Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
11 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 18 ลางสังหรณ์

อดทนอีกนิดนะคนดี ผมจะอยู่ใกล้ๆ ไม่ไปไหน ผมสัญญา..


เสียงทุ้มหนาพร่ำบอกครั้งแล้วครั้งเล่า มันดังก้องอยู่ในโสตสัมผัส เพียงเสียงกระซิบที่ดังแว่วอยู่ข้างหูก็ตราตรึงไปถึงหัวใจ รู้สึกได้ถึงมือที่สัมผัสอยู่ที่ศีรษะ มันขยี้ผมของผมเบาๆราวกับสัมผัสจากปุยนุ่นนุ่มนิ่ม ไม่นานมันก็ไล้เรื่อยลงมาที่แก้มซ้าย แตะเบาๆเหมือนจะลองหยั่งเชิงและค่อยๆเปลี่ยนเป็นโอบเต็มๆมือ เนื้อแก้มวูบไหวไปมาคล้ายกับเจ้าของมือกำลังใช้นิ้วเกลี่ยวนๆ ความรู้สึกอบอุ่นหล่อหลอมอยู่เต็มหัวใจเหมือนกับช่วงเวลาที่เรากำลังมีความสุข หากแต่เป็นเพราะมันเป็นเพียงความฝันอันน่าจดจำเท่านั้นจึงไม่อาจเป็นจริงได้ เพียงคิดแค่นั้นหยาดหยดของน้ำตาก็เอ่อออกมาจนคลอเบ้า ยิ่งได้รับสัมผัสที่ทำให้เป็นสุขเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับความรู้สึกเจ็บปวดได้เท่าๆกัน รู้สึกถึงแก้มของตัวเองที่เปียกชื้นเป็นทางยาวตามทางของน้ำตา ก่อนที่มันจะค่อยๆแห้งเหือดด้วยมือข้างเดิมที่เช็ดมันออกให้อย่างอ่อนโยน

ไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้ว่าแท้จริงแล้วมันไม่มีอะไรยืนอยู่ตรงหน้าเลยนอกจากพื้นที่ว่างเปล่า

มือแข็งแกร่งที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่แตะต้องก็ยังจำได้ว่าเจ้าของคือใคร เพียงแค่คิดถึงใบหน้าของคนที่ถวิลหาก็ไม่กล้าที่จะลืมตาขึ้นมอง เพราะหากลืมตาแล้วพบว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันอันเกิดจากมโนภาพที่สร้างขึ้นเองมันก็คงจะไม่หลงเหลือซึ่งความรู้สึกใดๆนอกจากความเสียใจ

เสียใจเหมือนกับทุกๆวัน..

ผมลืมตาขึ้นเพื่อตื่นจากการหลับใหลไปได้พักใหญ่ รู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อยจากการได้พักอย่างเต็มอิ่ม ห้องสีขาวว่างเปล่าไม่มีอะไรน่าสนใจซักนิด จะมีก็แต่กลิ่นสะอาดๆปนกับกลิ่นยาในบางครั้งที่มีคุณหมอชุดสีขาวหรือนางพยาบาลในชุดสีเดียวกันเปิดประตูเข้าออกเพื่อเข้ามาตรวจเช็คร่างกายตามปกติ

วันนี้ยังไม่มีใครมาเพราะยังเช้าอยู่ แม่และพี่ๆมีงานทำบุญใกล้ๆบ้านทำให้มาไม่ได้ บอกแต่เพียงว่าจะไปทำบุญแล้วขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองผม เพียงนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มชโลมราศีของความเอื้ออารีของแม่ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ พี่ตุ่มกับพี่เจ๋งก็อีกคน คู่หูคู่ฮา นี่ผมไม่ได้เห็นพวกเค้ากี่วันแล้วนะ หลายๆวันที่ผ่านมาก็เจอแต่หน้าของพี่นิคตลอดเวลา นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แม่และพี่ๆไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเท่าไหร่เพราะพี่นิคบอกเอาไว้ว่าขอให้เค้าได้ดูแลผมเพื่อชดเชยที่ปล่อยให้ผมถูกทำร้าย ลมหายใจปล่อยออกมาทางปากโดยที่ผมแทบจะไม่รู้ตัว ทำไมกันพอนึกถึงชายผิวขาวตัวสูงคนนั้นก็ทำให้ผมต้องถึงกับถอนหายใจออกมาแบบนี้ ยังดีที่เพื่อนๆพี่ๆที่วิภารามก็ผลัดกันมาหาอยู่เรื่อยๆทำให้ผมไม่เหงา แต่วันนี้ดูทุกคนจะติดธุระกันหมด พี่นิคเองก็บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่าวันนี้ต้องไปดูที่ที่ต่างจังหวัด ก็ที่ที่ผมเคยไปดูด้วยกันนั่นแหละ สงสัยว่าจะมีปัญหาอะไรซักอย่าง..

