หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

...หลงเสียงนาง บทที่ 5


“เบื่อว่ะมะขาม”
เสียงชมจันทร์บ่นมาตามสาย
“เชียงใหม่กลางวันร้อนตับแตก กลางคืนฝนตก เดินออกไปเที่ยวกาดตอนกลางวันก็ไม่ได้เพราะต้องทำงาน
พอไม่มีอะไรทำจะอัพนิยาย...เว็บก็ล่ม”
ว่าแล้วรุ่นพี่ที่โทร.มาจากเชียงใหม่ก็ถอนหายใจยาว


เพราะก่อนที่จะไปอบรมพนักงานคอลเซ็นเตอร์สาขาเชียงใหม่ สาวรุ่นพี่วางแผนอย่างดีว่าจะไปเที่ยวกาดหรือตลาดในภาษาเหนือ แถมหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตอย่างดี เจอสภาพอากาศแปรปรวนอย่างนี้มณีมัญชุญ์ก็นึกเซ็งแทนคนโทร.มาเหมือนกัน


“ถ้าอัพนิยายลงเว็บไม่ได้เจ้ก็ส่งเป็นอีเมล์มาให้หนูอ่านสิ”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก
“หนูว่าจริงๆ แล้วเจ้ก็แอบดีใจใช่ไหมล่ะที่เว็บมันล่มไปก่อน ขืนไม่งั้นเจ้ก็คงแต่งตอนต่อไปไม่ทัน อบรมพนักงานทางเชียงใหม่งวดนี้หนักอยู่ไม่ใช่เหรอ”
ปลายสายทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ขัดใจที่มีคนรู้ทัน


“แล้วที่สำนักงานใหญ่เป็นยังไงมั่งมะขาม มีแต่ประชุมล่ะสิ กินข้าวเที่ยงหรือยังนี่”
เจ้ชมแสดงความห่วงใย มณีมัญชุญ์จึงเคี้ยวแซนวิชทูน่าชิ้นโตดังกรวมๆ ให้ฟัง


“รู้งี้ฉันขอไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ดีกว่า”
ปลายสายโอด สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่วุ่นวายของแผนกหล่อน เพราะต้องแบ่งคนไปอบรมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ตามสาขาภาคต่างๆ แถมยังจะต้องมีการประชุมเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้รับสายในบริษัทใหม่อีก


ชมจันทร์และรุ่นพี่อีกคนของแผนกไปเชียงใหม่ ขณะที่หล่อนและประโยชน์มาประชุมกับบริษัทที่จะวางระบบการรับสายที่สำนักงานใหญ่


“หนูว่าหนูน่าจะไปเชียงใหม่มากกว่านะเจ้ ของที่สำนักงานใหญ่แพ๊ง...แพง กาแฟยังแก้วละห้าสิบ แซนวิชนี่ยังตั้งสามสิบห้า คนเงินเดือนหมื่นกว่าๆ อย่างหนูนี่แทบหาของกินไม่ได้”


สำนักงานใหญ่ของเอสไอซีอยู่ใน ย่านธุรกิจใจกลางเมือง อาหารการกินจึงแพงระยับ โชคดีที่ยังพออาศัยอาหารบางอย่างจากร้านค้าสวัสดิการพนักงานในตึกได้ แต่กระนั้นก็ยังราคาแพงอยู่ดีหากเทียบกับที่ทำงานประจำ วันนี้หล่อนจึงย้ายทำเลมาหาอาหารกลางวันราคาประหยัดในร้านสะดวกซื้อทาน


“เออ...ก็อ้อนขอเจ้ปองให้ซื้อขนมเลี้ยงก็แล้วกัน หรือไม่ก็เบิกงบบริษัท เดี๋ยวฉันกลับกรุงเทพฯก็จะซื้อขนมไปฝาก”
วันนี้ประโยชน์ไปทานข้าวในห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ สำนักงานใหญ่กับเพื่อน เขาชวนมณีมัญชุญ์ไปด้วยแต่หล่อนปฏิเสธ
“ไม่ต้องหรอกเจ้ แค่กลับมาปลอดภัยก็พอแล้ว”


