Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 3 ความเสียใจ

ผมเหลือบไปมองนาฬิกาดิจิตอลที่เรืองแสงสีแดงอยู่ที่หัวเตียง.....ตีหนึ่งกว่าแล้ว แต่ผมก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ผมพลิกตัวไปมองคนหน้าสวยที่นอนอยู่ข้างๆ เปลือกตาของดวงตากลมโตปิดสนิท แพขนตางอนยาวนั้นสวยน่ามองชวนให้หลงใหล ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอของคนข้างๆ บ่งบอกว่าก้องกำลังนอนหลับสบาย ผมอดไม่ได้ที่จะใช้นิ้วมือเกลี่ยไปมาบนแก้มนวลๆ นั่น ผมยันตัวขึ้นแล้วใช้มือข้างหนึ่งคร่อมตัวก้องไว้ ก้องยังคงหลับไม่รู้สึกตัว ใบหน้าของผมอยู่ห่างจากก้องเพียงแค่คืบ........ใกล้........ใกล้มาก.........จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย ผมไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองได้อีกต่อไปเมื่อก้องพลิกตัวเข้ามาหาผม ริมฝีปากอุ่นร้อนของผมทาบทับไปบนริมฝีปากนุ่มของก้องด้วยความเสน่หา ยิ่งผมได้สัมผัสร่างกายของก้องมันก็ยิ่งทำให้สติสตังของผมเตลิดเปิดเปิงจนกู่ไม่กลับ ผมซุกไซร้ไปตามลำคอและลาดไหล่ขาวเนียน แล้ววกกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง ผมพรมจูบไปตามใบหน้าสวยๆ อย่างแผ่วเบา เสียงของก้องครางไม่ได้ศัพท์อยู่ในลำคอเมื่อถูกรบกวนจากการหลับใหลในยามนิทรา ผมตัดสินใจถอนจูบออกเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมสัญญากับก้องไว้ว่าจะไม่ทำอะไรก้องอีก ในที่สุดผมก็พลิกตัวกลับมานอนที่อีกฝั่งของเตียงอย่างตัดใจ........ผมอยู่ใกล้กับก้องขนาดนี้แต่ก็เหมือนอยู่ไกลกันเหลือเกิน ถ้าไม่ได้แม่ฟองช่วยพูดให้ ป่านนี้ก้องก็คงไม่มีทางมาอยู่กับผมเป็นแน่ ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมไปรับก้องที่โรงพยาบาล หน้าสวยๆ นั่นขมวดมุ่นเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องมาอยู่กับผมที่คอนโดอย่างปฏิเสธไม่ได้ โธ่.......ก้อง ผมมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ

“ก้องกับพีแต่งงานกันแล้วนะลูก ก้องจะต้องไปอยู่กับพีที่คอนโด จะมาแยกกันอยู่อย่างที่ก้องขอน่ะมันไม่ได้หรอก คู่สมรสที่ไหนเค้าทำกันแบบนั้นบ้าง นอกจากจะหย่าร้างกันแล้ว” ผมขอร้องให้แม่ฟองช่วยพูดให้ก้องยอมไปอยู่กับผม ซึ่งแม่ฟองก็น่ารักเหลือเกิน ช่วยเหลือผมอย่างดีสุดความสามารถ

“แม่ก็ให้ก้องหย่ากับเค้าสิครับ” นั่นคือเสียงหวานๆ ของคนที่ผมรักตอบกลับมา ไม่น่าเชื่อ....ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ กลับทำให้ผมเจ็บร้าวไปทั้งใจได้มากขนาดนี้ จนต้องครางชื่อของคนหน้าสวยนั่นออกมา

“ก้อง.....” คิ้วของผมขมวดมุ่น ผมทำได้เพียงเก็บสิ่งที่ผมคิดไว้ภายในใจ ‘คุณพูดคำว่า ‘หย่า’ ออกมาได้ง่ายดายเหลือเกิน’

และด้วยคำพูดของแม่ฟองที่ยืนยันจะให้ก้องมาอยู่กับผม ก้องถึงได้มานอนอยู่ข้างๆ ผมในตอนนี้ ผมจะทำยังไงดีให้ก้องกลับมาจำเรื่องราวของเราได้อีกครั้ง ผมคิดถึงแววตาบอกรักคู่นั้นของก้องเหลือเกิน แต่ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ผมก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ก้องกลับมาจำผมอีกครั้งให้ได้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงก็เถอะ

ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า เหนื่อยกายน่ะไม่เท่าไหร่หรอกผมยอมเหนื่อยเพื่อก้องได้เสมอ แต่เหนื่อยใจเนี่ยสิที่ทำให้ผมหมดแรงที่จะต่อสู้กับปัญหาใดๆ ผมได้แต่ภาวนาในทุกๆ คืนว่าพรุ่งนี้ก้องต้องหาย แต่คำภาวนาของผมก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นความจริงเลย ผมหลับไปพร้อมๆ กับความคิดอันสับสนของตัวเอง....ไม่เป็นไรพี....ไม่เป็นไร...พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
.
.
.
ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอย่างไม่ค่อยสดชื่นนัก เพราะว่าเมื่อคืนผมนอนไม่ค่อยหลับ ผมพลิกตัวไปยังอีกฝากหนึ่งของเตียงเพื่อหวังที่จะได้มองหน้าคนที่นอนอยู่ข้างๆ แต่แล้วผมก็ต้องพบกับเตียงที่ว่างเปล่า ก้องไปไหน.......เร็วเท่าใจคิด ผมรีบลุกออกจากเตียง และวิ่งลงบันไดมายังชั้นล่าง เสียงก๊อกแก๊กที่อยู่ในครัว ทำให้ผมเบาใจขึ้น ผมล่ะกลัวจริงๆ กลัวว่าก้องจะหนีผมไป เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้วผมก็อดหัวเราะให้กับความคิดงี่เง่าของตัวเองไม่ได้ เฮ้อ......นี่ผมกลายเป็นผู้ชายคลั่งรักไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

ก้องของผมกำลังง่วนทำออมเล็ตอยู่หน้าเตา กลิ่นหอมๆ ที่โชยออกมาจากกระทะนั่นทำให้ผมชักขึ้นมาหิวแล้วสิ ผมเดินเข้าไปหาก้องแล้วใช้มือโอบกอดก้องไว้จากทางด้านหลัง ก่อนที่จะออดอ้อนลูกแมวของผมด้วยความเคยชิน

“อืมหือ...หอมจังเลยก้อง ผม.....” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยค ก้องก็รีบสะบัดมือผมออกอย่างแรง พร้อมกับผลักผมจนเซถลาไปอีกทาง ก่อนที่จะตวาดใส่ผมเสียงดัง

“อย่ามาทำกับผมอย่างนี้นะ ผมไม่ชอบ” ก้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผม สีหน้าและแววตาของก้องในตอนนี้เหมือนจะรังเกียจผมซะเต็มประดา

“ก้อง.......ทำไมคุณต้องขึ้นเสียงกับผมด้วย” ผมเองก็ตวาดใส่ก้องด้วยเสียงที่ดังไม่แพ้กัน “ผมไปทำอะไรให้คุณนักหนาฮะ ทั้งๆ ที่ผมพยามทำดีกับคุณ ดูแลคุณอย่างดีมาตลอด แต่ทำไมกันก้อง ทำไมกัน ทำไมคุณต้องมาตั้งหน้าตั้งตาโกรธเกลียดผมขนาดนี้ด้วย” ความเจ็บปวด ความเสียใจ และความน้อยใจถูกกลั่นออกมาเป็นคำพูดที่เกรี้ยวกราดใส่คนตรงหน้า ตั้งแต่ที่ก้องความจำเสื่อมดูเหมือนว่าความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของผมจะลดน้อยลงไปทุกที ก็ลองให้ใครมาเป็นผมแล้วต้องถูกทำร้ายจิตใจซ้ำๆ จากคนที่รักอยู่ทุกวันดูบ้างสิ ต่อให้เป็นคนที่ใจแข็งมากแค่ไหนก็ต้องทนแบกรับกับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ไหวอยู่ดี

“ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณไปทำอะไรให้ผม ผมถึงไม่ชอบขี้หน้าคุณ แต่ผมขอบอกคุณไว้เลยนะว่าตอนนี้ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณแล้ว ผมอึดอัดและลำบากใจเมื่อต้อง ‘ทน’ อยู่กับคุณ แล้วอีกอย่างนะ ผมก็ไม่ได้ขอให้คุณมาช่วยดูแลผม เพราะฉะนั้นต่อไปนี้คุณก็ช่วยอยู่ห่างๆ ผมด้วย ผมพูดภาษาคน ดังนั้นผมก็หวังว่าคุณจะเข้าใจและทำตามที่ผมพูดนะครับคุณพีรวิชญ์”

“ก้อง......ที่คุณให้ผมอยู่ห่างจากคุณ ก็เพื่อที่จะให้คุณได้มีเวลาไปอี๋อ๋อกับไอ้ตี๋อะไรนั่นใช่ไหม” ผมปรี่เข้าไปบีบหัวไหล่ทั้งสองข้างของก้องอย่างลืมตัว พร้อมกับเขย่าตัวของก้องไปมาตามแรงอารมณ์ ให้ตายเถอะ....ตอนนี้ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จริงๆ “ ทำไม...อยู่กับผมมันอึดอัดใจจนถึงกับต้องทนเลยเหรอก้อง ถ้าเปลี่ยนเป็นไอ้หมอนั่นคุณก็คงจะมีความสุขสินะ....หึ...คงอยากจะไปอยู่กับมันจนตัวสั่นงั้นสิ” ผมพ่นคำผรุสวาทใส่ก้องไม่ยั้ง ก่อนที่จะเหยียดยิ้มออกมาอย่างสะใจ “แต่เสียใจนะ เพราะตอนนี้คุณเป็นของผม ทะเบียนสมรสอยู่กับผม เพราะฉะนั้นไอ้นิคอะไรนั่นมันก็ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวคุณทั้งนั้น ผมต่างหาก คือคนที่คุณจะต้องอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต คุณได้ยินไหมก้อง ได้ยินไหม ฮะ...ได้ยินไหม”

