***** ทริปนี้เป็นทริปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557*****
กินมื้อเที่ยงตอนบ่ายอิ่มหนำสำราญดีแล้ว ก็มุ่งหน้าไปเที่ยวต่อ
คราวนี้เป็นสถานที่สำคัญของประวัติศาสตร์อีนเดีย (อีกแล้ว)
นั่นคือ Aga Khan Palace ซึ่งเป็นปราสาทของสุลต่านมูฮัมเม็ดชาร์อากาข่านที่ 3 แห่งเมืองปูเน่ และต่อมาได้กลายมาเป็นที่คุมขังมหาตมะ คานธี และพรรคพวก
Agakhan Palace นี้ จึงเป็นพิพิธภัณฑ์คานธี มีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติและวีรกรรมของมหาบุรุษท่านนี้
ในห้องต่างๆ ที่ท่านเคยพำนัก จัดทำรูปจำลอง ภาพวาด และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ
เดินชมไป ...อ่านไปคำบรรยายไป ...ถ่ายรูปไป ..และบันดุ ก็เดินตามแบบเงียบๆ ไม่เร่งเช่นเคย
ประติมากรรมท่านมหาตมะคานธีและภริยา ต้อนรับเราที่โถงกลางเลย
เหตุการณ์สำคัญในชีวิต ..เสนอด้วยภาพจิตรกรรม
ภาพถ่ายเหตุการณ์สำคัญ
เสื้อผ้าที่เคยใช้ ...ก็จัดแสดงไว้ด้วย
ห้องนอน
ห้องน้ำ
นอกจากเราจะสนใจกับเรื่องของบุคคลสำคัญระดับโลกแล้ว
เราก็ยังสนใจลักษณะสถาปัตยกรรมของอาคารเก่าแก่หลังนี้ด้วย
ก็เลยถ่ายภาพเก็บมาเต็มอิ่มเลยทีเดียว
สมควรแก่เวลา ...ก็ราวๆ ชั่วโมงกว่าๆ อ่ะนะ ...ก็ออกเดินทางกันต่อ
และแล้ว เราก็ได้เห็นนักท่องเที่ยว "ผมทอง" คณะแรกในสถานที่ท่องเที่ยว
จุดหมายต่อไป บันดูจะพาไปสักการะ "พระพิฆเนศ" เทพเจ้าองค์สำคัญที่ชาวเมืองปูเน่นับถือ
ระหว่างทาง อากาศร้อนมาก บันดูใจดี เลี้ยวรถจอดข้างทาง แล้วลงไปซื้อลาสซี่ วิ่งมาเสริฟถึงรถ
ไม่ยอมให้เราลงจากรถไปยืนกินข้างทางแบบชาวบ้าน ....
เราก็ไม่ขัดศรัทธา ...ไม่ลงก็ได้ ...ดื่มเครื่องดื่มเปรี้ยวหวานเย็น พร้อมเนื้อโยเกิร์ตลื่นคอ ...ชื่นใจ
หายเหนื่อย คลายร้อน ...แล้วก็พากันเดินทางฝ่าฟันการจราจรไปยังจุดหมายต่อไป
แน่นอน ระหว่างเส้นทางเราก็เก็บภาพตึกรามบ้านช่องริมถนนไปด้วย เช่นเคย
สังเกตเห็นได้ชัดเจนว่า ชาวปูเน่นับถือพระพิฆเนศ มีภาพประดับไว้หน้าตึกเลยด้วย
ถ้าลองเซิร์จหาข้อมูลการท่องเที่ยวเมืองปูเน่ ...ก็จะพบว่ามีการจัดทริปพาไปไหว้พระพิฆเนศ 9 แห่งในอินเดียด้วย
ชาวอินเดียยกให้เมืองปูเน่ เป็นเมืองแห่งพระพิฆเนศ เพราะมีปาฏิหาริย์การเกิดขึ้นของพระพิฆเนศอยู่ในเมืองเล็กๆ
รอบเมืองปูเน่ถึง 8 ปาง ซึ่งเป็นพระพิฆเนศที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
...เสียดายแต่ว่า "ห้ามถ่ายรูป" ก็เลยได้แต่ถ่ายหลังคามาไว้เป็นที่ระลึก
หลังจากเดินตามบันดูเข้าไปไหว้สักการะองค์พระพิฆเนศที่งดงามภายในแล้ว ..ก็ออกมาเดินดูร้านรวงภายนอก
เลือกได้พระพิฆเนศองค์เล็กๆ ที่แกะจากลูกหมากมาเป็นของที่ระลึกฝากเพื่อนๆ ที่ทำงาน
กับพระพิฆเนศเรซิ่นปางเดียวกับองค์ที่อยู่ในวัดมาวางไว้ที่หัวเตียง ...