ยังไม่ทันที่ชมจันทร์จะตอบว่าอะไรโทรศัพท์ก็มีเสียงแทรกดัง
...ตรุ๊-ด เป็นสัญญานสายซ้อน
มณีมัญชุญ์ยกโทรศัพท์มือถือออกห่างจากหู หน้าจอเป็นสายเข้าจากชมจันทร์เวลาเป็นวินาทียังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


“สายซ้อนหรือเปล่าเจ้ชม งั้นหนูไม่กวนแล้วนะ ขอวางสายล่ะ”
หล่อนขอวางสายเพราะเกรงใจ แต่รุ่นพี่สาวแว้ดลั่น
“อย่านะมะขาม! อย่าวางเป็นอันขาด”


“อ้าว! ทำไมละเจ้ มีสายซ้อนไม่ใช่เหรอ”
“มันไม่สำคัญหรอกน่า ฉันอยากคุยกับแกมากกว่า”
“งั้นเจ้ก็ตัดสายที่โทร.เข้าสิ เสียงดังตรุ๊-ดๆ น่ารำคาญออก”
หญิงสาวแนะ แต่สาวรุ่นพี่กลับเงียบไปสักพัก เสียงตรุ๊-ดๆ ยังดังต่อเนื่อง


“ปล่อยมันไว้อย่างนี้แหละมะขาม ไม่ต้องสนใจหรอก ว่าแต่ที่สำนักงานใหญ่มีฝรั่งหล่อๆ ไหม”
ชมจันทร์เฉไฉไปเรื่องอื่น ท่ามกลางความงุนงงของหล่อนและเสียงสายซ้อนดังตรุ๊-ดๆ ที่แทรกมาเป็นระยะๆ


รุ่นพี่ตัดสายไปเมื่อสิบนาทีต่อมา การพูดคุยเป็นเรื่องสัพเพหระทั่วไป แต่ที่มณีมัญชุญ์จับน้ำเสียงได้ก็คืออาการร้อนรนสมาธิไม่อยู่กับเรื่องที่คุย ราวกับชมจันทร์ยืดเวลาเพื่อที่จะให้เสียงสายเรียกซ้อนนั้นวางไปเอง


คล้ายกับวันที่หล่อนเห็นโทรศัพท์มือถือของชมจันทร์มีสายเข้าแล้วเจ้าตัวไม่ยอมรับ ซึ่งมักจะเป็นเวลาที่สายเข้าและแสดงชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ว่า...Devil ห้ามรับเด็ดขาด!


มณีมัญชุญ์นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าคนนิสัยห้าวๆ อย่างชมจันทร์ ถ้าไม่ชอบ ไม่อยากคุย น่าจะตัดสายทิ้ง หรือไม่ก็ปิดโทรศัพท์หนี หญิงสาวเดินเรื่อยๆ มาในตึกของบริษัทขณะที่กำลังจะไปยังลิฟท์ก็ต้องชะงัก


“มะขาม”
เสียงทุ้มเรียกหล่อนจากข้างหลัง ...เสียงที่หล่อนไม่มีวันลืม!
“สบายดีไหม”
เจ้าของเสียงทักพร้อมรอยยิ้มหล่อ หล่อนเบิกตาโพลงแล้วหรี่มันลงในพริบตา ทำกิริยาเหมือนปรกติ เว้นเสียแต่ริมฝีปากที่เม้มเป็นเส้นตรง
“ฉันสบายดี แล้ววินทร์ล่ะ ได้ข่าวว่ากำลังจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ”


