กะทันหันทริป :: Mumbai-Pune, India :: Part VII (เที่ยวมุมไบ-5)
ความเดิมตอนที่แล้ว
จุดหมายสุดท้ายที่เราเจาะจงว่าเป็น must see ของเมืองมุมไบก็คือ Gateway of Idia มาจนถึงถิ่นประเทศอินเดีย ถ้ามาไม่ถึงที่นี่ จะว่าถึงอินเดียได้ไง
Gateway of India ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอาระเบียน เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองมุมไข สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการเสด็จมาเยือนมุมไบ ของพระเจ้าจอร์จที่ 5 และสมเด็จพระราชินีแมรี่" ในปีค.ศ.1911 เพื่อทรงร่วมงานเดลีดารบัร และเมื่ออินเดียปลดแอกจากอังกฤษได้ ทหารชุดสุดท้ายที่ปกครองอินเดียเดินทางกลับ ก็เดินลอดซุ้มประตูนี้ออกไป เป็นสัญลักษณ์แสดงการสิ้นสุดยุคอาณานิคมในอินเดียด้วย
มีนักท่องเที่ยวมากมาย เดินกันขวักไขว่เต็มลานกว้างหน้าประตู้แห่งนี้ ทั้งชาวอินเดีย และชาวต่างชาติ ซึ่งเราเห็นแต่ชาวอินเดีย โอกาสที่จะถ่ายรูปสถาปัตยกรรมนี้ โดยไม่ติดผู้คนจึงเป็นไปได้ยากยิ่ง ....เพราะฉะนั้น ไม่ต้องพยายามเลย
และที่นี่ ก็มีธุรกิจรับจ้างถ่ายภาพคึกคักมากเช่นกัน 6 ภาพ 300 รูปี อัสวีนี่เรียกใช้บริการช่างภาพคนนึง ชี้จุดให้พวกเราสามคนยืน กดชัตเตอร์แนวตั้ง แนวนอน หลายท่า จากนั้นก็แลกเบอร์โทรศัพท์กับอัสวี่นี่ บอกว่าอีก 30 นาทีมารับภาพ จากนั้นเรากับพี่สาว ก็เดินฝ่าฝูงชนเอาไปชมประตูชัยใกล้ๆ ขึ้นอีกนิด
ประตูชัยนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานศิลปะท้องถิ่นแบบมุสลิมของรัฐคุชราต มีความสูงกว่า 80 ฟุต สร้างด้วยหินทรายสีน้ำผึ้ง เมื่อฉาบแสงอาทิตย์ขึ้นและตก ประตูจะเปลี่ยนจากสีทองเป็นสีส้ม จากสีล้มเป็นสีชมพู แน่นอน ...เราไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะตอนนี้ก็บ่ายสองโมงกว่าแล้ว
พอเดินวนมาถึงด้านหลัง จึงเป็นท่าเรือที่นักท่องเที่ยวสามารถเช่าข้ามไปเที่ยว Elephanta Cave หรือฆรบุรี ที่เป็นที่ตั้งของเทวลัยถ้ำบนภูเขาหิน สร้างราวๆ ศตวรรษที่ 7-8 คนเยอะมาก เบียดเสียดกับชาวอินเดียในตอนบ่ายๆ แบบนี้ เราถึงกับต้องกลั้นหายใจ ควักยาดมมาสูดแทนกลิ่นตัวที่ลอยละล่องมาแตะจมูก พอรู้สึกดีขึ้น กลายเป็นว่า โดนเบียนจดพลัดกับพี่สาวและอัสวีนี่ซะงั้น .... ตอนแรกตกใจนะ กลัวจะหากันไม่เจอ แต่คิดอีกที่ อัสวี่นี่ไม่ปล่อยเราทิ้งไว้ตรงนี้หรอกน่า
