เดินมาแนบหูกับประตูห้อง


เสียง ที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงผู้ชายและผู้หญิง เสียงผู้หญิงหล่อนจำได้ว่าเป็นเสียงของชมจันทร์

ส่วนอีกคนเป็นเสียงผู้ชาย ทุ้มต่ำ...เหมือนพูดในลำคอ
เจ้ชมของหล่อนบอกแต่ว่ากลับไป...กลับไป จะคุยกับน้อง


มณีมัญชุญ์นิ่วหน้านึกแปลกใจว่ารุ่นพี่กำลังคุยกับใคร ญาติหรือเปล่า แม้อีกใจจะค้านว่ามาหากันดึกดื่นขนาดนี้นะรึ?
เอ...หรือว่าจะเป็นแฟน หญิงสาวรีบแนบหูให้ชิดกับประตูยิ่งขึ้นเพื่อฟังการสนทนา แต่ทว่ากลับได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าเดินลงบันไดไป


“มะขามๆ”
มณีมัญชุญ์รีบเอาหูออกจากประตูโดยเร็ว เลี่ยงไม่ให้หูแตก เพราะรุ่นพี่สาวเคาะประตูห้องเสียงเบาเสียเมื่อไร
“เอ้า! ของฝาก”
ชม จันทร์ยื่นถุงขนมติดตราว่าของฝากประจำจังหวัดให้ พร้อมกับเดินเข้ามานั่งในห้อง หล่อนและเจ้ชมสามารถเดินเข้าห้องอีกฝ่ายได้เหมือนห้องตัวเองเพราะสนิทกันมาก


“ฉันขี้เกียจหิ้วของฝากไปให้แกที่บริษัท เอาไปเลยละกัน ไม่ต้องห่วงนะเพราะของฝากของพวกเจ้ปองเป็นอีกชุดหนึ่ง”
สาวรุ่นน้องยิ้มร่า การแยกของฝากให้แสดงว่าเจ้ชมเห็นหล่อนเป็นคนสำคัญ แต่...
“เมื่อกี้เจ้คุยกับใครเหรอหนูได้ยินเสียง เสียงผู้ชายด้วย”
สาวรุ่นพี่หน้าเจื่อนลงทันใด ก่อนที่จะปรับมาเป็นนิ่งเฉยอย่างเคย


“อ๋อ...ญาติน่ะ เขามาส่ง ตอนนี้กลับแล้ว”
ชมจันทร์ไปนั่งที่พื้นข้างเตียง มณีมัญชุญ์เดินตามเข้ามาด้วย หญิงสาววางถุงของฝากไว้ที่ชั้นวางของติดผนัง
“แล้วเรื่องงานแต่งน้องสาวเจ้เป็นยังไงมั่ง”
หล่อนนั่งข้างรุ่นพี่ซึ่งมีสีหน้าเหนื่อยหน่ายอย่างประหลาด


“เออ...งานแต่งผ่านไปด้วยดี เขมรกับจีนได้ดองกันสมใจพ่อแม่แต่ละฝ่าย”
สาวผิวคล้ำยกมือขึ้นเสยผม ถอนหายใจยาว
“แล้วทำไมเจ้ทำหน้ากลุ้มอย่างนี้ล่ะ ห่วงน้องสาวเหรอ”
“ฉันไม่ห่วงดาวมันหรอก มันไปสบายแล้ว แต่ตอนนี้ฉันห่วงตัวเองว่ะ”


“อะไรกันน่ะเจ้ น้องสาวไปสบาย เพราะเจ้เองก็บอกว่าครอบครัวเจ้าบ่าวรวย พูดเหมือนน้องสาวจะไปตายอย่างนั้นแหละ”
ชมจันทร์ไม่ตอบอะไรทั้งนั้นได้แต่นิ่งเงียบ พลอยทำให้มณีมัญชุญ์ใจไม่ดีไปด้วย

รุ่นพี่ขรึมเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ...บางทีปัญหาทางบ้านของคนที่นั่งข้างอาจจะหนักกว่าที่คิด