ไรวินทร์ชะงักยิ้มไปนิด ก่อนที่จะทอดเสียงนุ่ม
“ยังหรอก คนอื่นเขาแค่แซวกันเล่นน่ะ”
เขามักจะแก้ตัวเช่นนี้เสมอ มณีมัญชุญ์จำได้
ไรวินทร์อดีตแฟนมักจะบอกว่า...คนอื่นพูด...คนอื่นแซว...คนอื่นคิดไปเอง ขอให้เชื่อใจเขาคนเดียว
...เชื่อใจจนหล่อนเจ็บมาถึงทุกวันนี้


“ผมอยากจะขอโทษมะขามมาตลอดเลยนะเรื่องที่ผ่านมา แล้วก็เรื่องหนี้...”
อดีตคนรักพูดยังไม่ทันจบประโยชน์ก็เดินรี่มา
“มะขามรีบ... เอ่อ ผมขอโทษครับ”
ด้วยความที่รีบหัวหน้างานจึงยั้งเสียงเรียกไว้ไม่ทันเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่กับลูกน้องด้วย


“โทษทีนะวินทร์ ฉันรีบ ไปกันเถอะค่ะพี่ปอง เรามีประชุมรอบบ่าย”
มณีมัญชุญ์เชิดหน้ายกมือข้างหนึ่งแตะที่แขนของประโยชน์
หล่อนอยู่ในชุดแซกลายดอกทางคลุมทับด้วยสูทเข้ารูปสีน้ำตาล
ส่วนประโยชน์สวมเชิ๊ตสีฟ้าอ่อนเนคไทด์สีเทากางเกงสแลคดำ
ดูจากสายตาคนภายนอกหัวหน้าก็หล่อใช้ได้ พอที่จะเป็นคู่หนุ่มสาวออฟฟิศในย่านหรู


การเจอกับไรวินทร์เป็น เรื่องบังเอิญอย่างร้ายกาจ และส่งผลร้ายอย่างยิ่งยวดเพราะหล่อนฟังการประชุมไม่รู้เรื่องเลย
ตามองโปรเจ็คเตอร์ที่โปรแกรมเมอร์ทั้งหลายอธิบายเกี่ยวกับโปรแกรม แต่ใจกลับกระหวัดคิดไปถึงแต่ไรวินทร์


เขายังดูหล่อเหมือนเดิม ผิวขาว แต่งตัวดี กลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบใช้ดูเหมือนจะลอยอบอวลอยู่ในห้วงคำนึง

ทำไมนะ...ทำไม ทั้งๆ ที่หล่อนพร่ำบอกในใจว่าให้ลืมเขาเสีย
แต่พอเจอกันเพียงครู่ กลับคิดถึงแต่เขาแทบไม่เป็นอันทำงาน ความเจ็บปวดราวกับจะไหลจากหัวใจแล่นไปสู่สมอง
ความเจ็บปวดที่ชื่ออดีตและความคิดถึง


ในที่สุดมณีมัญชุญ์จึง ตัดสินใจขอตัวไปเข้าห้องน้ำ นั่งระงับสติอารมณ์ สวดมนต์แผ่เมตตาให้ผู้ชายในอดีต
ของสกปรก...ผู้ชายคนนั้นคือของสกปรก เขาเต็มไปด้วยหนามแหลมทิ่มแทงให้หล่อนเจ็บเรื่อยมา


หล่อนเรียกความทรงจำในคำพูดที่หลอกลวงและอาการตัดพ้อข้อเสียหล่อนเมื่อยาม เขาจะมีคนใหม่
โดยหวังว่ารสขมของการถูกทรยศจะช่วยขับไล่ความรู้สึกใจสั่นและโหยหาเมื่อนึก ถึงเขาได้


หลังจากนั้นมณีมัญชุญ์จึงสูดลมหายใจลึกๆ เข้าปอด เรียกจิตใจที่ระส่ำเพราะอดีตคนรักให้กลับมา
หล่อนคิดถึงเขาได้ ใจเต้นกับเขาได้ ก็เพราะไรวินทร์หล่อออกอย่างนั้น มณีมัญชุญ์ก็ยังเป็นหญิงสาวปรกติที่นิยมคนหล่ออยู่ แค่นิยม... แต่จะไม่มีวันกลับไปหาเขาเด็ดขาด


