<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 สิงหาคม 2557
 

กะทันหันทริป ::Mumbai-Pune, India:: Part IX (เที่ยวปูเน่-1)

ความเดิมตอนที่แล้ว 

เช้าวันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2557 นับเป็นวันที่ 2 ที่เรายืนอยู่บนแผ่นดินประเทศอินเดีย
เพียงแต่ย้ายจากเมืองมุมไบ มาอยู่เมืองปูเน่แล้ว 

เมืองปูเน่ เป็นเมืองเก่าแก่และเมืองสำคัญทางวัฒนธรรมของอินเดียมาตั้งแต่โบราณ
ตั้งอยู่ในรัฐมหาราษฎร์ เป็นเมืองที่ทันสมัย เป็นศูนย์กลางการศึกษา มีมหาวิทยาลัย
และเทคโนโลยีต่างๆ มีการคมนาคมขนส่งที่ดีเชื่อมกับเมืองใหญ่ๆ มากมาย
และชาวอินเดียเชื่อกันว่า เมืองปูเน่แห่งนี้เป็นเมืองแห่งพระพิฆเนศ 
- หยิบข้อความมาจาก www.niscotravel.com -



ตื่นเช้ามาจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ระหว่างรอเวลาให้พี่สาวแต่งองค์ทรงเครื่อง ก็เปิดม่านออกไปดูบรรยากาศแถวโรงแรม
อืมม์ ...กระจกเขลอะมากนะคะ ...  ข้างโรงแรมด้านห้องพักของเรากำลังมีการก่อสร้างตึกขึ้นมาอีก ...เมืองกำลังขยายตัว 

วันนี้ คุณพี่สาวจะต้องเข้าออฟฟิศสาขาปูเน่ไปทำงานของเธอ  และบริษัท (ของพี่สาว) ก็จัดรถและคนขับรถของผู้บริหารคนนึงมาดูแลและบริการเรา 
คราวนี้แหละ ได้รู้กันว่า ความสามารถในการฟังและการเจรจาภาษาอังกฤษของเรา ยังพาตัวเองเที่ยวได้แค่ไหน 



มื้อเช้า ก็บุฟเฟต์ง่ายๆ ที่ในโรงแรมนั่นเอง ....รอบแรก ขอลองไลน์อาหารอินเดียซะก่อน  (ภาพซ้าย)  ตักมาชิมอย่างละนิดละหน่อย 
มีทั้งข้าว ทั้งแกง (ออกแนวซุปนะ) และของทอด  ส่วนกับข้าวเป็นพวกกะทิ เรายังไม่อยากชิมอ่ะนะ  กลัวเอียน
ลุกรอบสอง ไปตักอาหารฝรั่งที่คุ้นเคยมาตุนให้หนักท้องไว้ดีกว่า  พร้อมทั้งเรียกหา "ชานมร้อน" ...
รสชาติอาหารที่นี่ ธรรมดานะ  ชานมก็ธรรมดา หอม แต่ไม่ถูกปากเท่ากับชานมที่โรงแรมในมุมไบ 

เวลา 8.30 น. บันดู ผู้ได้รับมอบหมายให้เทคแคร์เราก็นำรถมาจอดรอหน้าโรงแรม ...ร่ำลาพี่สาว ...งานนี้ ตัวใครตัวมันแล้วนะ 
ออกมาทักทายบันดุ แล้วก็ยื่นโปรแกรมท่องเที่ยวที่ "ลอก" มาจากเวปไซค์ให้บันดูอ่าน  แล้วปิดท้ายว่า "up to you" 
บันดู วางเส้นทางเลย จะไปทางไหน ผ่านทางไหน แวะทางไหน ...ตามใจคนขับรถ (และไกด์) 
เราทำตัวเป็นผู้โดยสารที่ดี ด้วยการขึ้นนั่งข้างคนขับ แล้วหยิบกล้องมาถือไว้  เตรียมกดชัตเตอร์ 



บันดูหันมาถามว่า จะไปวัดรึป่าว  "Hindu Temple" -  Yes  ตามสบาย เข้าวัดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ...ได้อยู่แล้ว 
ตกลงกันได้อย่างนี้  ก็มุ่งหน้าออกเส้นนอกเมืองปูเน่ ...ไปวัดฮินดูแห่งหนึ่งที่เราจับสำเนียงเรียกชื่อไม่ถูก 



