หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
16 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

...หลงเสียงนาง บทที่ 6


คืนนั้นมณีมัญชุญ์นอนอยู่ในห้องชมจันทร์ แรกทีเดียวทั้งหล่อนและสาวรุ่นพี่ต่างนั่งเงียบ จนหล่อนตาปรือ สัปหงก
‘ง่วงก็ไปนอนเสียไป มะขาม’
แต่กระนั้นสาวตัวเล็กก็ได้แต่ส่ายศีรษะปฏิเสธ จนจู่ๆ เอนหลับลงกับพื้นได้อย่างไรก็มิทราบ แถมมีผ้าห่มคลุมตัวพร้อม
เมื่อตื่นมาเจ้าของห้องก็หายไปเสียแล้ว


หญิงสาวรีบเปิดดูตู้เย็นทันทีเพราะขวดเหล้าก็หายไปจากสายตาด้วย ก่อนที่จะถอนหายใจโล่งอกเมื่อพบว่าว๊อดก้าใสสีตาตั๊กแตนนั้นไม่ได้พร่องลง สักนิด หล่อนไม่ได้เคร่งครัดว่าสาวๆ ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์
แต่ในสถานการณ์แปลกๆ ที่แสดงอาการออกมาว่าเสียใจ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
มณีมัญชุญ์คิดว่าควรดื่มเหล้าให้เมาเประอยู่แต่ในห้องส่วนตัวดีกว่าเพื่อความปลอดภัย


“ตื่นแล้วเหรอ”
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องที่ก้าวเข้ามา ชมจันทร์ใส่กางเกงวอร์ม รองเท้าผ้าใบ
เสื้อยืดสีดำมีรอยเปียกเป็นวงกว้าง
“กินโจ๊กไหม”
มือข้างหนึ่งถือถุงอาหารมาด้วย


“แกะเผื่อด้วยนะ ไปวิ่งมาเหนื่อยเป็นบ้า”
แล้วเจ้าของห้องก็ไปค้นเสื้อผ้าในตู้ก่อนที่จะตรงไปยังห้องน้ำ
มณีมัญชุญ์มองอาการนั้นของชมจันทร์งงๆ รู้สึกแปลกปนประหลาดใจที่สาวรุ่นพี่มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนชวนหล่อนดื่มเหล้าเสียอย่างนั้น แต่ก็สมเป็นชมจันทร์ดี สาวแกร่งที่สอนให้หล่อนสู้ชีวิตทั้งหนี้สินและอาการอกหักถูกรักทรยศ เสียใจแป๊บเดียวก็หาย


“เมื่อคืนนี้ ขอบใจนะมะขามที่มาอยู่บนเพื่อน”
“ไม่เป็นไรหรอกเจ้”
สาวข้างห้องว่าพลางตักหมูเด้งในโจ๊กเคี้ยวตุ้ยๆ
“ตอนมีเรื่องไม่สบายใจ เจ้ยังช่วยปลอบหนูเลย แค่นี้น่ะสบายมาก”
นานๆ มณีมัญชุญ์จะได้ทานข้าวเช้าแบบครบสูตรเสียที จึงสนุกสนานกับการทานมาก
ปรกติหล่อนดื่มแค่นมกับทานขนมปังเท่านั้นเพราะเวลาอันเร่งรีบในการเข้างาน
วันหยุดก็ตื่นเอาเกือบเที่ยง วันนี้จึงเป็นวันที่พิเศษหน่อย


“เอ้า! ไส้หมู ตับ ฉันให้ไข่เยี่ยวม้าด้วยนะ”
ชมจันทร์ตักเนื้อสัตว์ประเคนให้เต็มที่ สาวตัวเล็กเคี้ยวอาหารแก้มตุ่ย ยิ้มชอบใจจนตาหยี
“วันนี้ว่างหรือเปล่ามะขาม เดี๋ยวสิบโมงไปซื้อของในห้างกัน เดี๋ยววันนี้เจ้เลี้ยง”



ดูเหมือนเมฆหมอกเรื่องร้ายๆ จะคลายไปพร้อมกับความมืดยามค่ำคืน
เพราะหลังจากหล่อนกลับมาที่ห้อง โทรศัพท์ไปถามพี่สาวก็ได้รับข่าวดี
“ตอนนี้กำลังเจรจาอยู่ ญาติของเพื่อนป๊าเขาจะเจรจาเอง ดูท่าทางมีเงินอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไร”
โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง วันนี้หล่อนจึงไปเดินซื้อของกับชมจันทร์ได้อย่างสบายใจ


