หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 

...หลงเสียงนาง บทที่ 2


“มะขามเดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ อย่าลืมโอนสายให้ทีมกลางคืนด้วยล่ะ”
ประโยชน์สั่งเบาๆ

วันนี้มณีมัญชุญ์ทำงานรอบบ่ายเลิกเที่ยงคืน บริษัทหล่อนจะมีคอลเซ็นเตอร์ประจำอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แผนกหล่อนต้องมีการโอนสายลูกค้าที่โทร.เข้ามาช่วงหลังเที่ยงคืนให้รอบกลางคืนดูแลต่อ

“เอ้า! สตรอเบอรี่พี่กินไม่หมด เอาไปกินต่อได้เลยนะ”
หัวหน้างานวางสตรอว์เบอรี่สีแดงสดในถุงพลาสติกให้ หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณประหลกๆ เพราะปากไม่ว่างคุยสายกับลูกค้าอยู่ สักพักลูกค้าก็วางสายไป ห้องทำงานเงียบไปมาก

พนักงานรอบบ่ายของแผนกหล่อนเหลืออยู่ไม่กี่คน ที่นั่งข้างหล่อนก็ว่างเปล่า ชมจันทร์ไม่อยู่เพราะลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด มณีมัญชุญ์เหงาปากไม่มีคนคุยด้วยจึงเล่นอินเตอร์เน็ตพลางเคี้ยวสตรอว์เบอรี่คำน้อยๆ ไป เคี้ยวทีละนิด ...ลูกค้าโทร.มาจะได้รีบกลืนลงคอได้ไว

เว็บไซต์นิยายออนไลน์ยังไม่มีคนมาโพสตอนต่อไปของนิยายที่หล่อนตามอ่านเลย โดยเฉพาะ ‘จอมใจชีคทมิฬ’ ของเจ้ชม นึกถึงชมจันทร์แล้วหล่อนก็ยิ้มขัน เมื่อใจหวนระลึกไปยังคราวแรกที่ย้ายมาแผนกนี้กะทันหัน

หล่อนไม่ชอบรุ่นพี่คนนี้เลย หน้านิ่ง ไม่สนใจใคร วันๆ เอาแต่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์โน้ตบุค ทุกคนในแผนกดูเกรงใจชมจันทร์มาก

มณีมัญชุญ์เคยโดนลูกค้าตวาดใส่ เรื่องถามรายละเอียดของปัญหามากเกินไป ตอนนั้นหล่อนดูตามแนวทางการแก้ไขเรื่องระบบที่ประโยชน์สอนมา แต่กระนั้นลูกค้าก็ยังไม่ยอมอยู่ดี จะร้องเรียน(complaint)หล่อนท่าเดียว ลูกค้าขอสายหัวหน้างาน

ขณะนั้นเป็นเวลาสองทุ่ม ประโยชน์กลับบ้านไปแล้ว ส่วนพนักงานรุ่นพี่คนอื่นก็ติดสายลูกค้ากันหมด ลูกค้ายังบ่นพึมพำไม่เลิกระหว่างรอการโอนสาย มณีมัญชุญ์กำลังจะร้องไห้แล้ว

‘มีอะไรหรือเปล่า’
ชมจันทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ และเพิ่งจบสายลูกค้าไป เลื่อนเก้าอี้เข้ามาถาม
‘ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้’
สรุปแล้วสายนั้นสาวรุ่นพี่ก็รับมาคุยเอง ใช้เวลาคุยกับลูกค้าประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็หันมาบอกหล่อนว่า...เรียบร้อย

นั่นเป็นครั้งแรกที่มณีมัญชุญ์ได้คุยกับเจ้ชมอย่างเป็นทางการ แม้สาวผิวแทนจะหน้านิ่ง แต่ก็มีแก่ใจสอนเรื่องการรับมือกับลูกค้าแต่ละประเภท แถมยังเล่ากิติศัพท์เรื่องการไม่ชอบให้ข้อมูลอะไรของลูกค้าที่เพิ่งวางสายไป