“โอ๊ย....ผมเจ็บนะ ปล่อยผม คุณมันบ้าไปแล้วคุณพีรวิชญ์” ก้องบดินทร์ร้องออกมาแข่งกับเสียงของผม ทำไมผมจะไม่รู้ว่าผมทำให้ก้องเจ็บ แต่ก้องจะรู้บ้างไหม ว่าตอนนี้หัวใจของผมมันกำลังร้องไห้ ผมต่างหาก ที่เป็นฝ่ายที่เจ็บปวด เจ็บยิ่งกว่าคนตรงหน้าหลายเท่านัก

“ใช่ผมมันบ้า.....แล้วผมจะบ้ายิ่งกว่านี้อีกถ้าคุณยังไม่เลิกติดต่อกับมัน”

“มันจะมากไปแล้วนะคุณพี คุณคิดเหรอว่าไอ้ทะเบียนสมรสบ้าๆ นั่นจะสามารถรั้งตัวผมไว้ได้ถ้าผมคิดจะไป แล้วถ้ามันยุ่งยากนัก คุณจะเก็บผมเอาไว้ทำไม คุณก็หย่ากับผมสิเรื่องมันจะได้จบๆ คุณเองก็มีคุณไอรินอะไรนั่นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วคุณยังจะมาวุ่นวายกับผมอีกทำไม แล้วอีกอย่างพี่นิคเค้าก็เป็นคนดีกว่าคุณเยอะ เค้าอ่อนโยนกว่า สุภาพกว่า ไม่โมโหร้ายเหมือนคุณ ผมว่าทางที่ดีคุณอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับพี่นิคเลย มันรังแต่จะทำให้คุณดูแย่ไปซะเปล่าๆ”

“ก้อง.....” ผมเอ่ยชื่อของก้องออกมาอย่างหมดแรง มือที่จับไหล่ทั้งสองข้างของก้องคลายออกและตกลู่ลงข้างตัว ก้องขอหย่ากับผมอีกแล้ว มิหนำซ้ำก้องยังชื่นชมมันต่อหน้าผมอีก น้ำตาของผมไหลออกมาจากดวงตาข้างหนึ่ง ผมรีบหันหลังแล้วใช้มือเช็ดน้ำตาหยดนั้นอย่างรวดเร็วก่อนที่ก้องจะทันได้เห็นมัน ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ก่อนที่จะพูดกับก้องทั้งๆ ที่ยังหันหลังอยู่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าที่ผ่านมา

“ผมว่าวันนี้เราพูดกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ เดี๋ยวผมจะขึ้นไปอาบน้ำ แล้วก็จะไปทำงานต่อเลย คุณเองก็ไม่ต้องรอผมทานข้าวหรอก กินข้าวเสร็จแล้วก็พักผ่อนให้มาก แล้วเย็นๆ ผมถึงจะกลับ ดูแลตัวเองด้วยนะก้อง ผมไม่อยู่กวนใจคุณแล้ว ตามสบายนะ”

ผมรีบเดินขึ้นบันไดไปบนชั้นสองอย่างรวดเร็วก่อนที่น้ำตาหยดต่อไปจะพาลไหลออกมา ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อบังคับให้น้ำใสๆไหลกลับเข้าไปข้างใน......ไม่.....ในเวลาแบบนี้ผมจะมาอ่อนแอไม่ได้ ผมจะต้องเข้มแข็งเพื่อช่วยให้ก้องฟื้นความทรงจำกลับมาอีกครั้ง เอาเถอะก้อง....ถึงตอนนี้คุณจะยังจำผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ผมเชื่อว่าสักวันคุณจะต้องจำผมได้และเราก็จะกลับมารักกันเหมือนเดิม.....แต่กว่าจะถึงวันนั้น ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไหร่ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกท้อแท้ที่จะรั้งให้ก้องกลับมา.....การรอคอยโดยไม่มีจุดหมายนี่มันช่างทรมานจริงๆ

