หอมกลิ่นหวาน...และขมของชีวิต
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 

ความแค้นเป็นดังของหวาน...บทที่ 14 ...นางร้าย02...(100%)



รถยุโรปคันงามยี่ห้อดาวสามแฉกขับออกจากมหาวิทยาลัยของโยทะกาอย่างรวดเร็ว คนขับเป็นหนุ่มรูปงามในชุดสูทสะอาดตา ใบหน้านั้นนิ่งสนิท
‘กลับ!’
เขาบอกเพียงเท่านี้เมื่อยามกึ่งลากกึ่งจูงหล่อนออกมายังลานจอดรถ
‘ฉันมีเรียน’
เด็กสาวท้วงขณะบิดมือใหญ่ออกจากมือตนแต่ทว่าไร้ผล รังสฤษฏ์ดันตัวหล่อนเข้ารถจากทางที่นั่งคนขับ
เขาล็อคประตูรถอย่างรวดเร็วจนโยทะกาหนีไม่ได้ ร่างบางลองพยายามเปิดประตูดูแต่มันก็แน่นหนาไม่ยอมขยับ


‘ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณ’
ใบหน้าคมสันขาวสะอาดนั้นบดกรามแน่น ดวงตาวาวโรจน์จนโยทะกานึกสะใจ มันต้องมีเรื่องร้ายแรงแน่
ถ้าไม่เช่นนั้นรังสฤษฏ์คงไม่มารับหล่อนถึงมหาวิทยาลัย ถ้าทายไม่ผิดอาจจะเป็นเรื่องข่าวลือ
รังสฤษฏ์จะรู้ไหมหนอว่าต้นตอข่าวลือมาจากอดีตคู่หมั้นตัวเอง


เขาขับรถไปเรื่อยๆท่ามกลางการจราจรอันแออัดในช่วงบ่าย
เครื่องปรับอากาศภายในรถทำงานเย็นเฉียบต่างคนต่างเงียบจนน่าอึดอัด
หล่อนล้วงไอพ็อดออกมาจากย่ามใบโปรด เสียบหูฟังและมือก็กดไล่เพลงไปเรื่อยๆ
ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนนั้นขัดตารังสฤษฏ์เป็นอย่างยิ่ง


วันนี้ทั้งวันเขาได้ยินแต่ชื่อโยทะกา...โยทะกา...และโยทะกา เริ่มตั้งแต่อาจารย์หมอวศินซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของพ่อเขาโทร.มาหา
บทสนทนาเป็นการไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันในตอนแรก ก่อนที่จู่ๆผู้อาวุโสก็โพล่งขึ้น
‘ที่โรงพยาบาลของเธอรับคนไข้เคสหนัก ที่เป็นญาติกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของอาไว้ใช่ไหม นักศึกษาที่ชื่อโยทะกา’
เขาเอะใจตั้งแต่คราวแรกที่ได้ยินชื่อหล่อนแต่ก็ยังตอบคำถามอย่างใจเย็น
‘เอิงอาไม่ว่าหรอกนะถ้าเราจะไปรักไปชอบใคร แต่เอิงควรทำอะไรให้ถูกต้อง’


ตอนนั้นเขาได้แต่ขมวดคิ้วงงงันกับคำพูดปริศนา จนภาสกรโทร.มา
‘เอิงเพื่อนมันลือกันให้แซ่ดว่าแกหลงเด็กนักศึกษา แอบไปยุ่งกับญาติคนไข้ เด็กที่ชื่อโยทะกา’
รังสฤษฏ์เป็นคนดังในหมู่นักศึกษาแพทย์รุ่นเดียวอยู่แล้ว เขาเก่ง ร่ำรวย มีชาติตระกูล หน้าตาดีและอายุน้อย


คราวถอนหมั้นกับมันตรีนีก็เป็นข่าวซุบซิบ คราวนี้ก็อีก...ข่าวฉาวที่ลือกันไปเหมือนไฟไหม้ฟาง
ชายหนุ่มรีบให้อรอุมาผู้เป็นเลขาฯหาต้นตอข่าวลือทันที


แต่ไม่ทันจะได้ความก็มีสายหนึ่งเข้ามาเสียก่อน
‘สวัสดีเอิง ได้ข่าวว่ามีแฟนใหม่เหรอ คราวนี้เปลี่ยนไปชอบเด็กหรือไง’
เสียงแหบต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ ญาติทางฝ่าย‘คุณแม่’ที่อายุห่างเขาห้าปี...นายแพทย์ชานนท์


‘คุณตาท่านต้องการพบนายน่ะ ท่านอยากเจอแฟนคนล่าสุดของนาย’
รังสฤษฏ์กำมือกับพวงมาลัยรถแน่น พวกญาติทาง‘คุณแม่’กำลังจะส่งเขาสู่ลานตัดสินอีกครั้ง


คนพวกนั้นจะเข้ารุมทึ้งและแยกส่วนโรงพยาบาลแห่งนี้เหมือนที่แล้วมา ประมุขใหญ่ของญาติฝั่ง‘คุณแม่’คือคุณตา
นายแพทย์ชราผู้เย็นชาและปราดเปรื่อง แม้จะวางมือจากกิจการต่างๆแต่อำนาจในวงการแพทย์และธุรกิจก็ยังเต็มเปี่ยม


ทุกครั้งที่เขาไปที่บ้านใหญ่ของ‘คุณแม่’จะมีชาลิดาไปด้วย
น้องสาวเป็นกาวใจชั้นดีที่ประสานความสัมพันธ์ระหว่างเขากับญาติทางฝั่งนั้น
แต่ตอนนี้ชาลิดาไม่อยู่...น้องสาวคนดีจากไปแล้ว...