“ถ้าเจ้มีอะไรไม่สบายใจ เจ้ก็เล่าให้หนูฟังได้นะคะ หนูยินดีรับฟังเสมอ หนูไม่เอาไปบอกใครหรอก เจ้ดีกับหนูจะตาย ตอนหนูกลุ้มๆ ก็ได้เจ้ช่วยปลอบ หนูรักเจ้เหมือนพี่สาวนะ”
หล่อนจับแขนรุ่นพี่แล้วโน้มศีรษะลงซบกับหัวไหล่ชมจันทร์
“ถ้าไม่ได้เจ้ปลอบหนูคงร้องไห้อีกนานเลยล่ะ เรื่องอดีตความรักเน่าๆ ของหนูเนี่ย”


คนฟังยิ้มบางๆ แล้วลูบศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างเอ็นดูเช่นกัน ชมจันทร์รักและห่วงใยมณีมัญชุญ์เหมือนน้องสาว

อาจจะเป็นเพราะนภาพร่างดาวน้องสาวตัวจริงเป็นคนหัวอ่อน เชื่อฟังแต่พ่อแม่ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจึงไม่ดีนัก

ส่วนอีกสองคนที่เหลือ ...ตะวันรอนและอาทิตย์ส่องก็ล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้น
เรื่องบางเรื่องความคิดเห็นจึงแตกต่างกันตามประสาชายหญิง


“ห่วงแต่พี่นอกสายเลือดอย่างฉัน แล้วแกได้โทร.กลับที่บ้านบ้างไหมเนี่ยฮึ! มะขาม”
หญิงสาวที่ซบไหล่อยู่ทำหน้าปุเลี่ยนในทันใด
“โทร.หาทางบ้านเสียบ้างนะ ถึงเขาจะบ่นเขาจะว่าก็ด้วยความรัก”


“ค่ะ เจ้ชม”
มณีมัญชุญ์นั้นนานๆ ทีจึงจะโทร.หาที่บ้านเพื่อไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ
เพราะโทร.ไปอาปาอามาก็บอกแต่ว่าอยากจะให้หล่อนกลับไปที่อยู่ต่างจังหวัด
ส่วนพี่สาวก็บ่นแต่เรื่องหนี้ของและชีวิตรักหลอกลวงของมณีมัญชุญ์ หล่อนตั้งใจว่าจะไม่กลับบ้านเด็ดขาดจนกว่าจะใช้หนี้หมด
หญิงสาวตั้งใจที่จะหาเงินใช้หนี้ด้วยตนเอง โดยที่ไม่พึ่งเงินของครอบครัวแม้แต่บาทเดียว



“ว่าแต่ตกลง ‘จอมใจชีคทมิฬ’ ของเจ้มันจะเป็นยังไงต่ออ่ะ พระเอกพานางเอกไปรอนแรมในทะเลทรายแล้ว เมื่อไรพระเอกกับนางเอกจะอะจึ๋ยๆ กันเสียที”
มณีมัญชุญ์ถามเสียงทะเล้นยามอยู่ในห้องทำงานที่บริษัท มือหล่อนกำลังแกะกาละแมกวนสดห่อใบตองเข้าปาก ที่หน้าจอโปรแกรมคอมพิวเตอร์แสดงสถานะเป็นตามงานลูกค้า ไม่พร้อมรับสาย


“ไอ้นี่ทะลึ่ง!”
ชมจันทร์ดุเสียงไม่จริงจังนัก มือกำลังเคาะแป้นพิมพ์ส่งอีเมล์ถึงลูกค้าอยู่
“อ้าว! ก็นิยายโรแมนซ์นี่เจ้ เชื่อเถอะคนอ่านร้อยทั้งร้อยก็ต้องรออ่านบทพรรค์นั้นอยู่แล้ว ถ้าเป็นนิยายโรแมนซ์แล้วมีบทแค่ พี่คะ...หนูรักพี่ค่ะ แล้วทั้งสองก็ล้มตัวลงบนเตียง กล้องแพนไปที่โคมไฟ ตัดฉากมาตอนเช้านางเอกร้องสะอึกสะอื้น ขืนเป็นอย่างนี้คนอ่านก็หมดอารมณ์ ไม่มีอะไรให้เร้าใจ พาลนึกอยากจะเขวี้ยงหนังสือทิ้ง”


