Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
25 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 2 ณ จุดเริ่มต้น..

มโนภาพนับสิบนับร้อยแย่งกันขึ้นมาแทรกแซงอยู่ในหัวของผม ภาพปลายเท้าของตัวผมเองที่เดินสาวอย่างเร่งรีบ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย ความรู้สึกบอกเพียงแค่ว่าตอนนั้นผมคงกำลังจะเดินหนีอะไรซักอย่างอยู่ พลันเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นตามหลังผมเป็นระยะๆ

“ก้อง กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเดินหนีผมแบบนี้” ผมหันไปมองตามเสียงเรียกแต่ก็ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าให้ช้าลง ตรงกันข้าม ผมกลับเร่งความเร็วขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนข้างหลังที่พยายามจะตามผมให้ทัน ท่าทีหัวเสียของผู้ชายคนนั้นทำให้ผมรู้สึกโมโหและน้อยใจ ผมรู้สึกโกรธ โกรธมาก จนสุดท้ายผมก็ชะลอฝีเท้าลงแล้วหันไปหาเค้า แต่ก็ยังก้าวถอยหลังเพื่อไม่ให้เค้าเข้ามาใกล้ผมได้ ผมตะโกนปฏิเสธออกไปจนสุดเสียง

“ไม่ ผมไม่กลับ ผมเกลียดคุณ คุณได้ยินมั้ยว่าผมเกลียดคุณ” คำพูดที่ผมรู้ตัวเองดีว่ามันขัดแย้งกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจของผม แต่ตอนนั้นผมโมโห เกินกว่าที่ยับยั้งอารมณ์โทสะเหล่านั้นได้ ผมก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ เค้าตะโกนห้ามไม่ให้ผมก้าวถอยไปทางนั้น จนกระทั่ง..

เสียงแตรรถที่ดังลั่นทำให้ผมเหลียวหันไปมอง เสียงเบรกที่ดังครูดไปกับพื้นถนนจนรถยนต์สีขาวที่วิ่งตรงมาที่ผมด้วยความเร็วเซไปมาเพราะพยายามบังคับให้รถหยุด เสี้ยววินาทีนั้นผมรู้สึกได้ว่าหัวใจของผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ ผมต้องตาย ผมต้องตายแน่ๆ ..

เสียงโลหะที่กระแทกกับตัวผมอย่างแรงทำให้ผมเผลอบีบเนื้ออุ่นๆ ของใครคนนึงแน่น เนื้ออุ่นๆที่มันวางอยู่ในมือของผมและเมื่อผมลืมตาขึ้นมาผมก็ได้พบว่าสิ่งที่ผมบีบเมื่อครู่นั่นก็คือมือของใครคนนึงที่กุมมือผมเอาไว้ และทำให้ผมรู้ว่า ภาพที่ผมเห็นเมื่อครู่นี้คือความฝัน..

ผมจ้องหน้าเจ้าของมือนั้นอยู่นาน นั่นเป็นเพราะผมรับรู้ว่าความทรงจำระหว่างผมกับเค้าคือศูนย์ ผมคิดทบทวนว่าผู้ชายที่หัวเราะร่าอย่างดีใจที่เห็นว่าผมตื่นขึ้นมาคนนี้คือใคร ถึงแม้ว่าทุกอย่างของเค้าจะทำให้ผมรู้สึกคุ้นเคยมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้อยู่ดี ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเค้าโน้มตัวลงมาจูบที่หน้าผากของผม

“ไม่เป็นไรแล้วนะก้อง ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะอยู่ใกล้ๆ คุณ คอยดูแลคุณเอง”

ในที่สุด ผมก็ต้องพูดคำที่ไม่อยากจะพูดออกมา
“เอ่อ....คุณเป็นใคร.....” ผมหยุดแล้วคิดทบทวนอีกครั้ง ก่อนที่สมองของผมจะสั่งให้ผมพูดต่อ

“ผม...จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคุณ”

ผมรู้ว่าการที่ถูกใครซักคนมาบอกเราว่าเค้าจำเราไม่ได้ มันรู้สึกแย่มากแค่ไหน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพยายามคิดทบทวนหาคำตอบว่าเค้าคนนี้คือใคร แต่สุดท้ายเมื่อผมรู้สึกว่าการพยายามนึกนั้นทำให้ผมรู้สึกยิ่งปวดหัว ผมจึงจำเป็นต้องถามออกไปตามตรงและบอกว่าผมจำเค้าไม่ได้ เค้าหน้าเสียไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาที่ดีใจในตอนแรกเปลี่ยนเป็นนิ่งค้าง เค้าขมวดคิ้วและอ้าปากกว้างเหมือนจะอึ้งๆ ไปกับความจำที่สูญหายของผม จริงๆ คนที่ควรจะรู้สึกแย่น่าจะเป็นผมมากกว่านะ ผมต่างหากคือคนที่จำอะไรไม่ได้เลย

ไม่นานนักก็มีคนเปิดประตูห้องเข้ามาหาผมอีกสี่ห้าคน ทุกคนอึ้งไปและพากันร้องไห้หลังจากที่รับรู้เรื่องความจำของผม แต่สุดท้ายแล้วก็ดูเหมือนว่าพวกเค้าทั้งหมดจะทำใจได้ ผมยิ้มให้พวกเค้าเมื่อรู้ว่าพวกเค้าคือแม่ และพี่สาวของผม การทะเลาะกันพอหอมปากหอมคอของพี่ตุ่มและพี่เจ๋งทำให้ผมที่จำใครไม่ได้ซักคนรู้สึกดีขึ้นมาก เสียงหัวเราะของพี่สาวและคนที่ผมต้องเรียกว่าแม่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น อย่างน้อยชีวิตใหม่นี้ก็ยังเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม คือมีครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น วูบหนึ่งผมเห็นพี่ตุ่มที่กำลังหัวเราะชะงักขำกะทันหัน ผมหันไปตามสายตาที่พี่ตุ่มมอง ก็พบว่าพี่ตุ่มมองที่ผู้ชายคนนั้นอยู่ แววตาสงสารของพี่ตุ่มทำให้ผมเอียงคอมองด้วยความสงสัย ผู้ชายคนนั้นยืนทำหน้าเศร้าเหมือนคนที่กำลังเจ็บปวด เค้าเป็นคนเดียวที่ผมยังไม่รู้ ว่าตกลงแล้วเค้าเป็นใคร แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่กระตุ้นต่อมอยากรู้ของผมเท่าไหร่ เพราะเชื่อมั้ยว่า ผมแอบรู้สึกไม่ค่อยชอบเค้าซักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะไม่ถูกชะตา หรืออะไรก็แล้วแต่..

ทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว ที่ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดนั่นก็คือ เค้าทิ้งผมให้อยู่กับผู้ชายคนนั้นสองคน

“ผมกับคุณ..เอ่อคุณพีรวิชญ์ คงจะสนิทกันมากใช่มั้ยครับ” ผมกลั้นใจถามออกไป ผมยอมรับก็ได้ว่าผมเองก็อยากรู้อยู่เหมือนกัน แต่นั่นเป็นเพราะผมความจำเสื่อม ไม่ผิดใช่มั้ยที่ผมควรจะได้รู้ทุกๆอย่างที่ผ่านมาของตัวผมเอง
เค้าเงียบไปซักพักจนผมนึกหงุดหงิด แต่แล้วเค้าก็ตอบมันออกมา

“ก้อง..ฟังผมนะ ผมกับคุณเป็น..” เสียงเคาะประตูเบาๆทำให้ผมหันไปมองถึงการมาเยือนของใครอีกคน ผู้ชายที่ชื่อพีรวิชญ์ยังพูดไม่ทันจบจึงต้องหยุดประโยคนั้นเอาไว้ก่อน

ผู้ชายตัวสูง ผิวขาวจัด แต่งตัวดี เดินยิ้มบางๆเข้ามา รอยยิ้มอบอุ่นนั่นทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ผมยิ้มตอบไปโดยไม่รู้ตัว ท่าทีแปลกๆของพีรวิชญ์ที่ลุกขึ้นแล้วเดินไปขวางเค้าเอาไว้เหมือนคนที่เป็นศัตรูกันยังไงยังงั้น ทำให้ผมเริ่มรู้สึกขุ่นเคือง
“เค้ารู้จักกับผมใช่มั้ยครับ” ผมถามคนที่พยายามขวางไม่ให้คนๆนั้นเข้ามา เค้านิ่งไปซักพักแล้วพยักหน้า สุดท้ายพี่ผู้ชายคนนั้นก็เบี่ยงตัวเดินเข้ามานั่งข้างๆ ผม ขยี้หัวของผม

“รู้จักสิ รู้จักดีเลยด้วย เห็นป้าฟองบอกว่าจำใครไม่ได้เลยนี่เรา” คำพูดที่ดูสนิทสนมเป็นกันเองทำให้ผมรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจ

“ครับ แล้วคุณ..”

“ก้องเรียกพี่ว่าพี่นิค”

“พี่นิค” ผมย้ำชื่อเค้าเบาๆ พยายามนึกชื่อนี้อีกครั้งแต่ก็เหมือนเดิม ผมจำไม่ได้

“ไม่ต้องคิดหรอกก้อง คิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิด เรามาเริ่มต้นกันใหม่ก็ได้นะ” พี่นิคยิ้มตาหยีใส่ผม

“หมายความว่ายังไง” ผมหันไปมองที่พีรวิชญ์ เมื่อเค้าพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูจะไม่พอใจ

“ก็หมายความอย่างที่ผมพูดนั่นแหละครับ อะไรที่ก้องเค้านึกไม่ออก เราก็ไม่ได้คิดจะเร่งรัด เราเริ่มต้นกันใหม่ได้”

ผมยิ้มให้กับคำตอบของพี่นิค เค้าดูจะเข้าใจผมเป็นอย่างดี ก่อนที่ผมจะรู้สึกไม่พอใจอีกครั้งเมื่ออยู่ๆเค้าอีกคนก็ถามพี่เค้าด้วยคำที่เสียมารยาท

“คุณมาที่นี่ทำไม”

“ผมมาเยี่ยมก้อง”

“หมดธุระแล้วก็กลับไปได้แล้วครับ”

มันจะมากเกินไปหน่อยรึเปล่าคุณพีรวิชญ์ เค้าไปทำอะไรให้คุณงั้นเหรอถึงต้องพูดจาไล่เค้าแบบนี้

“ทำไมคุณต้องพูดแบบนี้ล่ะครับคุณพี เค้ารู้จักกับผมไม่ใช่เหรอ ผมไม่รู้นะว่าคุณกับเค้าเคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ตอนนี้เค้าเป็นแขกของผม คุณอย่าเสียมารยาทได้มั้ย” ผมบอกกับเค้าอย่างนั้น ผมคิดแบบนั้นจริงๆ ผู้ชายที่ดูจะโผงผางก้าวร้าวคนนี้เค้าเป็นใครมาจากไหน ผมไม่ผิดใช่มั้ยที่พูดออกไปแบบนั้น
“ก้อง” เค้าครางชื่อผมออกมาเบาๆ สีหน้าแววตาผิดหวังเสียใจแบบนั้นทำไมผมจะรู้สึกไม่ได้ แต่ก็ยังไงล่ะ ก็เค้ามาเสียมารยาทกับแขกของผมก่อน แม่นะแม่ ทำไมจะต้องทิ้งให้เค้าอยู่กับผมแบบนี้ด้วยนะ

คนคนนี้ไม่เคยถูกรักไม่เคยซักที แค่อยากถูกรักให้ใจดวงนี้ ไม่อ้างว้างเดียวดาย~ ใครพอจะมีมั้ยรักดีๆหยิบยื่นให้ดีได้มั้ย~ ขอแค่พอหล่อเลี้ยงหัวใจ นิดนึง....

