Impossible Dreams ตอนที่ 4




บทที่ 4

มันเป็นเวลาสามทุ่มครึ่ง พีท รีบเข้าร้านทันทีที่ประตูปรากฏตัว อัลลี ไม่ได้ปล่อยให้เขาเอ่ยคำทักทาย เธอวางหนังสือ เอเอฟไอ ฟิลม์ไกด์ ลงบนเคาน์เตอร์ แล้วพูดว่า "เกิดบ้าอะไรขึ้น"

พีท เอาเป้ออกจากไหล่ หยิบแล็ปท็อปของเขาออกมา รวมถึงซองใส่แผ่นที่เต็มไปด้วยดีวีดีหนัง “Gone with the Wind" เขาพูด และใส่แผ่นเข้าไปในแล็ปท็อป โปรแกรมเล่นดีวีดีเด้งขึ้นมา และเขาก็ฟอร์เวิร์ดไปยังฉากแรกของ คลาร์ก เกเบิล

อัลลี จ้องมองสิ่งที่ปรากฏในจอแอลซีดี พีท มองแสงสะท้อนจากดวงตาของเธอ เสียงของ เกเบิล ถูกเปล่งออกมาทางลำโพงขนาดจิ๋วของแล็ปท็อป แต่เป็นเสียงที่ทุกคนจำได้ดี

พีท ปิดแล็ปท็อปช้าๆ "ผมรู้จักหนังดี" เขากล่าว "เพียงแต่มันแตกต่างจากที่คุณรู้จัก"

"นี่... หนังสือพวกนี้... คุณ... คุณมาจากโลกอื่น มันเหมือน... เหมือน..."

“เหมือนสิ่งที่ออกมาจาก Twilight Zone ใช่ไหม? แต่จริงๆแล้วเป็นคุณต่างหากที่มาจากโลกอื่น ทุกคืน วันละชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้นในช่วงหลังมานี้ ประตูร้าน Impossible Dreams ปรากฏตัวในถนนที่ผมอาศัยอยู่"

“อะไรนะ ฉันไม่เข้าใจ"

“เข้าใจสิ" เขายื่นมือออกมาให้เธอจับ และพาเธอออกไปด้านนอกของประตู "ลองดูสิ" เขาพูด ชี้ไปที่ร้านเบเกอรี่และร้านกิ๊ฟช็อปข้างๆ และร้านซ่อมจักรยานฝั่งตรงข้าม

อัลลี ถอยร่นไปที่ประตู เธอกลับเข้าไปในร้าน "นี่มันไม่ถูก มันไม่ควรที่จะมาอยู่ตรงนี้"

“กลับเข้าไปก่อนเถอะ" เขากล่าว "ร้านของคุณปรากฏช้าและหายไปเร็วขึ้นทุกคืน ผมไม่อยากให้คุณต้องติดอยู่ที่นี่"

“ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้?" อัลลี กล่าว มือของเธอยังจับเขาไว้แน่น

“ผมก็ไม่รู้" พีท ตอบ "บางทีมันอาจไม่มีเหตุผล บางทีในหนังอาจมีคำตอบ แต่..."

“หนังบางเรื่องทำให้เรามั่นใจว่าชีวิตมีเหตุผล" อัลลี พูดต่อ "แต่บางเรื่องก็ทำให้เราสงสัยว่าชีวิตอาจไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น" เธอถอนหายใจเฮือกยาว "แต่ก็ไม่ใช่ว่าหนังจะสามารถให้คำอธิบายได้ทุกอย่าง"

“อย่าคิดมากเลย" พีท กล่าว "ฟังนะ เก็บแล็ปท็อปของผมไว้ แบตเตอรี่น่าจะอยู่ได้หลายชั่วโมง และยังมีแบตสำรองในกระเป๋า แต่การดูหนังทำให้แบ็ตหมดเร็ว ผมไม่รู้ว่าคุณสามารถชาร์ทไฟในโลกนี้ได้หรือไม่ แต่อย่างน้อยคุณก็น่าจะดูได้หลายเรื่อง ผมเอาหนังโปรดของผมให้คุณทุกเรื่อง เวส แอนเดอร์สัน, ฮายาโอะ มิยาซากิ. ทาเคชิ คิตาโน่ และอื่นๆ คุณลองดูละกัน"

“พีท..."