เป็นเวลาชั่วโมงกว่าแล้วที่ผมไม่สามารถพุ่งความสนใจไปยังเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าได้ ในสมองของผมวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของก้อง เห็นทีว่าวันนี้ผมคงไม่มีสมาธิพอที่จะทำงานอะไรได้ทั้งนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะโดดงานและพักผ่อนสมองสักวัน จะว่าไปแล้ว ผมเองก็ไม่ได้มีคุณสมบัติในการเป็นนักธุรกิจที่ดีสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนกับพี่พัฒน์ พี่ชายคนเดียวของผม รายนั้นเค้าเป็นนักธุรกิจที่มีฝีมือหาตัวจับยาก ถ้าพี่พัฒน์ไม่เก่งจริง บริษัทก็คงจะอยู่ไม่ได้มาจนถึงป่านนี้ แม้ว่าตอนนี้ผมจะเข้ามาบริหารบริษัทแทนพี่พัฒน์ แต่ผมก็ยังคงต้องขอคำปรึกษาจากพี่พัฒน์อยู่เสมอ จริงสิ.......ตั้งแต่ที่ก้องประสบอุบัติเหตุ ผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมพี่พัฒน์เลย เมื่อก่อนผมไม่ค่อยสนิทกับเค้าเท่าไหร่ แต่เมื่อพี่ชายผมต้องกลายเป็นอัมพาต มันก็ทำให้ผมกับพี่พัฒน์สนิทและเข้าใจกันมากขึ้น ผมจึงไม่รีรอที่จะออกจากบริษัทและขับรถไปยังโรงพยาบาลที่พี่พัฒน์รักษาตัวอยู่ด้วยความรวดเร็ว บางทีการได้คุยกับพี่ชายคนเดียวของผมมันอาจจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นก็ได้

“เป็นไงบ้างพี่พัฒน์ ผมต้องขอโทษพี่ด้วยนะที่ไม่ได้มาเยี่ยมซะนาน ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะพี่ มีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ” ผมกล่าวทักทายพี่ชายที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องพิเศษของโรงพยาบาล พร้อมกับทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้างเตียง ผมเอื้อมมือไปกุมมือพี่พัฒน์เ สายตาของพี่พัฒน์ที่มองมามีแววของความเห็นใจและเข้าใจอย่างที่ผมไม่เคยได้รับมาก่อน พี่พัฒน์คงรู้เรื่องทั้งหมดแล้วสินะ

“ไอ้ปอมันบอกฉันหมดแล้วล่ะ.....ฉันเสียใจกับแกด้วยนะ แล้วนี่แกจะทำยังไงต่อไป”

“ผมก็ยังไม่รู้เลยพี่ ตอนนี้ก้องเค้าเกลียดผมมาก จนผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะเข้าหน้าเค้าได้ยังไง” ผมถอนหายใจออกมาด้วยความกลัดกลุ้ม ผมคิดไม่ตกจริงๆ ว่าควรจะต้องทำยังไง

“แกกำลังเหนื่อยใช่มั๊ยพี....ฉันมองหน้าแกฉันก็รู้แล้วว่าตอนนี้แกรู้สึกยังไง” พี่พัฒน์มองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างค้นหา ก่อนที่จะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “พี....อะไรที่มันอยู่ในใจ ก็ปล่อยมันออกมาซะบ้างเถอะ”

และนั่นก็เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้าย ผมไม่สามารถสะกดกลั้นน้ำตาของตัวเองเอาไว้ได้อีกต่อไป ผมสะอื้นฮักอย่างไม่นึกอาย ปล่อยให้น้ำตาชะล้างความเจ็บปวดและความเสียใจของตัวเองออกมา ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเลยที่ผมจะแสดงความรู้สึกอ่อนแอให้พี่ชายของผมได้เห็น แต่วันนี้ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้จริงๆ เวลาผ่านไปเนิ่นนานกว่าที่ผมจะสงบลง ผมเงยหน้าขึ้นจ้องมองพี่พัฒน์แล้วก็เห็นสายตาสำนึกผิดของพี่พัฒน์ตอบกลับมา

“พี...ขอโทษนะที่ตอนนี้ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้ ตลอดเวลาฉันไม่เคยดูแลแกเลย ฉันขอโทษที่เคยขัดขวางความรักของแกกับก้องจนทำให้ก้องต้องตาบอด ฉันขอโทษกับเรื่องราวร้ายๆ ต่างๆ ที่มันเกิดขึ้นในชีวิตของแก ถึงตอนนี้ฉันอยากจะช่วยแกแค่ไหนแต่ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันเองมันก็เป็นแค่คนพิการที่กำลังรับกรรมที่ฉันได้ก่อเอาไว้ ฉันขอโทษแกจริงๆ ว่ะพี”

“พี่พัฒน์ พี่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกนะ เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ผมเคยบอกพี่ไปแล้วไงว่าเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่ ผมรู้ว่าพี่อยากช่วยผม พี่รู้ไหม........แค่ผมได้มาคุยกับพี่ มันก็ช่วยทำให้ผมสบายใจขึ้นมาบ้าง ถึงยังไงพี่ก็เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของผม จะดีจะร้ายยังไงผมก็คิดถึงพี่เสมอ”
“ขอบใจมากนะพี....ขอบใจ......ที่แกไม่โกรธฉัน”