คนฟังหัวเราะหึๆ กับความคิดเห็นของแฟนนิยายโรแมนซ์พันธุ์แท้
“เออ...แกนี่หื่นผิดกับหน้าตาจริงๆ อยากจะให้เป็นแบบไหนล่ะมะขาม ไหนเสนอมาสิ แม่สุดที่รักนักอ่าน”
รุ่นพี่ทำเสียงเล็กเสียงน้อยยามเรียกฉายาของสาวรุ่นน้อง


“อืม... ถ้ารูปการณ์แบบนี้ พระเอกพาหนีเข้าทะเลทราย นางเอกเริ่มหวั่นไหวแต่พระเอกเริ่มหวั่นไหวกว่า คงจะเป็น...จีบเพื่อให้เป็นคนรักกำมะลอ”
“เฮ้ย! พูดเป็นหนังไทยไปได้ ประเภทเกลียดกันเพราะความเข้าใจผิดว่าอีกคนชอบหว่านเสน่ห์แล้วกลับมารักกันเนี่ยนะ”
เจ้ชมค้าน


“โธ่เจ้...ก็เหมือนนิยายคลาสสิคไง เรื่องอะไรนะที่ชื่อภาษาไทยว่าสาวเสน่ห์ๆอะไรนั่นแหละ”
“สาวทรงเสน่ห์(Pride and Prejudice)”
รุ่นพี่สาวบอกชื่อที่ถูกต้องให้ พลางนึกถึงความไม่ชอบขี้หน้ากันในครั้งแรกของ มาร์ค ดาซี และแม่สาว เอลิซาเบ็ธ เบนเน็ต


“ใช่ๆ เรื่องนี้แหละเจ้ แต่เอาเป็นชีคบารัคต้องทำให้นางเอกของเราหลงเสน่ห์ เพื่อแยกนางเอกออกจากญาติที่ชื่อไฟซาล จะได้วิธีใดก็ได้ตลบตะแลงแบบเอาสีข้างเข้าแถกก็ยังไหว เอ...หรือจะให้บ้านนางเอกมีหนี้แล้วท่านชีคมาใช้คืนให้ พร้อมกับบังคับให้แสดงละครตบตาว่าเป็นคนรัก มุกนี้เขาใช้กันเกลื่อน”
มณีมัญชุญ์ร่ายพล็อตเรื่องด้วยความมันในอารมณ์


“เบสออนทรูสตอรี่มากๆ เลยนะจ๊ะคุณมณีมัญชุญ์เรื่องหนี้เนี่ย งั้นแกเขียนเองเลยดีไหมมะขามมุกเยอะดีนี่”
“ไม่เอาหรอกเจ้ รอเจ้แต่งให้อ่านดีกว่าฮ่าๆ”
ว่าแล้วสาวตัวเล็กก็แกะกาละแมเข้าปากอีกเม็ด


รุ่นพี่สาวส่ายศีรษะอย่างเอ็นดู แต่ก็คิดว่าดีแล้วที่มณีมัญชุญ์ร่าเริงขนาดนี้ เพราะตอนที่ย้ายเข้ามาแผนกนี้ใหม่ๆ สาวรุ่นน้องดูเก็บตัวและเงียบขรึมด้วยพิษจากอดีตรักเก่า จนมารู้ความลับเรื่องการแต่งนิยาย ได้พูดคุยกันถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง มณีมัญชุญ์จึงมีอาการดีขึ้น


“งั้นเดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ มะขามไปไหม”
หล่อนส่ายศีรษะปฏิเสธ ชมจันทร์จึงเดินออกจากห้องทำงานไปตามลำพัง ขณะที่มณีมัญชุญ์กำลังกดปุ่มพร้อมรับสายนั้น มือถือของรุ่นพี่ก็มีสัญญาณว่าสายเข้า ชมจันทร์ปิดเสียงโทรศัพท์ในเวลาทำงานไว้เช่นกัน


สัญญาณโทรศัพท์เป็นไฟสว่างวาบขึ้นมาสักพัก ก่อนที่จะดับไปและสว่างขึ้นมาใหม่ จนคนนั่งข้างอดจะเหลือบดูชื่อคนโทร.มาไม่ได้ หน้าจอโทรศัพท์ขึ้นแสดงเป็นชื่อที่บันทึกไว้ว่าเป็น
...Devil ห้ามรับเด็ดขาด!