หืม..

รู้สึกแปลกๆ

มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นที่หน้าประตูรึเปล่า หรืออาจะจะมีใครกำลังจะเข้ามา หรือจะเป็นพี่นิค..ผมพลิกตัวหันนอนคะแคงไปอีกด้าน หันหลังให้กับประตูสีขาวที่มีช่องกระจกใสสี่เหลี่ยมให้มองเข้ามาเห็นภายในห้องได้ หลับตาลงผ่อนคลายกับเรื่องราวต่างๆที่เอาแต่คิดมาก พยายามไม่คิดอะไรอีกต่อไป จะพยายามนิ่งเฉย ทุกอย่างมันอาจจะดีขึ้นถ้าผมหยุดที่จะคิดถึงเขา ในเมื่อรู้ดีว่าเค้าคนนั้นไม่ได้คิดถึงผมเลยแม้ซักห้วงนาที หากปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายนึกถึงอยู่ฝ่ายเดียวก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากจะเจ็บเสียเอง


ปล่อยเวลาผ่านไปซักพักก็ยังไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาในห้อง แต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ เคยได้ยินว่าเราจะรู้สึกได้หากมีใครกำลังมองเราอยู่ ตอนนี้ผมกำลังเกิดความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกับกำลังถูกจับจ้องจากใครซักคน ผมหันหลังกลับไปมองที่ประตูหน้าห้องอีกครั้งทว่ามันก็พบเพียงความว่างเปล่า จะทำอะไรได้นอกจากล้มตัวลงไปนอนเหมือนเดิม

เสี้ยววินาทีที่มีอะไรบางอย่างวูบไหวอยู่ที่หน้าประตู ผมไม่เห็นประตูโดยตรงเพราะเตียงมันเยื้องเข้ามาอีก ถ้าเดินจากประตูตรงเข้ามาก็จะอยู่ที่ปลายเตียงของผมพอดี แต่ที่ผมเห็นมันเป็นเงาส่องมา เงาที่บดบังแสงจากไฟนอกห้อง มันทำให้รู้ได้ว่ามีใครซักคนยืนอยู่แถวๆนั้น อาจจะเป็นใครที่เดินไปเดินมา หรือไม่ก็กำลังจะเปิดประตูก้าวเข้ามาแต่ก็เปลี่ยนใจ

ผมเห็น!

ผมเห็นเค้า..

ผู้ชายคนหนึ่งเดินไปมาอยู่ตรงหน้าห้อง ผมเห็นหลังจากที่ผมก้าวลงจากเตียงอย่างทุลักทุเลเพราะต้องลากเอาเสาน้ำเกลือตามมาด้วย ผมพุ่งตรงไปที่ประตูแต่ว่าเค้าหันมาเห็นพอดีก็เลยรีบพาตัวเองเดินเร็วๆหนีออกไป ประตูถูกคว้าเปิดออกทำให้ผมเห็นหลังของเค้าที่กำลังสาวเท้าเร็วๆไปตามทางเดิน


“พี!!!”


ร่างสูงที่อยู่ไกลๆนั้นดูเพียงข้างหลังก็รู้ว่าคือเค้า เค้าจริงๆด้วย ผมพยุงร่างตัวเองเดินตามเค้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ มืออีกข้างลากเอาเสาน้ำเกลือไปด้วย และอีกข้างจับเอาไว้ที่แผลที่ถูกยิงบริเวณสีข้าง


“พี!!”


เค้าไม่หันมามองเลยซักนิด ใช่เค้า ผมจำเค้าได้ เริ่มรู้สึกจุกที่ท้องเพราะรอยแผลที่อยู่ใกล้ๆกันเริ่มมีอาการแปลกๆ นึกว่าจะหายดีแล้วแท้ๆแต่พอเอามือขึ้นมาดูกลับพบว่ามีเลือดซึมออกมาจากเสื้อจนมันแดงฉานเต็มมือ ความเจ็บแสบทั้งทางกายและใจทำให้ผมเริ่มน้ำตาคลอเบ้า ทำแบบนี้ทำไม ไม่สนใจแล้วมาแอบดูผมทำไม

ผมหันไปดึงสายน้ำเกลือที่น่ารำคาญออกจนเลือดสาดออกมาจากรอยเข็มที่ข้อมือเล็กน้อย มืออีกข้างยังคงปิดอยู่ที่แผลเพื่อไม่ให้เลือดมันออกมามากกว่านี้ น้ำตาเริ่มไหลออกมาเป็นทางเมื่อตะโกนเรียกเท่าไหร่คนที่เดินอยู่ไกลๆก็ไม่หันมา ถ้าไม่เป็นห่วงเป็นใยก็อย่าทำแบบนี้ อย่ามาแอบดูให้ผมหลงเข้าข้างตัวเองแบบนี้