รถจอดลงพร้อมกับอาการนิ่งไม่ขยับไหวติงของคนขับ โยทะกาเหลือบดูรังสฤษฏ์แล้วเหล่มาทางหน้าต่างรถ เขาเงียบผิดปรกติ
รังสฤษฏ์มีแผนจะทำเรื่องร้ายๆกับหล่อนหรือเปล่า หากเขาจะทำจริงล่ะก็หล่อนจะทุบกระจกรถหนีออกไปเสีย
ดวงตากลมโตแลกวาดไปทั่วรถหาอาวุธเหมาะๆที่พอจะทุบกระจกได้หากเกิดเหตุจำเป็น


แต่ร่างสูงกลับดึงมือบางเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วเขาไม่พูดอะไรเลยได้แต่ลากหล่อนลิ่วๆขึ้นไปบนห้องนอน
ผลักร่างบางลงบนเตียงและยืนกอดอกดูหล่อนยันกายขึ้นจากเตียงอย่างุนงง ดวงตาของชายหนุ่มคมวาวริมฝีปากเม้มสนิท


“คุณพาฉันกลับมาทำไม”
โยทะกาถามพลางยกย่ามที่สะพายอยู่ออกจากตัว
“ฉันยังมีเรียนอยู่เลย ไม่ได้มีเวลาว่างเหมือนหมอเจ้าของโรงพยาบาลบางคน”
ปากบางๆนั้นแขวะ ทั้งที่ในใจเต้นระทึก สถานการณ์อันตรายอีกแล้ว
ชายหญิงที่ไม่ใช่ญาติกันคุยกันโดยมีเตียงนอนเป็นฉากประกอบ
...ที่สำคัญยังเป็นช่วงกลางวันแสกๆ


“ถ้าอย่างนั้นคุณอยากว่างตลอดกาลหรือเปล่าครับ...ที่รัก”
หากผู้ชายสักคนเรียกผู้หญิงว่า‘ที่รัก’ คงจะทำให้ใจหวามแต่กับรังสฤษฏ์ โยทะการู้สึกว่านี่คือการประชด
“ไปหา‘ที่รัก’ของคุณในนรกเถอะ แถวนี้ไม่มี!”
พูดจบร่างบางก็ลุกขึ้นจากเตียงจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ทว่าเขาคว้าเอวเล็กนั้นเอาไว้ก่อน


“จะไปไหนล่ะไหม ก็ไหนคุณบอกทุกคนว่าเราสองคนเป็นแฟนกันยังไงล่ะ คุณบอกใครๆว่าเราสองคนรักกัน”
เขารู้แล้ว...รู้คำพูดที่หล่อนบอกอาจารย์ โยทะการ้องอยู่ในใจ ตาหมอประสาทนี่มีกุมารทองหรือไม่ก็ฉลาดมาก ...รู้ทุกเรื่อง
“หรือคุณอยากจะให้บอกล่ะว่า นายแพทย์รังสฤษฏ์เอาฉันมาแก้แค้นแทนพี่ชาย หรือจะให้บอกทุกคนว่าคุณจะฆ่าพี่ชายฉัน”
พอพูดถึงพี่ชายน้ำตาเด็กสาวก็เริ่มรื้น


“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้ให้ข่าวใคร คู่หมั้นคุณที่ชื่อตรีนีกับญาติเขาต่างหากที่ปล่อยข่าว”
โยทะกาบิดกายออกจากการโอบกอดแล้วก็ผลุบเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
รังสฤษฏ์ยืนขมวดคิ้วอยู่สักพักก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือไปโทร.หาอรอุมา
“ต้นตอข่าวลือที่สืบได้มาจากมหาวิทยาลัยของคุณโยทะกาค่ะ”
เลขาฯคนเก่งรายงานเขาทันที


“คุณเอิงจำคุณปาล์ม...ปรียาวดีได้ไหมคะ ญาติของคุณมันตรีนี เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับคุณโยทะกาค่ะ”
รังสฤษฏ์จำเด็กสาวแสนสวยช่างพูดคนนั้นได้ หล่อนเคยติดสอยห้อยตามมันตรีนีมาหาบ่อยๆ
“เธอเคยมาเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลนี้กับคุณมันตรีนี แล้วตอนนั้นคุณเอิงก็เรียกคุณโยทะกาไปพบด้วยค่ะ”
จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายต่อสมบรูณ์แบบ ...ต้นเหตุของข่าวทั้งหมด


รังสฤษฏ์คิดถึงแต่การแก้แค้นจนลืมไปว่าผลของมันจะทำให้ชีวิตเขาปั่นป่วนเช่นเดียวกัน
น่าขำที่คนเก่งและฉลาดอย่างเขาจะมาตกม้าตายกับข่าวลือเรื่องรักๆใคร่อย่างนี้ แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อดี
...จิตใต้สำนึกเริ่มถาม ทางที่บิดเบี้ยวจมปลักโคลนและทางที่ขาวสะอาดถูกต้องตามโนธรรมของมนุษย์ที่ดีลอยมาอยู่ตรงหน้า
เขาควรจะเลือกอะไร


โยทะกาออกมาจากห้องน้ำเมื่อเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ในห้องไร้เงาของรังสฤษฏ์
เด็กสาวโล่งใจจึงอาบน้ำแต่งตัวใหม่เป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อเข้ายืดเข้ารูป
หล่อนหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านบนเตียงนอนใหญ่ พลางนึกสะใจว่าตอนนี้ชายหนุ่มคงหัวเสียที่ถูกนินทาว่าเป็นอาเสี่ยเลี้ยงอีหนู
...อีหนูที่‘แนว’ไม่เหมือนใครอย่างหล่อนเสียด้วยสิ


กรรมตามทัน...โยทะกาซาบซึ้งกับความหมายของมันเสียเหลือเกิน
หล่อนอ่านหนังสือเรียนไปเรื่อยๆ เครื่องปรับอากาศในห้องเย็นเฉียบ เตียงก็นุ่ม ห้องก็เงียบ
ความง่วงงุนจึงมาเยือนจนโยทะกาหลับไป


