|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
...หลงเสียงนาง บทที่ 2
“มะขามเดี๋ยวพี่จะกลับแล้วนะ อย่าลืมโอนสายให้ทีมกลางคืนด้วยล่ะ” ประโยชน์สั่งเบาๆ
วันนี้มณีมัญชุญ์ทำงานรอบบ่ายเลิกเที่ยงคืน บริษัทหล่อนจะมีคอลเซ็นเตอร์ประจำอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แผนกหล่อนต้องมีการโอนสายลูกค้าที่โทร.เข้ามาช่วงหลังเที่ยงคืนให้รอบกลางคืนดูแลต่อ
“เอ้า! สตรอเบอรี่พี่กินไม่หมด เอาไปกินต่อได้เลยนะ” หัวหน้างานวางสตรอว์เบอรี่สีแดงสดในถุงพลาสติกให้ หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณประหลกๆ เพราะปากไม่ว่างคุยสายกับลูกค้าอยู่ สักพักลูกค้าก็วางสายไป ห้องทำงานเงียบไปมาก
พนักงานรอบบ่ายของแผนกหล่อนเหลืออยู่ไม่กี่คน ที่นั่งข้างหล่อนก็ว่างเปล่า ชมจันทร์ไม่อยู่เพราะลากลับบ้านที่ต่างจังหวัด มณีมัญชุญ์เหงาปากไม่มีคนคุยด้วยจึงเล่นอินเตอร์เน็ตพลางเคี้ยวสตรอว์เบอรี่คำน้อยๆ ไป เคี้ยวทีละนิด ...ลูกค้าโทร.มาจะได้รีบกลืนลงคอได้ไว
เว็บไซต์นิยายออนไลน์ยังไม่มีคนมาโพสตอนต่อไปของนิยายที่หล่อนตามอ่านเลย โดยเฉพาะ ‘จอมใจชีคทมิฬ’ ของเจ้ชม นึกถึงชมจันทร์แล้วหล่อนก็ยิ้มขัน เมื่อใจหวนระลึกไปยังคราวแรกที่ย้ายมาแผนกนี้กะทันหัน
หล่อนไม่ชอบรุ่นพี่คนนี้เลย หน้านิ่ง ไม่สนใจใคร วันๆ เอาแต่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ทั้งจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและคอมพิวเตอร์โน้ตบุค ทุกคนในแผนกดูเกรงใจชมจันทร์มาก
มณีมัญชุญ์เคยโดนลูกค้าตวาดใส่ เรื่องถามรายละเอียดของปัญหามากเกินไป ตอนนั้นหล่อนดูตามแนวทางการแก้ไขเรื่องระบบที่ประโยชน์สอนมา แต่กระนั้นลูกค้าก็ยังไม่ยอมอยู่ดี จะร้องเรียน(complaint)หล่อนท่าเดียว ลูกค้าขอสายหัวหน้างาน
ขณะนั้นเป็นเวลาสองทุ่ม ประโยชน์กลับบ้านไปแล้ว ส่วนพนักงานรุ่นพี่คนอื่นก็ติดสายลูกค้ากันหมด ลูกค้ายังบ่นพึมพำไม่เลิกระหว่างรอการโอนสาย มณีมัญชุญ์กำลังจะร้องไห้แล้ว
‘มีอะไรหรือเปล่า’ ชมจันทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ และเพิ่งจบสายลูกค้าไป เลื่อนเก้าอี้เข้ามาถาม ‘ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้’ สรุปแล้วสายนั้นสาวรุ่นพี่ก็รับมาคุยเอง ใช้เวลาคุยกับลูกค้าประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วก็หันมาบอกหล่อนว่า...เรียบร้อย
นั่นเป็นครั้งแรกที่มณีมัญชุญ์ได้คุยกับเจ้ชมอย่างเป็นทางการ แม้สาวผิวแทนจะหน้านิ่ง แต่ก็มีแก่ใจสอนเรื่องการรับมือกับลูกค้าแต่ละประเภท แถมยังเล่ากิติศัพท์เรื่องการไม่ชอบให้ข้อมูลอะไรของลูกค้าที่เพิ่งวางสายไป
‘นี่ไม่ใช่การนินทาลูกค้า แต่เป็นการรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เหมือนสุภาษิตจีนยังไงล่ะ’ คนเล่าให้เหตุผล หล่อนเห็นด้วยว่าการทำงานคอลเซ็นเตอร์นั้นคือการรบรากับลูกค้า คนโทร.มาจะคิดว่าเรารู้ปัญหาแล้ว แต่จริงๆ บางทีพวกหล่อนก็เพิ่งได้ยินปัญหาจากลูกค้านั่นแหละ