หลังจากที่ผมได้คุยกับพี่พัฒน์มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น พี่พัฒน์แนะนำว่าผมควรจะพยายามพูดถึงเรื่องเก่าๆ ให้ก้องได้ฟัง รวมถึงนำสิ่งของ ภาพถ่าย หรือพาก้องไปยังสถานที่ที่คุ้นเคยเพื่อให้ก้องได้ฟื้นความทรงจำกลับมา ผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ผมจะไม่ท้อถอยอีก ผมจะทำทุกวีถีทางที่จะทำให้ก้องกลับมาจำเรื่องราวของเราให้ได้
.
.
.
วันนี้ที่ร้านจิลเวอรี่คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ผมเอาแหวนแต่งงานของก้องมาให้ช่างที่นี่ทำความสะอาด และขัดใหม่ให้แวววาว กะไว้ว่าเย็นนี้ผมจะเอากลับไปให้ก้อง เผื่อว่าก้องจะจำความได้ ระหว่างที่ผมนั่งรอแหวนของก้องอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกผมจากทางด้านหลัง ไม่ต้องหันกลับไปดูผมก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร

“อ้าว....ไอริน บังเอิญจังที่ได้พบคุณที่นี่” ผมลุกขึ้นยืนพลางหันหน้าไปทางต้นเสียง ไอรินนางเอกสาวสวยชื่อดังเดินเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว เธอหายหน้าหายตาไปจากวงการประมาณสี่ปีเพื่อไปเรียนต่อที่อเมริกา และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมได้พบเจอกับเธอและสนิทสนมจนถึงขั้นเป็นแฟนกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมกับไอรินจะเลิกกันมาหลายปีแล้ว แต่ผมก็ยังถือว่าไอรินเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผมเสมอ

“นั่นน่ะสิคะพี แล้ววันนี้ทำไมคุณถึงมาที่นี่ได้ล่ะ ปกติคุณไม่ค่อยได้เข้าร้านอะไรแบบนี้นี่นา เอ......หรือว่าจะมาเลือกซื้อแหวนให้สาวไหนคะเนี่ย” ไอรินพูดพลางเข้ามาเกาะแขนผมอย่างถือสิทธิ์ เรื่องที่ผมแต่งงานกับก้องมีน้อยคนนักที่รับรู้ เพราะถ้ามีคนรู้เรื่องมากเกินไปมันก็คงจะไม่เป็นผลดีกับอาชีพการงานของผมกับก้องสักเท่าไหร่ จริงๆ ผมก็ไม่ค่อยชอบหรอกนะที่ไอรินมักจะแสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผม แต่ในที่สาธารณะจะให้ผมแกะมือของไอรินออกมันก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติกันเกินไปหน่อย ผมก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย

“ผมเอาแหวนของก้องมาทำความสะอาดน่ะ กะว่าจะเอาไปให้ก้องเย็นนี้”

“พูดถึงคุณก้อง ตอนนี้คุณก้องออกมาจากโรงพยาบาลหรือยังคะ”

“ออกมาแล้วครับ ตอนนี้กลับมาอยู่ที่คอนโดแล้ว”

“งั้นเย็นนี้ไอรินขอไปดินเนอร์กับพีที่คอนโดได้มั๊ยคะ จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมคุณก้องด้วย เราไม่ได้ดินเนอร์ด้วยกันมานานแล้วนะคะพี ได้ไหมคะ นะคะ” ไอรินส่งสายตาออดอ้อนผมเต็มที่ เรือนร่างบอบบางเบียดกระแซะผมอย่างจงใจ ผมค่อนข้างอึดอัดที่ไอรินแสดงกิริยาแบบนี้ ผมนิ่งไปชั่วครู่เพราะไม่แน่ใจว่าหากไอรินไปเยี่ยมก้องก้องจะรู้สึกอย่างไร ฉับพลันความคิดผมก็ต้องสะดุดลงเมื่อเสียงแหลมๆ ของไอรินดังขึ้นอีกครั้ง

“ว่าไงคะพี ตกลงว่าจะให้ไอรินไปเยี่ยมก้องได้ไหม หรือว่าที่คุณนิ่งไปแบบนี้เป็นเพราะว่าคุณรังเกียจไอริน” สาวร่างบางยิ่งเบียดเข้ามาหาผมมากขึ้นพร้อมกับทำท่างอนผมอย่างมีจริตจก้าน ผมรู้สึกว่ามันชักจะมากเกินไปหน่อยจึงแกะมือของไอรินออก พร้อมกับจับไหล่ของไอรินทั้งสองข้างแล้วดันออกไปจนสุดแขน