คนคนนี้ไม่เคยถูกรักไม่เคยซักที แค่อยากถูกรักให้ใจดวงนี้ ไม่อ้างว้างเดียวดาย~ ใครพอจะมีมั้ยรักดีๆ หยิบยื่นให้ทีได้มั้ย~ ขอแค่พอหล่อเลี้ยงหัวใจ นิดนึง...

คนคนนี้ไม่เคยถูกรักไม่เคยซักที..

เสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นเป็นรอบที่สามของเพลงทำให้ผมต้องหันไปถามกับเจ้าของโทรศัพท์ที่มัวแต่ยืนมองหน้าผมนิ่งอยู่อย่างนั้น

“โทรศัพท์คุณไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไม่รับล่ะ”

เค้าหันหน้าหนีผมไปเหมือนคนไม่สบอารมณ์ นั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกโมโห แค่ผมบอกให้รับโทรศัพท์แค่นี้ คุณต้องทำหน้าไม่พอใจแบบนี้ใส่ผมเลยงั้นเหรอคุณพีรวิชญ์

“สวัสดีครับ....” เค้าเงยหน้ามองมาที่ผมแล้วก็พูดต่อ

“ไอริน”

ไอริน...เป็นอีกชื่อนึงที่ทำให้ผมต้องพูดตามเบาๆหลังจากที่ได้ยินเค้าพูดออกมา ผมพยายามนึกมันอีกครั้ง อีกครั้งที่ผมต้องใช้สมองนึกทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผมจำไม่ได้ แต่แล้วมันก็เหมือนเดิม ความทรงจำเกี่ยวกับชื่อนี้ของผมคือศูนย์
ผมไม่รู้ว่าไอรินคือใคร แต่ชื่อนี้ก็ทำให้ผมเหม่อพอที่จะไม่ได้ยินเสียงเรียกของพี่นิค จนกระทั่งเค้าเรียกผมเสียงดัง และบอกว่าเค้าเรียกผมเป็นครั้งสี่แล้ว ผมถึงรู้ตัวว่าผมกำลังเหม่อ นั่นก็เพราะผมกำลังรู้สึกอึดอัด และไม่ชอบชื่อไอรินนั่นเท่าไหร่ พีรวิชญ์เอามือป้องปากที่จ่อกับโทรศัพท์เดินออกไปที่ระเบียงห้อง ผมรู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่บริเวณอกข้างซ้ายของผมมันทำงานหนักมากกว่าเดิม มันรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นจนกระตุก ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันคืออะไร ก็เลยได้แต่ถอนหายใจออกมา สงสัยผมคงจะเพลียมากเกินไป พี่นิคคงจะเห็นที่ผมถอนหายใจแรงๆ ก็เลยขอตัวกลับเพื่อปล่อยให้ผมได้พักผ่อน ผมระบายยิ้มกลับไปให้พี่เค้า พี่ชายที่ดูน่ารัก อบอุ่น และอ่อนโยน ไม่เหมือนผู้ชายคนนั้น..
แล้ว..แล้วทำไมผมต้องเอาไปเปรียบเทียบกับเค้าด้วย...

“มีความสุขล่ะสิ! ไอ้นั่นมาเยี่ยม” ประโยคที่พีรวิชญ์พูดด้วยการเหยียดยิ้มหลังจากที่เค้าเดินกลับเข้ามาในห้องแล้ว ทำให้ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

“อะไรของคุณ”

“คุณจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เหรอก้อง”

“คุณจำผมไม่ได้เลยจริงๆเหรอก้อง! บอกผม...ตอบผมมาสิว่าคุณลืมผมไปหมดแล้วงั้นเหรอ ตอบผมมาว่ามันไม่จริง ตอบผมว่าคุณไม่ได้ลืมผมจริงๆ!!”

ผมรู้สึกเจ็บที่อยู่ๆเค้าก็เข้ามาเขย่าที่หัวไหล่ทั้งสองข้างของผม คำถามที่คาดคั้นเอาคำตอบนั้นทำให้ผมโมโหจนถึงขีดสุด แรงบีบที่หัวไหล่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บจนเผลอทำสะอื้นออกมา รู้สึกเหมือนตัวเองมีน้ำใสๆออกมาคลอที่เบ้าตา นี่มันบ้าอะไรกัน คุณมาทำแบบนี้กับผมทำไม

“หยุดนะ ผมเจ็บ”

“ก้อง..” เค้ารีบปล่อยมือ และนั่งลงข้างๆ เลิกชายแขนเสื้อของผมขึ้น

“คุณจะทำอะไร”

“จะดูว่าแดงรึเปล่า ผมขอโทษนะ คุณเจ็บมากมั้ย”

“อย่ามายุ่งกับผม!” ผมกลั้นสะอื้นและสะบัดให้มือของเค้าหลุดจากต้นแขนของผม จากเดิมที่ผมรู้สึกไม่ชอบเค้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันยิ่งทำให้ผมเกลียดเค้ามากขึ้นไปอีก คนๆนี้เป็นใคร คุณพีรวิชญ์ ทำไมคุณต้องมาทำให้ผมเจ็บแบบนี้ด้วย

“ออกไป!” เค้ายังนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ยินที่ผมพูดใช่มั้ย นี่เค้าจะยืนดูผลงานของตัวเองรึไงว่ามันทำให้ผมเจ็บมากแค่ไหน คุณคงเกลียดผมมากเลยใช่มั้ยคุณพีรวิชญ์

“ผมบอกให้คุณออกไป!”
“ก้อง ผมขอดูแขนคุณหน่อยนะ”

“ผมบอกให้ออกไป!” ผมรีบพูดเมื่อเห็นว่าเค้าจะเดินเข้ามาใกล้ ถ้าไม่ได้จริงใจก็ไม่ต้องมาทำเป็นห่วง ตั้งแต่เมื่อกี๊แล้วที่พี่นิคมา ผมไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องขัดขวางไม่ให้เค้าเข้ามาหาผมด้วย คุณนี่มันใจร้ายมากเลยรู้มั้ยคุณพี...