ระหว่างทางก็คุยถามไถ่ ได้ความว่า ถ้าไม่ขับรถเอง คนปูเน่ก็ใช้บริการรถสาธารณะ มีรถบัสวิ่งระหว่างเมือง คิดค่าบริการ กิโลเมตรละ 1 รูปี
และมีรถอีกประเภทคล้ายๆ รถตุ๊กตุ๊กบ้านเราให้บริการ เรียกว่า Auto Ricksaw คิดค่าโดยสาร 5 รูปี / 1 ป้าย / 3 กิโลเมตร ถ้าเป็นรถ 2 ตอน
แต่ถ้่าเป็นรถตอนเดียว ก็เริ่มค่าโดยสารที่ 10 รูป  ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเหมารถเแบบนี้เที่ยวได้  คิดราคาตามระยะทางนะจ๊ะ 


ใช้ทางหลวง - Highway - ก็ต้องเสียค่าผ่านทางนะจ๊ะ  ขณะที่รถต่อคิวผ่านทาง ก็มีคนขายมาลัยดอกไม้ เดินเร่ขายมาให้เห็น
พวงดอกไม้สีขาวที่เห็นอยู่นี้ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อแขวนหน้ารถแบบบ้านเรานะ แต่เป็นพวงดอกไม้สำหรับประดับผมเด็กสาวและสาวๆ 


นั่งรถซะเมื่อย  เกือบชั่วโมงก็มาถึงวัดที่บันดู ชี้ป้ายให้เราดูแต่ไกล กดชัดเตอร์เก็บชื่อไว้มา search หาทาง google 
 เป็นชื่อเทพเจ้าองค์สำคัญ (เข้าใจว่าจะเป็น พระวิศนุหรือพระนารายณ์ - ถูกผิดไม่ยืนยันนะ) 
ส่วนชื่อวัดเราต้องมาหาเอง ตอนเขียนบล๊อกนี้ คือ Prati Balaji Temple



เส้นทางเข้าไปที่ผ่าน ผ่านชุมชนที่ดูหน้าตื่นตาตื่นใจ เพราะมีแต่ชาวอินเดีย ไม่เห็นมีนักท่องเที่ยวเลยนะ 
เราก็กดชัตเตอร์เพลินไปเลย  (แต่มาดูที่หลัง ภาพช่วงนี้ ไม่ได้เรื่อง) 


เข้าเขตวัดแล้ว  บันดูขับเข้าลานจอดรถ ที่อยู่ห่างจากตัวอาคารไกลพอประมาณ  และด้วยเกือบ 10 โมงแล้ว ลานจอดรถเกือบเต็ม
บันดูเร่งให้เรารีบลงจากรถ บอกว่าที่วัดกำลังจะมีพิธีกรรม ซึ่งเราต้องรีบเข้าไป ไม่งั้นวัดจะปิดไม่ให้เข้าชั่วคราว 
กลัวจะเสียเที่ยว ก็ต้องรีบๆ เดิม ....แต่อดไม่ได้ ต้องอาศัยความไว กดชัตเตอร์เก็บบรรยากาศข้างทางไปด้วย 


บนทางเท้าฝั่งนี้ มีพ่อค้าแม่ค้านำผลิตผลต่างๆ มาตั้งแผงขาย หลายร้านเลยทีเดียว 
ไม่มีเวลาหยุดพิจารณา ต้องรีบๆ  เดินตามหลังบันดูซะก่อน 
มาถึงจุดหนึ่ง ก็เจอป้ายสกัดกั้น  ถอดรองเท้า-ถุงเท้า ฝากไว้ ...รับป้ายหมายเลขมา 
เดินไปอีกล๊อค ฝากเป้ ...รับป้ายหมายเลขมา และสุดท้าย ฝากกล้องและโทรศัพท์มือถือ ...รับป้ายหมายเลขอีกอัน 



แล้วก็เดินเท้าเปล่า ตั้งแต่ตรงนี้จ้ำตามหลังบันดู มุ่งหน้าไปทางอาคารที่เห็นตรงหน้า 
พอถึงทางเข้า ก็แยกช่องทาง "หญิง-ชาย"  ต้องรีบเดินอย่างเร็วไปตามเส้นทาง 
แล้วก็มาถึงประตูทางเข้่าหลัก  แล้วเดิมตามบันดูไปสักกะระเทพเจ้าประจำวัดทีละจุด ที่ละจุด 
ซุ้มประดิษฐานเทพเจ้าแต่ละองค์นั้น สวยงามด้วยงานแกะสลักและลายเขียนสี 
วิธีสักการะชาวฮินดู ก็จะยกมือวาแตะที่ฐานซุ้มแล้วมาแตะหน้าผาก แตะหน้าอก สงบนิ่ง (อธิษฐาน) 
ปิดท้ายด้วยการหยอดตู้บริจาค ตามศรัทธา ....เราก็ทำตาม แต่ไม่ได้บริจาคทุกจุด 
มาหยอดกล่องเอาตอนที่มายืนสักการ เทพเจ้าหลักของวัดแห่งนี้  
ก่อนจะผ่านประตูทางออก พราหมณ์ก็ส่งปั้นขนมมาให้ 1 ก้อน - - ใหญ่มาก 
บิออกมาชิม เจอรู้ว่ามีมะพร้าวและถั่วเป็นส่วนผสม และหวานมากกกกก 