“ลดแปดสิบเปอร์เซ็นต์นะมะขาม เสื้อผ้าของซีซั่นที่แล้ว”
ชมจันทร์ร้องพลางปราดเข้าไปในร้านเสื้อดังกล่าวที่ติดป้ายเตะตาว่าลดราคา
“อย่าเลยเจ้ สีเขียวเจ้มีแล้ว ยีนส์ตอกหมุดเจ้ก็มี เจ้บอกว่าเดือนนี้จะประหยัดไม่ใช่เหรอ”
มณีมัญชุญ์รีบร้องห้าม แต่ดวงตากลมโตกลับเหลือบแลไปยังเสื้อยืดเนื้อดีที่ลดราคาเหลือตัวละไม่กี่ร้อยบาท


“แต่มันลดแปดสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะแก เนี่ยดูสิเนื้อผ้าก็ดี๊ดี...ดีกว่าเสื้อร้อยเก้าเก้าจม”
กระนั้นสาวรุ่นพี่ก็หาข้ออ้างมาจนได้ มือยังจับเสื้อเชิ้ตลดราคาไว้ไม่ปล่อย
“เจ้มีแล้วนะ อีกยี่ห้อหนึ่งไง คล้ายๆ กันเลย”
“ไม่เหมือนนะมะขาม อย่ามั่ว คนละแพทเทิร์น”
“เดือนที่แล้วเจ้ก็ซื้อแบบนี้หนูจำได้”


สาวรุ่นพี่หน้างอทันทีที่โดนขัด
“งั้นเลือกตัวอื่นก็ได้ แกก็ไปเลือกสิมะขาม”
ชมจันทร์กระฟัดกระเฟียดเล็กๆ
“ไม่เอาหรอกเจ้ มันเปลือง”
มณีมัญชุญ์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่มองไปที่เสื้อยืดลดราคาที่ราวแขวน
แต่ชมจันทร์ก็เลือกเสื้อผ้านานเหมือนแกล้ง รุ่นน้องเบื่อจึงไปดูเสื้อยืดเหล่านั้นแก้เซ็ง
รู้สึกตัวอีกทีก็หยิบเสื้อยืดสองตัวมาทาบกับตัวเสียแล้ว


“ซื้อสิ...ซื้อเลย”
ชมจันทร์มายุอยู่ข้างหู
“ไม่เอาหรอกเจ้ มันแพง”
หล่อนทำหน้าแหย แต่ก็ยังจับเสื้อเหล่านั้นไว้ไม่ปล่อย
“จะเป็นไรไปมะขาม มันลดราคาอยู่แล้ว เหมือนซื้อสองแถมหนึ่ง”
รุ่นพี่เชียร์เต็มที่ในมือก็จับเสื้อไว้หลายตัวอยู่


“มันก็ยังแพงอยู่ดีหนูเอาตัวเดียวดีกว่า เจ้ว่าตัวไหนสวยล่ะ”
เสื้อสองตัวยื่นมาตรงหน้าให้ชมจันทร์เปรียบเทียบ
“แล้วแต่แกสิ แกจะใส่นี่มะขาม เดี๋ยวฉันไปเลือกกางเกงก่อนนะ”
สาวผิวคล้ำวิ่งกลับไปที่ราวแขวนกางเกงยีนส์


มณีมัญชุญ์ยืนเปรียบเทียบเสื้ออยู่นาน
ตัวซ้ายก็สวย...ตัวขวาก็ดี ใจพยายามคิดหาเหตุผลร้อยแปดมาประกอบการตัดสินใจว่าจะไม่ซื้อ
แต่เหตุผลก็โดนความอยากได้โต้แย้งไปเสียหมด
ผู้หญิงเวลาจะซื้ออะไรแล้วนั้นต่อให้เอาช้างมาฉุดก็ไม่อยู่
...โดยเฉพาะของที่แปะป้ายพรมมนตร์ไว้ด้วยคำว่า ‘ลดราคา’


สรุปแล้วมณีมัญชุญ์กับชมจันทร์ก็ออกมาจากร้านนั้นด้วยถุงเสื้อผ้าหลายใบ
ตลอดทางเดินในห้างสรรพสินค้า หล่อนท่องเหมือนตั้งใจจะสะกดจิตตัวเองว่าไม่ซื้อๆ
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะมักจะมีของติดมือออกมาร้านที่เข้าไปร้านละชิ้นสองชิ้น


“เดือนนี้ติดลบอีกแหง”
ใจนั้นคร่ำครวญ แม้การชอปปิ้งกับผู้หญิงจะเป็นของคู่กัน แต่สำหรับผู้หญิงที่มีหนี้สินอย่างหล่อนนั้นถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของศัตรูทั้งมวลก็คือตัวหล่อนเองนั่นแล กิเลสที่ชื่อคำว่า ‘ความอยากได้’ ที่ตัดอย่างไรก็ไม่ขาด


“เอาน่า แก้เครียด เดี๋ยวค่อยไปลดค่าใช้จ่ายอย่างอื่น”
คนที่โดนกิเลสครอบงำมากกว่าหล่อนหัวเราะเบาๆ ถือถุงสินค้าหลากยี่ห้อเต็มมือ
“เอาล่ะ เดี๋ยวเราไปฝากของกัน จะได้ไปซื้อหนังสือ”
“ยังจะซื้ออีกเหรอเจ้”
มณีมัญชุญ์ร้องอย่างอ่อนใจ ในหัวคำนวณยอดติดลบของเดือนนี้อุตลุด