“ทำไม...ทำไม”
จิรัฐิติกาลคร่ำครวญซบใบหน้าลงบนแขนท่ามกลางโต๊ะที่เกลื่อนไปด้วยแก้วและขวดเหล้า
“ทำไมไหมถึงได้คิดอะไรสั้นๆอย่างนี้”
“ฉันควรจะถามตัวเองมากกว่า ว่าทำไมพวกเราถึงต้องมานั่งกินเหล้าแต่หัววันอย่างนี้กับแกด้วย”
ช้อนเงินหยิบถั่วลิสงคั่วเกลือเข้าปาก ขณะที่ช้อนทองหยิบข้าวเกรียบทอดมาเคี้ยวเสียงดังกรวมๆ


“ก็เพราะพวกแกเป็นเพื่อนมันยังไงล่ะ”
ปณตขยับจานของขบเขี้ยวออกไปเพื่อให้บริกรเสริ์ฟยำวุ้นเส้นและปลาฉิ้งฉ่างทรงเครื่องได้ พัชรพงษ์ที่นั่งข้างเขาใบหน้านิ่งเสียสนิท
“ทำไม!”
หนุ่มที่อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้บอกรักยังคร่ำครวญไม่เลิก
“ทำไม!”


“ก็เพราะมันเห็นแกเป็นเพื่อนนะสิ จบข่าว!”
พัชรพงษ์แหวอย่างเหลืออด
“แกจะคร่ำครวญยังไงนะจีน ไหมมันก็ไม่ได้เป็นของแก ขนาดเรื่องสำคัญขนาดนี้พวกมันยังไม่ยอมบอก มันไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนเลย”
ว่าแล้วสาวในกายชายก็ยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นกระดก พวกเขาเปลี่ยนเสื้อกันหมดแล้วไม่ได้ใส่เสื้อนักศึกษา
ร้านเหล้าแห่งนี้เป็นร้านคนรู้จักกับปณตจึงสามารถเปิดขายเหล้าก่อนเวลาและให้ลูกค้าพิเศษที่อายุไม่ถึงเกณฑ์เข้ามาใช้บริการได้
...อำนาจเงินมีเสียงดังเสมอ


จิรัฐิติกาลหัวใจแตกสลายจนไม่เป็นอันเรียนปากก็พร่ำแต่ชื่อของโยทะกา พัชรพงษ์ก็โกรธหน้าบูด
ช้อนเงินกับช้อนทองจึงมองเหล่มาที่พี่ใหญ่อีกคนในกลุ่มอย่างปณต เขาจึงต้องพาทุกคนมาลี้ภัยหนีข่าวลือมาอยู่ที่นี่
“แพทไหมมันน่าจะมีเหตุผลบางอย่างที่บอกไม่ได้มากกว่า อย่าเพิ่งไปโกรธมันเลย”
ปณตปลอบ พัชรพงษ์ได้แต่เม้มปากไม่สบอารมณ์


ปณตคิดว่าทุกอย่างต้องมีเบื้องหลังแน่ โยทะกาคงไม่ใช่คนเริ่มก่อน
เขานึกสงสัยอยู่แล้วเชียวว่าทำไมโยทะกาจึงตัดสินใจให้พี่ชายอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่แสนแพงอย่างนั้นได้
เขารู้อยู่หรอกว่าปฐมพงษ์เก็บเงินเก่ง แต่ไม่คิดว่าจะมีมากขนาดที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลขนาดนั้นได้
อีกอย่างหนึ่งปณตไม่คิดว่าจะมีใครรสนิยมชอบของแปลกเหมือนจิรัฐิติกาลอีก


“แพทแกก็น่าจะรู้นะว่าไหมมันขี้เกรงใจคนจะตาย มันคงไม่อยากให้พวกเราไม่สบายใจไปกับมันหรอก”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วมันจะมีเพื่อนไว้ทำไมล่ะณต”
พัชรพงษ์บอกเขาเสียงขื่น


“เพื่อนน่ะคือคนที่เราจะเล่าเรื่องทุกข์แล้วก็สุขให้ฟังได้ ตอนที่ฉันอกหักแล้วไม่สบายใจ ฉันยังเล่าให้มันฟัง ไหมมันยังปลอบฉันแล้วทีมันล่ะ!
กลับเก็บความไม่สบายใจไว้คนเดียว ฉันเจ็บน่ะเว้ยที่เพื่อนโดนนินทาเสียๆหายๆแต่กลับแก้ต่างอะไรให้ไม่ได้”
พัชรพงษ์กับไหมสนิทกันมากทั้งสองมักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เพื่อนสาวรู้ความลับเรื่องอาชีพของปฐมพงษ์และปณต
“ไอ้ไหมนะไอ้ไหม มันจะเกรงใจไปทำไมเพื่อนก็มีไว้ระบายเรื่องทุกข์อยู่แล้ว มิน่าล่ะพักนี้มันดูแปลกๆ”


“ฉันว่าถ้าแม่ไหมอยากจะเล่าก็คงจะเล่าให้ฟังเองแหละ เจ้แพทอย่าตีโพยตีพายไปเลย
แม่ไหมตอนนี้คงเสียใจบวกเสียเซลฟ์เรื่องโดนลือว่าเป็นอีหนู ถ้าเพื่อนสนิทอย่างเจ้แพทยังโกรธแล้วแม่ไหมจะเหลือใครเป็นเพื่อนล่ะ”
ช้อนทองพูดไปปากก็เคี้ยวปลาฉิ้งฉ่างกร๊อบๆ


“เขาว่ากันว่ากินปลาแล้วฉลาด ฉันเพิ่งรู้วันนี้เองว่ะ กินปลาเล็กปลาน้อยไม่กี่ตัวเจ้าทองก็พ่นคำพูดคมๆออกมาได้”
ปณตแซวเพื่อนพลางหัวเราะร่วน ทำให้ภายในโต๊ะรื่นเริงขึ้นนิดหน่อย
“อยู่แล้ว...ความฉลาดของฉันจะมาเมื่อต้องการ อ้าว!คุณปาล์มครับทางนี้”
ช้อนทองหันไปโบกมือให้สาวสวยผู้มาใหม่