‘นี่ไม่ใช่การนินทาลูกค้า แต่เป็นการรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เหมือนสุภาษิตจีนยังไงล่ะ’
คนเล่าให้เหตุผล หล่อนเห็นด้วยว่าการทำงานคอลเซ็นเตอร์นั้นคือการรบรากับลูกค้า คนโทร.มาจะคิดว่าเรารู้ปัญหาแล้ว แต่จริงๆ บางทีพวกหล่อนก็เพิ่งได้ยินปัญหาจากลูกค้านั่นแหละ

วันนั้นมณีมัญชุญ์กลับบ้านพร้อมกับเจ้ชม ระหว่างทางที่คุยกันทำให้รู้ว่าหล่อนกับเจ้ชมเป็นคนจังหวัดเดียวกัน แต่คนละอำเภอ หล่อนและเจ้ชมอยู่หอเดียวกันคนละห้องคนละชั้น มณีมัญชุญ์อยู่ชั้นสาม ชมจันทร์อยู่ชั้นห้า หอที่พักไม่ไกลจากที่ทำงานมากเดินประมาณสิบนาทีก็ถึง


หลังเลิกงานคืนนี้มณีมัญชุญ์ยังไม่กลับเข้าหอ ใกล้หอเป็นตลาดโต้รุ่งมีไฟสว่างไสว หล่อนเดินเลยไปยังร้านสะดวกซื้อเครือของห้างสรรพสินค้าดัง ซึ่งมีสาขาไปทั่วประเทศ

ยามเที่ยงคืนจะมีของมาลดราคา หล่อนไม่สนใจอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารพร้อมรับประทานประเภทใส่ไมโครเวฟอุ่นกินได้เลย แม้ลดราคาลงแล้วของพวกนั้นก็ยังแพงอยู่ดี หญิงสาวตั้งใจจะซื้อผักกับขนมสองสามอย่างไปตุนไว้ ...แน่นอนต้องลดราคาเท่านั้น เรื่องคุณภาพกินแล้วท้องไม่เสียก็เป็นพอใช้ได้

ร้านค้าบริเวณนี้หล่อนเดินสำรวจเวลาลดราคาของอาหารมาหมด ชีวิตที่เต็มไปด้วยหนี้สินสอนอะไรหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือความประหยัด อย่างที่สองคือความอดทน และนอกจากนั้นก็เป็นเรื่องฝีมือในการทำอาหาร

มณีมัญชุญ์มักทำอาหารทานเองในวันหยุด บางครั้งก็ใส่กล่องไปทานที่ทำงานด้วย สมัยเรียนหรือแม้แต่ตอนอยู่ที่บ้านในต่างจังหวัด หล่อนแทบไม่เคยทำอาหารเลย ครอบครัวหล่อนจะมีคนรับใช้ทำอาหารให้ทานประจำ

ดวงตากลมโตแลไปทางกับนิตยสารสีสวยบนแผง หล่อนเร่เข้าไปดู มือบางหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่ม พาดหัวเป็นข่าวในมุ้งของดาราดัง รู้อยู่หรอกว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แต่ทำอย่างไรได้ชีวิตคนดังใครๆ ก็อยากสัมผัส เรื่องบางเรื่องในหนังสือพวกนี้สนุกสนาน และลึกลับซับซ้อนมากกว่านิยายเสียอีก

“มะขาม...มะขามใช่ไหม”
เสียงห้าวเรียกอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวเงยหน้าจากนิตยสาร ชายหนุ่มในเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีเขียวยืนยิ้มให้หล่อนอยู่
“สบายดีไหม”

มณีมัญชุญ์จำได้ลางๆ ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของอดีตแฟนเก่า การทักทายเป็นไปอย่างเรียบง่าย ก่อนที่ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะเป็นแฟนของผู้ชายคนนั้นจะเข้ามา

ทำไมมณีมัญชุญ์จึงเดาว่าเป็นแฟนนะหรือ ...ก็เจ้าหล่อนกอดแขนผู้ชายอย่างสนิทสนม แถมยังมองมณีมัญชุญ์ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ อ้อ...หล่อนจำได้อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้เคยมีข่าวเรื่องความเจ้าชู้อยู่บ่อยครั้ง อดีตแฟนหล่อนเคยเปรยให้ฟัง