“นี่แก...ฉันเป็นนักเขียนนะยะ จะปล่อยให้สมองกลวงได้ยังไง เดี๋ยวนักอ่านอย่างแกก็ไม่อ่านงานของฉันพอดี
ต้องหารอยหยักใส่สมองบ้าง”
นักเขียน...เจ้าของผลงาน ‘จอมใจชี้คทมิฬ’ ที่ยังเขียนไม่จบ ก้าวไปอย่างมุ่งมั่นตรงไปที่เคาน์เตอร์ฝากของ
นักอ่านยากจนเงินติดลบอย่างหล่อนที่ชอบอาศัยอ่านฟรีก็จำต้องเดินตามไปด้วย


หลังจากออกมาจากร้านหนังสือชมจันทร์และมณีมัญชุญ์ก็เริ่มหิวกันแล้ว สองสาวจึงเลือกไปทานบุฟเฟ่ต์สเต๊กพร้อมสลัดบาร์เจ้าดังซึ่งมีสาขาอยู่ในห้าง สรรพสินค้าหลายแห่ง
“เจ้ แล้วตกลงตอนต่อไปชี้คบารัคจะทำยังไงกับยัยแฮปปี้ล่ะ”
สาวตัวเล็กเลือกที่จะเรียกมณีมัญชุญ์ในนิยายว่า ‘แฮปปี้’ คงแปลกพิลึกหากจะเรียกชื่อนางเอกที่มีชื่อจริงเหมือนตัวเอง


“ไม่น่าถาม ...ก็ต้องยื่นข้อเสนอแลกกับหนี้สินน่ะสิ”
ปากคนเขียนนิยายก็พูดไปมือก็หยิบช้อนและส้อมมาคนสลัดในจาน
“น้ำเน่าจังเจ้ นิยายเรื่องอื่นเขาก็มีกัน พล็อตโหลไปมั้ง”
หากเป็นกับคนอื่นมณีมัญชุญ์คงไม่กล้าพูด เพราะการวิจารณ์งานตรงๆ เสี่ยงต่อการโดนเกลียดขี้หน้าเป็นอย่างยิ่ง
“เอาให้มันแปลกใหม่หน่อยสิ เอะอะอะไรก็หนี้ ความแค้น ความรัก ความหลง”


ชมจันทร์ชะงักสักครู่ก่อนที่จะใช้ส้อมชี้มาทางหล่อน
“มะขาม ไอ้ที่แกพูดน่ะ มันคือกิเลสขั้นพื้นฐานของมนุษย์นะ ถ้าไม่มีเรื่องพวกนี้โลกมนุษย์ก็ไม่หมุน
มันคงจะนิ่งเงียบ แล้วนิพพานกันไปทั้งโลก”
สาวรุ่นพี่ร่ายด้วยใบหน้านิ่งๆ ติดจะดุด้วยซ้ำ ถ้าคนไม่คุ้นเคยจะคิดว่าโกรธเป็นแน่
แต่มณีมัญชุญ์กลับเถียงต่อเพราะรู้ดีว่าเจ้าตัวแกล้งตีสีหน้าข่มไปอย่างนั้นเอง
“แต่มันควรจะมีอะไรที่แปลกใหม่กว่านี้นะเจ้ น้ำที่นิ่งคือน้ำเน่าไม่ใช่เหรอ”


“ย่ะ ก็ฉันเขียนเรื่องน้ำเน่านี่ยะ ไม่ได้เขียนเอารางวัลซีไรท์ เขียนเรื่องเบาๆ ไม่หนักหัว
ขืนเขียนพล่ามมีเหตุผลร้อยแปดเชิงอรรถอีกสามสิบหน้า แกก็คงไม่อ่านงานของฉันพอดี”
เสียงนั้นมีแววประชดประชันกึ่งยิ้มๆ แสดงว่าชมจันทร์กำลังอารมณ์ดีและสนุกในการต่อปากต่อคำกับหล่อน
“แต่แหม...มันเดาง่ายจัง อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น พอพระรองโผล่ หนี้ก็ผุดขึ้นมาเชียว”
หญิงสาวบ่นอุบอิบขัดใจที่เดาตอนต่อไปของนิยายได้ง่ายมาก


“มะขาม ...เรื่องบางเรื่องในโลกนี้บางทีมันก็บังเอิญอย่างร้ายกาจนะแก เขาถึงได้เรียกว่าโชคชะตาไงล่ะ
ไม่แน่นะมะขามบางทีในห้างนี้ ตอนนี้ ...เนื้อคู่ฟ้าประทานของแกเขาอาจจะมาอยู่ใกล้ๆ ก็ได้
ชี้คบารัครูปหล่อของแกไงล่ะมณีมัญชุญ์”
สาวรุ่นพี่ยื่นหน้ามาบอกดวงตาวาววับ เจ้าของชื่อย่นจมูกแล้วตักสลัดเข้าปากเสียคำหนึ่ง