หล่อนนิ่วหน้าแปลกใจกับชื่อแปลกๆ นั้น
ทว่าที่หน้าจอโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็มีสายลูกค้าเข้ามาเสียก่อน มณีมัญชุญ์จึงจำต้องดับความสงสัยในใจและรับสายลูกค้าทันที


“มะขามสายลูกค้าจากลัคกี้อีเลเฟ่นจ้ะ”
หล่อนทำหน้าเมื่อยหลังจากได้ยินชื่อบริษัทนี้
“เจ้รับเรื่องไว้ให้หน่อยได้ไหม หนูจะไปกินข้าวแล้ว นัดกับเจ้ชมไว้”
หญิงสาวบุ้ยปากไปทางสาวหน้านิ่งที่นั่งข้าง แต่รุ่นพี่ที่เดินมาบอกยิ้มเย็น


“เอาน่าแป๊บเดียวเอง เขาจะคุยกับแกโดยตรง เขาบอกว่าแกรู้เรื่องอยู่แล้ว”
คำว่า ‘เขา’ ที่พนักงานรุ่นพี่บอก มณีมัญชุญ์สังหรณ์ใจว่ามีเพียงเขาเดียว คือวิศวกรที่ชื่อปริยวัตร

“โมเด็มผมมีปัญหา ไฟไม่ติดอีกแล้ว”
นั่นประไร! จริงๆ ด้วย ซื้อไม่ถูกแต่หวย
“ค่ะ เดี๋ยวดิฉันรับเรื่องไว้แล้ว...”


“ไม่เป็นไรคุณตามเรื่องเลยละกันเดียวผมจะถือสายรอ”
หญิงสาวกดปุ่มพักสายแล้วหันมาบอกชมจันทร์
“เจ้ไปกินข้าวเลยเถอะ ไม่ต้องรอหนูคงอีกนานกว่าจะเสร็จเพราะหนูต้องโทร.หาเอ็นจิเนียร์ด้วย”

“อืม” รุ่นพี่พยักหน้ารับรู้
“ถ้าเสร็จเร็วก็ไปที่ร้านประจำนะ ฉันกับยัยเปมี่รออยู่”
เจ้ชมสำทับก่อนที่ออกไป


มณีมัญชุญ์ใช้โทรศัพท์มือถือโทร.ไปคุยกับวิศวกรระบบที่รู้จักกัน แจ้งปัญหาและถามแนวทางแก้ไข
“ค่ะ คุณปริยวัตรคะ เดี๋ยวทางเราจะให้ช่างไฟไปดูให้ช่วงบ่ายนี้เลยนะคะ ประมาณบ่ายสองโมง จะเอาโมเด็มไปเปลี่ยนด้วยเผื่อโมเด็มมีปัญหาจริงๆ ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ”
ไม่รู้ว่าทำไม หล่อนจึงรู้สึกว่าเสียงของเขาเบาลงกว่าที่เคย


“เดี๋ยวผมจะบอกคนที่บริษัทไว้ บ่ายสองนะ อ้าว! นี่เที่ยงแล้วนี่”
ก็เออนะสิคะเที่ยงแล้ว หล่อนประชดเขาในใจพร้อมอาการหิวแสบไส้ของท้อง

“คุณกินข้าวหรือยัง?”
หือ...หล่อนได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า ตาวิศวกรเสียงดุถามหล่อนว่า ‘กินข้าวหรือยัง’


“ไม่เป็นไรค่ะ ทางเอสไอซีของเรายินดีให้บริการคุณเสมอค่ะ”
มณีมัญชุญ์เลี่ยงไปอย่างสวยงาม ถ้าลูกค้าเป็นคนมีมารยาทจริงก็น่าจะรู้แล้วว่าหล่อนหมายถึง...ห้ามถาม!