ภาพสีดำเข้ามาแทนที่ภาพทุกๆอย่าง ผมพยายามลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงแรงเขย่าจากใครคนนึง ใครคนที่พยายามวิ่งตามผม เค้าทรุดตัวลงนั่ง ผมรับรู้ได้ว่าเค้าโอบผมเอาไว้แน่นมากแค่ไหน เสียงตะโกนขอโทษอย่างขาดสติเจือกับเสียงสะอื้นของเค้าทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด เค้าละล่ำละลักร้องให้คนช่วย ผมรู้สึกว่าปลายตาของผมมีสัมผัสชื้นๆ ก่อนที่ของเหลวที่ว่านั้นจะไหลลงมาจนผมรู้สึกเย็นที่แก้มของตัวเอง อาจเป็นเพราะน้ำตาของผมทำให้ตอนนี้ผมมองเห็นหน้าเค้าไม่ชัดแล้ว แต่จากปลายหางตาของผมก็ยังพอมองเห็นลางๆว่าตัวของเค้าเปรอะเลือด เลือดที่ออกมาจากหัวของผม มโนภาพต่างๆ ที่ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรเริ่มเข้ามาแทนที่ทุกอย่าง ภาพผู้หญิงสูงวัยที่ยิ้มหัวเราะกับผมที่นั่งอยู่ด้วยกันที่หน้าโทรทัศน์ ภาพหญิงสาวที่น่าจะอายุมากกว่าผมเล็กน้อยที่เข้ามาลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ภาพสาวประเภทสองร่างอวบอ้วนที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่กับพี่ผู้ชายตัวผอมๆที่ดูเหมือนน่าจะเป็นคู่กัดกัน รวมทั้ง..ภาพที่ผมแลกแหวนทองสีชมพูกับ..กับคนคนนี้ คนที่กำลังร้องไห้โอบผมเอาไว้...

ภาพที่ดูจะมีความสุขเหล่านั้นทำให้ผมยิ่งรู้สึกเจ็บปวด เสียงสัญญาณขอทางของรถพยาบาลดังขึ้นคือเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ทุกๆอย่างจะดับวูบลง..

ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองออกอย่างลวกๆเมื่อผมตื่นจากฝันนั่น อีกครั้งที่ผมฝันถึงมัน ภาพผมที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวด และน้ำตาของผมก็ไหลออกมาเองอย่างห้ามไม่ได้ ในฝันนั้นมีผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ชื่อพีรวิชญ์คนนั้นอยู่ในนั้นด้วย คนใจร้ายคนนั้นออกจากห้องไปตั้งแต่ตอนสายที่ผมไล่เค้าออกไปแล้ว ผมอยากอยู่คนเดียวสักพักเพื่อทบทวนอะไรหลายๆอย่าง และอยู่ๆ น้ำตาของผมมันก็ไหลออกมาเองจนผมต้อนเช็ดมันออกหลายครั้งหลายครา จนกระทั่งผมหลับไป ภาพความฝันเหล่านั้นที่เข้ามาแทนที่ไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น หากแต่มันเป็นฝันร้ายที่รังแต่จะทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นไปกว่าเดิม อีกครั้งกับการจบฝันร้ายนั้นแล้วผมก็ตื่นมาพร้อมๆ กับน้ำตา


ผมกวาดตามองห้องชุดห้องใหญ่ที่ผมรู้สึกคุ้นเคย แต่ความรู้สึกคุ้นเคยเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันยิ่งกลับทำให้ผมรู้สึกอึดอัด

‘ก้องกับพีแต่งงานกันแล้วนะลูก ก้องจะต้องไปอยู่กับพี่ที่คอนโด จะมาแยกกันอยู่อย่างที่ก้องขอน่ะมันไม่ได้หรอก คู่สมรสที่ไหนเค้าทำกันแบบนั้นบ้าง นอกจากจะหย่าร้างกันแล้ว’
‘แม่ก็ให้ก้องหย่ากับเค้าสิครับ’

‘ก้อง!’ พีรวิชญ์มองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ผมพูดผิดตรงไหน ก็ในเมื่อตอนนี้ผมกับเค้ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว แล้วเค้าจะมารั้งผมเอาไว้ทำไมอีก

‘ก้อง ถ้าก้องรักแม่ ก้องต้องเชื่อฟังแม่นะลูก ก้องต้องไปอยู่กับพี พีเค้ารักก้องมากนะ แล้วแม่ก็เชื่อว่าเค้าจะดูแลก้องเป็นอย่างดี’

คำพูดของแม่ช่างฟังดูง่ายดาย แต่แม่รู้มั้ยครับว่ามันยากสำหรับก้องมากแค่ไหน การที่จะต้องมาอยู่กับคนที่เราไม่ได้รักแล้ว ที่มากกว่านั้นคนๆนั้นยังเป็นคนที่ผมเกลียดขี้หน้าอีกต่างหาก ไม่ว่าอดีตผมกับเค้าจะลึกซึ้งถึงขั้นแต่งงานกันแล้ว แต่ตอนนี้ต่างหากคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ไอ้กระเป๋าบ้านี่ก็หนักจริงๆ ให้ตาย

“ผมยกให้” ผมกำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่ต้อง แต่พีรวิชญ์ก็แย่งกระเป๋าจากมือผมเอาไปวางไว้ใกล้ๆกับโซฟาสีเทาหน้าทีวีแล้ว ผมยืนดูเค้าจัดการกับกระเป๋าข้าวของของผมที่กลับมาจากโรงพยาบาล เค้าเปิดกระเป๋าออกแล้วหยิบเอาเสื้อของผมที่เปื้อนเลือดในวันที่ประสบอุบัติเหตุออกไปใส่ลงในตะกร้าสำหรับผ้าที่รอซัก บรรยากาศเงียบๆ ภายในห้องทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัด

ทำไมต้องเก็บซ่อนใจไว้อย่างนี้ ที่เราทำไม่ดียังไง~

เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ดีใจที่เห็นชื่อคนที่โทรมาเป็นเค้า มันคงจะดีกว่าการที่ต้องอยู่แบบเงียบๆ กับพีรวิชญ์ในบรรยากาศแบบนี้

“ครับพี่นิค”

“เพิ่งถึงห้องครับ” ผมลดโทรศัพท์ลงแล้วเดินเลี่ยงไปในครัว พี่นิคเป็นพี่ชายที่น่ารัก ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้คุยกับพี่เค้า อย่างน้อยก็ดีกว่าคุยกับคนอีกคนละกัน

“วันนี้เหรอครับพี่นิค คือก้อง.....คุณทำอะไรอ่ะ!”