“เพิ่งชมว่าฉลาด...โง่อีกแล้ว เขาทิ้งพวกมันไปยังจะกระดิกหางให้อีก”
พัชรพงษ์พึมพำปรายตาไปทางดาวคณะบริหารฯที่เดินยิ้มสวยเข้ามา
“เชิญครับ...เชิญ”
ช้อนเงินและช้อนทองรีบจัดที่นั่งให้โดยพลัน ปรียาวดีกล่าวขอบคุณเบาๆ


นี่ถือว่าเป็นโอกาสพิเศษที่หล่อนจะยอมโทร.หาผู้ชายที่ไม่พึงใจ ปรียาวดีอยากรู้ข่าวเรื่องจิรัฐิติกาลจึงติดต่อมาทางสองแฝด
ทั้งสองจึงชวนหล่อนมาที่นี่ จิรัฐิติกาลในสภาพเมามายร้องเรียกแต่ชื่อเล่นของโยทะกาขัดหูขัดตาของสาวสวยเป็นที่สุด
แต่กระนั้นใบหน้าของปรียาวดีก็ยังยิ้มอยู่
“จีน ตัดใจเสียเถอะ ไหมเขาเลือกแล้วนะ คนเรามีเหตุผลต่างกัน”
หล่อนปลอบด้วยเสียงแผ่วหวานจนพัชรพงษ์หมั่นไส้ เพราะดูออกว่าสาวสวยแกล้งทำ


“จีนมันตัดใจลำบากนะปาล์ม จีนมันรักของมัน ไหมมันเป็นผู้หญิงที่ลองผู้ชายสักคนได้รู้จักแล้วล่ะก็คงจะลืมไม่ลง”
ปลายเสียงนั้นจงใจแขวะ เพราะไม่ชอบนิสัยตีสองหน้าเป็นคนดีปั่นหัวคนอื่นของปรียาวดี
คนโดนแขวะเม้มปากไปครู่ก่อนที่ช้อนเงินและช้อนทองจะเข้ามาเอาอกเอาใจสั่งเครื่องค็อกเทลให้เพื่อแก้สถานการณ์


“ฉันไม่เข้าใจเลยนะจีน คุณชอบไหมตรงไหน ทำไมต้องเสียใจขนาดนี้”
ปรียาวดีถามเขาเมื่อจิรัฐิติกาลขอตัวมาเข้าห้องน้ำ หล่อนแอบตามมาด้วย ทั้งสองยืนคุยกันที่ผนังฝั่งห้องน้ำชาย
“มันเรื่องส่วนตัวของผม ทำไมผมจะต้องตอบคุณด้วย”
ชายหนุ่มตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำ ตอนนี้สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวด้วยฤทธิ์สุราที่ดื่มไปบวกกับอาการช้ำใจที่อกหัก
“เพราะฉันชอบคุณน่ะสิจีน ชอบมากๆด้วย”
หล่อนบอกความในใจกับเขาอย่างหมดเปลือก ความอยากเอาชนะมีอำนาจเหนือว่าความหยิ่งยโส


“แต่ผมรักไหม ยังไงก็ตัดใจไม่ได้”
“ยัยตัวเล็กดำ หน้าเด็ก นั่นมีดีอะไร ฉันถึงสู้เขาไม่ได้”
จิรัฐิติกาลหรี่ตามองหล่อนอย่างหมิ่นๆ
“อย่างหนึ่งที่ไหมเขาเหนือกว่าคุณนะปาล์ม เขาไม่ดูถูกคนอื่น ไม่ได้ชอบคบใครสักคนแค่ที่หล่อ รวย ชาติตระกูลดี”
“ไม่จริงหรอกค่ะจีน ยัยไหมนั่นแค่เจอจีนก่อน ยัยนั่นแค่เรียนคณะเดียวกับจีน อยู่ใกล้จีนมากกว่าฉัน”
ใช่!เหตุผลแค่นั้นจริงๆที่โยทะกาเหนือกว่าหล่อน แค่มาก่อน...แค่อยู่ใกล้


“งั้นเหรอ...”
จิรัฐิติกาลลากเสียงมือข้างหนึ่งเท้าผนังข้างที่ปรียาวดียืนอยู่ หล่อนถอยร่นไปจนติดกำแพง
“เธอคิดว่าอย่างนั้นเหรอ”
ใบหน้าเขาโน้มใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนใจสาวเต้นระทึก สถานการณ์เช่นนี้ถ้าเป็นในนิยายพาฝันก็คงจะเป็น...


“ถ้าฉันอยู่ใกล้เธอแล้วก็เจอเธอก่อน ฉันคงฟันแล้วทิ้งแน่ๆ”
ใจหล่อนหล่นวูบลงไปในทันใด ถ้อยคำแสลงหูและบาดลึกเสียจนต้องเงื้อมมือจะตบเรียกสติเขา
ทว่ามือใหญ่ของชายหนุ่มก็จับมือหล่อนไว้เสียก่อน มือนั้นบีบแน่นเสียจนปรียาวดีเจ็บร้าวมาถึงจิตใจ


“อย่ามายุ่งกับฉันอีก!”
เขาทิ้งมือหล่อนลงเหมือนจับของร้อน ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อน ปรียาวดีเจ็บกับคำพูดเขาจนหน้าชา
และแล้วหล่อนก็รู้สึกถึงความอุ่นของน้ำตาที่อาบแก้ม หล่อนเกลียด...เกลียดโยทะกา เกลียดที่สุด!


โยทะกาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในยามค่ำเพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังปลุก
“ไงไหม”
ปณตทักมาตามสาย หล่อนพูดอะไรไม่ออกไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเรื่องรังสฤษฏ์กับเพื่อนอย่างไรดี
“ฉันแค่จะโทร.มาบอกว่าวันพรุ่งนี้อาจารย์เลื่อนเวลาสอนเพราะติดประชุมเป็นตอนสิบโมง อย่าลืมมาเรียนล่ะ”
“ขอบใจนต ขอบใจ”


“ถ้าจะให้ดีนะไหม ฉันว่าแกควรจะอธิบายเรื่องต่างๆให้เพื่อนๆฟังด้วย เอาเท่าที่อธิบายได้ ทุกคนเป็นห่วงแกนะ
ไม่ว่าแกจะมีเหตุผลยังไงพวกฉันคือเพื่อนแกนะเว้ย”
ปณตไม่เคยพูดหวานๆกับโยทะกาผิดกับคำพูดที่ใช้กับ‘ลูกค้า’เวลาทำงาน
แต่คำพูดเหล่านั้นฟังดูจริงใจจนหล่อนแทบน้ำตาไหล
“กินข้าวอาบน้ำนอนซะไหม อย่าคิดมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว”
เพื่อนทิ้งท้ายก่อนที่จะวางสายไป เด็กสาวกรีดน้ำตาที่เอ่ออยู่แล้วไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา


“กรี๊ด!”
ร่างสูงร่างหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกลุกพรวดพราดอย่างรวดเร็ว ขายาวๆก้าวออกมาที่บันไดสู่ชั้นบนของบ้าน
“เกิดอะไรขึ้น!”
เขาถามป้าวันดีที่รีบขึ้นบันไดไป
“ไม่ทราบค่ะ คุณไหม!”


ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะวิ่งแทบจะก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้นไปยังห้องเป้าหมาย
“คุณไหมคะ คุณไหม”
ป้าวันดีพยายามเคาะประตูห้องที่เกิดเหตุ
“คุณไหมคะมีอะไรเกิดขึ้นคะ เปิดประตูหน่อยสิคะ”


“ป้าช่วยหนูด้วย”
โยทะกาเรียกป้าวันดีเสียงแหลมปรี๊ด แม่บ้านใหญ่รีบไขกุญแจห้องนอนรังสฤษฏ์ด้วยมือสั่นเทาจนใส่ลูกกุญแจผิดรู
ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้วยกันจึงคว้ามาไขเสียเอง ประตูห้องเปิดออกคนรับใช้กรูกันเข้ามา ในห้องไม่มีร่างเล็กแต่ประตูห้องน้ำเปิดอยู่
ร่างสูงจึงรีบเข้าไปข้างในนั้น โยทะกานั่งขดอยู่ในอ่างอาบน้ำเปล่าๆปากก็พึมพำบทสวดภาษาบาลี
“สัพเพสัพตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย...จงเป็นสุขๆเถิด”


“คุณเป็นยังไงบ้าง”
ปลายสายตาหล่อนเห็นสูทสะอาดตาและกลิ่นสะอาดๆ ที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ด้วยความกลัวต้องการที่พึ่งจึงเอื้อมมือเกาะคอเขาหมับ
“น้องสาวของคุณน้องสาวของคุณ คุณสอง...เธอมาอีกแล้ว”
โยทะกาบอกด้วยเสียงสั่นๆหลับตาปี๋ คนที่หล่อนกอดคออยู่นั่งลงข้างอ่างอาบน้ำทันที
“สอง!”


“ไหม!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูห้องน้ำ เสียงที่หล่อนเกลียดและคุ้นเคย
“คุณบอกว่าคุณเห็นสองเหรอ”
ร่างที่หล่อนกอดเขาอยู่ถามเสียงแหบต่ำ โยทะกาลืมตาขึ้นในทันใดปล่อยแขนจากร่างนั้น ถอยร่นไปอยู่อีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ
ผู้ชายที่นั่งชันเข่าข้างหนึ่งใกล้อ่างอาบน้ำเป็นชายหนุ่มผมเรียบแปล้ ใบหน้าขาวสะอาดหล่อเหลา ใส่แว่น ดวงตายาวรี แก้มตอบ
“นายมีธุระอะไหรือเปล่าชาน”
รังสฤษฏ์ถามเสียงเย็นเยียบ คนที่ถูกเรียกว่า...ชาน ยืนขึ้นริมฝีปากบางยิ้มน้อยๆเขาสูงพอๆกับรังสฤษฏ์


“ก็นิดหน่อยนะเอิง ไม่คิดว่าจะมาเจอแฟนนายในสภาพนี้”
นายแพทย์ชานนท์ปรายตามองไปที่ร่างบาง ซึ่งทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ผ้าขนหนูสีขาวพันอยู่รอบกาย
“นายออกไปรอที่ห้องรับแขกก่อนเดี๋ยวฉันจะตามไป”
“ไม่ต้องรีบก็ได้นะเอิง อยู่ปลอบแฟนนายนานๆก็ได้ เขายังตกใจวิญญาณยัยสองอยู่นี่ สวัสดีนะครับคุณไหมผมชื่อชานนท์เป็นญาติสนิทของนายเอิง”
เขายิ้มยั่วอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเดินออกไปพร้อมกับคนรับใช้ รังสฤษฏ์ปิดประตูห้องดังปังดวงตาที่มองมายังเด็กสาวนั้นวาววับ


“ไหม ทำไมคุณแต่งตัวอย่างนี้!”
ชายหนุ่มมองร่างที่ขดตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“ก็ฉันจะอาบน้ำนี่ คุณจะให้ฉันใส่ชุดทหารพรานอาบน้ำหรือยังไง!”
พอหายกลัวขึ้นมาหน่อยหล่อนก็เถียงกับรังสฤษฏ์ทันที ขืนไม่เถียงเขาก็คงจะยัดเยียดความผิดประหลาดๆมาให้
“น้องสาวคุณนั่นแหละคุณสอง จู่ๆก็มา”
พูดแล้วโยทะกาก็ขนลุกเกรียวอีกรอบ เมื่อตอนที่เตรียมตัวกำลังจะอาบน้ำ หล่อนเอื้อมมือหยิบครีมอาบน้ำกลิ่นแตงโม


ทันใดนั้นในกระจกก็ปรากฏใบหน้าซีดเซียวของชาลิดา พร้อมกับอาการอ้าปากพะงาบๆฟังออกเพียง
‘เฮาะ...’
มีเลือดไหลโจ๊กจากตาคนตายเป็นพร็อพประกอบความสยอง โยทะกาจึงได้กรี๊ดลั่นดังที่ได้ยิน