“คุณ มณีมัญชุญ์ผมถามแค่ว่าคุณกินข้าวแล้วหรือยัง ไม่ใช่ความลับอะไรของบริษัทคุณเสียหน่อย ผมถามเพราะเห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงแล้ว กลัวจะเป็นการรบกวนเวลาพักของคุณ”
เสียงกลับมาดุอีกแล้ว หล่อนไปเหยียบหางอะไรเขาเข้าอีกล่ะ


“ค่ะ ดิฉันยังไม่ได้ทานข้าวกลางวัน”
ในเมื่ออยากรู้นักหล่อนก็ตอบไปตามตรง
“อืม...คุณพักช่วงเที่ยงใช่ไหม แล้วเดือนนี้คุณเข้าชิฟเอ่อ...ผมหมายถึงเวลาทำงานคุณกี่โมง”
ชักไม่น่าไว้ใจเสียแล้ว ภายในสมองหล่อนร้องเตือน
“ไม่เป็นไรค่ะ ทางเอสไอซีเรา...”


“คุณมณีมัญชุญ์ผมแค่อยากจะรู้เวลาทำงานของคุณเท่านั้น จะได้ตามงานได้ถูกคน ผมไม่ชอบอธิบายปัญหาซ้ำซากๆ”
อ้าว...นี่หล่อนกลายเป็นคนตามงานให้เขาแล้วเหรอ ก็ไหนเขาเคยบอกว่าจะคุยกับซุปเปอร์ไวเซอร์ไง
“กี่โมงครับ”
มณีมัญชุญ์จึงจำต้องบอกเวลาทำงานของตนเองให้เขาทราบ


“อืม...โอเค ผมจะได้โน้ตไว้”
สุ่มเสียงเขาพอใจขึ้น
“เอาล่ะ ผมไม่รบกวนคุณแล้ว ขอให้ทานอาหารกลางวันให้อร่อยนะครับ สวัสดี”
หล่อนกดล็อกเอ้าท์ออกจากระบบอย่างงงๆ นึกประมวลผลว่าเมื่อกี้นี้คืออะไร

ดุ...ขู่กรรโชกเอาเวลาทำงาน...ห่วงตามมารยาท...หรือว่าจีบ
หญิงสาวชักรู้สึกถึงความประหลาด ของวิศวกรที่ชื่อปริยวัตรขึ้นมาครามครัน

เจ้าประคู๊น... สาวร่างเล็กยกมือขึ้นท่วมหัว สามอย่างแรกน่ะพอไหว
แต่อย่างที่สี่นั้น หล่อนไม่เอา! ...ดุอย่างนี้รับไม่ไหวจริงๆ


“อะไรนะครับ ท่านอา”
บารัคกรอกเสียงดุดันลงในโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ซึ่งสามารถโทร.ได้ทุกที่ในโลก
“ท่านอาครับ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ ข้ารับปากแค่เรื่องจะพานางหลบให้พ้นไฟซาลก่อนจะถึงวันงานแต่งเท่านั้น”


ปลายสายพูดอะไรออกมายืดยาว ล้วนแต่ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วระคนถอนหายใจเป็นพักๆ
“ครับ ข้าจะลองหาวิธีดู ท่านอาก็รู้นี่ครับว่าคนอย่างข้ารับปากอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จ”
สายตัดไปแล้ว เขาออกมาจากกระโจมพักของข้ารับใช้คนสนิท เดินดุ่มๆเข้าไปทางกระโจมหลังหนึ่ง


“คุณผู้หญิงกำลังคุยกับเบดูอินอีกกลุ่มหนึ่งทางโน้นแน่ะค่ะ”
หญิงรับใช้ในชุดผ้าคลุมสีดำสนิทบอกเขา บารัครีบสาวเท้าเดินไปทางเบดูอินกลุ่มนั้นทันที

โอเอซิสที่คนของเขามาตั้งเต็นท์พักหลังพายุทราย เป็นโอเอซิสขนาดใหญ่
มีต้นไม้ร่มรื่นเพราะมีตาน้ำไหลตลอดปี จึงมีคาราวานเบดูอินและนักเดินทางมาพักอยู่เนืองๆ