วันนั้นมณีมัญชุญ์กลับบ้านพร้อมกับเจ้ชม ระหว่างทางที่คุยกันทำให้รู้ว่าหล่อนกับเจ้ชมเป็นคนจังหวัดเดียวกัน แต่คนละอำเภอ หล่อนและเจ้ชมอยู่หอเดียวกันคนละห้องคนละชั้น มณีมัญชุญ์อยู่ชั้นสาม ชมจันทร์อยู่ชั้นห้า หอที่พักไม่ไกลจากที่ทำงานมากเดินประมาณสิบนาทีก็ถึง
หลังเลิกงานคืนนี้มณีมัญชุญ์ยังไม่กลับเข้าหอ ใกล้หอเป็นตลาดโต้รุ่งมีไฟสว่างไสว หล่อนเดินเลยไปยังร้านสะดวกซื้อเครือของห้างสรรพสินค้าดัง ซึ่งมีสาขาไปทั่วประเทศ
ยามเที่ยงคืนจะมีของมาลดราคา หล่อนไม่สนใจอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารพร้อมรับประทานประเภทใส่ไมโครเวฟอุ่นกินได้เลย แม้ลดราคาลงแล้วของพวกนั้นก็ยังแพงอยู่ดี หญิงสาวตั้งใจจะซื้อผักกับขนมสองสามอย่างไปตุนไว้ ...แน่นอนต้องลดราคาเท่านั้น เรื่องคุณภาพกินแล้วท้องไม่เสียก็เป็นพอใช้ได้
ร้านค้าบริเวณนี้หล่อนเดินสำรวจเวลาลดราคาของอาหารมาหมด ชีวิตที่เต็มไปด้วยหนี้สินสอนอะไรหลายอย่าง อย่างหนึ่งคือความประหยัด อย่างที่สองคือความอดทน และนอกจากนั้นก็เป็นเรื่องฝีมือในการทำอาหาร
มณีมัญชุญ์มักทำอาหารทานเองในวันหยุด บางครั้งก็ใส่กล่องไปทานที่ทำงานด้วย สมัยเรียนหรือแม้แต่ตอนอยู่ที่บ้านในต่างจังหวัด หล่อนแทบไม่เคยทำอาหารเลย ครอบครัวหล่อนจะมีคนรับใช้ทำอาหารให้ทานประจำ
ดวงตากลมโตแลไปทางกับนิตยสารสีสวยบนแผง หล่อนเร่เข้าไปดู มือบางหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่ม พาดหัวเป็นข่าวในมุ้งของดาราดัง รู้อยู่หรอกว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเขา แต่ทำอย่างไรได้ชีวิตคนดังใครๆ ก็อยากสัมผัส เรื่องบางเรื่องในหนังสือพวกนี้สนุกสนาน และลึกลับซับซ้อนมากกว่านิยายเสียอีก
“มะขาม...มะขามใช่ไหม” เสียงห้าวเรียกอยู่ใกล้ๆ หญิงสาวเงยหน้าจากนิตยสาร ชายหนุ่มในเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นสีเขียวยืนยิ้มให้หล่อนอยู่ “สบายดีไหม”
มณีมัญชุญ์จำได้ลางๆ ผู้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของอดีตแฟนเก่า การทักทายเป็นไปอย่างเรียบง่าย ก่อนที่ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะเป็นแฟนของผู้ชายคนนั้นจะเข้ามา
ทำไมมณีมัญชุญ์จึงเดาว่าเป็นแฟนนะหรือ ...ก็เจ้าหล่อนกอดแขนผู้ชายอย่างสนิทสนม แถมยังมองมณีมัญชุญ์ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ อ้อ...หล่อนจำได้อีกอย่าง ผู้ชายคนนี้เคยมีข่าวเรื่องความเจ้าชู้อยู่บ่อยครั้ง อดีตแฟนหล่อนเคยเปรยให้ฟัง
“มะขามรู้เรื่องงานแต่งของวินทร์แล้วหรือยัง” มณีมัญชุญ์แปล๊บในใจทันทีเมื่อได้ยินชื่อนี้ “งานแต่งของมันเลื่อนไปเพราะแม่ว่าที่เจ้าสาวป่วย” คนเล่ากำลังพยายามจับสีหน้าของหญิงสาวอยู่ แต่ผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้ารับฟังด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดวงตาเรียบนิ่ง ไม่ตะหนกหรืออาลัยใดๆ ทั้งสิ้น
“เหรอ งั้นฉันก็ฝากอวยพรให้เขามีความสุขในการแต่งงานด้วยนะ” มณีมัญชุญ์อวยพรเสียงใสแบบที่พูดกับลูกค้าก่อนจะจบสาย “ฉันขอตัวก่อน” สาวร่างบางเดินจากไปพร้อมอาการมองตาปรอยของชายหนุ่ม สาวที่มาด้วยกระตุกแขนเขาปึดๆ พลางถามว่า “ใคร?”