“มะขามรู้เรื่องงานแต่งของวินทร์แล้วหรือยัง”
มณีมัญชุญ์แปล๊บในใจทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้
“งานแต่งของมันเลื่อนไปเพราะแม่ว่าที่เจ้าสาวป่วย”
คนเล่ากำลังพยายามจับสีหน้าของหญิงสาวอยู่ แต่ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้ารับฟังด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดวงตาเรียบนิ่ง ไม่ตะหนกหรืออาลัยใดๆ ทั้งสิ้น

“เหรอ งั้นฉันก็ฝากอวยพรให้เขามีความสุขในการแต่งงานด้วยนะ”
มณีมัญชุญ์อวยพรเสียงใสแบบที่พูดกับลูกค้าก่อนจะจบสาย
“ฉันขอตัวก่อน”
สาวร่างบางเดินจากไปพร้อมอาการมองตาปรอยของชายหนุ่ม สาวที่มาด้วยกระตุกแขนเขาปึดๆ พลางถามว่า
“ใคร?”

เขาไม่ตอบ แต่ในใจนั้นคิดว่าจะบอกไรวินทร์ดีไหมหนอ ว่าเจออดีตแฟนเก่าของหมอนั่นที่นี่ ผู้หญิงที่เขาทั้งสมเพชทั้งสงสารในความซื่อจนไม่ทันเหลี่ยมของเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์

แต่ก็ช่างเถอะ...ตอนนี้หมอนั่นก็ได้รับกรรมอยู่แล้ว เพราะครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ชอบหน้า ส่วนว่าที่เจ้าสาวก็ขี้หึงมาก เขาไม่ได้บอกมณีมัญชุญ์อย่างหนึ่งว่า คนที่ชะลองานแต่งคือตัวไรวินทร์เอง แถมหมอนั่นยังมีหน้าพูดถึงมณีมัญชุญ์ในทำนองอาลัยเสียอีกแน่ะ

คิดอีกทีเขาไม่บอกมันดีกว่า ถือเป็นการทำบุญปล่อยผู้หญิงดีๆ อย่างมณีมัญชุญ์ให้พบชีวิตใหม่ที่มีความสุข


มณีมัญชุญ์สาวเท้าอย่างรวดเร็วเข้าหอ วิ่งขึ้นบันได ปิดประตูห้อง วางของลง เปิดน้ำในอ่างล้างหน้ากวักมาล้างน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว

หล่อนยอมรับ หล่อนยังทำใจไม่ได้เรื่องไรวินทร์...อดีตแฟนเก่า แม้จะทั้งเกลียดและแค้นเขา แต่เมื่อรู้ว่าเขาจะแต่งกับคนอื่น ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้
เลิกกันมาปีครึ่งก็จะแต่งงาน

เพื่อนเขาก็ช่างใจร้าย น่าจะรู้อยู่ว่าเขาและหล่อนเลิกกันแล้วยังมาเล่าเรื่องงานแต่งให้เจ็บใจ เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดัง มณีมัญชุญ์รีบเช็ดน้ำตาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสียงเพลงริงโทนนี้เป็นเสียงที่ตั้งไว้เฉพาะสำหรับสายเจ้ชม

“เบื่อว่ะมะขาม”
เสียงรุ่นพี่บ่นมาตามสาย เสียงเพลงหมอลำกับเพลงกันตรึมทำนองคึกคักดังมาแว่วๆ นัยว่าการกลับบ้านชมจันทร์ครั้งนี้ คือการกลับไปงานแต่งงานของน้องสาว

“ฉันก็เข้าใจพ่อแม่ฉันอยู่นะ เข้าใจน้องสาวด้วย”
เรื่องของเรื่องคือเจ้ชมเล่าให้ฟังว่าน้องสาวของเจ้ชมที่ชื่อ...นภาพร่างดาว
โดนจับคลุมถุงชนแต่งงานกับลูกชายเสี่ยเจ้าของโรงสีข้าว

“พ่อแม่อยากให้ยัยดาวสบาย เพราะน้องสาวฉันมันสวยแกกลัวจะมีมดมอดมาตอดกินฟรี แต่คนมันไม่ได้รักกันมันจะอยู่กันรอดเหรอ ขนาดรักกันปานจะกลืนกินมันยังเลิกกันได้”
สำนวนคล้องจองเป็นกลอนอย่างนี้ เป็นอันรู้กันในแผนกว่าเจ้ชมเริ่มเมาแล้ว เหล้าคงเข้าปากได้ที่