เขาโน้มตัวเพื่อหอมแก้มเธอ "มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการได้คุยกับคุณตลอดหลายคืนที่ผ่านมา" เขาพยายามคิดถึงสิ่งที่เขาควรพูด ราวกับว่าจะเป็นฉากสุดท้ายของหนัง ช่วงเวลาแห่งการลาจากแบบ Casablanca ของเขา ประโยคมากมายผ่านเข้ามาในหัวของเขา "ผมคงคิดถึงคุณ อัลลี" เขาพูดเพียงได้แค่นี้

“ขอบคุณ พีท" แธอตอบ และกลับเข้าไปในร้าน Impossible Dreams ด้วยความลังเล เธอมองเขาจากอีกด้านของกระจก เขาโบกมือลาในขณะที่ประตูจางหายไป

พีท พยายามอดใจที่จะไม่กลับในคืนถัดมา เขารู้ว่าแรงปรารถนาที่จะเข้าไปในร้านคงมีมากจนเขาทนไม่ได้ และมันก็คงมีช่วงเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น แต่หลังจากนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นมาเป็นชั่วโมง เขาก็ตัดสินใจออกไปข้างนอกหลังสี่ทุ่ม เดินไปอยู่ตรงจุดที่ร้านเคยอยู่ เขาคิดว่าบางทีเธออาจทิ้งโน็ตเอาไว้ เพื่อให้มันเป็นบทสรุปที่ดี ช่วงเวลาหลังเอนเครดิต ดอกกุหลาบหน้าประตู หรืออะไรบางสิ่ง

แต่ไม่มีอะไร ไม่มีประตู ไม่มีโน็ต ไม่มีกุหลาบ พีท นั่งอยู่บนทางเท้า คิดว่าอย่างน้อยเขาน่าจะถ่ายรูป อัลลี เก็บเอาไว้ เขาสงสัยว่าเธอจะเลือกดูเรื่องไหน และคิดยังไงกับมัน

“เฮ้ นายนิกเกิล"

พีท เงยหน้ามองดู อัลลี ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เธอสวมโค้ทสีแดง กระเป๋าใส่แล็ปท็อปพาดอยู่บนไหล่ เธอนั่งข้างๆเขา "ฉันกลัวว่าคุณจะไม่โผล่มา เพราะฉันไม่ชอบที่จะเดินอยู่ในเมืองแปลกๆทั้งคืน และมีแต่เหรียญนิกเกิลในกระเป๋า ชื่อของถนนบางสายเหมือนกับที่ที่ฉันมา แต่มันก็ไม่พอสำหรับฉันที่จะหาว่าคุณอยู่ที่ไหน"

“อัลลี! คุณมาทำอะไรที่นี่?"

“ก็คุณให้หนังสือพวกนี้มา" เธออธิบาย "และมันก็เล่าถึง Citizen Kane ของ ออร์สัน เวลส์ ที่เปลี่ยนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ยังไง" เธอชกเขาที่ไหล่เบาๆ "แต่คุณไม่ได้ให้ดีวีดีเรื่องนั้นกับฉัน!"

“แต่... ทุกคนต้องเคยดู Citizen Kane สิ!"

“ไม่ใช่ในโลกของฉัน Citizen Kane ถูกทำลายไปแล้ว หลังจาก เฮิร์สต์ รู้ว่าหนังสร้างมาจากชีวประวัติของตัวเอง เขาเลยทำข้อตกลงกับสตูดิโอ และใครบางคนก็ทำลายแผ่นฟิลม์ทั้งหมด เวลส์ ต้องเริ่มทำทุกอย่างใหม่จากศูนย์ จนสุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไปทำ Jason and the Argonauts แต่โลกของคุณมี Citizen Kane! แล้วจะให้ฉันอยู่เฉยได้ยังไง?"

“แต่ อัลลี... คุณอาจกลับไปไม่ได้"

เธอหัวเราะ จากนั้นก็โน้มหัวไปที่ไหล่ของ พีท "ฉันไม่ได้วางแผนว่าจะกลับไปอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันต้องห่วงที่โน้น"

พีท รู้สึกถึงความกดดันที่อัดแน่นอยู่ในหน้าอก "นี่ไม่ใช่ในหนังนะ..."