“น้องสาวคุณมาหลอกฉัน!”
เหมือนเคย...รังสฤษฏ์เดินวนเวียนทั่วห้องน้ำเพื่อหาร่องรอยของน้องสาว
“สงสัยสองจะไม่อยากให้คุณอยู่บ้านนี้ เขาถึงได้มาหลอกแต่คุณ”
และก็เหมือนเดิม...ที่รังสฤษฏ์ไม่ได้เห็นหรือรู้สึกถึงการมีอยู่ของวิญญาณน้องสาว
“งั้นคุณก็ให้ฉันกลับไปอยู่บ้านฉันสิ น้องสาวคุณเขาจะได้ไปสู่ที่ชอบๆ”
เด็กสาวอาศัยเหตุผลเหมาะต่อรองที่จะกลับไปอยู่คอนโดพี่ชาย


“ไม่ได้หรอกครับไหม เพราะเราเป็นคนรักกัน ผมทั้งรักทั้งหลงคุณจนยอมทำผิดจรรยาบรรณแพทย์ไปยุ่งเกี่ยวกับญาติคนไข้”
เขาพูดพร้อมกับย่อตัวลงใบหน้าหล่อเหลานั้นยิ้มละไม คำพูดที่เล่นเอาคนฟังอ้าปากเหวออย่างตกตะลึง เขากำลังสารภาพรักกับหล่อน!
“โกหก!”


“แล้วคุณคิดว่าผมพูดจริงเหรอ!”
ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนมาบึ้งตึง
“นี่คือหัวข้อข่าวลือเรื่องระหว่างผมกับคุณต่างหาก ส่วนเรื่องการเป็นคนรักแล้วก็ที่ผมรักคุณมากทุ่มเทสุดๆนั่นคุณก็พูดเอง”
โยทะกาหุบปากลงฉับ เขารู้ได้ยังไง หล่อนบอกแค่อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวนะ
“ในเมื่อฉันทำให้คุณเสียชื่อเสียง โดนลือว่าเป็นอาเสี่ยเลี้ยงต้อย คุณก็ปล่อยฉันไปเสียสิ”
กระนั้นเด็กสาวก็ยังเอามาเป็นหัวข้อต่อรองเพื่อประโยชน์ของตัวเองจนได้


“ไม่ครับไหม ผมว่ามันน่าตื่นเต้นดีออก ผมคงเป็นอาเสี่ยที่ดูดีที่สุดเท่าที่มีมาเลยทีเดียว
ยิ่งมีข่าวลือยิ่งน่าสนใจเป็นการโฆษณาโรงพยาบาลผมได้เป็นอย่างดี เรื่องระหว่างเรามันโรแมนติคดีออก ขอบคุณนะครับไหม”


เลวที่สุด!โยทะกากัดฟันกรอด เขาชนะหล่อนอีกจนได้
ทั้งๆที่โดนข่าวลือเหมือนกัน
ทั้งๆที่เขามีหน้าตามีชื่อเสียงการงานมากกว่าหล่อน
แต่กระนั้นรังสฤษฏ์ก็ยังใช้มันมาฟาดฟันให้หล่อนเจ็บใจได้
หล่อนเสียอีกที่รับความซวยเรื่องนี้มาเต็มๆ พรุ่งนี้จะอธิบายเหตุให้เพื่อนฟังอย่างไรยังไม่รู้เลย


“เอาล่ะผมไม่กวนคุณแล้ว อาบน้ำต่อเถอะครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับแขกเสียหน่อย”
เขาลุกขึ้นยืดตัวเต็มความสูง โยทะกาผวาเฮือกก่อนที่จะเอ่ยออกไป
“เดี๋ยวก่อน”


ชานนท์ขมวดคิ้วยิ้มนิดๆเมื่อเห็นญาติหนุ่มและแฟนสาว ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันเดินเข้ามาในห้องรับแขก
โดยที่ฝ่ายชายจูงมือฝ่ายหญิงมาด้วย แฟนญาติเขาแต่งตัวแปลกอย่างไม่คาดคิด เสื้อลายคนเจาะจมูกเจาะปาก
แถมมีเข็มกลัดพราวไปทั้งตัว กางเกงที่ใส่ก็เป็นกางเกงยีนส์ขาลีบสั้นต่อ
ครั้งนี้รังสฤษฏ์เลือกผู้หญิงได้‘แตกต่าง’กับมันตรีนีเสียเหลือเกิน


“โทษทีนะชานที่ช้าไปหน่อย ไหมเขายังกลัวสองอยู่”
โยทะกาหันขวับส่งสายตาสาปแช่งคนพูดทันที ที่ออกมาช้าก็เพราะรังสฤษฏ์คนเดียวเลย
หล่อนกลัวผีชาลิดาจนยอมเสียฟอร์มให้อยู่เป็นเพื่อนในห้อง โดยที่หล่อนเปิดประตูห้องน้ำไว้ รังสฤษฏ์หัวเราะหึๆอย่างเยาะเย้ย
ตอนนั้นโยทะกาไม่สนใจแล้วเพราะความกลัวมีมากกว่า รีบอาบน้ำแล้วเด็กสาวก็รีบออกมา
แต่รังสฤษฏ์กลับค้นเสื้อผ้าหล่อนแล้วบังคับให้ใส่เสื้อผ้าแบบผู้หญิงๆที่ปฐมพงษ์ซื้อมาให้


‘ไม่!’
โยทะกายืนยันคำเดียว เรื่องอะไรจะยอมให้เขาบังคับหล่อนอีกล่ะ เด็กสาวจึงหยิบเสื้อยืดลายกระทิงแดงขึ้นสวม
รังสฤษฏ์ใช้มุกเดิมกับเมื่อเช้าคว้าเสื้อกระทิงแดงโยนไปในห้องน้ำให้สกปรก โยทะกาจึงหยิบเสื้อลายไม้ขีดไฟตราพญานาคขึ้นมาอีกตัว
คุณหมอหนุ่มก็ดูเหมือนจะใช้มุกเดิม คราวนี้ร่างเล็กหยิบเสื้อผ้ามาชุดหนึ่งวิ่งปรู๊ดเข้าไปในห้องน้ำรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งออกไปนอกห้องโดยพลัน
รังสฤษฏ์วิ่งตามแล้วก็ลากหล่อนมาที่ห้องรับแขกแห่งนี้