ถึงตอนนี้ก็เข้าสู่เวลาใกล้เลิกงานของพี่สาวเราแล้ว ..บันดูต้องพาเรากลับไปส่งที่โรงแรม
แต่ระหว่างทาง ..ก็ของแวะซื้อของที่ "ตลาดสด" ....อ่ะ ฮ่า ...ได้เดินเที่ยวตลาดสดที่ชาวบ้านจับจ่ายซื้อของกันแล้ว
ก็เป็นเส้นทางที่เราต้องเดินย้อนกลับไป เพื่อไปยังจุดที่จอดรถไว้อ่ะนะ
และตอนนั้น ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก ทำให้ต้องหลบฝนอยู่ใต้ชายคาห้องแถวอยู่พักใหญ่ๆ เลย
พอฝนหยุด ก็เดินย้ำน้ำแฉะๆ ตามหลังบันดูไปช้อปปิ้งในตลาด
บันดูมาซื้อข้าวสารที่ร้านนี้ ...มีข้าวสารพัดแบบ ...เราก็ไปชะโงกดู แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาด้วย
ซื้อข้าวสาร แล้วก็ซื้อผักนิดหน่อย ...จากนั้นก็พากันมุ่งหน้ากลับ
ระหว่างถาม บันดูหันมาถามอะไรสักอย่าง ไม่ทันได้ฟังถนัด ก็ Yes ไว้ก่อน
เท่านัน คนขับรถกิตติมศักดิ์ของเราก็เบนรถจอดข้างทาง แล้วก็วิ่งลงไปซื้อชานมร้อนมาบริการ
คนอินเดีย ..จะยืมดื่มชานมร้อนๆ อยู่ข้างทางแบบนี้ ...และไม่มีผุ้หญิงยืนซื้อดื่มเลยนะ
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติรึไงก็ไม่ทราบได้ ...แต่บันดูไม่ให้เราลงจากรถไปยืนเตร็ดเตร่
ชานมร้อน ผสมเครื่องเทศ ..กลิ่นหอม รสกลมกล่อม ..ชอบอีกตามเคย
แล้วก็ได้เวลากลับกันจริงๆ ซะที ...เหลือเวลาเที่ยวพรุ่งนี้อีกครึ่งวัน ...เราก็ต้องอำลาปูเน่กันแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ
มาตามเที่ยวอินเดียด้วยคนครับ เห็นพิพิธภัณฑ์คานธีแล้วอยากไปเที่ยวบ้างจังเลย ผมชอบที่มีรูปปั้นหรืองานประติมากรรมศิลปะแบบนี้ครับ เห็นภายในพิพิธภัณฑ์แล้วคิดถึงพิพิธภัณฑ์บ้านปืนที่บ้านเราเลยครับ มีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเหมือนแบบนี้เลยครับ
ดูแล้วตลาดสดของอินเดียคล้าย ๆ ตลาดสดบ้านเราเหมือนกันครับ มีการวางผักไว้บนพื้นด้วย คงสกปรกน่าดูเลย
โหวตให้ครับ
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
นัทธ์ Travel Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
อิอิ