“ไม่เอาหรอกเจ้ ผู้ชายในชีวิตจริงเลวกว่าผู้ชายในนิยายเยอะ หนูก็แค่ฝันหวานในนิยายไปแค่นั้นแหละ ถ้ามาจริงหนูก็ขอลา ยังเข็ดเรื่องรักอยู่”
ชมจันทร์หัวเราะครื้นเครงกับปากบางที่ทั้งพูดทั้งเคี้ยวสลัดนั่น รุ่นน้องเป็นสาวช่างฝันที่แยกโลกความเป็นจริงและความฝันออกจากกันได้อย่าง เด็ดขาดเสียจริง ทั้งๆ ที่บางครั้งปากก็ร้องปาวๆ ว่าอยากได้ผู้ชายดีๆ
พอทำท่าว่าจะมีคนมาติดพัน สาวตัวเล็กก็ตัดไมตรีคนติดพันเสียฉับ


ชมจันทร์ราวกับเห็นภาพสะท้อนของตนเองซ้อนทับอยู่ในตัวมณีมัญชุญ์


ความปรารถนาที่จะเป็นที่รักของใครสักคน
ความหวาดกลัวที่จะก้าวลงในบ่วงแห่งความรัก
ความขลาดเขลาเกินกว่าจะเริ่มต้นรักใหม่
ทุกอย่างเริ่มต้นจากรัก...และสิ้นสุดด้วยความเจ็บ
เหลือทิ้งไว้เพียงรอยแผลและผลข้างเคียงจากพิษรักเก่า


มื้อกลางวันแสนอร่อยผ่านไปชมจันทร์และมณีมัญชุญ์หมดความสนใจในห้างสรรพสินค้าหรูแห่งนี้เสียแล้ว
จึงตกลงกันที่จะกลับหอดีกว่า ก่อนที่จะไปเอาของที่เคาน์เตอร์รับฝากชมจันทร์มีสายโทรศัพท์เข้า
เสียงคุยเป็นภาษาเขมรพื้นถิ่นดังเบาๆ จากสาวรุ่นพี่


มณีมัญชุญ์จึงขอตัวเลยไปห้องน้ำก่อน เมื่อทำธุระเสร็จ ออกมาส่องกระจก สำรวจความเรียบร้อยพอไม่ให้เป็นที่ขายหน้า ประตูห้องน้ำห้องหนึ่งก็เปิดออกพร้อมกับร่างระหงในชุดแสกสั้นสีเขียวมะนาว คนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำและมณีมัญชุญ์ต่างสบตากันที่กระจกเงาเหนืออ่างล้าง หน้า


ร่างนั้นเยื้องกรายมายืนห่างจากจากหล่อนไม่กี่อ่างล้างหน้าคั่น ดวงตานั้นนิ่งสงบเจือเย้ยหยัน มือขาวผ่องงดงามสอดเข้าไปในผมสีดำสนิทและแผ่ยาว สยายผมราวกับจะแสดงความยิ่งใหญ่ในมาดนางพญา มณีมัญชุญ์สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วรีบสาวเท้าออกไปทันที


นี่ก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่หล่อนคงจะไม่มีวันลืม ...วริญาภร ผู้หญิงที่ทำให้ไรวินทร์ทิ้งหล่อนไป สมควรอยู่หรอกที่อดีตคนรักเก่าจะทิ้ง ก็ในเมื่อวริญาภรสวย ร่ำรวย การศึกษาดีจบเมืองนอก แม้จะมีนิสัยเอาแต่ใจ และชอบเอาชนะก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นกลายเป็นข้อเสียเพียงจิ๊บจ๊อยเมื่อเทียบกับข้อดีข้างต้น


“มะขามๆ”
ชมจันทร์ร้องเรียกทันทีเมื่อเห็นหล่อน


“แกออกมาจากห้องน้ำช้า เมื่อกี้นี้นะ ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง หล่อมากๆ ตาคม ผมเข้ม สูงสง่า มาดดี
สาวๆ แถวนี้งี้มองกันตรึม ท่าทางอย่างนี้เหมาะจะเอาไปเป็นต้นแบบของพระเอกในนิยาย”
คนอายุมากกว่าพรรณนาถึงความหล่อของผู้ชายที่ได้พบเห็นมาอย่างไรนั้น มณีมัญชุญ์ไม่ได้ฟังเสียแล้ว
ใจนั้นลอยไปที่ห้อง อยากปิดประตูและร้องไห้อยู่ตามลำพังเสียจริง


สัปดาห์นี้เป็นช่วงระลึกความหลังในละครหลังข่าวหรือไร
ผู้คนในอดีตจึงทยอยดาหน้ามาขุดคุ้ยรอยแผลแห่งพิษรักที่เจ็บแสบ