“พี!! อึก..” ผมปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆจนเลือดที่เปื้อนมืออยู่มันเปื้อนหน้าผมไปด้วย ความอ่อนแรงบวกกับความไม่ระวังทำให้ผมสะดุดขาตัวเองล้มลงไม่เป็นท่า ได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นพร้อมกับตะโกนเรียกจนสุดเสียง


อึก..อือออ


เจ็บ..เจ็บไปหมด ตรงแผลก็เจ็บ ตรงข้อมือที่ดึงสายน้ำเกลือก็เจ็บ แล้วยังท่าทีเมินเฉยของเค้าที่ทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่า

ผมก้มหน้ามองที่ข้อมือที่เป็นรอยฉีกด้วยฝีมือของตัวเอง ฝ่ามืออีกข้างมีเลือดสีแดงเข้มเต็มไปหมด แผลที่ถูกยิงมีน้ำสีเดียวกันทะลักออกมาจนผ้าสีขาวด้านในที่ปิดแผลเอาไว้เปียกชุ่ม ได้แต่ปล่อยโฮสะอื้นออกมาเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างประเดประดังเข้ามาทำให้เจ็บทั้งกายและใจ

“ก้อง!..ก้อง”

ผมเงยหน้ามองเสียงเรียกที่คุ้นเคย พีวิ่งเข้ามา นั่งลงและจับมือผมทั้งสองข้างไปดู ผมได้แต่สะอื้นออกมาอย่างหยุดไม่ได้ สองมือผลักเค้าอย่างเต็มกำลังแต่ก็ไม่เป็นผล ทั้งทุบทั้งตีแผ่นอกหนานั่นรัวๆให้เค้าออกไปไกลๆด้วยความรู้สึกปวดร้าว

“ออกไป! ออกไปเลย! อย่ามายุ่ง! อึก..อืออ”

“ก้อง ใจเย็น หยุด..เลือดไหลหมดแล้วเห็นมั้ย” เค้าเปิดเสื้อดูที่แผลของผม มันชุ่มไปด้วยเลือด ผมได้แต่ร้องไห้ออกมาจนแทบหมดแรง

“คุณมาทำไม..”

“ผมถามว่าคุณมาทำไม!!!” ผมตะโกนจนสุดเสียงเมื่อเค้าไม่ยอมตอบ มือที่เต็มไปด้วยเลือดกระชากคอเสื้อเค้าเขย่าไปมา

“คุณทำแบบนี้ทำไม ทำแบบนี้ทำไม ไม่สนใจแล้วมาแอบดูผมทำไม อืออ” และแล้วน้ำตาของผมก็ไหลออกมาอีกจนได้ ผมปล่อยสะอื้นซ้ำซาก ร้องไห้ออกมาจนตัวสั่นไปหมดเมื่ออารมณ์ความเสียใจมันรุมเร้าจนผมหยุดตัวเองไม่ให้ฟูมฟายไม่ได้

มืออุ่นๆที่ผมคุ้นเคยยกขึ้นโอบที่แก้ม สัมผัสเดียวกับตอนที่ผมฝันเมื่อเช้า นิ้วแข็งแรงลูบไล้ไปมาเช็ดน้ำตาของผมออกให้อย่างอ่อนโยน แรงสัมผัสที่ทะนุถนอม แรงสัมผัสที่ผมคิดถึงและคิดว่าจะไม่ได้รับมันอีกแล้ว หากแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมควรจะดีใจหรือเสียใจที่ผมได้รับมันอีกครั้ง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาตอบรับกับมือใหญ่ที่ประคองหน้าผมเอาไว้

“ขอโทษนะ อดทนอีกนิด ไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง..นะครับคนดี ”

“หมายความว่ายังไง อึก” ผมที่เริ่มสงบลงได้ถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ สัมผัสนุ่มนวลที่แก้มละออกพอดีกับที่คนชุดขาวเกือบสิบคนวิ่งกันตรงมาที่ผม

ความสงสัยไม่ถูกอธิบายให้กระจ่าง พีรวิชญ์ยิ้มให้จางๆก่อนจะช้อนตัวผมขึ้นแล้ววางผมลงบนเตียงที่มาพร้อมกับกลุ่มคนชุดขาว นิ้วหัวแม่มือเช็ดที่ขอบตาเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อซับน้ำตาและขายาวๆนั่นก็ก้าวพาตัวเองเดินจากไปยังทางเก่า ทิ้งเอาไว้ให้ผมอยู่กับเสียงพูดอื้ออึงรอบตัวที่ดังเข้าหูแล้วก็ผ่านออกไปโดยที่ผมไม่ได้สนใจ

“ถ้าแผลฉีกขาดลึกกว่าเก่าต้องมีการเย็บใหม่ ต้องเพิ่มวันในการนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล”

“พาคนไข้เข้าห้องก่อน”