หล่อนออกมาจากห้องน้ำเดินตัวตรงอย่างมุ่งมั่นกลับไปที่ห้องประชุม โดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีสายตาคมปลาบคู่หนึ่งมองตามหล่อนไปจนลับหายไปในห้องประชุม


“ในที่สุดฉันก็เจอเธอจนได้มณีมัญชุญ์”
เสียงทุ้ม ขึ้นจมูกนั้นคำรามอยู่ในลำคอ ดวงตาสีเข้มยามมองร่างเล็กบางนั้นราวกับจะจดจำรายละเอียดทุกอย่างไว้
ไม่ให้ผิดเพี้ยน สักพักผู้ชายใส่สูทกลุ่มหนึ่งก็เดินมาสมทบ


“คุณพอลครับ ไปเถอะครับอีกยี่สิบนาทีการประชุมจะเริ่มแล้ว”
สิ้นเสียงเรียกเขาจึงเดินไปท่ามกลางกลุ่มชายใส่สูทและเสียงคุยสลับกันทั้งภาษาไทยและอังกฤษ


มณี มัญชุญ์แทบจะกลายเป็นโรคระแวง หล่อนรู้สึกเหมือนถูกจับตาดูโดยตลอดเมื่อเข้ามาในสำนักงานใหญ่
นับตั้งแต่วันที่เจอไรวินทร์ วันต่อมาอดีตแฟนทำท่าจะเข้ามาคุยด้วยแต่หญิงสาวก็อาศัยประโยนช์เป็นเกราะกำบังได้ทุกครั้งไป


‘เจอโจทก์เก่าเหรอ’
หัวหน้างานถามยิ้มๆ ซึ่งสาวตัวเล็กก็ได้แต่ยิ้มแหยให้
‘ถ้าไม่อยากให้ผู้ชายตามเจอก็อยู่มันแต่ในตึกนี่แหละ ถ้าไม่ใช่พนักงานบริษัทเราก็ต้องแลกบัตรประจำตัวประชาชน หรือว่าจะให้บอกรปภ.ไว้ จะได้ไม่ให้ขึ้นตึก’
หล่อนปฏิเสธคำแนะนำนั้นเบาๆ เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่


ฝุ่นยิ่งตบมันยิ่งฟุ้ง เรื่องรักโง่เง่าในอดีตของหล่อนก็เช่นกัน แม้จะสบายใจเรื่องไรวินทร์เข้ามาในตึกสำนักงานใหญ่ไม่ได้ แต่ความรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองก็ไม่จางไป


บางครั้งหล่อนรู้สึกว่าสายตานั้นอยู่ในลิฟท์ที่เต็มไปด้วยผู้คน บางคราก็ตามทางเดินในเวลาพักเที่ยง
บางทีก็รู้สึกเหมือนใครมาลูบเส้นผม


‘คิดมากน่ามะขาม ได้แต่งตัวสวยเข้าหน่อยเลยระแวงว่ามีผู้ชายแอบมองหรือยังไงฮึ’
พอเล่าให้ชมจันทร์ฟังก็ได้ยินแต่เสียงแซว และปลอบขวัญแบบขำๆ
ตัวคนปลอบเองที่อยู่เชียงใหม่ก็โทร.ติดยากติดเย็น ไม่ยอมรับโทรศัพท์เหมือนหลบอะไรบางอย่าง