“กลับหอเลยเถอะเจ้ชม หนูเหนื่อยแล้วก็เพลีย”
หล่อนตัดบทซึ่งสาวรุ่นพี่ก็เห็นดีด้วย
เมื่อกลับถึงหอแทนที่จะได้พักผ่อน ข่าวร้ายกลับตามมาหลอกหลอนผ่านเสียงโทรศัพท์มือถือ
“ญาติของคนที่ป๊าเราไปค้ำประกันให้น่ะ เขาไม่ยอมชดใช้หนี้ อ้างว่านั่นเป็นหนี้ที่ใช้ไปกับการพนัน”
เสียงพี่สาวเครือ


“เขาปฏิเสธไม่ยอมรับผิดชอบท่าเดียว”
คำยืนยันที่เล่นเอาคนฟังจิตวิตกเข้าไปกันใหญ่
“แล้วทางกฎหมายทำอะไรเขาไม่ได้เลยเหรอพี่”


“มันเป็นเงินนอกระบบนะมะขาม กฎหมายแทบไม่มีความหมายอะไรเลย หนี้อย่างนี้แหละที่เขาฆ่ากันตายอย่างง่ายดาย”
หูของหญิงสาวได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาแว่วๆ จากปลายสาย สลับกับเสียงบริภาษเป็นภาษาจีน
“แล้วที่บ้านเป็นยังไงบ้างล่ะพี่”


“ม๊าปวดหัวหนึบนอนซม ป๊าก็เก็บตัวในห้องเงียบ ต้องให้คนไปเฝ้า กลัวแกจะล้มไปอีกคน”
คำตอบยิ่งทำให้น่าหนักใจเข้าไปใหญ่ บุพการีทั้งสองทุกข์หนักถึงขนาดต้องล้มป่วย
“เราไม่มีวิธีการเจรจากับทางเจ้าหนี้เลยเหรอพี่”


“ทีแรกก็ดูเหมือนจะดี แต่ข่าวกระแสหนึ่งบอกว่าเจ้าหนี้เขาอยากได้ร้านของเราก็เลยฮั้วกับลูกหลานลูกหนี้ตัวจริง”
นั่นปะไร! นี่สินะความจริงหลังฉาก มีผลประโยชน์ร่วมกันนี่เอง ทุกอย่างถึงได้พอเหมาะพอเจาะ
“พวกพี่จะลองปรึกษากับตำรวจแล้วก็ทนายที่รู้จักกันดูอีกครั้ง จะลองหาทางแก้ดู
ทางนั้นน่ะลูกไม้พราวพราว แขกอินเดียทั้งนั้น”
พี่สาวตัดสายไปด้วยเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก


เย็นวันนั้นและตลอดทั้งคืนมณีมัญชุญ์จึงจำต้องพึ่งยาแก้ปวดหัวตามเคยเพราะมิฉะนั้นคงข่มตาไม่หลับแน่
ซึ่งก็ได้ผล เพราะขนาดชมจันทร์มาเคาะประตูห้องชวนไปทานข้าวเย็น หญิงสาวก็ยังไม่ตื่น
อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาแก้ปวดบวกกับอาการเพลียที่เมื่อคืนนอนไม่เต็มอิ่มทำให้มณีมัญชุญ์ฝัน


หล่อนยืนอยู่ในหมอกหนาจนมองไม่เห็นทาง มือข้างขวาจับอะไรบางอย่างไว้ ...อุ่นนิ่ม ในฝันนั้นหล่อนรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกว่ามือข้างนั้นจับอะไรบางอย่างที่ เชื่อถือได้ มณีมัญชุญ์เดินตามมือข้างขวาของตนเองที่ถูกจูงไปเรื่อยๆ
หมอกเริ่มจางลง จมูกเริ่มสัมผัสกลิ่นหอมบางอย่าง ที่คล้ายกลิ่นเครื่องหอมผสมธูปเหมือนอยู่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์


พลันหมอกก็หายไปกลายเป็นกลีบดอกไม้สีเหลืองโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า
หล่อนมองไปที่มือข้างขวา ...ดวงตาเบิกโพลงพร้อมกับกรีดร้องลั่น เพราะสิ่งที่อยู่ข้างกายหล่อนคืองูตัวใหญ่
ดวงตาดำสนิทนั้นแวววาว ลิ้นยาวพันมือข้างขวาหล่อนไว้


มณีมัญชุญ์พยายามมันสะบัดออกท่ามกลางกลีบดอกไม้เหลืองโปรยปรายและเสียงเพลง ดู ม! มะ จา เล๊ ดูม! มะ จา เล ดูม !!! ดู ม!!! ที่แว่วมา