น้ำตาที่ค่อยๆแห้งเหือดคงจะคล้ายกับคำตอบที่ไม่ได้มาแต่กลับจางหายและละลายลึกลงไปปะปนกับความสงสัย ไม่เข้าใจในสิ่งที่พีรวิชญ์พูดเลยซักนิด


“เกิดอะไรขึ้นก้อง ทำไมแผลถึงฉีกขาด” พี่นิคคาดคั้นถามทันทีที่รู้เรื่อง โชคที่ที่ไม่ได้มีใครพูดถึงเรื่องวันนั้นถึงการมาของพี ไม่อย่างนั้นไม่ต้องคิดเลยว่าพี่นิคจะต้องทำยังไง อาจจะตามไปอาละวาด หรืออาจจะเสียสละเวลามานั่งเฝ้าผมทุกวันและทุกเวลายิ่งกว่าเก่า

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ก้องแค่พลิกตัวแรงไปหน่อย” ผมตอบออกมาเพื่อให้เรื่องมันจบๆไป แต่ดูแล้วคนถามจะยังไม่พอใจกับคำตอบ แววตาระแวงจนเห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ “พลิกตัวแรง เป็นไปได้เหรอ บอกพี่มาตรงๆดีกว่า มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่พี่ไม่อยู่รึเปล่า หืม..”

มือใหญ่กุมมือผมเอาไว้อย่างแผ่วเบา ผมยิ้มจางๆ “ไม่มีอะไรจริงๆครับพี่นิค”


วันเวลาผ่านไปด้วยบรรยากาศเดิมๆ เมื่อวันที่ผมรอคอยมาถึง แม่และพี่ๆพากันมารับผมกลับบ้านอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขราวกับว่าได้คลายกังวลทำให้ผมยิ้มตามด้วยความสบายใจ จริงสิ คนที่รักและเป็นห่วงผมมากที่สุดจะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่แม่ของผมคนนี้

“แหม..พี่ล่ะใจหายใจคว่ำ ช่วงระหว่างที่น้องก้องอยู่ที่โรง’บาลเนี่ยป้าฟองนะอาละวาดบ้านแตกแทบทุกวัน บางวันก็นั่งเศร้าซึม หงุดหงิดนู่นนี่ กังวลไปสารพัด จะมีก็คนเดียวนั่นแหละที่ทำให้อารมณ์เย็นขึ้นหน่อยก็น้องพีนั่นล่ะ”

ชื่อที่ถูกกล่าวถึงทำให้ผมนิ่งไป เรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นกับประโยคที่เค้าทิ้งเอาไว้ยังคงไม่กระจ่าง ผมยังคงไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้

“ช่ายยย ดีนะที่อิเจ๊ไม่ตกมัน ไม่งั้นล่ะบ้านแตกกว่าเดิมแน่เนอะเจ๊เนอะ อู่ยยย” เสียงสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเด็กหนุ่มผิวเข้มหันไปเห็นสีหน้าขมึงราวกับจะกลืนกินด้วยความโมโหที่เจ้าน้องตัวดีพูดจาหาเรื่อง

“ชั้นไม่ใช่ช้างนะไอ้เจ๋ง!!”

“เอาล่ะๆ เถียงกันเป็นเด็กๆสองคนนี้ ”แม่หันไปดุพี่ทั้งสองก่อนจะหันมาทางผม มือที่มีริ้วรอยทว่าแสนจะอบอุ่นประคองที่แก้มของผมอย่างนุ่มนวล “ก้องไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก กลับบ้านกันนะ แม่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”

“จ่ะแม่” ผมยิ้มตอบกอดและโผเข้าสู้อ้อมอกอันแสนอ่อนโยนที่คิดถึง คนที่รักและจริงใจกับเรายิ่งกว่าใคร คนที่ไม่เคยทำให้เสียใจไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น




พี่นิคพาผมและทุกคนกลับมาที่บ้าน นั่งทานอาหารว่างยามบ่ายด้วยกันซักพักก็กลับไป บรรยากาศในบ้านยังเป็นเหมือนเดิม จะต่างกันก็แค่..

“อุ๊ยตายจริง น้องพีลืมนาฬิกาข้อมือเอาไว้อีกแล้ว” เสียงใหญ่ที่ดัดให้แหลมของกระเทยตัวโตอุทานขึ้น

“ชั้นเห็นตั้งแต่สองวันก่อนแล้วเจ๊ ตาถั่วรึไง” เสียงพี่เจ๋งตามมา จากนั้นก็ตามด้วยเสียงแว้ดๆของพี่ตุ่มเป็นการเปิดฉากทะเลาะกันอีกเหมือนในทุกๆวัน

“พ่อพีนี่ยังไง มาทีไรก็ลืม สงสัยจะวางทิ้งไว้ตอนที่เข้าห้องน้ำไปล้างมือ” แม่ส่ายหัวยิ้มจางๆ หยิบนาฬิกาสีเงินเรือนราคาหลักหมื่นขึ้นดูแล้ววางลงไว้ที่เดิม