มณีมัญชุญ์นั่งฟังนิทานอาหรับราตรีจากชาวเบดูอินสูงอายุ โดยที่หญิงรับใช้คนหนึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษให้

“ว้าย! ถ้านกที่ซินแบดเกาะข้ามทะเลมันตัวใหญ่ขนาดนั้น วันดีคืนดีเกิดมันหิวแล้วหันกลับมากินซินแบดนี่จะไม่แย่เหรอคะ”
หล่อนอุทานเสียงหลง คนรับใช้รีบแปลเป็นภาษาพื้นเมืองโดยพลัน ผู้สูงอายุฟังแล้วก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก


“นี่แน่ะคุณผู้หญิง พระอัลเลาะห์ทรงมองการไกลเสมอ ในเมื่อทรงสร้างนกยักษ์ขึ้นมาได้ก็ทรงสร้างเหยื่อให้มันกินอิ่มได้เช่นกัน”
ว่าแล้วชายผู้นั้นก็เล่านิทานต่อไปอีกยาว บารัคมองภาพหล่อนด้วยสายตาครุ่นคิด


‘วิธี ที่ดีที่สุดที่จะแยกนังผู้หญิงต่างชาติออกจากไฟซาลคือสวมโซ่ข้อเท้าให้มัน เสีย หากผู้หญิงมีเจ้าของแล้วไซร้ ไฟซาลคงเลิกละเมอเพ้อหามันแน่ เจ้าต้องทำให้มันหลงในเสน่ห์ของเจ้านะบารัค อารู้ว่าเจ้าทำได้ แล้วค่อยทิ้งมันพร้อมกับทรัพย์สมบัตินิดๆ หน่อยๆ เหมือนที่เจ้าเคยให้ผู้หญิงคนอื่นอย่างไรเล่า’


จะว่าความคิดนี้ น่าอัปยศก็ไม่ถูก ในโลกของตะวันออกพรหมจรรย์ของผู้หญิงยังเป็นสิ่งสูงค่า และชี้เป็นชี้ตายชะตากรรมของพวกหล่อนอยู่เสมอ
โดยเฉพาะโลกที่ยังมีความเป็นอนุรักษ์นิยมสูงเช่นประเทศของเขา

แม้กลีบปากมณีมัญชุญ์จะนุ่ม กลิ่นกายจะหอม เสียงหัวเราะจะสดใส ยามเข้าใกล้บางครั้งใจเขายังเผลอเต้นแปลกๆ


แต่หล่อนก็แสดงออกอย่างโจ่งแจ้งว่าไม่ยินยอมพร้อมใจจะทำตามเขา
มณีมัญชุญ์ไม่ใช่ผู้หญิงที่เข้ามาหาเขาด้วยเงินตราหรืออำนาจ
หากบารัคจะทำให้หล่อนตกบ่วงเสน่ห์นั่นเท่ากับเป็นการโกหก
เขาจะแสร้งว่ารักหล่อนเพราะมีจุดประสงค์เบื้องหลัง มันไม่ยุติธรรมเลย


ชีคหนุ่มยืนครุ่นคิดหาวิธีที่จะรั้งหล่อนไว้โดยไม่ให้ไฟซาลรู้
...มันต้องมีวิธีอื่นสิ...ต้องมี เขาจะต้องหาวิธีผูกเขากับหล่อนเอาไว้ด้วยกันให้ได้
...อย่างน้อยก็กว่างานแต่งงานของไฟซาลจะมาถึง

หล่อนต้องแสดงว่าไม่เหลือเยื่อใยกับญาติของเขาแล้ว
งานของบารัคจึงจะเสร็จสมบรูณ์





Create Date : 11 มีนาคม 2553
Last Update : 11 มีนาคม 2553 2:33:54 น. 2 comments
Counter : 340 Pageviews.

 
หุหุหุ ตาวิศวกรนั่นมีแผนอะไรนะ?


โดย: แสนดีคนในพื้นที่ IP: 203.155.149.92 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:7:40:23 น.  

 
:)


โดย: xyz IP: 122.152.164.6 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:10:03:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.