เราก็เลยเดินวน ถ่ายรูปไปจนรอบ จากนั้นก็ขึ้นไปยืนบนแนวหินริมทะเล อีกด้านของประตู เพราะครบรอบแล้ว ยังไงทั้งสองคนนั้น ก็ต้องวนออกมาแหละ กระเป๋าเป้สีแดงสดของเรา สะดุดตาจะตาย ...ต้องมองเห็นกันซินะ หันมามองอีกด้าน ก็พบกับอาคารสวยๆ อีกหลัง Taj Hotel เป็นโรงแรมเก่าแก่ของเมืองมุมไบ ถ้าได้ไปเที่ยวอีกครั้ง จะขอลงเรือไปเที่ยวถ้ำ แล้วเก็บภาพอาคารนี้คู่กับประตูสักที คงสวยน่าดู ได้ภาพที่พอใจ ..แต่ลึกๆ ก็หวั่นใจอยู่ว่า จะเจอกับพี่สาวมั๊ยเนี่ย กังวลอยู่ ก็มองเห็นอัสวีนี่เดินตรงเข้ามาหาพอดี เธอถอนหายใจ แบบโล่งอก ที่หากันจนเจอ แล้วเดินนำไปพบกับพี่เราที่ถูกทิ้งให้ยืนรออีกด้านนึงของประตู ครบสามคนแล้ว ก็พากันมาเดินวนเวียนกลางลาน มองหาช่างภาพอีกที ใต้ป้ายอธิบาย เป็นที่เหมาะสำหรับเลือกภาพของช่างภาพและลูกค้า ไม่นานนัก ช่างภาพหนุ่มก็เดินมาหาอัสวีนี่ รับเงินค่าบริการไป และส่งภาพถ่ายมาให้ภาพชุด อัสวีนี่จัดให้เป็นของที่ระลึก คนละชุด
ออกจากลานหน้าประตูชัย ยังคงมีนักท่องเที่ยวทะยอยเดินทางเข้ามายังบริเวณนี้ ไม่ขาดสาย ข้างถนน มีคนถือกระติกน้ำแข็งใบย่อมๆ บรรจุไอติมแท่ง รอขายนักท่องเที่ยว ...ซึ่งก็ขายดีซะด้วย
อัสวีนี่ โทรตามบันดู ซึ่งไม่รู้ว่าจอดรถตรงไหน แล้วพาเราเดินมาทางด้านโรงแรม และยืนรอบันดูกันตรงข้างถนนนั่นแหละ สักพัก บันดูก็วนรถมารับ จากอากาศร้อนๆ มาเจอแอร์เย็นๆ ชื่นใจขึ้น ถึงเวลาที่เราจะต้องเดินทางออกจากเมืองมุมไบกันแล้ว ระหว่างเส้นทาง เราก็ยังคงให้ความสนใจกับตึกรามบ้านช่องของเมือง และอนุสาวรีย์บุคคลสำคัญ เก็บภาพไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวเมมโมรี่เต็ม เผื่อมาเยอะ
มุ่งหน้าสู่เมืองปูเน่ จุดหมายที่แท้จริงของทริปต่อไป ในเส้นทางที่มุ่งหน้าไปนั้น เราผ่านถนนที่ตัดทะลุภูเขาแบบนี้ อีกหลายครั้งเลย
ลองนึกย้อนกลับไปในอดีต การตัดถนนทะลุภูเขาเป็นงานยาก อาศัยกำลังคนและเครื่องมือ แล้วประเทศอินเดียที่กว้างใหญ่ ก็มีภูเขาเยอะซะด้วย อุโมงค์ลักษณะนี้ ก็เลยเยอะตาม สั้นบ้าง ยาวบ้าง เส้นทางทางที่นำพาผู้คนต่างเมือง ให้เดินทางไปพบเจอกันได้โดยสะดวก
โปรดติดตามตอนต่อไป
ปล. - อ่านเรื่องเกี่ยวกับเมืองมุมไบ >> ที่นี่
- เวปไซค์ของเมืองมุมไบ >> คลิก
Create Date : 16 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 21:53:02 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2511 Pageviews. |
|
|
|
จองที่ก่อนจร้า
อยู่ข้างนอก เด๋วกลับไปอ่าน