“พีมาที่นี่บ่อยเหรอจ๊ะแม่” ผมถามขึ้นหลังจากที่ตัดสินใจอยู่นาน ไม่ทันได้เดากับคำตอบที่จะได้รับ เสียงแหลมๆก็ดังขึ้น “โอ๊ยยย ก็มาเรื่อยๆนั่นแล่ะน้องก้อง แต่ไม่บ่อยเท่าเมื่อก่อนเพราะเรื่องบางอย่าง”

เรื่องบางอย่างที่ว่า..จะเป็นเรื่องอะไรไปได้ถ้าไม่ใช่เรื่องของคุณไอริน ในเมื่ออะไรๆมันไม่เหมือนเดิม ผู้หญิงที่ไหนจะปล่อยให้คนรักมาเยี่ยมมาเยือนครอบครัวของแฟนเก่าได้ทุกวี่ทุกวัน

“ก้องมานี่มาลูกมา” แม่ตบที่เบาะข้างๆตัวเบาๆ ผมขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆตามที่แม่บอก

“เรื่องนี้แหละที่แม่บอกว่าจะเล่า”




“ที่ผมเลือกที่นี่เพราะเป็นที่ที่คนร้ายจะนึกไม่ถึง ผมขอให้แม่ฟองเก็บของพวกนี้เอาไว้ให้ดีนะครับ ห้ามทำมันหายเด็ดขาด ของพวกนี้จะเป็นหลักฐานช่วยให้จับตัวคนที่ทำร้ายก้องได้ ก้องจะปลอดภัยเมื่อเรามีหลักฐานเพียงพอที่จะนำคนๆนั้นมาดำเนินคดี คนที่ทำความผิดก็ต้องได้รับการชดใช้ครับแม่”


“แม่ไม่สบายใจเลย แม่นึกว่าเป็นเรื่องบังเอิญเสียอีกที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับก้อง ยังไงแม่ฝากน้องด้วยนะลูกนะ” ถ้อยคำอ่อนหวานพรั่งพรูออกมาช้าๆ ตามลักษณะของหญิงผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารี มื้อกร้านจากการทำงานหนักและมีริ้วรอยเหี่ยวย่นอันเกิดจากการชราภาพของอายุเอื้อมแตะที่ชายหนุ่มผู้มีฐานะลูกเขย แววตากังวลอันเกิดจากความห่วงใยในตัวลูกชายดูยังไงก็ปกปิดไม่มิด ทั้งหมดทั้งหมดส่งต่อถึงชายหนุ่มผู้ถูกฝากฝัง นึกเห็นใจในตัวของผู้เป็นดังแม่ยายไม่ต่างจากคนสองคนที่นั่งฟังเรื่องราวต่างๆอยู่เคียงข้าง

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับแม่ฟอง ตอนนี้ก้องปลอดภัยแล้ว และถึงยังไงผมก็ไม่มีวันยอมให้ใครมารังแกก้องได้อีกแน่ๆ แค่ที่ผมพลาดไปทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมันก็ทำให้ผมรู้สึกผิดจะแย่ ผมนี่มันไม่เอาไหนเลยใช่มั้ยครับที่เรื่องแค่นี้ก็ดูแลก้องให้ดีกว่านี้ไม่ได้ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ”

สองมือแข็งแรงประนมกันพร้อมทั้งโน้มตัวก้มลงกราบแทบตักของหญิงวัยหกสิบผู้เป็นมารดาของคนรักด้วยความรู้สึกผิดอย่างใจจริง ความผิดครั้งนี้ยากนักที่ชายหนุ่มจะลืมเลือนลงได้ หากเพียงวันนั้นเค้าฉุกคิดเร็วกว่านั้นซักนิด ไปหาก้องเร็วกว่านั้น หรืออย่างน้อยก็ดูแลควบคุมไอรินให้ดีกว่านี้ก้องก็คงจะไม่ตกอยู่ในอันตราย ไม่ต้องถูกยิงจนต้องนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนอย่างตอนนี้ แม่ฟองยิ้มน้อยๆด้วยความเอ็นดู เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพีรวิชญ์ มันคือเรื่องที่เกิดเหนือความคาดหมายต่างหาก ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นนอกจากตัวคนกระทำ หญิงชราผู้ใจดีรู้ดีว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น มือคู่เดิมที่แสนอบอุ่นลูบแก้มของคนรักของลูกชายแสดงความไม่ถือสา ไม่ถือโทษโกรธเลยซักนิด

“ไม่ใช่ความผิดของน้องพีซักหน่อยค่ะ คนอะไร ใจไม้ไส้ระกำ ขี้เหร่ก็ขี้เหร่ยังจะใจจืดใจดำอีก อย่าให้มาเจอหน้านะ กระเทยจะตบชะนีให้หนำใจเลย”