เขาไม่ตอบ แต่ในใจนั้นคิดว่าจะบอกไรวินทร์ดีไหมหนอ ว่าเจออดีตแฟนเก่าของหมอนั่นที่นี่ ผู้หญิงที่เขาทั้งสมเพชทั้งสงสารในความซื่อจนไม่ทันเหลี่ยมของเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์
แต่ก็ช่างเถอะ...ตอนนี้หมอนั่นก็ได้รับกรรมอยู่แล้ว เพราะครอบครัวฝ่ายหญิงไม่ชอบหน้า ส่วนว่าที่เจ้าสาวก็ขี้หึงมาก เขาไม่ได้บอกมณีมัญชุญ์อย่างหนึ่งว่า คนที่ชะลองานแต่งคือตัวไรวินทร์เอง แถมหมอนั่นยังมีหน้าพูดถึงมณีมัญชุญ์ในทำนองอาลัยเสียอีกแน่ะ คิดอีกทีเขาไม่บอกมันดีกว่า ถือเป็นการทำบุญปล่อยผู้หญิงดีๆ อย่างมณีมัญชุญ์ให้พบชีวิตใหม่ที่มีความสุข
มณีมัญชุญ์สาวเท้าอย่างรวดเร็วเข้าหอ วิ่งขึ้นบันได ปิดประตูห้อง วางของลง เปิดน้ำในอ่างล้างหน้ากวักมาล้างน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
หล่อนยอมรับ หล่อนยังทำใจไม่ได้เรื่องไรวินทร์...อดีตแฟนเก่า แม้จะทั้งเกลียดและแค้นเขา แต่เมื่อรู้ว่าเขาจะแต่งกับคนอื่น ก็อดที่จะร้องไห้ไม่ได้ เลิกกันมาปีครึ่งก็จะแต่งงาน
เพื่อนเขาก็ช่างใจร้าย น่าจะรู้อยู่ว่าเขาและหล่อนเลิกกันแล้วยังมาเล่าเรื่องงานแต่งให้เจ็บใจ เสียงโทรศัพท์มือถือกรีดดัง มณีมัญชุญ์รีบเช็ดน้ำตาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเสียงเพลงริงโทนนี้เป็นเสียงที่ตั้งไว้เฉพาะสำหรับสายเจ้ชม
“เบื่อว่ะมะขาม” เสียงรุ่นพี่บ่นมาตามสาย เสียงเพลงหมอลำกับเพลงกันตรึมทำนองคึกคักดังมาแว่วๆ นัยว่าการกลับบ้านชมจันทร์ครั้งนี้ คือการกลับไปงานแต่งงานของน้องสาว
“ฉันก็เข้าใจพ่อแม่ฉันอยู่นะ เข้าใจน้องสาวด้วย” เรื่องของเรื่องคือเจ้ชมเล่าให้ฟังว่าน้องสาวของเจ้ชมที่ชื่อ...นภาพร่างดาว โดนจับคลุมถุงชนแต่งงานกับลูกชายเสี่ยเจ้าของโรงสีข้าว
“พ่อแม่อยากให้ยัยดาวสบาย เพราะน้องสาวฉันมันสวยแกกลัวจะมีมดมอดมาตอดกินฟรี แต่คนมันไม่ได้รักกันมันจะอยู่กันรอดเหรอ ขนาดรักกันปานจะกลืนกินมันยังเลิกกันได้” สำนวนคล้องจองเป็นกลอนอย่างนี้ เป็นอันรู้กันในแผนกว่าเจ้ชมเริ่มเมาแล้ว เหล้าคงเข้าปากได้ที่
“ฉันบอกพ่อกับแม่จนปากจะฉีกแล้วเรื่องคลุมถุงชน แกก็ไม่ยอมฟัง เจ้าวันกับเจ้าทิตย์มันกระแนะกระแหนฉันอยู่ว่า เป็นคอลเซ็นเตอร์เสียงหวานเสียเปล่า กล่อมลูกค้าได้ แต่กล่อมพ่อแม่ตัวเองให้ยกเลิกงานแต่งคลุมถุงชนไม่ได้” เจ้ชมยังร่ายต่อ
มณีมัญชุญ์ได้ฟังเรื่องของครอบครัวสาวรุ่นพี่มาบ่อยๆ พอๆ กับที่เจ้ชมรู้เรื่องครอบครัวหล่อน วันกับทิตย์ที่พาดพิงถึงคือน้องชายคนรองและคนที่สอง บ้านเจ้ชมมีลูกสี่คนตั้งชื่อคล้องจองเรียงกันได้เหมาะเหม็งว่า ชมจันทร์ ตะวันรอน อาทิตย์ส่อง นภาพร่างดาว