“ฉันบอกพ่อกับแม่จนปากจะฉีกแล้วเรื่องคลุมถุงชน แกก็ไม่ยอมฟัง เจ้าวันกับเจ้าทิตย์มันกระแนะกระแหนฉันอยู่ว่า เป็นคอลเซ็นเตอร์เสียงหวานเสียเปล่า กล่อมลูกค้าได้ แต่กล่อมพ่อแม่ตัวเองให้ยกเลิกงานแต่งคลุมถุงชนไม่ได้”
เจ้ชมยังร่ายต่อ

มณีมัญชุญ์ได้ฟังเรื่องของครอบครัวสาวรุ่นพี่มาบ่อยๆ พอๆ กับที่เจ้ชมรู้เรื่องครอบครัวหล่อน วันกับทิตย์ที่พาดพิงถึงคือน้องชายคนรองและคนที่สอง บ้านเจ้ชมมีลูกสี่คนตั้งชื่อคล้องจองเรียงกันได้เหมาะเหม็งว่า
ชมจันทร์ ตะวันรอน อาทิตย์ส่อง นภาพร่างดาว

‘พระท่านตั้งให้ ท่านบอกว่าเรียกง่ายมีความหมาย ไม่ต้องแปลมาก’
นี่คือที่มาของชื่ออันแสนจะเก๋ไก๋เพราะพริ้งของพี่น้องตระกูลนี้ที่เจ้ชมเคยเปรย

“แล้วเจ้จะเอายังไงอ่ะ เจ้จะกลับเมื่อไหร่”
ได้คุยกับเจ้ชมทำให้อารมณ์ของหญิงสาวดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงท่าทางการกล่อมพ่อแม่ ที่น่าจะออกไปในแนวชวนทะเลาะของเจ้ชม

“อีกสองวันก็จะกลับแล้ว พรุ่งนี้มีพิธีแต่งแบบจีนแต่เช้า บ้านฉันตอนนี้นะมะขามกำลังเป็นเยาวราชเชียว แดงเถือกทั้งหลัง เขมรแต่งกับจีน”
มณีมัญชุญ์หัวเราะคิกคักกับคำเหน็บแนมของรุ่นพี่ เจ้ชมมักจะตลกหน้าตายเสมอ ในสถานการณ์กลุ้มๆ ก็ยังมิวายมีอารมณ์ขัน

“ฉันภาวนาให้พรุ่งนี้ฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว งานแต่งจะได้ล่ม นี่พ่อฉันแกให้คนคุมฉันแจ แกกลัวฉันจะพาน้องสาวหนี”
นั่นประไร! สาวรุ่นน้องครางอยู่ในใจ สมเป็นพ่อเจ้ชมจริงๆ เดาทางลูกสาวออกเสียหมด ตอนนี้สาวรุ่นพี่คงกลุ้มน่าดูเรื่องครอบครัวอลเวง

“กลุ้มเรื่องชีวิตจริง เจ้ก็อย่าลืมอัพนิยายล่ะ โลกแห่งความจริงมันโหดร้ายก็มุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันสิเจ้”

“เออ ทวงนิยายเชียวนะยัยมะขาม เดี๋ยวคืนนี้จะลงตอนใหม่ให้ คืนนี้ฉันจะไม่นอนหรอก เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะพ่อฉันเรียก”
มณีมัญชุญ์ได้ยินเสียงเรียกชื่อชมจันทร์ดังมาจากที่ไกลๆ และสายโทรศัพท์ก็ตัดไป


บารัคเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หลังจากได้ฟังข่าวร้ายที่กวนอารมณ์ให้ขุ่น
‘ท่านไฟซาลสั่งชะลองานแต่งงานครับ’
ข้ารับใช้คนสนิทของเขาบอกเสียงเรียบนิ่งเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

‘ดูเหมือนท่านไฟซาลจะรู้เรื่องของคุณมณีมัญชุญ์แล้ว’
นั่นเป็นสิ่งที่เขาคะเนไว้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าญาติหนุ่มจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้