สาวประเภทสองร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวพูดขึ้นด้วยท่าทีขึงขัง สีหน้าแค้นเคือง

“โอ๊ยยยย ว่าเค้าขี้เหร่ ยังไงเค้าก็สวยกว่าเจ๊เยอะอ่ะ”

“ไอ้เจ๋ง!! เคยโดนกระเทยถีบมั้ยฮะ ! ” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ยกขาอวบอั๋นขึ้นสูง

“เคยจนชินชาแล้วไม่รู้รึไง” เด็กหนุ่มทำปากบ่นอุบอิบพร้อมกับเกาหัวไปมา

“ไม่ใช่ความผิดของพีหรอกลูก แม่ต้องขอบใจเสียอีกที่ไปช่วยก้องเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นไม่รู้เลยจริงๆว่าก้องจะเป็นยังไงบ้าง” รอยยิ้มอ่อนๆทำให้พีรวิชญ์ยิ้มตอบด้วยความรู้สึกอบอุ่น

“ผมเต็มใจครับ”

ทุกคนคือครอบครัว ครอบครัวที่เค้าผู้มีทั้งเงินทอง รถหรูๆ คอนโดราคาแพง รวมไปถึงทุกสิ่งที่อย่างที่อยากได้ เว้นก็แต่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่ายังไงเค้าก็ไม่มีทางได้มันมาไว้ในครอบครอง ไม่มีทางไว้ให้หัวใจด้วงน้อยได้มีที่พักพิง นั่นก็คือครอบครัว และตอนนี้เค้าก็ได้มันมาแล้ว ได้มีคนให้รู้สึกเป็นห่วง มีคนให้คอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ มีคนให้ไปเยี่ยมเยือน กลับกันเค้าเองก็ได้ความรักตอบกลับมา มีคนคอยเป็นห่วง มีคนคอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ มีคนมารักและเป็นห่วงเป็นใย และทุกสิ่งทุกอย่างเหล่านี้ เค้าได้มันมาเพราะก้องบดินทร์..


ผมนิ่งไปเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากแม่ หัวใจพลันกระตุกวูบเมื่อได้รับรู้ถึงสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน เพียงแค่กลัวว่าผมจะตกอยู่ในอันตรายเราจึงต้องห่างกันแบบนี้ หากเค้าบอกผมก่อนซักนิด หากผมรู้ ผมจะไม่ทำตัวคิดมากบ้าบอให้ทุกคนต้องไม่สบายใจแบบนี้เลย ตอนนี้ชักอยากจะเห็นหน้าเค้าขึ้นมาจริงๆแล้วสิ..

ทุกๆอย่างที่พีทำก็เพื่อผม ผมเผลอยิ้มออกมาเมื่อได้รู้ความจริงว่าจริงๆแล้วพีไม่ได้หนีหายไปจากผมเลย เค้าอยู่ใกล้ๆ คอยเป็นห่วงเป็นใยผมอยู่ตลอดเวลา ทำแม้กระทั่งเอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับตัวคนร้าย แล้วสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมอึ้งไปก็คือการที่ได้รู้ว่าคนที่คิดจะทำร้ายผมก็คือ..คุณไอริน..

“งั้นตอนนี้พีก็อยู่กับคุณไอรินงั้นเหรอจ๊ะแม่”

“ใช่ค่ะน้องก้อง นังนี่มันร้ายนะคะ ไม่นึกเลยจริงๆว่าจะทำกันได้ถึงขนาดนี้” พี่ตุ่มตอบแทนด้วยสีหน้าเคียดแค้น มืออวบๆทุบลงกับโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆด้วยความโมโห

เสียงบุคคลที่ก้าวเข้ามาในบ้านทำให้ทุกคนหันไปมอง พี่นิคยิ้มน้อยๆก้มหัวเป็นการทักทายอีกครั้ง

“พอดีผมลืมโทรศัพท์เอาไว้น่ะครับ ขับไปเกือบจะถึงอยู่แล้วเพิ่งนึกขึ้นได้” พี่ตุ่มและพี่เจ๋งสอดส่ายสายตามองไปทั่วๆบ้านเพื่อหาโทรศัพท์ที่ว่า พี่นิคยิ้มกว้างเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาพร้อมกับอุปกรณ์สื่อสารเครื่องจิ๋ว

“อยู่นี่ครับ แห่ะๆ”

เห็นโทรศัพท์ก็นึกขึ้นได้ รู้สึกกังวลแปลกๆ พอดีกับลมที่พัดเข้ามาในบ้านอาจจะแรงเกินไป พี่ตุ่มและพี่เจ๋งเริ่มพากันเดินวุ่นไปปิดหน้าต่างรอบบ้านเหลือไว้เพียงช่องอันน้อยนิดพอให้อากาศได้ถ่ายเท กรอบรูปสีน้ำตาลขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยหล่นลงมาจากตู้ด้านหลังโซฟาที่ผมกับแม่นั่ง