“โหย...มะขาม ฉันขอก๊อปเป็นความฝันของนางเอกในนิยายหน่อยนะ”
เจ้ชมหัวเราะร่วนเมื่อหล่อนเล่าความฝันให้ฟังในยามเช้าวันต่อมา
“ไม่ขำเลยนะเจ้ หนูตกใจแทบตาย ยังรู้สึกขยะแขยงอยู่เลย”
คนฝันเอามือลูบแขนแสดงอาการรังเกียจออกมาโต้งๆ ผู้หญิงกับงูนั้นถูกกันเสียเมื่อไหร่


“โบราณเขาว่าฝันเห็นงูจะเจอเนื้อคู่”
“ไหงมันมาเป็นงูอย่างนั้นล่ะเจ้ ไม่โรแมนติคเลย สยองขวัญเสียด้วยซ้ำ”
“ไม่รู้สิ” ชมจันทร์ยักไหล่
“โบราณเขาว่ามา สงสัยงูจะแทนเรื่องทางเพศมั้ง แบบว่าเป็นความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจที่โหยหาอะไรประมาณนี้น่ะ”


“โห...อีโรติกมากเลยเจ้ งูเนี่ยนะ”
มณีมัญชุญ์ค้านอีกตามเคย
“ถ้าฉันตายไปเมื่อไหร่จะไปเคาะฝาโลงถามคนโบราณให้นะมะขามว่าทำไมเขาถึงเอาเจ้างูเนี่ยมาแทนเรื่องนี้”
พูดแล้วก็หัวเราะอีก ท่ามกลางอาการหน้าหงิกของสาวตัวเล็ก


ถ้าใครไม่มาฝันเองคงไม่รู้สึก ไม่โรแมนติกสักนิด หล่อนรับรู้ถึงรังสีคุกคามจนน่าหวาดหวั่น
ความรู้สึกอุ่นวาบในลิ้นเจ้างูนั้นยังไม่จางไปมือขวา ดวงตาวาววับยังติดอยู่ในความทรงจำ
หากสัตว์น่าขยะแขยงนั้นคือลางบอกเหตุเนื้อคู่ ...แล้วอนาคตชีวิตคู่ของหล่อนจะเป็นเช่นไรหนอ
ภาพในฝันน่ากลัวเสียขนาดนั้น


ช่วงบ่ายมณีมัญชุญ์โทร.หาพี่สาว ไม่มีคนรับสาย จึงลองโทร.เข้าที่ร้านของพ่อแม่ดู
“เจ้กับเจ้ใหญ่แล้วก็เฮียไปทำบุญที่วัดจีนแถวนี้ ตามคำแนะนำของซินแซค่ะ คงจะกลับเย็นๆ”
เด็กที่เป็นพนักงานขายของในร้านรายงานพร้อมกับเอ่ยชื่อซินแซที่หล่อนรู้จักดี


“คุณมะขามมีอะไรจะฝากบอกเจ้กับเจ้ใหญ่หรือเปล่าคะ”
หล่อนจึงได้แต่ปฏิเสธเบาๆ คิดว่าช่วงเย็นจะโทร.ถามข่าวเรื่องหนี้ใหม่
แต่ก็ต้องหลงลืมความตั้งใจนั้นไปเมื่อชมจันทร์เดินมาเคาะประตูห้องให้มาช่วยกันทำงานแปลด่วนรายได้ดี
สาวที่เต็มไปด้วยหนี้และเพิ่งจะชอปปิ้งเพิ่มหนี้มาเมื่อวานนี้อย่างมณีมัญชุญ์มีหรือจะปฏิเสธ
กว่างานด่วนจะเสร็จก็สี่ทุ่มหล่อนจึงทานข้าวอาบน้ำแล้วก็นอนเลย


มณีมัญชุญ์เข้างานแปดโมงเช้า ส่วนชมจันทร์จะเข้างานช่วงเที่ยง การเทรนโปรแกรมใหม่จะเริ่มจะเริ่มตอนเก้าโมง
ระหว่างนั้นหล่อนจึงนั่งเคลียร์อีเมลล์และตามงานลูกค้าเร่งด่วน วันนี้มีงานไม่เยอะลูกค้าไม่ซีเรียสอะไรมาก
การประสานงานกับวิศวกรระบบก็ราบรื่น เมื่อคืนก็นอนหลับสนิทไม่ฝันอะไรเลย


หญิงสาวอารมณ์ดีที่เช้าวันทำงานสบายหนักหนาจึงเดินไปที่ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติข้างห้องน้ำ หยอดเหรียญลงช่อง
ตั้งใจว่าจะกดน้ำส้มกระป๋องมาดื่ม ...เหรียญสิบหย่อนลงไป เหรียญบาทอีกสองเหรียญ และเหรียญสุดท้าย
“แกร๊-ง”
เหรียญบาทสุดท้ายไหลคืนมาที่ช่องคืนเงินทอน หล่อนนิ่วหน้าแปลกใจแล้วจึงก้มไปหยิบมาหยอดลงไปใหม่