เขาอุตส่าห์ปลอมอีเมล์โต้ตอบระหว่างสองคนนี้ เพื่อหลอกให้มณีมัญชุญ์มาที่นี่ก่อน ส่วนทางไฟซาลเขาให้คนอีเมล์โกหกไปว่าหล่อนจะมาก่อนงานแต่งเริ่มสามวัน

ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่บารัคได้รับการขอร้องมาจากญาติผู้ใหญ่ ให้แยกหญิงต่างชาติคนนี้ออกจากไฟซาล

‘เธอเป็นที่พึ่งเดียว ไฟซาลเชื่อเธอมากนะบารัค ไฟซาลต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสม เกียรติยศของสองตระกูลจะให้มัวหมองไม่ได้’
ญาติๆ มักบอกเขาเช่นนี้เสมอ

สำหรับตระกูลเขาแล้วไฟซาลเป็นสำคัญ ไฟซาลจะเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต ผิดกับเขาซึ่งมีแม่เป็นชาวอังกฤษ แม้ทำงานเก่งปานใด กล้าหาญสักเพียงไหน การเป็นเด็กเลือดผสมต่างชาติก็ทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับนัก

เสียงบรรยายสารคดีปลาโลมาดังมาแว่วๆ จากโทรทัศน์ภายในห้องนั่งเล่น
มณีมัญชุญ์นอนหลับอยู่ท่ามกลางกองหมอนอิงบนพรมลายกุหลาบ

หญิงรับใช้สาวสองคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างๆ หนึ่งในนั้นหันมาเห็นเจ้านายหนุ่มเข้ามาในห้องจึงรีบสะกิดอีกคนให้หันตาม ทั้งสองก้มหน้าหงุด บารัคสั่งให้ทั้งสองคนออกไป เขาปิดโทรทัศน์เสีย ห้องทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยความเงียบ

ร่างอรชรกลมกลึงในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ หลับตาพริ้มสบายอกสบายใจจนชายหนุ่มเริ่มฉุน หล่อนจะรู้ไหมหนอว่าการมาของหล่อนนำเรื่องวุ่นวายมาให้ไม่สิ้นสุด แค่ได้ยินชื่อ... ไฟซาลก็แทบจะล้มงานแต่งเพื่อมาหา

คราวที่เขารับโทรศัพท์จากหล่อนก็เช่นกัน ไฟซาลออกอาการดีใจมากที่หล่อนชวนไปดูหนัง
‘จริงรึบารัค แฮปปี้โทร.มาชวนข้าไปดูหนัง หล่อนบอกอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า’
ญาติหนุ่มถามพลางเขย่าตัวเขา กิริยาเหมือนเด็กที่พบของถูกใจ

บารัคไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงที่หลับอยู่ตรงหน้านี้มีดีตรงไหน สวย... เขาก็ยอมรับว่าสวยดีอยู่หรอกตามมาตรฐานสาวเอเชียทั่วไป แต่ไม่สะดุดตาขนาดทำให้คนคลั่งไคล้ รูปร่างผอมบางติดจะตัวเล็กไปเสียด้วยซ้ำ ผิวสีน้ำผึ้งนุ่มนิ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ

เสียงเล็กๆ แง้วๆ ยามเถียงกับเขา เหมือนเสียงแมวฟังแล้วระคายหู แต่น่าแปลกที่เขาจำเสียงหล่อนได้ตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกตอนรับโทรศัพท์

“อือ...”
หล่อนขยับตัวเบาๆ ชายหนุ่มจึงได้สติว่าตนเองกำลังนั่งลงและโน้มใบหน้าไปพินิจคนนอนหลับ พินิจใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายหล่อน

แย่ล่ะ! สัญญาณเตือนภัยในใจร่ำร้อง ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวยุ่งเชียวนะ มาเหยียบที่นี่ไม่เท่าไหร่ใครต่อใครก็พากันร้อนใจไปเสียหมด เขาก็ยังโดนหางเลขจำต้องทำตัวเป็นโจรลักพาตัวหล่อน

แถมด้วยยังโดนทำร้ายร่างกายจนต้องทำงานอยู่บ้าน อีกคนอย่างเขาไม่ได้แห้งแล้งผู้หญิงจนถึงขนาดที่จะคว้าใครก็ได้ที่อยู่ใกล้มือมาเชยชม