ผมโวยวายเมื่ออยู่ๆ เค้าก็มาเอาโทรศัพท์ของผมไปแถมยังกดวางหน้าตาเฉย นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะคุณพีรวิชญ์
“กลับมาไม่ทันไรก็โทรหากันเลยนะ ทำไม..อยู่นี่มันลำบากใจนักใช่ม๊ะ ถึงต้องให้อีกคนโทรมาส่งกำลังใจกันถึงที่ อยู่โรงบาลคุยกันทุกวันยังไม่พออีกรึไง!”

“คุณพีรวิชญ์ เอาโทรศัพท์ของผมคืนมา”

“ทำอะไรเกรงใจกันบ้างนะก้อง!” ผมยอมรับว่าผมตกใจเมื่ออยู่ๆเค้าก็เข้ามากระชากข้อศอกผมจนตัวผมเซเข้าไปใกล้ แต่นั่นมันยิ่งทำให้ผมโกรธ

“ผมทำอะไร คุณอย่าลืมนะว่าคุณกับผมมีชนักติดหลังก็คือใบสมรสอะไรนั่น นอกจากนั้นระหว่างผมกับคุณมันก็ไม่มีอะไรต่อกันอีกต่อไปแล้ว จะให้ผมพูดอีกซักกี่ครั้งคุณถึงจะเข้าใจ”

“นอกจากใบสมรสแล้วระหว่างเรามันก็ไม่มีอะไรต่อกันแล้วงั้นเหรอ ที่คุณพูดน่ะ หมายถึงแบบนี้ใช่มั้ย”

ผมตกใจมากเมื่อเค้ารวมเอวผมเข้าไปจนชิดตัว ตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นระรัวแน่นอนว่าผมเชื่อว่ามันต้องเป็นเพราะความโกรธ ลมหายใจที่ออกมาจากปลายจมูกของเค้ามันอยู่ใกล้กับใบหน้าของผมแค่คืบ สายตาของเค้าจ้องมาที่ผมอย่างเอาเรื่อง ทว่าผมไม่ยอมให้เค้าเป็นฝ่ายได้แกล้งผมฝ่ายเดียวหรอก ผมมองหน้าเค้ากลับอย่างเอาเรื่องเหมือนกัน

“ก้อง..” เสียงเรียกของเค้าแผ่วเบาจนเหมือนแทบจะขาดออกเป็นห้วงๆ ผมรู้สึกได้ถึงแววตาที่อ่อนลงของคนตรงหน้า แววตาเว้าวอนทำให้ผมรู้สึกถึงความผิดปกติของกล้ามเนื้อที่อกซ้ายของตัวเองอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่ผมได้ยินชื่อไอริน..

“คุณจะทำอะไร” ผมกลั้นใจถามออกไปเมื่อเค้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ และแขนเค้าก็ยังโอบผมแน่นขึ้นด้วย

ผมเอนตัวหนีเมื่อเค้ายังยื่นหน้าเข้ามาจนในที่สุดจมูกของเค้าก็มาแตะอยู่ที่จมูกของผม ผมจ้องลงไปในตาของเค้าเพื่อหาคำตอบว่าเค้าจะทำอะไรกันแน่ แต่แล้วเค้าก็ก้มลงมาอีกจนปากของเค้ากำลังจะเฉียดเข้ามา และเมื่อสติของผมกลับมา ผมก็ต้องรีบเบือนหน้าหลบ

เค้านิ่งไปซักพัก ผมได้ยินเสียงถอนหายใจจากเค้าก่อนที่เค้าจะปล่อยให้ผมออกจากการกอดรัด หัวใจที่มันเต้นรัวที่ผมคิดว่ามันมาจากความโกรธของผม ค่อยๆนิ่งสงบลงจนอยู่ในอัตราการเต้นที่เป็นปกติ..

“ผมจะไปอาบน้ำ” ผมบอกกับเค้าแล้วรีบพาตัวเองขึ้นไปบนห้องเพื่อหลบการเผชิญหน้า ประตูห้องน้ำถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ถึงผมจะบอกกับเค้าว่าผมจะอาบน้ำ แต่ผมก็ได้แต่ยืนพิงประตูอยู่อย่างนั้น ผมยกมือขึ้นมากำที่เสื้อแถวๆหน้าอกข้างซ้ายจนแน่น ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้หัวใจที่เหมือนจะสงบลงแล้วกลับเต้นขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ เค้ากำลังจะทำอะไร ถ้าผมไม่เบือนหน้าออก เค้าจะทำอะไรผม..