‘พระท่านตั้งให้ ท่านบอกว่าเรียกง่ายมีความหมาย ไม่ต้องแปลมาก’ นี่คือที่มาของชื่ออันแสนจะเก๋ไก๋เพราะพริ้งของพี่น้องตระกูลนี้ที่เจ้ชมเคยเปรย
“แล้วเจ้จะเอายังไงอ่ะ เจ้จะกลับเมื่อไหร่” ได้คุยกับเจ้ชมทำให้อารมณ์ของหญิงสาวดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงท่าทางการกล่อมพ่อแม่ ที่น่าจะออกไปในแนวชวนทะเลาะของเจ้ชม
“อีกสองวันก็จะกลับแล้ว พรุ่งนี้มีพิธีแต่งแบบจีนแต่เช้า บ้านฉันตอนนี้นะมะขามกำลังเป็นเยาวราชเชียว แดงเถือกทั้งหลัง เขมรแต่งกับจีน” มณีมัญชุญ์หัวเราะคิกคักกับคำเหน็บแนมของรุ่นพี่ เจ้ชมมักจะตลกหน้าตายเสมอ ในสถานการณ์กลุ้มๆ ก็ยังมิวายมีอารมณ์ขัน
“ฉันภาวนาให้พรุ่งนี้ฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว งานแต่งจะได้ล่ม นี่พ่อฉันแกให้คนคุมฉันแจ แกกลัวฉันจะพาน้องสาวหนี” นั่นประไร! สาวรุ่นน้องครางอยู่ในใจ สมเป็นพ่อเจ้ชมจริงๆ เดาทางลูกสาวออกเสียหมด ตอนนี้สาวรุ่นพี่คงกลุ้มน่าดูเรื่องครอบครัวอลเวง
“กลุ้มเรื่องชีวิตจริง เจ้ก็อย่าลืมอัพนิยายล่ะ โลกแห่งความจริงมันโหดร้ายก็มุดเข้าไปในโลกแห่งความฝันสิเจ้”
“เออ ทวงนิยายเชียวนะยัยมะขาม เดี๋ยวคืนนี้จะลงตอนใหม่ให้ คืนนี้ฉันจะไม่นอนหรอก เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะพ่อฉันเรียก” มณีมัญชุญ์ได้ยินเสียงเรียกชื่อชมจันทร์ดังมาจากที่ไกลๆ และสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
บารัคเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หลังจากได้ฟังข่าวร้ายที่กวนอารมณ์ให้ขุ่น ‘ท่านไฟซาลสั่งชะลองานแต่งงานครับ’ ข้ารับใช้คนสนิทของเขาบอกเสียงเรียบนิ่งเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
‘ดูเหมือนท่านไฟซาลจะรู้เรื่องของคุณมณีมัญชุญ์แล้ว’ นั่นเป็นสิ่งที่เขาคะเนไว้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าญาติหนุ่มจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้
เขาอุตส่าห์ปลอมอีเมล์โต้ตอบระหว่างสองคนนี้ เพื่อหลอกให้มณีมัญชุญ์มาที่นี่ก่อน ส่วนทางไฟซาลเขาให้คนอีเมล์โกหกไปว่าหล่อนจะมาก่อนงานแต่งเริ่มสามวัน
ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่บารัคได้รับการขอร้องมาจากญาติผู้ใหญ่ ให้แยกหญิงต่างชาติคนนี้ออกจากไฟซาล