ออกมารับกล้องและทุกสิ่งที่ฝากไว้คืน ..แล้วจึงถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ปกติเวลาไปเที่ยวไหน เราไม่ค่อยถ่ายรูปตัวเองกับสถานที่ต่างๆ 
แต่บันดูอาสาแข็งขันมาก เลยไม่อยากให้เสียน้ำใจ ...จัดไป 1 ภาพ  กดชัตเตอร์แล้วเขาโคลงหัวทีนึง เป็นสัญลักษณ์ว่า "เรียบร้อย" 
ซึ่งจากที่อ่านหนังสือมา กริยาแบบนี้เหมือนกับการ "ส่ายหน้า" นั่นแหละ ที่คนชอบเมาท์ว่าคนอินเดียส่ายหน้าหมายถึง "ใช่" 
แต่เราว่า เจ้าตัวเพียงแค่โคลงหัวครั้งนึง เพื่อบอกว่า ใช่ เสร็จแล้ว เรียบร้อยแล้ว ...ทำนองนั้นอ่ะนะ 




ได้รูปตัวเองแล้ว เราก็ขอเวลาเก็บภาพบรรยากาศและสถานที่ เท่าที่กล้องของเราจะซูมภาพได้
เป็นการเก็บภาพสถาปัตยกรรมและลวดลายประดับต่างๆ ...ไหนๆ ก็มาแล้วอ่ะนะ จะไกล จะใกล้ ก็ขอมีภาพไว้ซะหน่อย 



ตอนเดินกลับที่จอดรถ ก็มีเวลาพิจารณาร้านค้าที่ขายผลไม้บ้าง  ซึ่งก็ซ้ำๆ กันอ่ะ 
มีฝรั่ง ลูกหว้า และอีกสองสามอย่างที่เราไม่รู้จัก อยากซื้อฝรั่งมาลอง เพราะดูคล้ายๆ ฝรั่งขี้นก 




ออกจากวัดนี้ ก็วิ่งย้อนกลับเส้นทางเดิม บันดูจะพาไปอีกวัดนึง ก่อนกลับเข้าไปในเมือง 
ขากลับ บันดูขับรถช้าลง เพราะรถที่สวนทางเข้ามาเริ่มเยอะ  เราก็เลยมีโอกาสเก็บภาพชีวิตข้างทางได้ดีขึ้น 
มือเริ่มนิ่ง และมีเวลาเล็งหามุมได้บ้าง 


แผงขายผลไม้ มีกล้วย ส้ม มะม่วง แตง และอื่นๆ 


ร้านขายอุปกรณ์ 


ช่างรับจ้างเย็บผ้า 

พ้นหมู่บ้านเล็กนี้ๆ ขึ้นมาอยู่ถนนใหญ่ ก็มีแต่ตึก ภูเขา และรถเต็มถนน 
มุ่งหน้าไปยังจุดหมายต่อไป 


โปรดติดตามตอนต่อไป 












Create Date : 23 สิงหาคม 2557
Last Update : 8 ธันวาคม 2558 21:52:10 น. 2 comments
Counter : 2294 Pageviews.  
 
 
 
 
มาแล้วจ้าขาประจำ อิอิ

มาชมชีวิตข้างทางของเขา ดูมีสีสันดี

ยังไงก็เป้นประเทศที่มีเสรีภาพ มีอิสระสูงอยู่

ชอบจังเลยอะ ขายที่ดอกไม้ประดับผมให้สาวๆ เป็นมุมหวานของอินเดีย ซึ่งยังไม่เคยเห็นที่อื่น

เรื่องส่ายหน้านี่คิดเหมือนนัทธ์นะคะ

คือส่ายหน้าไปบอกทำนองว่า "ไม่มีอะไรมากมากมายหรอก ใช่ตามนั้นแหละ" แบบเดียวกับที่ฝรั่งยักไหล่เบ้ปากก่อนแล้วบอก เยส! 555

ติดตามต่อไปจ้ะ
 
 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 61.90.65.1 วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:8:36:37 น.  

 
 
 
ความหลากหลาย และสีสันของที่นั่นเยอะดีนะคะ
ชอบซื้อลูกหว้ามากินค่ะ เขาใส่ผงพริกเกลือมาด้วย อร่อย

เห็นมาลาที่เอามาติดผมแล้ว ก็นึกอยากลอง แต่ไม่มีโอกาสซื้ออะไรสวยๆแบบนั้นสักที
 
 

โดย: กาบริเอล วันที่: 24 สิงหาคม 2557 เวลา:19:47:06 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com