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกไอริน “

“ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าพีก็อนุญาตให้ไอรินไปดินเนอร์ที่บ้านคุณได้ใช่ไหมคะ ขอบคุณค่ะพี คุณนี่น่ารักที่สุดเลย” สิ้นเสียงของไอรินผมก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อคนร่างบางเข้ามาหอมแก้มผมอย่าถือวิสาสะ โธ่......ไอริน นี่มันที่สาธารณะนะ คุณไม่อายบ้างหรือไงกัน!!!!!!!!!
.
.
.
ทันทีที่ผมเปิดประตูพาตัวเองและผู้หญิงอีกคนเข้ามาในห้อง ผมก็เห็นก้องบดินทร์นั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาตัวยาว คนหน้าหวานหันมามองตามเสียง จึงได้เห็นผมกับไอริน ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าทันทีที่ก้องเห็นหน้าไอริน สีหน้าของก้องดูเหมือนจะไม่พอใจ แต่มันก็แค่วูบเดียวเท่านั้น ก่อนที่สีหน้าของก้องจะกลับมาเป็นปกติ ผมเดินนำไอรินมานั่งที่โซฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่ข้างๆ ก่อนที่ผมจะไปนั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับคนหน้าหวาน เมื่อผมเห็นว่าทุกคนเรียบร้อยดีแล้วจึงแนะนำเธอให้ก้องรู้จัก

“ก้อง....นี่ไอริน เพื่อนของผม”

“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะคะคุณก้อง” ไอรินส่งยิ้มให้ก้องอย่างเป็นมิตร ก่อนที่จะเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง “วันนี้ไอรินขอมาทานข้าวเย็นด้วยคนนะคะ”

ผมเหลือบมองปฏิกิริยาของคนหน้าหวานพร้อมกับแอบหวังอยู่ในใจว่าก้องจะส่งสายตาเหวี่ยงวีนมาให้ผม เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าก้องก็ยังจะพอจดจำเรื่องราวระหว่างเราได้บ้าง แต่เปล่าเลย นอกจากก้องจะไม่ส่งสายตาเหวี่ยงๆ อย่างที่ผมเคยชินแล้ว ก้องกลับคลี่ยิ้มเชิญชวนให้ไอรินทานข้าวกับพวกเราอย่างยินดี

“ตามสบายนะครับคุณไอริน ทานด้วยกันหลายๆ คนสนุกดี”

“แหม........เพื่อนสนิทของพีนี่น่ารักจังเลยนะคะ” ไอรินส่งยิ้มให้กับก้องก่อนที่จะหันมาหาผม แต่แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อจู่ๆ เธอก็ลุกขึ้นมาจากโซฟา ร่างบอบบางถือวิสาสะมานั่งบนอยู่ตักของผม ผมถึงกับสะดุ้งเมื่อเรียวแขนทั้งสองข้างของเธอยกขึ้นมาโอบรอบคอผมไว้ และเอียงหน้ามาพูดกับผมจนริมฝีปากของเธอชิดใบหู “แต่ไอรินว่าคุณน่ะน่ารักกว่าเป็นไหนๆ”

ผมนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ นึกไม่ถึงว่าไอรินจะกล้าทำแบบนี้ต่อหน้าก้องบดินทร์ ผมเหลือบมองไปที่ลูกแมวจอมเหวี่ยงของผมอีกครั้ง สีหน้าของก้องเหวอไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่นอกนั้นก็ไม่พบกับความผิดปกติอะไร นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนก้องคงจะต้องงอนตุ๊บป่องและขอตัวขึ้นไปข้างบนเรียบร้อยแล้ว

ไอรินนี่ก็ชักจะมากเกินไปหน่อย วันนี้เค้าเกิดนึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาเนี่ย ถึงได้ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมขนาดนี้ ไม่ได้การล่ะ เห็นทีจะต้องหาโอกาสพูดกับไอรินให้รู้เรื่องรู้ราว ไม่งั้นเดี๋ยวก้องของผมจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ เอ่อ.....แต่ก่อนที่ผมจะเคลียร์กับไอริน ผมว่าผมคงต้องจัดการ ‘งัด’ เธอให้ออกจากตัวผมให้ได้ซะก่อน

“เอ่อ......ผมว่า เราไปช่วยกันทำอาหารในครัวดีกว่าไหมครับ นี่ก็เย็นมากแล้ว ผมหิวแล้วล่ะ”

“โอเคค่ะพี.......คุณก้องคะ วันนี้ไอรินขอเป็นลูกมือของคุณนะคะ”

“จะดีเหรอครับ” เสียงเหวี่ยงๆ ของก้องสะดุดหูผมยิ่งนัก ผมหันกลับไปมองก้องอย่างรวดเร็วแล้วก็ได้สบสายตาของก้องโดยบังเอิญ แปลก.....ก้องไม่เคยมีแววตาที่ซับซ้อนแบบนั้นมาก่อน ซับซ้อน.......จนตัวผมเองก็อ่านมันไม่ออก อีกครั้งที่ผมลุ้นว่าก้องจะเหวี่ยงวีนใส่ผม แต่สุดท้ายก้องก็หันไปสบตากับไอรินแล้วพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ

“คือ....คุณเป็นแขกของคุณพีรวิชญ์ มันคงจะไม่ดีเท่าไหร่มั๊งครับถ้าจะให้แขกมาทำอาหารเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณก้อง ไอรินอยากทำอาหารให้พีเค้าทาน วันนี้ไอรินคิดเมนูโปรดของพีมาด้วยนะคะ ถ้าคุณก้องไม่ให้ไอรินช่วย เมนูของไอรินคงต้องเป็นหมันแน่ๆ” ไอรินพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือไล้แก้มผมไปมา.....เอ่อ.....ใครจะช่วยใครอะไรยังไงก็ตามสบายเถอะครับ แต่ว่า......ไอริน ตอนนี้คุณช่วยลุกออกไปจากตัวผมซักทีเถอะ ผมล่ะละเหี่ยใจกับคุณจริงๆ

ในที่สุดไอรินก็ได้เป็นลูกมือของก้องสมใจ อาหารเย็นวันนี้สำหรับผมคงจะไม่อร่อยซะแล้วสิ
.
.
.
ระหว่างที่เราทานอาหารมื้อเย็น ไอรินคอยที่จะบริการผมตลอดทั้งตักอาหาร เสิร์ฟน้ำ ทำทุกอย่างสารพัดจนแทบจะป้อนอาหารเข้าปากผม นี่ถ้าเธอเคี้ยวอาหารแทนผมได้เธอก็คงจะทำไปแล้วล่ะมั๊ง!!!

เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง มื้ออาหารอันน่ากระอักกระอ่วนใจของผมก็สิ้นสุดลง ผมถือโอกาสลงไปส่งไอรินที่ลานจอดรถซึ่งก้องเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อไอรินเดินมาถึงรถเบนซ์คันหรูของเธอ ผมถึงได้เริ่มคุยกับเธออย่างจริงจัง

“ไอริน ผมรู้สึกว่าวันนี้คุณทำตัวสนิทสนมกับผมแปลกๆ”

“แปลกตรงไหนคะพี ปกติเราก็สนิทกันอยู่แล้วนี่นา คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ ว่าเรา......ลึกซึ้งกันมากแค่ไหน” สาวร่างบางตรงหน้าเดินเข้ามาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงหวานหยด ดวงตาสวยเฉี่ยวช้อนขึ้นมามองหน้าผมอย่างมีความหมาย ใบหน้าของเธอห่างจากผมเพียงแค่คืบ มือเรียวถือโอกาสลูบไล้แผ่นอกแข็งแรงของผมผ่านเสื้อเชิ้ตตัวบาง และก่อนที่เธอจะรุกรานผมไปมากกว่านี้ ผมก็รวบมือทั้งสองข้างของเธอให้พ้นออกจากตัว พร้อมกับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่คุณก็รู้ดีนี่ ว่าเราเลิกกันมาได้หลายปีแล้ว และตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับคุณแบบเมื่อก่อนแล้วด้วย ที่สำคัญคุณเองก็ไม่ควรแสดงกิริยาแบบนี้ให้ใครเค้าเห็นโดยเฉพาะกับก้องบดินทร์ ตัวคุณเองจะถูกมองไม่ดีได้นะ”

สาวร่างบางตรงหน้าสะบัดข้อมือเรียวออกจากมือผม พร้อมกับตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ที่ต่างไปจากเดิม

“ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงไอรินหรอกค่ะ....ไอรินรู้นะ ว่าที่คุณไม่อยากให้ไอรินสนิทกับคุณต่อหน้าคุณก้องเพราะอะไร”

“คุณรู้......” ผมรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของไอริน......เธอรู้...รู้อะไรงั้นเหรอ.......หวังว่าคงไม่ใช่..........

“คุณกับคุณก้องไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน” ไอรินเว้นช่วงไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนในทุกคำ “แต่คุณก้องเป็นคนรักของคุณ”

ผมอึ้งไปชั่วอึดใจก่อนที่จะเอ่ยถามไอรินออกมา “คุณรู้ได้ยังไง”

“วันที่ไอรินมาทานข้าวที่คอนโดของคุณครั้งก่อน ตอนที่คุณกำลังหลับอยู่ที่โซฟา คุณละเมอถึงชื่อของก้อง”

“ใช่......ก้องเป็นคนรักของผม แล้วผมก็รักก้องมาก ผมไม่อยากให้ก้องเข้าใจผิดคิดว่าผมมีอะไรกับคุณ” ในเมื่อไอรินรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะต้องปิดบังต่อไป

“หึ....ในที่สุดคุณก็ยอมรับกับไอรินจนได้.......ทำไมคะพี ไอรินมันไม่ดีตรงไหน ไอรินด้อยกว่าไอ้ก้องอะไรนั่นยังไง ทำไมคุณถึงไม่กลับมาสนใจไอรินเหมือนเดิม ไอรินทั้งสวย ทั้งรวย มีชื่อเสียง ใครๆ ก็ต้องมาตามตื้อตามง้อไอรินกันทั้งนั้น แต่ทำไมพีถึงได้ทำตัวเฉยชากับไอรินแบบนี้ ทำไมล่ะพี ทำไม ตอบมาสิ”