‘เธอเป็นที่พึ่งเดียว ไฟซาลเชื่อเธอมากนะบารัค ไฟซาลต้องแต่งงานกับคนที่เหมาะสม เกียรติยศของสองตระกูลจะให้มัวหมองไม่ได้’ ญาติๆ มักบอกเขาเช่นนี้เสมอ
สำหรับตระกูลเขาแล้วไฟซาลเป็นสำคัญ ไฟซาลจะเป็นผู้นำตระกูลในอนาคต ผิดกับเขาซึ่งมีแม่เป็นชาวอังกฤษ แม้ทำงานเก่งปานใด กล้าหาญสักเพียงไหน การเป็นเด็กเลือดผสมต่างชาติก็ทำให้ไม่เป็นที่ยอมรับนัก
เสียงบรรยายสารคดีปลาโลมาดังมาแว่วๆ จากโทรทัศน์ภายในห้องนั่งเล่น มณีมัญชุญ์นอนหลับอยู่ท่ามกลางกองหมอนอิงบนพรมลายกุหลาบ
หญิงรับใช้สาวสองคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ข้างๆ หนึ่งในนั้นหันมาเห็นเจ้านายหนุ่มเข้ามาในห้องจึงรีบสะกิดอีกคนให้หันตาม ทั้งสองก้มหน้าหงุด บารัคสั่งให้ทั้งสองคนออกไป เขาปิดโทรทัศน์เสีย ห้องทั้งห้องจึงเต็มไปด้วยความเงียบ
ร่างอรชรกลมกลึงในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ หลับตาพริ้มสบายอกสบายใจจนชายหนุ่มเริ่มฉุน หล่อนจะรู้ไหมหนอว่าการมาของหล่อนนำเรื่องวุ่นวายมาให้ไม่สิ้นสุด แค่ได้ยินชื่อ... ไฟซาลก็แทบจะล้มงานแต่งเพื่อมาหา
คราวที่เขารับโทรศัพท์จากหล่อนก็เช่นกัน ไฟซาลออกอาการดีใจมากที่หล่อนชวนไปดูหนัง ‘จริงรึบารัค แฮปปี้โทร.มาชวนข้าไปดูหนัง หล่อนบอกอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า’ ญาติหนุ่มถามพลางเขย่าตัวเขา กิริยาเหมือนเด็กที่พบของถูกใจ
บารัคไม่เข้าใจเลยว่าผู้หญิงที่หลับอยู่ตรงหน้านี้มีดีตรงไหน สวย... เขาก็ยอมรับว่าสวยดีอยู่หรอกตามมาตรฐานสาวเอเชียทั่วไป แต่ไม่สะดุดตาขนาดทำให้คนคลั่งไคล้ รูปร่างผอมบางติดจะตัวเล็กไปเสียด้วยซ้ำ ผิวสีน้ำผึ้งนุ่มนิ่ม ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ
เสียงเล็กๆ แง้วๆ ยามเถียงกับเขา เหมือนเสียงแมวฟังแล้วระคายหู แต่น่าแปลกที่เขาจำเสียงหล่อนได้ตั้งแต่ได้ยินครั้งแรกตอนรับโทรศัพท์
“อือ...” หล่อนขยับตัวเบาๆ ชายหนุ่มจึงได้สติว่าตนเองกำลังนั่งลงและโน้มใบหน้าไปพินิจคนนอนหลับ พินิจใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายหล่อน แย่ล่ะ! สัญญาณเตือนภัยในใจร่ำร้อง ผู้หญิงคนนี้เป็นตัวยุ่งเชียวนะ มาเหยียบที่นี่ไม่เท่าไหร่ใครต่อใครก็พากันร้อนใจไปเสียหมด เขาก็ยังโดนหางเลขจำต้องทำตัวเป็นโจรลักพาตัวหล่อน
แถมด้วยยังโดนทำร้ายร่างกายจนต้องทำงานอยู่บ้าน อีกคนอย่างเขาไม่ได้แห้งแล้งผู้หญิงจนถึงขนาดที่จะคว้าใครก็ได้ที่อยู่ใกล้มือมาเชยชม
ชีคหนุ่มผุดลุกยืนขึ้นเดินออกไปที่ประตูห้องสาวเท้าเดินไปยังสวนสวยซึ่งมีต้นไม้เขียวชะอุ่ม ติดกันนั้นเป็นกำแพงสีขาวกั้นระหว่างความร่มรื่นภายในอาณาเขตบ้าน กับความแห้งแล้งของทะเลทรายภายนอก