“เดี๋ยววันจันทร์จะมีการเทรนเรื่องโปรแกรมใหม่นะมะขาม”
ประโยชน์เล่าให้ฟังหลังประชุมรอบสุดท้ายเสร็จ ซึ่งหมายความว่าหล่อนจะได้หยุดพักสองวันและหลังจากนั้นจะได้กลับไปทำงานที่เดิม
“พวกโปรแกรมเมอร์กับวิศวกรเขาจะมาเทรนโปรแกรมให้แผนกเราก่อนนะ เพราะคนไม่เยอะ พี่จะให้มะขามเทรนก่อนแล้วยัยชมกลับมาค่อยเทรนทีหลัง”


“ค่ะพี่ปอง”
มณีมัญชุญ์รับคำเบาๆ วันนี้หล่อนนั่งรถยนต์กลับพร้อมกับประโยชน์ ใจคิดว่าคงจะไม่รู้สึกปริวิตกเพราะถูกมองอีกแล้ว
เมื่อกลับถึงหอพักอาบน้ำแต่งตัวต้มบะหมี่สำเร็จรูปทาน หญิงสาวจึงเปิดอินเตอร์เน็ตเช็คอีเมลล์ก็พบกับตอนใหม่ของ ‘จอมใจชีคทมิฬ’



“แฮปปี้!”
ไฟซาลเรียกมณีมัญชุญ์ตั้งแต่ที่เฮเลคอปเตอร์เพิ่งเปิดประตู ฝุ่นในโอเอซิสยังคลุ้งเพราะแรงลมจากใบพัด เมื่อเครื่องยนต์ดับสนิทร่างสูงในชุดคลุมแบบอาหรับก็รีบสาวเท้าเข้ามาหา


“ผมตามหาแฮปปี้ตั้งนานแน่ะ”
เขาเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้กำลังจะจับมือหญิงสาว แต่เสียงบารัคที่ยืนอยู่ไม่ห่างกันกระแอมขัดเสียก่อน
“แล้วทำไมแฮปปี้มากับบารัคได้ล่ะ ทำไมไม่ติดต่อผมก่อน คุณกับบารัครู้จักกันด้วยเหรอ”
ชายหนุ่มถามเสียงรัวเร็วปรายตาอย่างไม่ไว้ใจ ญาติผู้ซึ่งอายุมากกว่า


นี่ถ้าพวกเบดูอินไม่ร่ำลือถึงผู้หญิงผมดำที่บารัคพามารอนแรมในทะเลทรายด้วย เขาคงไม่รู้ว่าหล่อนมาอยู่ที่นี่
ราวกับพระอัลเลาะห์จงใจทำให้เวลาของเขาและหล่อนคลาดกัน


“เอ่อ...ฉัน”
มณีมัญชุญ์กำลังเรียบเรียงถ้อยคำในหัว หล่อนจะบอกเขาดีหรือเปล่าว่าถูกลักพาตัวมา แต่จะให้บอกต่อหน้าต่อตาคนลักพาตัวนี่นะ แว่บหนึ่งหญิงสาวเห็นประกายวาวในดวงตาของชี้คบารัค


“เอ่อ...คือ”
มณีมัญชุญ์ตัดสินใจจะขอตัวไปคุยกับเขาสองต่อสอง ให้ห่างไกลจากคนตาดุ แต่ทว่า...


“ไฟซาลพ่อของเจ้าโทร.มาแน่ะ”
จู่ๆ คนสนิทของบารัคก็โผล่มาพร้อมกับโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ที่ตลอดการเดินทางที่ผ่านมามณีมัญชุญ์ไม่เคยเห็นของไฮเทคเช่นนี้เลย นอกจากอูฐ กระโจม ทะเลทราย และโอเอซิส


“ท่านก็คุยกับพ่อของข้าไปก่อนสิ”
ไฟซาลบอกอย่างหัวเสีย เมื่อนึกถึงความเจ้ากี้เจ้าการของพ่อแม่ในเรื่องการแต่งงาน
“พ่อเจ้าจะคุยกับเจ้าคนเดียว เดี๋ยวนี้... เจ้าคงรู้นะว่าเวลาพ่อเจ้าโกรธแล้วจะเป็นอย่างไร”
บารัคกล่าวเสียงเนิบ ดวงตาคมเข้มเพ่งไปยังคนอายุน้อยกว่า เขารู้ดีว่าญาติผู้น้องกลัวบิดาตนเองขนาดไหน