เสียงกระจกแตกดังเพล้งทำให้ทุกคนสะดุ้ง หันไปมองที่ตัวต้นเสียง พี่เจ๋งเดินไปหยิบกรอบรูปที่คว่ำหน้านั้นขึ้นมาก็พบว่ากระจกมันแตกเกือบละเอียดจนเศษซากมันร่วงลงสู่พื้นเหลือไว้เพียงรูปที่ยังอยู่คากรอบไม้สีน้ำตาลเข้ม

“อูยยย”

“มีอะไรเหรอเจ๋ง” แม่หันไปถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำสีหน้างึกงักแปลกๆ สุดท้ายก็ค่อยๆพลิกรูปนั้นขึ้นให้ทุกคนดู

ผมได้แต่นิ่งอึ้ง หากรูปนั้นเป็นรูปที่ถ่ายวิวทิวทัศน์หรือรูปของทุกคนที่นี่ก็ยังพอเบาใจ อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังนั่งอยู่ด้วยกัน คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกไปจากความบังเอิญที่มาจากลมที่พัดแรงเกินไปเนื่องจากฝนที่เริ่มจะตั้งเค้า ทว่ารูปนั้นกลับเป็นบุคคลที่ผมกำลังเป็นห่วง รูปคู่ผมกับพี เรายืนอยู่ด้วยกันโดยมีฉากหลังเป็นชายหาดสีขาว เป็นรูปที่เราสองคนถ่ายเอาไว้เมื่อคราวที่ไประยองครั้งก่อน ไม่ใช่ภาพคู่ที่เราสองคนกำลังกอดกันกลมสวีทหวาน แต่เป็นรูปที่เรายืนเคียงข้างกัน หัวไหล่ที่ไล่ระดับความสูงต่างกันเล็กน้อยเบียดชิด พียิ้มกว้างคล้ายกับกำลังหัวเราะและผมเองที่ยืนเอียงคอยิ้มร่าจนมองแทบไม่เห็นตา ไล่สายตามองต่ำลงไปจากหัวไหล่นั่นคือสองมือที่เกาะเกี่ยวกันไว้และทิ้งลงข้างลำตัว บัดนี้รูปนั้นมันแตกละเอียด

แต่ที่มันแตกก็เป็นแค่กรอบ..ผมพยายามมองโลกในแง่ดี ยังไงซะมันก็เกิดจากแรงลมหาใช่ลางร้ายอะไรไม่ แต่กระนั้นอะไรบางอย่างก็ทำให้ผมไม่อาจวางใจได้ มือคว้าโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นพร้อมกดเบอร์ไปหาคนที่กำลังเป็นห่วง

ไม่เคยรู้สึกว่าเสียงรอสายมันนานขนาดนี้มาก่อน มีเพลงอะไรที่สามารถทำให้คนที่โทรรู้สึกว่ามันสั้นได้บ้างรึเปล่า หากมีผมจะให้พีใช้เพลงนั้นเพื่อการโทรครั้งต่อไปผมจะได้ไม่ต้องรอจนกังวลมากขนาดนี้ ครั้งแรกไม่มีการรับสายยิ่งส่งผลให้หัวใจรู้สึกเหมือนถูกบีบอัด ลางสังหรณ์ที่นึกไว้ไม่อยากจะให้มันมาแม่นอะไรเอาตอนนี้เลยจริงๆ ความรู้สึกว่าจะเกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นทำให้ขาเริ่มอยู่ไม่สุข ได้แต่เดินไปเดินมาจนรอบบ้าน

“โทรหาใครเหรอก้อง” นึกรำคาญเสียงของพี่นิคเอาดื้อๆ เวลานี้ผมควรจะทำอะไรดีนะ จะรอให้พีรับสายอยู่แบบนี้หรือ..

“ฮโหลครับ”

!!!

โล่งใจอย่างที่สุดเมื่อได้ยินเสียงจากคนปลายสาย ผมหันไปยิ้มกับทุกคนพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอกเพื่อบอกว่าพีรับโทรศัพท์แล้ว

“พ..” ตื้ด ตื้ด ตื้ด ...