บารัคพยายามตัดภาพของมณีมัญชุญ์ออกจากใจอย่ายากเย็น เขาจะต้องคิดหาทางไม่ให้ไฟซาลเจอกับหล่อนจนกว่าจะถึงวันงาน ตอนนี้ไฟซาลรู้เรื่องมณีมัญชุญ์แล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือเขา ไฟซาลจะต้องมาค้นที่นี่ เรื่องคงไม่จบลงแค่นี้ ญาติหนุ่มคงฟาดหัวฟาดหางไปทั่ว
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดวิธีแก้ปัญหาอยู่นั้น เท้าก็พาเขามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากำแพงตระหง่านสีขาวสะอาดตา บ้านในทะเลทรายมักจะทาสีขาวเพื่อสะท้อนรังสีร้อนแรงจากดวงอาทิตย์ มิฉะนั้นอากาศภายในบ้านจะยิ่งร้อนเป็นทวีคูณ
อากาศร้อน ทะเลทราย ได้การล่ะ! เขาคิดแผนออกแล้ว
ร่างสูงสง่ารีบเดินกลับไปสั่งการคนของเขาให้จัดเตรียมข้าวของทันที “ตื่นได้แล้วมณีมัญชุญ์” บารัคเขย่าปลุกหล่อนเสียจนตัวโคลง
“อะไร...” หญิงสาวถามเสียงวัวเงีย ดวงตายังปรืออยู่ หล่อนจำได้ว่ากำลังดูรายการสารคดีอยู่ เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “เจ้าอยากจะไปเที่ยวทะเลทรายไหม ข้าจะพาไป” เสียงคนพูดกระตือรือร้นแปลกๆ
“ไปเถอะข้าให้คนจัดของไว้ให้แล้ว” คนเพิ่งตื่นลืมตาโพลงอย่างตกใจ อ้าปากจะค้าน แต่ชีคหนุ่มไวกว่าลากมือหล่อนลิ่วๆ ออกไปนอกห้อง หากเป็นทะเลทรายถิ่นของเขา ต่อให้ไฟซาลจะเก่งอย่างไรก็หาไม่เจอ
ทุกอย่างควรเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ไฟซาลจะต้องแต่งงาน มณีมัญชุญ์จะได้เจอไฟซาลในวันสุดท้าย ก่อนที่จะลาจากญาติหนุ่มชั่วนิรันดร์
มณีมัญชุญ์อ่านนิยายที่ชมจันทร์เพิ่งลงในอินเตอร์เน็ต ด้านล่างระบุเวลาว่าโพสตอนตีสาม
ท่าทางสาวรุ่นพี่จะกลุ้มเรื่องครอบครัวจนนอนไม่หลับ ในนิยายจึงมีเรื่องงานแต่งงานเต็มไปหมด
แต่แหม...พระเอกในนิยายนี่หนอ จะบอกนางเอกดีๆ ก็ไม่ได้ว่าจะพาไปหลบเพื่อไม่ให้ญาติตามเจอ ทำอะไรอ้อมโลกอยู่ได้
ส่วนนางเอกก็กระไร ...ผู้ชายคนเก่าเขาตัดไม่ขาดก็ยังไม่รู้อีก มองโลกในแง่ดีเสียเหลือเกิน มณีมัญชุญ์บ่นอย่างอ่อนใจแต่ก็รออ่านตอนต่อไปอยู่ดี
++++++++++++++++++
Create Date : 07 มีนาคม 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 7 มีนาคม 2553 18:48:53 น. |
Counter : 302 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: xyz IP: 122.152.164.6 10 มีนาคม 2553 14:04:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|