ผมเดินเช็ดหัวที่เปียกหมาดๆออกมานั่งที่มุมเตียง กวาดตามองรอบห้องที่มีเตียงอยู่เพียงหลังเดียว นี่คืนนี้ผมจะต้องนอนเตียงเดียวกันกับเค้าใช่มั้ยเนี่ย ไม่สิ ต้องบอกว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทุกวันผมจะต้องนอนเตียงเดียวกับเค้าถึงจะถูก ผมถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้งอย่างวิตก พยายามคิดหาวิธีการหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับเค้า คิดหาวิธีการใช้ชีวิตว่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรให้ผมและเค้าพบกันให้น้อยที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในเวลาที่เราต้องเผชิญหน้ากัน พอผมแห้งได้ที่ ผมก็เดินไปเดินมาในห้องอยู่อย่างนั้น นี่ถ้านับระยะทางเป็นกิโลเมตรแล้วผมว่าผมอาจจะเดินไปถึงเชียงใหม่เลยก็ได้นะ และแล้วช่วงเวลาที่ผมภาวนาไม่อยากให้มาเกิดขึ้นก็มาถึง เมื่อนายพีรวิชญ์เปิดประตูห้องเข้ามา เค้ามองผมด้วยสายตาที่ผมประเมินผมว่า‘แปลกๆ’ แล้วเค้าก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป
ผมล้มตัวลงนอนที่ด้านขวาของเตียงแล้วหันตัวนอนตะแคงขวา พยายามข่มตานอนเพื่อจะให้ร่างกายได้พักผ่อนและหวังจะให้มันหลับใหลไปในที่สุด ผมจะได้ไม่ต้องรับรู้ไม่ต้องรู้สึกอะไรแล้วผมก็จะตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวัน ทว่าเสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกทำให้ผมเผลอลืมตาขึ้น นายพีรวิชญ์ออกมาจากห้องน้ำมาด้วยผ้าเช็ดตัวที่ปิดบังท่อนล่างไว้เพียงผืนเดียว ผมเบิกตาโตด้วยความตกใจก่อนจะรีบปิดลงลงแล้วพยายามหลับต่อ..แต่เอ๊ะ!ถ้าผมไม่ได้หูฝาด ผมเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเค้า ผมจึงลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วลุกขึ้นนั่ง

“คุณหัวเราะอะไรอ่ะ”

“เปล่า”

ผมแยกเขี้ยวอย่างโมโห ก็ดูสิ ขนาดปากเค้าน่ะตอบว่าเปล่า แต่หน้าเค้าน่ะมันกวนกันชัดๆ แถมยังตอบออกมาเจือเสียงหัวเราะนั่นอีก ผมทำอะไรไม่ได้ ก็เลยล้มตัวลงไปนอนแรงๆ แต่คราวนี้ผมพลิกหันไปอีกด้านที่จะทำให้มองไม่เห็นเค้าที่กำลังยืนแต่งตัวอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้า

“บ้า ไม่มีมารยาท”

ผมบ่นขึ้นเบาๆ ชนิดที่ว่าตั้งใจให้ตัวผมเองได้ยินคนเดียว แต่นั่นกลับทำให้เสียงหัวเราะเล็กๆ ข้างหลังผมนั่นดังขึ้น“นี่คุณหัวเราะผมงั้นเหรอ” คราวนี้ผมลุกขึ้นมานั่งอีกครั้งแล้วหันไปต่อว่าเค้า ผู้ชายคนนี้นี่ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ขนาดผมบ่นของผมเบาๆ ยังจะมาได้ยินอีก
“เปล่าคับ” คำตอบที่ฟังดูดีถ้าไม่ได้ฟังน้ำเสียงและเห็นหน้าตายียวนของคนตอบ ทำเอาผมหัวเสีย สุดท้ายผมก็ต้องฮึดฮัดล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ขืนไม่นอนซะทีล่ะก็นายพีรวิชญ์นั่นได้กวนผมไม่เลิกแน่

ผมล้มตัวลงนอนในท่าตะแคงข้างซึ่งแน่นอนว่าต้องหันไปในทางที่จะทำให้มองไม่เห็นเค้าที่ยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า แต่ไม่นานนัก ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมรู้ตัวเองว่าผมคิดผิด เมื่อคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าล้มตัวลงนอนในท่าตะแคงเช่นเดียวกับผม ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมกำลังนอนหันมาทางฝั่งเตียงที่ว่าง ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้ผมต้องเผชิญหน้ากับเค้า ผมรีบพลิกเป็นตัวนอนหงายเมื่อเห็นว่าคนข้างๆมองผมไม่เลิก แต่แล้วนั่นก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้ตัวเองว่าผมคิดผิด เมื่ออยู่ๆ นายพีรวิชญ์ขยับตัวเข้ามาใกล้ แขนข้างนึงของเค้ายันข้อศอกตัวเองเอาไว้กับพื้นเตียงและมืออีกข้างก็เอามาวางโปะที่พื้นเตียงอีกด้านของผมจนเหมือนแทบจะคร่อมกัน พูดง่ายๆเลยคือเค้าล็อคผมเอาไว้ไม่ให้ขยับตัวไปไหนได้ ผมตกใจมากและพยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่งแต่นั่นก็ยิ่งทำให้ผมและใบหน้าของเค้าใกล้กันขึ้นไปอีก ผมจึงต้องยอมลดตัวลงนอนแบบเดิม เค้าจ้องหน้าผมนิ่ง ยิ้มอย่างชนิดที่ว่าเจ้าเล่ห์ที่สุดตั้งแต่ผมเคยเห็นมา ผมรู้สึกได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจของตัวเอง นั่นอาจเป็นเพราะการตกใจก็ได้ เพราะผมไม่เคยถูกใครทำแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยก็นับตั้งแต่ผมความจำเสื่อมล่ะนะ

“คุณจะทำอะไร” ผมกลั้นใจถามมันออกไป เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่พูดอะไรออกมาซักที

ใช่ เค้าไม่พูดจริงๆ แต่เค้าเอามือข้างที่ล็อคผมเอาไว้อีกข้างขึ้นมาเหมือนจะเกลี่ยหน้าผม ผมมองตามมือนั้นอย่างหวาดระแวง และเมื่อมือนั้นแตะมาถึงแก้มของผมเบาๆ ผมก็ต้องหลบตาปี๋พร้อมกับเบี่ยงหน้าหนี