“แกร๊-ง”
แต่มันก็ไหลลงมาที่ช่องคืนเงินทอนอีกเช่นเคย
อะไรกัน! หล่อนร้องอยู่ในใจ
...เครื่องเสียหรือเปล่า แล้วหล่อนจะได้เงินที่ยอดลงไปแล้วคืนไหม


มณีมัญชุญ์รีบบิดที่ช่องคืนเหรียญ แต่เหรียญก็ไม่ออก
ตั้งสิบสามบาท! หล่อนไม่ยอมหรอก สิบสามบาทนี่ได้น้ำเปล่าสองขวดเชียวนะ
ในยามขัดสน ...เงินแม้น้อยนิดก็จำเป็น ถ้าไม่ได้กินหล่อนก็ไม่ขอเสียเงิน!


ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่ง ...ใหญ่ ขาวสะอาด มาบิดเจ้าช่องคืนเหรียญเจ้าปัญหา


“แกร๊-ง”
เสียงเหรียญพรั่งพรูออกมาที่ช่องคืนเหรียญ มณีมัญชุญ์ตาเป็นประกายดีใจรีบล้วงมือไปเก็บเหรียญพวกนั้นโดยพลัน
“ขอบคุณมากค่ะ...ขอบคุณ...”
คำขอบคุณของหล่อนค้างเมื่อหันมามองเจ้าของมือ


หล่อ! นี่คือคำแรกที่สมองวิเคราะห์ ตามด้วยใจที่เต้นแรงแบบกระฉึกกระชักเป็นจังหวะรถไฟวิ่ง
ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหล่อน สูง สมาร์ท ผมดกดำนั้นยุ่งเล็กน้อย คิ้วเข้ม ดวงตาดำขลับมองตรงมายังหล่อน
ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่ง ริมฝีปากหนาได้รูป
สมองหล่อนไม่รู้จะบรรยายเขายังไงรวมความได้คำเดียวคือหล่อ!
แม้ว่าริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรงติดจะบึ้งตึงไปหน่อยก็ตาม


“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
มณีมัญชุญ์พึมพำราวกับเคลิ้มฝัน คำขอบคุณที่สมองก็ตีความไม่ออกเหมือนกันว่าขอบคุณเขาจริงๆ
หรือขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ได้มายืนใกล้คนหล่อเทพ ชนิดห่างกันไม่กี่นิ้ว
ฉากคลาสสิคในนิยายหวานแหว๋วเลยนะนี่


เขาพยักหน้าไปทางตู้กดน้ำกระป๋อง เป็นทำนองว่าให้กดสิ
หญิงสาวเปลี่ยนความตั้งใจจากเมื่อครู่ทันทีรีบหยอดเหรียญลงในตู้
เอาน่า...สิบสามบาทถ้าจะโดนเจ้าตู้กดน้ำกินไป ก็ถือว่าเป็นค่ายลโฉมคนหล่อให้นานอีกนิด
แต่ทว่า... ไฟบนตู้กดน้ำกลับแดงเถือก อันเป็นสัญญาณให้กดเลือกชนิดเครื่องดื่มได้


“ชิช๊ะ”
หล่อนเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ เมื่อกี้นี้เจ้าตู้ตัวแสบยังทำท่าจะกินเงินหล่อนอยู่เลย คราวนี้กลับใช้งานได้ดีเสียนี่
มือบางจึงจำต้องกดที่ปุ่มน้ำส้มกระป๋อง ซึ่งหล่นดึงปึงออกมาให้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้นจึงถอยให้คนรูปหล่อเข้ามาใช้บริการตู้กดน้ำต่อ แม้เท้าจะเดินห่างออกไปแต่ตาก็ยังไม่วายเหลือบแลไปทางตู้กดน้ำ


ผู้ชายคนนี้ต้องไม่ใช่คนในบริษัทแน่ เพราะถ้าใช่ เครือข่ายสาวโสดในบริษัทจะต้องรู้หมด ชมจันทร์และเปมิกาไม่พลาดจะต้องเอามาเม้าท์ในช่วงเวลาอาหารกลางวันแน่ สรุปแล้วมณีมัญชุญ์ก็ไม่ได้ดื่มน้ำส้มกระป๋องนั้นเพราะมัวแต่คิดเพ้อเจ้อถึง หนุ่มรูปหล่อ จนประโยชน์ต้องมาเตือนให้เข้าไปเทรนโปรแกรมรับสายใหม่ หญิงสาวจึงปัดเรื่องของเขาออกไปจากหัว


คนหล่อมีเอาไว้ให้นึกฝันและชื่นชม ...แค่ฝันเท่านั้นจริงๆ คนหล่อย่อมต้องคู่กับคนสวย สมัยนี้นอกจากสวยเลือกได้แล้ว ก็ยังมีหล่อเลือกได้อีกด้วย เอาเถิด...ถือว่าเป็นฤกษ์ดีที่เห็นของเจริญตาเจริญใจในการทำงานวันนี้