“ไม่" อัลลี ตอบ "มันดียิ่งกว่านั้น นี่คือชีวิตของฉัน"

“ผมไม่รู้ว่า..."

อัลลี ตบไปที่น่องของเขา "ใจเย็นน่า พีท ฉันไม่ได้ขอให้คุณเอาฉันไปอยู่ด้วย ฉันไม่ได้ดำรงชีวิตด้วยน้ำใจของคนแปลกหน้า ฉันหนีออกจากบ้านตอนอายุ 15 และไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ฉันเริ่มต้นจากศูนย์ ไม่มีเพื่อนหรือแม้กระทั่งบัตรประชาชน ฉันคิดว่าตัวเองน่าจะเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง"

“แต่ครั้งนี้คุณไม่ได้เริ่มจากศูนย์" พีท เอ่ยปาก เขายกแขนไปโอบเธอ "ไม่อย่างแน่นอน" ไม่มีแสงสปอร์ตไลท์ส่องไปที่พวกเขา ไม่มีม่านแดงที่คล้อยลงมาปิด นี่ไม่ใช่ตอบจบของหนัง มันเป็นครั้งแรกที่ พีท รู้สึกรักชีวิตตัวเองมากกว่าความฝันที่ชัดเจนบนจอเงิน "มาเถอะ เราไปดู Citizen Kane กันก่อน"

พวกเขาลุกขึ้นยืนและเดินไปพร้อมกัน "ด้วยความสงสัย" เขาเอ่ย "คุณดูหนังเรื่องไหนบนแล็ปท็อป"

“โอ้ ไม่ได้ดูเลย ฉันคิดว่ามันคงจะสนุกกว่าถ้าได้ดูมันบนจอใหญ่"

พีท หัวเราะ "อัลลี ผมคิดว่านี่จะต้องเป็นจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่งดงาม"

อัลลี เลิกคิ้ว "ฟังดูเหมือนคุณหยิบเอาประโยคในหนังมาพูด" เธอสงสัย "แต่ฉันไม่รู้ว่ามาจากเรื่องไหน"

“คุณมีหนังที่ต้องดูอีกเยอะเลย" เขากล่าว

"เรามีทุกสิ่งที่ต้องทำต่างหาก" เธอตอบ
.
.
.
จบบริบูรณ์


Create Date : 21 มิถุนายน 2554
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 21:21:57 น. 5 comments
Counter : 583 Pageviews.

 
Standing Ovation 10 นาทีเต็ม

สนุกมากครับ ขอบคุณที่แปลให้อ่าน ชอบมากจริงๆ


โดย: แฟนผมฯ IP: 49.48.50.48 วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:22:12:40 น.  

 
ขอบคุณมากครับ ดีใจจริงๆที่อ่านจนจบ


โดย: BloodyMonday วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:22:19:59 น.  

 

ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านนะ :)
อยากให้มีโลกคู่ขนานโผล่มาจริงๆ เลยเนี่ย หนังหลายเรื่องในโลกนางเอกน่าสนใจมากอ่ะ


โดย: iSis_OsiRis IP: 174.69.6.160 วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:40:43 น.  

 

เข้ามาค่อยๆอ่านจนจบเหมือนกันค่ะ

มี sub ไทย เข้าใจง่าย


ไอเดียดีจัง
ละครไทยก็มีประมาณแบบนี้
กำลังฉายอยู่เลย..ช่อง 7สี มีทุกวันตอน 6 โมงเย็น
น้องแตงโม แฟนเก่าไฮโซ เล่นเป็นนางเอก
"เจ้าหญิงหลงยุค"



แต่ทั้งหมดทั้งปวงชอบตรงนี้

“โอ้ ไม่ได้ดูเลย ฉันคิดว่ามันคงจะสนุกกว่าถ้าได้ดูมันบนจอใหญ่"



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:22:13 น.  

 
Dell XPS 14z review
Dell XPS 14z

Alienware M14x review
Alienware M14x

Lenovo U400 review
Lenovo U400

ASUS UX31 review
ASUS UX31

ASUS UX21E review
ASUS UX21E

Asus U56E-BBL6 review
Asus U56E-BBL6

Jadpai
WordPress Theme


โดย: bird_cpe วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:41:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.