ผมนิ่งไปอีกครั้งเมื่ออยู่ๆสายก็ตัดไปทั้งๆที่ผมยังไม่ได้พูดอะไรซักคำ ผมกดโทรไปอีกครั้งคราวนี้กลายเป็นติดต่อไม่ได้พร้อมกับให้ฝากข้อความเสียง เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมัวมานั่งคิด สิ่งเดียวที่นึกได้คือคว้ากระเป๋าสตางค์ขึ้นแล้วหันไปบอกกับทุกคนว่าผมจะไปหาพีที่คอนโดของไอริน

“พี่ไปด้วย” พี่นิครีบวิ่งตามผมออกมาแล้วชวนให้ผมไปรถของเค้า ผมไม่อิดออดเลยซักนิดเพราะมันไม่ใช่เวลา อีกทั้งอาจจะดีกว่าก็ได้ถ้าได้รถส่วนตัวพาไปยังจุดหมายที่คนขับเองก็รู้ทางเป็นอย่างดี

ตึกสูงนับสิบสวนทางกับรถยนต์คันสวยของพี่นิคไปอย่างรวดเร็ว ทว่ามันกลับยังคงช้าในความรู้สึกของคนที่รอจะไปถึงยังจุดหมาย ไม่ทันใจ รู้สึกว่ามันช้าเหลือเกิน..



หัวใจที่เต้นรัวอยู่นี่ไม่ใช่เพราะกำลังตื่นเต้นหรือมีความสุข หากแต่เป็นความรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่คอยอยู่ข้างหน้าซึ่งไม่รู้ว่ามันคืออะไร พระอาทิตย์กำลังจะหนีหายเข้าไปในกลีบเมฆสีเทาทะมึนที่ปกคลุมอยู่เต็มท้องฟ้าเป็นเหมือนสัญญาณให้รับรู้ว่าบางครั้งท้องฟ้าก็ไม่ได้สดใสและสว่างไสวอยู่ได้เสมอ อาจมีบางครั้งที่เส้นทางชีวิตจะมืดลง มันสลัวลางเหมือนกับฟ้าหม่นยามเมื่อฝนกำลังตั้งเค้า แต่หากมัวแต่มามองถึงสิ่งที่มืดมัวจนบดบังความหวังในใจก็คงจะรังแต่จะให้ชีวิตไม่มีความสุข เราควรจะมองไปถึงวันข้างหน้าว่าอย่างไรก็ตาม ไม่นานเมฆหมอกก็จะหลีกทางให้ดวงอาทิตย์ได้ปรากฏและส่งผลให้ท้องฟ้าสว่างสดใสอีกครั้ง

และผมก็จะรอวันนั้นไปพร้อมๆกับคุณ

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่ทิ้งกัน..



Create Date : 11 กันยายน 2554
Last Update : 11 กันยายน 2554 9:16:31 น. 5 comments
Counter : 412 Pageviews.

 
อ่านตอนน้องก้องวิ่งตามพี่พีแล้วสงสารอ่ะ ฮือออออ

ดีใจที่ตอนนี้น้องก้องเข้าใจทุกอย่างแล้ว ไม่อยากให้นอ้งก้องเข้าใจผิด เพราะที่พี่พีทำทุกอย่างก็เป็นเพราะรักน้องก้อง

แต่รำคาญไอ้คุณพี่นิคมากมาย น่ารำคาญยิ่งกว่าไอ้พี่นุติอีกนะเนี่ย

พี่ว่า ฟิคฟีทของน้องปอกะน้องเอสมีพัฒนาการขึ้นเยอะนะ ทั้งในเรื่องของการดำเนินเรื่อง เรื่องของความรู้่สึกตัวละคร และเรื่องภาษา คือมันดีขึ้นเยอะมากเมื่อเทียบกับตอนแรกๆที่อ่าน ชอบมากๆค่ะ

ใกล้จบแล้ว ก็ใจหาย เพราะว่าตามอ่านมานาน

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ


โดย: hunny (hunnylovelaruku ) วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:14:24:56 น.  

 
มิมีอะไรคอมเม้นท์ค่ะ บอกได้คำเดียวว่าสุดยอด


โดย: miyukik IP: 110.49.244.165, 82.145.211.79 วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:22:38:57 น.  

 
จะร้องไห้ตอนเเรก สงสารก้อง ตอนนี้คู่รักเข้าใจกันเเล้วค่อยยังชั่ว ตอนต่อไปตาเอสเเล้วสิ สู้ๆนะเอสซี่


โดย: แป้ง วารุณี IP: 58.9.41.173 วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:22:49:54 น.  

 
กรี๊ดดดดดด!!!!! มาจบตอนเอาดื้อๆให้ค้างคาต่อไปอีกนะเนี่ย ลุ้นจนตัวโก่งแว้วววววววว
คุณพีอย่าเป็นอะไรไปนะ ToT


โดย: Lookwha IP: 27.130.172.249 วันที่: 15 กันยายน 2554 เวลา:17:27:48 น.  

 
ว้าว !!! เรื่องราวเข้มข้น ระทึกใจ ไต่ระดับขึ้นทุกที จะเกิดอะไรกับคุณพี ของน้องก้องหรือเปล่านะ เครียดมากกกก ถึงมากที่สุดเลย ค่ะ writer มาต่อไวๆนะคะ เพราะสาวก กินไม่ได้ นอนไม่หลับเลย ^____^".


โดย: lek^lek. IP: 223.207.38.44 วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:4:55:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.