ในห้องเทรนขนาดห้าสิบที่นั่งมีพนักงานหลายแผนกคละเคล้ากันไป หลายคนหล่อนรู้จัก หลายคนก็คุ้นหน้า
มณีมัญชุญ์เลือกที่นั่งปีกซ้ายของห้องเทรน เสียงคุยจ๊อกแจ๊กจอแจหยุดลงในทันใดเมื่อวิศวกรที่จะเทรนระบบเดินเข้ามา รวมถึงหนุ่มหล่อคนนั้นด้วย สาวๆ ดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ความหล่อ ไม่เว้นแม้แต่มณีมัญชุญ์ที่นี่เป็นการตกอยู่ในภวังค์รอบสอง


“สวัสดีครับชาวเอสไอซีทุกท่าน รู้สึกเป็นเกียรตินะครับที่บริษัทลัคกี้อีเลเฟ่นของเราได้มารับหน้าที่พัฒนาระบบการรับสายของบริษัทคุณๆ”
หนุ่มเชิ๊ตฟ้าเกริ่นทักทายและแนะนำตัว แต่ดูเหมือนสาวๆ ในที่นั้นทุกคนจะไม่ได้ฟัง ไม่จำแม้กระทั่งชื่อคนพูด
หรือแม้แต่ชื่อบริษัทเสียด้วยซ้ำ
ความสนใจพุ่งตรงไปที่หนุ่มหล่อที่ตอนนี้เอาแว่นตามาสวม ยิ่งเพิ่มความทรงภูมิดูดีเข้าไปใหญ่


หนุ่มเชิ๊ตฟ้านะนำตัวผู้อบรมทีละคน...ทีละคน จนมาถึงคนสุดท้าย
ผู้ชายที่หล่อนเห็นหน้าตู้กดน้ำกระป๋องเดินไปรับไมค์จากหนุ่มเชิ๊ตฟ้า
ด้านหลังของเขาเป็นจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่และกำลังทดสอบฉายสไลด์อยู่
“สวัสดีครับ”
เสียงนั้นทุ้มชวนเคลิ้ม ...แต่มณีมัญชุญ์รู้สึกคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก


“ผม ปริยวัตร อาห์เมด”
เสียงนั้นเปลี่ยนเป็นขึ้นจมูกโดยเฉพาะตอนที่บอกนามสกุล พลันมณีมัญชุญ์ก็หลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินชื่อเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
คนที่แนะนำตัวว่าชื่อปริยวัตรหันมาทางหล่อนเหมือนจงใจ คราวนี้เขายิ้มน้อยๆ ดวงตาคมเข้มวาววับ


“ม่าย...ย”
หญิงสาวกรีดร้องในใจ
หูได้ยินเสียงตัวเองกลืนน้ำลายดังเอื๊อก
พร้อมกับเสียงเพลง ดูม! มะ จา เล๊ ดูม! มะ จา เล ดูม !!! ดู ม!!! ที่แว่วมาไกลๆ

+++++++++++++++++




 

Create Date : 16 มีนาคม 2553
6 comments
Last Update : 16 มีนาคม 2553 15:16:11 น.
Counter : 402 Pageviews.

 

หวัดดีตอนบ่ายค่า อิอิ^^

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 16 มีนาคม 2553 15:36:27 น.  

 

แหมมมมมมมมม

 

โดย: fiona IP: 203.171.196.81 16 มีนาคม 2553 18:09:41 น.  

 

เป็นเงื่อนงำทางจิตวิทยานะเราว่า อิอิ

ไอ้ฝันถึงงูเราก็เคยฝัน เคยทั้งไล่บี้ตายหมดป่า เคยทั้งโดนงาบ (เป็นงูยักษ์น่ะ อย่าคิดมาก ตอนนี้ก็มานอนอืดอยู่ข้างๆไง้)

เรื่องนี้แปลกดี (จริงๆเรื่องอื่นๆก็แปลก)

 

โดย: พี่หมูน้อย 17 มีนาคม 2553 2:07:59 น.  

 

ได้เจอตัวเป็นๆซะทีเนอะ

 

โดย: แสนดีคนในพื้นที่ 17 มีนาคม 2553 9:06:44 น.  

 

ลืมทักไปว่า อันนี้งูอินตระเดียนะนายจ๋า ตั้งแต่ได้ยินว่า silicon valley กลิ่นแขกก็ลอยลมมาแต่ไกล อิอิ


 

โดย: พี่หมูน้อย 20 มีนาคม 2553 2:21:17 น.  

 

สนุกมากค่ะ... ไม่ได้อ่านนิยายของคุณจโกระเสียนาน แอบคิดว่าได้กำไรเพราะได้อ่าน2นิยายซ้อนนิยาย แต่เอ่ สงสัยจะเป็นหนึ่ง...... อิอิ

 

โดย: Lemon Problem IP: 161.200.208.106 21 มีนาคม 2553 15:53:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.