“หยุดนะคุณพีรวิชญ์” ผมรวบรวมคำพูดตะโกนออกไปแล้วใช้มือดันตัวเค้าให้ออกห้าง แต่ผมก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเค้าใช้มือของเค้ามาจับข้อมือผมเอาไว้แล้วกดไปกับพื้นเตียง เค้าเปลี่ยนท่าดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าแรงกดที่ข้อมือของผมมันมีมากกว่าเดิม ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น สายตายียวนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกทำสีหน้าไม่ถูก พลันเมื่อผมรวบรวมสติได้ก็เลยเงยหน้าขึ้นจ้องตากับเค้าเชิงเอาเรื่อง

“คุณจะทำอะไรผมคุณพีรวิชญ์”

อีกแล้ว..เค้าไม่ตอบ แต่กลับก้มหน้าลงมาจนสุดท้ายปากของเค้าก็ทาบทับลงกับปากของผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะพยายามพลิกข้อมือให้หลุดจากการพันธนาการของเค้า ผมปิดปากตัวเองแน่นเพื่อปิดช่องทางไม่ให้ลิ้นของเค้าเข้ามาได้ เสียงประท้วงอู้อี้ๆ บอกให้เค้าหยุดไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย จนสุดท้ายช่วงวินาทีเดียว วินาทีเดียวจริงๆ ที่ผมเผลอเปิดปาก เค้าก็ส่งลิ้นร้อนๆ ของเค้าเข้ามาทันที ผมคิดทันทีว่าเค้าคงจะโชกโชนเรื่องนี้มากรึไงกันนะ ถึงว่องไวได้ซะขนาดนี้ จนสุดท้าย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแรงขัดขืนของผมมันแรงพอที่จะทำให้มือของเค้าหลุดจากข้อมือของผม หรือเพราะเค้าเองตั้งใจจะหยุดมันอยู่แล้ว ทันทีที่ข้อมือผมหลุดจากพันธนาการบ้าๆ ของเค้าผมก็รีบใช้แรงทั้งหมดเท่าที่มีดันตัวเค้าออกแล้วพาตัวเองลุกขึ้นนั่งทันที

อาการหายใจหอบของผมทำให้ผมรับรู้ได้ว่ามันเหนื่อย เหนื่อยเหมือนคนหายใจไม่ทัน ผมยกปลายนิ้วขึ้นแตะที่ปากของตัวเอง

“คุณหน้าแดง” ประโยคแรกที่ออกมาจากปากของเค้าทำให้ผมโมโหจนแทบอยากจะลุกขึ้นไปชกหน้าซักทีสองที แววตายียวนนั่นไม่ได้มีอาการสำนึกผิดเลยซักนิด

“นั่นก็เพราะผมโกรธต่างหาก” ผมได้แต่เหวี่ยงออกไปอย่างหัวเสีย เผลอกัดปากตัวเองซะเริ่มรู้สึกเจ็บ ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเริ่มรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อที่อกข้างซ้ายเริ่มจะกระตุกน้อยลงจนถึงขั้นเป็นปกติ ไอ้อาการหัวใจเต้นรัวแบบนี้ เห็นทีผมคงต้องหาเวลาไปให้หมอตรวจซะหน่อยแล้ว บางทีผมอาจจะเป็นโรคหัวใจก็ได้

ผมมองหน้าเค้าอย่างหงุดหงิดที่ทำอะไรเค้าไม่ได้ สุดท้ายเมื่อผมนึกอะไรขึ้นได้ ผมก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบหมอนของผมเดินออกไปที่ประตู

“คุณจะไปไหน” ผมไม่ตอบ ลูกบิดประตูถูกผมจับเอาไว้ก่อนที่มันจะหลุดจากมือผมเมื่อตัวผมถูกกระชากจนเซไปหาใครอีกคน

“ผมถามว่าคุณจะไปไหน” คราวนี้แววตาเค้าเริ่มเปลี่ยนไป ไม่มีสีหน้ายียวนกวนประสาทเหมือนตอนแรก

“ไปในที่ๆไม่มีคุณน่ะ” ผมกระแทกเสียงตอบออกไปอย่างโมโห

“ข้างล่างนอนไม่สบายหรอก นอนด้วยกันนี่แหละ”

“ไม่ ปล่อยผม” ผมพยายามพาตัวเองให้หลุดจากมือทีจับผมเอาไว้ จนเมื่อผมออกแรงมากขึ้นเค้าก็เปลี่ยนจากจับแขนผมเป็นเอามารวบผมไว้ทั้งตัว เค้าพยายามแย่งหมอนที่ผมถืออยู่ อาการยื้อแย่งหมอนของผมกับเค้าทำให้ผมเซถลาลงจนเกือบหงายไปด้านหลัง เค้ารวบเอวผมเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะผมเซหรือเพราะแรงดันจากเค้ากันแน่ ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อรู้ตัวว่าหลังของผมชิดไปกับกำแพง อาการเจ็บที่กล้ามเนื้อหน้าอกข้างซ้ายของผมกลับมาอีกแล้ว คราวนี้มันกระตุกแรงมากกว่าเดิมเมื่อผู้ชายตรงหน้ายกมือขึ้นเกลี่ยที่แก้มผมเบาๆ

“นอนบนนี้แหละ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว”

ผมมองตาเค้าด้วยความไม่แน่ใจ ใช่สิ ก็สิ่งที่เค้าทำกับผมบนเตียงทำให้ผมรู้สึกไม่อยากจะไว้วางใจเค้าเท่าไหร่

“จริงๆ นะ เชื่อผมนะก้อง ผมจะไม่ทำอะไรโดยที่คุณไม่เต็มใจ”

“แต่คุณก็ทำไปแล้ว”

“ก็ผมอดใจไม่ไหวนี่” สีหน้าเว้าวอนออดอ้อนเหมือนเด็กๆ คิดว่าน่ารักรึไง ไม่เลยซักนิดคุณพีรวิชญ์

“ผมไม่เชื่อคุณแล้ว” ผมดันตัวเค้าออกเพื่อจะเดินลงไปนอนข้างล่าง แต่เค้าก็ยกมือขึ้นมารวบแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ได้ด้วยมือเดียว

“นี่ปล่อยผมนะ”

“ถ้าคุณไม่ไปนอนบนเตียงกับผม ผมจะจูบคุณเดี๋ยวนี้” ผมอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง เชื่อเค้าเลย ทำไมนายถึงเป็นคนแบบนี้เนี่ย

“หนึ่ง..” ผมเริ่มเลิกลั่กทำอะไรไม่ถูกเมื่อเค้าเริ่มนับ

“สอง...” หยุดนับเดี๋ยวนี้นะ!