ไฟซาลรับโทร.ไปถือนิ่งสักครู่ ก่อนจะเริ่มพูดคุย แต่ตานั้นยังมองมณีมัญชุญ์สลับกับบารัคอยู่


“มานี่! มณีมัญชุญ์”
เขาเดินเข้ามาใกล้โน้มตัวกระซิบข้างหู ใกล้จนหล่อนผงะ ไฟซาลก็พลอยตาลุกโพลงไปด้วย ญาติผู้น้องของบารัคก้าวเท้าเข้ามาใกล้ทั้งสองปากก็คุยโทรศัพท์อยู่


“ถ้าเจ้าไม่มา เรื่องหนี้สินของครอบครัวเจ้าเป็นอันจบ”
ว่าแล้วเขาก็เดินไปทางโอเอซิสอย่างไม่ใยดี


ไฟซาลรีบเข้ามายืนแทนที่ ดูเหมือนพยายามจะให้ต้นสายจบบทสนทนาโดยเร็ว แต่เห็นทีจะยากเพราะมณีมัญชุญ์ได้ยินเสียงบ่นลั่นๆ แว่วมาจากโทรศัพท์ ระหว่างนั้นหล่อนจึงได้มีเวลาวิเคราะห์คำพูดของบารัค


ชี้คหนุ่มพูดถึงหนี้สิน...หนี้สินอะไร เขาบอกว่าหนี้สินของครอบครัวหล่อน...


บารัคทำสำเร็จแล้ว เขาได้หว่านเมล็ดแห่งความสงสัยลงในใจของหล่อน มันกำลังงอกงามในความคิดคำนึงซึ่งมีไฟซาลผู้ทำหน้าลำบากใจเป็นฉากประกอบ
“ขอตัวเดี๋ยวนะไฟซาล ฉันมีเรื่องจะคุยกับญาติคุณนิดหน่อย”
มณีมัญชุญ์วิ่งปร๋อไปทางโอเอซิส


“แฮปปี้!”
เสียงไฟซาลเรียกอย่างตกใจ จนปลายสายได้ยิน ต้นสายจึงร่ายยาวถึงเรื่องที่เขาควรทำ ใจหนุ่มอาหรับอยากจะวางสายเหลือเกิน เพียงแต่ว่าหากวางก็คงจะต้องโดนซักไซร้ไม่รู้จบ นี่มันอะไรกัน งานแต่ง...เขาก็รับปากจะแต่งให้แล้ว


แค่จะมาพบหน้าหญิงที่พึงใจครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้ฤา ทุกคนจงใจเอาหล่อนมาหลบซ่อนให้ห่างตาเขา
ซึ่งห่างเพียงตาแต่ใจนั้นกลับคิดถึงอย่างบ้าคลั่ง


มณีมัญชุญ์ แม้จะไม่งามเลิศเหมือนว่าที่เจ้าสาว ความร่ำรวยก็ไม่เท่า แต่นั่นไม่จำเป็นหรอก ...หากใครสักคนจะร่วมชีวิตกัน เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงส่วนประกอบ ความรักต่างหากคือจุดเริ่มต้นและจะพัฒนาไปสู่ความเข้าใจ ที่จะประคับประคองชีวิตคู่ไปจนถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต


ระหว่างที่หูไฟซาลกำลังฟังเสียงพร่ำบน ในสมองเขากำลังคิด จะเป็นอย่างไรหนอหากเขาจะปฏิเสธงานแต่งครั้งนี้ด้วยกำลังใจทั้งหมดที่มี อาจจะถูกตัดญาติ หยามเหยียด มีชีวิตอยู่อย่างยากไร้ แต่หากมณีมัญชุญ์ยอมอยู่กับเขา
บางทีนี่คงจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิต






จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็กรีดดังขึ้นขัดจังหวะ มณีมัญชุญ์หยิบมือถือขึ้นมาดู
“ฮัลโหล มีอะไรเหรอพี่”
หล่อนทักทายพี่สาวในสายเลือด แต่ทว่าข่าวที่โทร.มานั้นทำเอาหล่อนใจสั่น


“ป๊าเราไปค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนเก่าแล้วเขาหนีหนี้ ตอนนี้เจ้าหนี้เขามาตามแล้ว”
พี่สาวเสียงเครือ รวมความได้ว่าพ่อของหล่อนไปเป็นนายค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อนเก่า แล้วเพื่อนหนีหนี้ เจ้าหนี้จึงตามมาทวง


“เรื่องมันนานโขจนลืมไปแล้ว ทางลูกหลานเจ้าหนี้เขาก็ลืม เพราะเจ้าของหนี้ตายไปแล้ว จนจู่ๆ เขาก็เกิดไปค้นกรุสมบัติแล้วไปเห็นหนังสือสัญญาขึ้นมา เงินต้นมันไม่มากหรอก แต่รวมดอกไปด้วยก็เจ็ดล้าน เขาติดต่อลูกหนี้ไม่ได้เลยมาลงเอากับป๊าเรา เจ้าหนี้เป็นแขกด้วย เขี้ยวจะตาย”
ปลายสายพร่ำพรรณนาอีกนานโข


“ตอนนี้ม๊าก็เป็นลม ส่วนป๊าก็หน้าเหี่ยว เศรษฐกิจอย่างนี้ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้”
พี่สาวร้องไห้เลยทีนี้ พลอยทำให้มณีมัญชุญ์ปาดน้ำตาที่กำลังไหลอยู่ด้วย
“ฉันโทร.มาเล่าให้แกฟังเท่านั้นนะมะขาม ตอนนี้ฉันกับญาติๆ กำลังหาทางช่วยกันอยู่ แกน่ะรักษางานที่ทำไว้ให้ดีๆ ล่ะ เผื่อมีอะไรอาจจะต้องพึ่งแกด้วย”


สายตัดไปพร้อมกับอาการร้าวในอก ความทุกข์นี่ก็ช่างกระไร ชอบประดังประเดมาพร้อมกันอยู่เรื่อย หนี้ของหล่อนยังไม่ทันหมด หนี้ของครอบครัวก็ผุดขึ้นมาเสียเฉยๆ มณีมัญชุญ์นั่งตั้งสติสักครู่ก่อนที่จะเดินไปเปิดน้ำในตู้เย็นมาดื่มเพื่อ ดับอาการร้อนในใจ


แต่ดูเหมือนจะไม่คลายเอาเสียเลย ซ้ำร้ายศีรษะยังปวดหนึบ หล่อนจึงควานหายาแก้ปวดบนตระกร้าหลังตู้เย็น
...ได้มาสองเม็ด ใส่ปาก กรอกน้ำตาม และทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างเหนื่อยอ่อน
คืนนี้ขอพักสักคืน พรุ่งนี้หล่อนจะตื่นขึ้นมาลุยกับปัญหา วันนี้ล้าพอแล้ว


มณีมัญชุญ์ตื่นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน เสียงใกล้มากอยู่หน้าห้องหล่อนนี่เอง มือบางคว้านาฬิกาข้างเตียงมาดู ...ตีหนึ่ง


“อย่าโทร.มาอีก อย่ายุ่งกับฉัน!”
เสียงนั่นมัน! เจ้ชม ข้างห้องปิดประตูระคนด้วยเสียงโครมคราม สักพักหนึ่งก็มีเสียง...เพล้ง! ลอยออกมาแหวกความเงียบแห่งค่ำคืน หลังจากนั้นจึงมีเสียงสะอื้นแว่วผ่านกำแพงห้อง