“ฉันมาบอกเรื่องงานแซยิดของคุณตาน่ะเอิง”
ชานนท์เริ่มเกริ่น
“นายบอกฉันตอนที่โทร.มาแล้วนี่ ไม่น่าจะต้องลำบากมาบอกอีกเลย”
“บังเอิญฉันผ่านมาแถวนี้ก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยมด้วย”
คนเป็นแขกหัวเราะเบาๆ เจ้าของบ้านหนุ่ม‘รู้’ชานนท์ตั้งใจจะมาดูโยทะกาซึ่งเป็นต้นตอข่าวลือ


“งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ทุกคนร่วมกันจัดให้คุณตา เอิงนายเป็นหลานคนสำคัญต้องไปด้วยนะ อ้อ...เชิญคุณไหมด้วยนะครับ
จริงสิฉันยังไม่รู้จักชื่อจริงแฟนนายเลยนะเอิง เรียกแต่ชื่อเล่นอยู่ได้รู้สึกเสียมารยาทจัง”


“เขาชื่อโยทะกา”
คนนั่งข้างหล่อนตอบเสียงเรียบใบหน้ายิ้มอบอุ่น
“ชื่อเป็นดอกไม้น่ารักดีนะครับ ผมขอเรียกชื่อเล่นตามนายเอิงก็แล้วกัน...คุณไหมใช่ไหมครับ”
แววตาของรังสฤษฏ์แววโรจน์ขึ้นมาแว่บหนึ่ง แว่บเดียวจริงๆจนโยทะกาไม่รู้สึก
แต่คนที่รู้จักรังสฤษฏ์มานานชนิดตั้งแต่เกิดกลับเดาอารมณ์เขาออก


“ยังไงก็เชิญคุณไหมด้วยนะครับ คุณตาผมชอบงานศิลปะ ท่านมีเพื่อนเป็นศิลปินหลายคน
ท่านสะสมงานของศิลปินไว้เยอะอย่าง ถวัลย์ ดัชนี ช่วง มูลพินิจ อังคาร กัลยณพงษ์
พวกผมยังแอบคิดกันเลยนะครับว่าสงสัยท่านคงมีงานของปิกัสโซ่ซ่อนไว้อยู่แน่ๆ”
โยทะกาตาวาวอย่างปิดไม่มิด ศิลปินที่ชานนท์พูดมาน้อยคนนักที่เรียนสายเกี่ยวข้องกับศิลปะแล้วจะไม่รู้จัก


รังสฤษฏ์เห็นอาการของคนตัวเล็กแล้วก็รู้จุดประสงค์อีกอย่างของคนบ้านใหญ่ทันที พวกนั้นต้องการหลอกล่อให้เขาพาโยทะกาไปด้วย
เพื่อจะได้จิกกัดแสดงความเหนือกว่าของสายเลือดผู้ดีแท้ให้ได้เห็น
“ขอบใจที่มาบอกนะชานที่มาส่งข่าว ขอบใจจริง”
ใบหน้าของชายหนุ่มเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นเหมือนเคย


“ครับ ผมเห็นแล้ว”
ชานนท์คุยโทรศัพท์ผ่านบลูทูธยามที่ขับรถออกมาจากบ้านของรังสฤษฏ์แล้ว
“ผู้หญิงคนใหม่ของนายเอิงดูแตกต่างจริงๆครับเด็กมาก ดูยังไงไม่เหมือนผู้หญิงจะพยายามจับหมอนั่นเลย”
เขารายงานสถานการณ์ที่เห็นให้คุณตาฟัง


“แต่เห็นอย่างนั้นก็เถอะนายเอิงดูเป็นห่วงเป็นใยเขาเหลือเกิน”
ชานนท์หมายถึงตอนที่โยทะกาบอกว่าเห็นวิญญาณชาลิดาในห้องน้ำ รังสฤษฏ์วิ่งเข้ามาในห้อง ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อพราว
แว่บหนึ่งที่หมอหนุ่มอายุอ่อนกว่าเห็นเขาตระกองกอดอยู่กับร่างเล็ก สายตานั้นเปลี่ยนเป็นเข้มจัดอย่างโกรธขึ้ง ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบตามเดิม
ชานนท์อ่านสายตานั้นออก ...สายตาของผู้ชายหวงของ เด็กที่ชื่อโยทะกาทำให้รังสฤษฏ์เผยนิสัยแย่ๆที่แท้จริงออกมาได้


ชานนท์เคยมาอยู่บ้านหลังนี้ในฐานะลูกบุญธรรม ขณะนั้นนายแพทย์รังษีและคุณชวณีแต่งงานกันมาหลายปีแล้วยังไม่มีลูก
จึงรับชานนท์ซึ่งเป็นญาติห่างๆทางคุณชวณี และเพิ่งสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะอุบัติเหตุมาเลี้ยง
เขาเคยถูกคาดหวังว่าจะได้ทุกอย่างที่รังสฤษฏ์มีตอนนี้ การกำเนิดรังสฤษฏ์คือความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายๆคน


เขากลายเป็นหมาหัวเน่าไม่มีใครสนใจ นายแพทย์รังษีรักลูกชายคนเดียวมาก
ขณะที่คุณชวณีก็เศร้าตลอดเวลาที่สามีแอบนอกใจไปมีลูกกับผู้หญิงอื่น
รังสฤษฏ์เติบโตมาด้วยสติปัญญาฉลาดเฉลียวและแย่งทุกอย่างไปจากเขา ทั้งความรัก คำชม
ถ้าเขาทำอะไรได้ดีรังสฤษฏ์จะทำมันได้ดีเป็นสองเท่า รังสฤษฏ์เป็นคนชอบเอาชนะไม่ชอบให้ใครเหนือกว่า