“หรือว่าคุณ..”เค้าก้มหน้าลงมาใกล้ ผมไม่รอให้เค้าถามคำถามนั้นออกมาจนจบ ผมก็รีบกระแทกเสียงกลับไปทันที

“ก็หลีกสิ!”

นายพีรวิชญ์จอมเผด็จการหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะยอมหลีกทางให้ผม ผมจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องถือหมอนเอามาโยนไว้ที่เดิมแล้วล้มลงนอนด้วยท่าทีฮึดฮัด ผมไม่ลืมที่หาจะหันแยกเขี้ยวใส่เค้าอย่างไม่พอใจและเมื่อเห็นเค้าทำท่าเอาเรื่องเป็นการตอบกลับแล้วจะเดินเข้ามา ผมก็ต้องรีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเองจนมิด ให้ตายเถอะ นายนั่นหัวเราะออกมาอีกแล้ว

ถ้าผมตัดสินใจหนีลงไปนอนข้างล่าง ผมว่าคืนนี้เค้าอาจจะลงวุ่นวายกับผมอีกก็ได้ หวังว่าเค้าจะรักษาคำพูดที่ว่าเค้าจะไม่ทำอะไรผมอีก และก็หวังว่าการตัดสินใจของผมคงจะไม่ผิดนะ..



Create Date : 25 มีนาคม 2554
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 15:11:30 น. 17 comments
Counter : 649 Pageviews.

 


โดย: veerar วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:0:05:08 น.  

 
Photobucket


โดย: pinkyrose วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:0:05:57 น.  

 



สุขสันต์วันเกิดนะครับ


โดย: panwat วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:0:08:11 น.  

 
Happy birthday ka

ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยๆ และได้เป็นที่รักของทุกๆคนนะคะ


โดย: Sugar lip วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:1:38:07 น.  

 


โดย: toeyao วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:2:04:27 น.  

 

สุขสันต์วันเกิด ขอให้พบกับสิ่งดีๆ ในชีวิตนะค่ะ




โดย: brackleyvee วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:2:14:04 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดค่ะ


โดย: บาร์บี้แสนสวย วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:8:23:37 น.  

 
..บรรจงเขียน..ความรัก..ฝากลมหนาว..
..ฝากดวงดาว..จากฟ้า..มาให้เห็น..
..เอาความรัก..คิดถึง..ฝากเดือนเพ็ญ..
..มามอบเป็น..ของขวัญ..วันเกิดเธอ..

..ขอศรัทธา..ความดี..ที่มีมั่น..
..จงช่วยสรรค์..สร้างชีวี..ให้สุขขี..
..ช่วยแก้ไข..ปัญหา..นานามี..
..ให้เธอนี้..มีสุข..ทุกข์อยู่ไกล..

..ให้ร่างกาย..เข้มแข็ง..อย่าลาร้าง..
..ในคืนวัน..อ้างว้าง..ให้หายเหงา..
..ในวันที่..มีทุกข์..สุขบรรเทา..
..ให้หายเศร้า..มีสุข..ทุกทุกคืน..

..หากมีรัก..ขอให้..จงหนักแน่น..
..ไม่คลอนแคลน..เพื่อนสนิท..มิตรสัตย์ซื่อ..
..เกียรติยศ..ชื่อเสียง..โลกเลื่องลือ..
..ทั้งหมดคือ..ความจริงใจ..มอบให้เธอ..

..วันเกิดเธอ..คนดี..วันนี้แล้ว..
..ขอให้แพร้ว..เพริศพริ้ง..กว่าปีก่อน..
..ถ้ามีรัก..ขอให้รัก..นิรันดร..
..นี่คือพร..มอบให้..ด้วยใจจริง..

..ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง เป็นที่รักของทุก ๆ คนนะ..



HappY BirthDaY To You


โดย: *~ต้นกล้า...ของหัวใจ~* วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:9:45:56 น.  

 
สุขสันติวันเกิด

แสงทอง ส่องเจิดจ้า..................ราศี
กำเนิด วันนี้ดี.....................มากหน้า
พบความ สุขเท่าทวี.......วันรุ่ง เรืองนา
สุขภาพแกร่ง รวยค้า...คิดค้นคือคนดี


โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:10:00:49 น.  

 


ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะ
ขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดี
และเหตุการณ์ดีๆรวมทั้ง...
ความรักที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ
หวังว่าคงจะไม่ช้าไปนะคะ
*********
*******
*****
***
*





โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:10:47:58 น.  

 

สุขสันต์วันเกิดนะคะ...ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง สมปรารถนา และร่ำรวยเงินทองค่ะ



โดย: nootikky วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:14:31:39 น.  

 


โดย: Botaman วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:16:14:51 น.  

 




โดย: มนแจน วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:17:18:19 น.  

 
สุขสันต์วันเกิดครับ ขอให้มีสุขภาพร่างกายเเข็งเเรง
คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาเเละมีความสุขในทุกๆวันครับ


โดย: Don't try this at home. วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:17:58:02 น.  

 


โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:19:22:47 น.  

 





สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆมีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ทำสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จทุกประการค่ะ


โดย: แม่น้องแปงแปง วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:20:30:58 น.  

 
ขอบคุณทุกๆ คนมากนะคะ สำหรับคำอวยพร ขอให้สิ่งดีๆ จงย้อนกลับไปสู่ทุกๆ คนด้วยนะคะ


โดย: biomedical_girl วันที่: 29 มีนาคม 2554 เวลา:20:59:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.