“เจ้ชม!”
มณีมัญชุญ์รีบไปเคาะประตูห้องข้างๆ โดยพลัน สาวตัวเล็กใจไม่ดีเลย รุ่นพี่ผู้เข้มแข็งของหล่อนไม่เคยมีอาการอย่างนี้ หล่อนนั่งแปะลงข้างเตียง ห้องนั้นเงียบไปสักครู่ก่อนที่เจ้าของห้องจะออกมา ชมจันทร์สวมเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์สีส้มอิฐ คราบน้ำตาเลอะเปรอะเครื่องสำอางไปหมด


“เจ้...”
สาวรุ่นพี่ผละออกจากประตู ตรงไปที่ห้องน้ำ มณีมัญชุญ์จึงรีบปิดประตูเพื่อซ่อนสายตาจากคนภายนอกเสีย มีกรอบรูปแตกอยู่กลางห้องเป็นรูปสมัยเรียนของเจ้าตัว


มณีมัญชุญ์เก็บเศษแก้วที่แตกใส่ถุงที่หาได้แถวนั้น ส่วนกรอบรูปหล่อนก็วางไว้ที่หลังตู้เย็น ชมจันทร์กลับมาอีกครั้งกับใบหน้าใสที่ไร้เครื่องสำอาง แต่ตายังบวมเพราะการร้องไห้ บรรยากาศในห้องเงียบกริบได้ยินแต่เสียงหึ่งๆ ของพัดลม เจ้าของห้องเงียบมากจนรุ่นน้องพลอยกังวล
“เจ้ชม...”


“กินเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยสิมะขาม วันนี้อยากเมาว่ะ”
ว่าแล้วว๊อดก้าในขวดใสก็มาวางตรงหน้า ครู่เดียวแก้วเป๊กแบบร้านยาดองก็มาวางเคียงด้วย
“อยากกินพิซซ่าไหม ไก่ทอดล่ะ อาหารญี่ปุ่น สั่งได้เลยวันนี้ฉันเลี้ยง”
“เจ้...”
สาวรุ่นน้องเสียงอ่อน ชมจันทร์เดินมานั่งข้างกัน มือคล้ำเสยผมที่ปรกหน้าไปไว้ด้านหลัง


“ฉันไม่เป็นไรหรอกมะขาม”
ปลายเสียงนั้นแปร่งปร่า เป็นอันรู้กันว่าเจ้าตัวไม่อยากให้ถามหรือถึงถามไปก็ไม่ตอบ ดีไม่ดีจะได้คำบริภาษมาเป็นของแถม


มณีมัญชุญ์ลอบมองใบหน้าคมของรุ่นพี่ ดวงตาของชมจันทร์ครุ่นคิดและมองตรงไปข้างหน้า ความเงียบของสาวผิวคล้ำพาให้หล่อนเงียบไปด้วย


คืนนี้เป็นคืนที่น่าหนักใจเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พวกหล่อนน่าจะมีความสุขเพราะพรุ่งนี้จะได้หยุดสองวัน
ชมจันทร์น่าจะได้ชมตลาดในเชียงใหม่
ส่วนหล่อนน่าจะได้เพลิดเพลินไปกับนิยายสนุกสนานในอินเตอร์เน็ต ทุกอย่างมลายไปเมื่อพบกับข่าวร้าย


ข่าวร้ายของมณีมัญชุญ์เป็นหนี้ซ้ำซาก แล้วของชมจันทร์ล่ะ เป็นอะไรหนอ?


+++++++++++++++++++





 

Create Date : 15 มีนาคม 2553
2 comments
Last Update : 15 มีนาคม 2553 18:34:17 น.
Counter : 574 Pageviews.

 

 

โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว 15 มีนาคม 2553 20:25:03 น.  

 

อะไรหว่า เงื่อนงำเยอะจริงหนอ

 

โดย: แสนดีคนในพื้นที่ 16 มีนาคม 2553 9:06:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.