ชีคหนุ่มผุดลุกยืนขึ้นเดินออกไปที่ประตูห้องสาวเท้าเดินไปยังสวนสวยซึ่งมีต้นไม้เขียวชะอุ่ม ติดกันนั้นเป็นกำแพงสีขาวกั้นระหว่างความร่มรื่นภายในอาณาเขตบ้าน กับความแห้งแล้งของทะเลทรายภายนอก

บารัคพยายามตัดภาพของมณีมัญชุญ์ออกจากใจอย่ายากเย็น เขาจะต้องคิดหาทางไม่ให้ไฟซาลเจอกับหล่อนจนกว่าจะถึงวันงาน
ตอนนี้ไฟซาลรู้เรื่องมณีมัญชุญ์แล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือเขา ไฟซาลจะต้องมาค้นที่นี่ เรื่องคงไม่จบลงแค่นี้ ญาติหนุ่มคงฟาดหัวฟาดหางไปทั่ว

ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดวิธีแก้ปัญหาอยู่นั้น เท้าก็พาเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากำแพงตระหง่านสีขาวสะอาดตา บ้านในทะเลทรายมักจะทาสีขาวเพื่อสะท้อนรังสีร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ มิฉะนั้นอากาศภายในบ้านจะยิ่งร้อนเป็นทวีคูณ

อากาศร้อน ทะเลทราย ได้การล่ะ! เขาคิดแผนออกแล้ว

ร่างสูงสง่ารีบเดินกลับไปสั่งการคนของเขาให้จัดเตรียมข้าวของทันที
“ตื่นได้แล้วมณีมัญชุญ์”
บารัคเขย่าปลุกหล่อนเสียจนตัวโคลง

“อะไร...”
หญิงสาวถามเสียงวัวเงีย ดวงตายังปรืออยู่ หล่อนจำได้ว่ากำลังดูรายการสารคดีอยู่ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“เจ้าอยากจะไปเที่ยวทะเลทรายไหม ข้าจะพาไป”
เสียงคนพูดกระตือรือร้นแปลกๆ

“ไปเถอะข้าให้คนจัดของไว้ให้แล้ว”
คนเพิ่งตื่นลืมตาโพลงอย่างตกใจ อ้าปากจะค้าน แต่ชีคหนุ่มไวกว่าลากมือหล่อนลิ่วๆ ออกไปนอกห้อง หากเป็นทะเลทรายถิ่นของเขา ต่อให้ไฟซาลจะเก่งอย่างไรก็หาไม่เจอ

ทุกอย่างควรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไฟซาลจะต้องแต่งงาน มณีมัญชุญ์จะได้เจอไฟซาลในวันสุดท้าย ก่อนที่จะลาจากญาติหนุ่มชั่วนิรันดร์


มณีมัญชุญ์อ่านนิยายที่ชมจันทร์เพิ่งลงในอินเตอร์เน็ต ด้านล่างระบุเวลาว่าโพสตอนตีสาม

ท่าทางสาวรุ่นพี่จะกลุ้มเรื่องครอบครัวจนนอนไม่หลับ ในนิยายจึงมีเรื่องงานแต่งงานเต็มไปหมด

แต่แหม...พระเอกในนิยายนี่หนอ จะบอกนางเอกดีๆ ก็ไม่ได้ว่าจะพาไปหลบเพื่อไม่ให้ญาติตามเจอ ทำอะไรอ้อมโลกอยู่ได้

ส่วนนางเอกก็กระไร ...ผู้ชายคนเก่าเขาตัดไม่ขาดก็ยังไม่รู้อีก มองโลกในแง่ดีเสียเหลือเกิน มณีมัญชุญ์บ่นอย่างอ่อนใจแต่ก็รออ่านตอนต่อไปอยู่ดี

++++++++++++++++++





 

Create Date : 07 มีนาคม 2553
2 comments
Last Update : 7 มีนาคม 2553 18:48:53 น.
Counter : 302 Pageviews.

 

3 ตอนรวด

 

โดย: แสนดีคนในพื้นที่ 9 มีนาคม 2553 7:59:41 น.  

 

ตามอ่านเรื่องชึคไปด้วย ฮ่าๆ :)

 

โดย: xyz IP: 122.152.164.6 10 มีนาคม 2553 14:04:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.