แล้วต่อมาชาลิดาก็เกิด จุดยืนของชานนท์ในบ้านหลังนี้แทบไม่มี เขาเก็บความเกรี้ยวกราดในโชคชะตาไว้อยู่ภายใต้หน้ากากของเด็กดี
จนคุณตาของชาลิดามารับเขาไปเพราะขัดแย้งกับนายแพทย์รังษี การอยู่ที่บ้านของคุณตาทำให้เขาได้รู้ว่ามีคนไม่ชอบรังสฤษฏ์มากเพียงใด
อาชีพแพทย์ก็เหมือนอาชีพอื่นๆมีดีเลวปะปนกันไปแม้แต่ตระกูลที่เป็นแพทย์มาแทบจะทุกรุ่นอย่างตระกูลของนายแพทย์รังษีและคุณชวณี


เมื่อทั้งสองเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ ชาลิดาก็ยังเด็ก รังสฤษฏ์ก็ยังเรียนอยู่ต่างประเทศ ญาติทางคุณชวณีซึ่งบริหารโรงพยาบาลอีกแห่งอยู่แล้ว
ก็เข้ามาดูแลกิจการโรงพยาบาลของนายแพทย์รังษีแทน แต่ไม่กี่ปีรังสฤษฏ์ก็มาเอาคืนพร้อมกับเกลียดตระกูลเขาอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ


ชานนท์ไม่ได้เกลียดรังสฤษฏ์แล้ว เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องในวัยเด็ก
แต่เขาไม่ชอบใจในการไม่เคารพผู้ใหญ่และนิสัยชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลของรังสฤษฏ์ต่างหาก
คนที่มีความภูมิใจในตัวเองสูงหากวันหนึ่งเกิดทำอะไรพลาดขึ้นมา อะไรที่สูงๆของเขานั่นแหละที่จะพังทลายจนทับร่างให้ยืนหยัดขึ้นไม่ได้
ชานนท์และคุณตาของเขาห่วงและเสียดายในความสามารถของรังสฤษฏ์จริงๆ...หากวันนั้นมาถึง


รถของชานนท์ลับออกจากบ้านไปแล้ว โยทะกาทำท่าจะเดินขึ้นไปบนบ้านแต่รังสฤษฏ์ดึงมือไว้เสียก่อน
“จะไปไหนครับไหม เราจะไปดินเนอร์นอกบ้านกันนะวันนี้”
“ไปของคุณคนเดียวสิ ฉันไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยเสียหน่อย!”
หล่อนหมายถึงเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่ชานนท์พูดติดตลกว่าจะขอทานข้าวเย็นด้วย
ทว่ารังสฤษฏ์ปฏิเสธว่าจะพาหล่อนไปทานอาหารเย็นข้างนอก


“บังเอิญผมเป็นคนพูดจริงทำจริงเสียด้วยสิ ตอนที่ผมพูดถึงเรื่องดินเนอร์คุณไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าตกลง”
ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย โยทะกานิ่วหน้าก็ตอนนั้นหล่อนนิ่วหน้าถามเขาเหมือนตอนนี้แล้วนี่ แต่รังสฤษฏ์บีบมือปรามหล่อนเสียแน่น


“ฉันไม่ไป คุณไม่กลัวเป็นข่าวอีกหรือไง”
ร่างเล็กบิดมืออกจากการเกาะกุมของเขา ขืนไปทานอาหารค่ำด้วยกันนอกบ้านไม่รู้ว่ารังสฤษฏ์มีแผนอะไรในใจอีก
“ไม่เป็นไรหรอกครับไหม เราเป็นคนรักกันนี่ แค่ทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะเรื่องปรกติ ไม่ได้มีอะไรกันโชว์คนอื่นเสียหน่อย”
คนพูดสีหน้ายิ้มๆแต่คนฟังหน้าเหวออย่างไม่เชื่อหู ตีความหมายเขาไม่ออก


“เอ้า! ไหมอย่าทำหน้าเหวอแบบนี้ซิครับเดี๋ยวผมก็อดใจไม่ไหวจูบคุณตรงนี้ แล้วเราจะไม่ได้ไปดินเนอร์กันนะครับ”
ว่าแล้วเขาเขาก็ดึงมือหล่อนไปทางโรงรถพลางหัวเราะหึๆ
โยทะการู้ความหมายของของรังสฤษฏ์แล้ว เขากำลังสนุกกับการจงใจยั่วหล่อน

+++++++++++++++++++

ลงให้แล้วนะคะ ฝากจับไก่เป็นค่าอ่านด้วยค่ะ




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
3 comments
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 23:05:07 น.
Counter : 419 Pageviews.

 

เห็นอันนี้รึยังคะ
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=penline&month=10-07-2009&group=19&gblog=16

คนอ่านอินมากขนาดมารีวิว

น่าชื่นใจสำหรับนักเขียนเนอะ

 

โดย: ตามมาจากพันติ๊ป เอ๊ะตอนนี้ก็อยู่บล็อกแก๊งนี่นา IP: 125.24.130.41 11 กรกฎาคม 2552 21:09:29 น.  

 

^
^
^

เห็นแล้วค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกยังไงอิฉันก็เขียนเลยค่ะ
จึงอยากจะลองแบ่งปันเรื่องดีๆให้หลายๆท่านอ่านบ้างค่ะ

ขอบคุณนะคะคุณ:ตามมาจากพันติ๊ป ที่ตามอ่านมาตั้งแต่เรื่องแรกเลย
เรื่องนี้จะลงเฉพาะที่สิรินดากับบล็อกเท่านั้นค่ะ
เพราะลงในถนนรู้สึกเนื้อเรื่องจะแรงไป(เดี๋ยวโดนสมาคมหมอฟ้องอีก...อิอิ)

 

โดย: จโกระ&ลาชา 11 กรกฎาคม 2552 23:26:53 น.  

 

สงสัยต้องไปเปิดตัวซะแล้ว หนูไหม หมอเอิง อิอิ

 

โดย: dena IP: 222.123.149.61 15 กรกฎาคม 2552 12:52:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


จโกระ&ลาชา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Something has come and gone,and that it 's all.


free counters
Friends' blogs
[Add จโกระ&ลาชา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.