“นี่ไอริน อย่ามาเรียกก้องแบบไม่ให้เกียรติแบบนั้นให้ผมได้ยินอีกนะ ผมไม่ชอบ” ผมกระชากมือเรียวบางอย่างแรงด้วยความลืมตัวพร้อมกับบีบข้อมือของเธอจนแน่น ก็ผมโมโหจริงๆ นี่นา ก็ใครใช้ให้เธอมาว่าคนรักของผมก่อนล่ะ

“ ผมว่าวันนี้คุณกลับบ้านไปได้แล้ว แล้วทีหลังคุณก็อย่ามาทำกิริยาแบบนี้กับผมอีก เข้าใจไหมไอริน” ผมทำเสียงเข้มใส่คนตรงหน้าก่อนที่ไอรินจะสะบัดข้อมือของเธอออกจากมือของผมอีกครั้ง เธอเปิดประตูรถคันหรูแล้วนั่งประจำที่คนขับ เสียงสตาร์ทเครื่องยนต์ดังสนั่นหวั่นไหว เธอลดกระจกด้านคนขับลงพร้อมกับหันกลับมามองผมอีกครั้งด้วยแววตาอยากเอาชนะ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์

“ไอรินไม่มีวันยอมแพ้หรอกนะพี ตราบใดที่ไอรินยังอยู่ ก็อย่าหวังเลยว่าไอ้ก้องอะไรนั่นจะมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของไอรินได้ แล้วคุณจะได้รู้ ว่าผู้หญิงแท้ๆ กับผู้ชายความจำเสื่อม ใครมันจะดีกว่ากัน”

ไอรินขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ผมหนักใจกับคำพูดของเธออยู่เบื้องหลัง ไม่รู้ว่าต่อไปเธอจะมาแผลงฤทธิ์อะไรให้ผมปวดหัวอีก ป่วยการที่จะคิดอะไรในตอนนี้ สู้ผมกลับขึ้นห้องไปทำความเข้าใจกับคนรักของผมจะดีกว่า

ลิฟต์ของคอนโดทำงานอย่างเชื่องช้าเพราะใจของผมมันไปอยู่ที่คนหน้าหวานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมจ้องมองแหวนทองสีชมพูที่อยู่ในมือ ตอนแรกผมกะว่าจะให้ก้องตอนที่ผมกลับเข้ามาที่คอนโด แต่อะไรต่อมิอะไรก็ผิดพลาดไปซะหมด เพราะไอรินขอมาทานข้าวเย็นด้วยซะก่อน แต่ไม่เป็นไร.....เพราะถึงยังไงแหวนวงนี้ก็ต้องตกไปอยู่ในมือของก้องในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้อยู่ดี

ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยความตื่นเต้น พร้อมกับแอบลุ้นอยู่ในใจว่าพอก้องได้เห็นแหวนวงนี้แล้วก้องจะกลับมาจำผมได้หรือเปล่า แต่ถึงแม้ว่าก้องจะยังจำผมไม่ได้ ผมก็ต้องพยายามหาวิธีอื่นมาช่วยให้ก้องหายอยู่ดี

ผมมองซ้ายมองขวาหาคนรักของผม ไม่มีแหะ สงสัยคงจะอยู่ข้างบน ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วก็ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัว ก้องอาบน้ำอยู่สินะ ผมนั่งรออยู่บนเตียงอีกเพียงชั่วอึดใจก้องก็ออกมาจากห้องน้ำ

“อ้าวคุณพีรวิชญ์ คุณกลับขึ้นมาแล้วเหรอ”

“แล้วที่นั่งเกะกะลูกตาของคุณอยู่นี่ไม่ใช่ผมหรือไงคร้าบ” ผมตอบคำถามก้องพร้อมกับส่งยิ้มกวนๆ ไปให้คนตรงหน้า แล้วผมก็ได้สีหน้าเหวี่ยงๆ ของก้องบดินทร์ตอบกลับมาเป็นการตอบแทน ก่อนที่ก้องจะพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการ

“นี่.....คุณกลับมาก็ดีแล้ว ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”

“ผมก็มีเรื่องจะพูดกับคุณเหมือนกัน แต่ว่า...ผมให้คุณพูดก่อน” ผมทำตาปริบๆ ใส่คนตรงหน้าพร้อมกับส่งยิ้มละลายขั้วโลกไปให้คนหน้าสวย นั่นแน่.....ผมเห็นนะว่าแก้มของคุณมันมีเลือดฝาดขึ้นมา ถึงแม้ว่าคุณจะเสมองไปทางอื่นก็เถอะ

“เราหย่ากันนะคุณพีรวิชญ์”

“........”

เกิดความเงียบขึ้นมาในชั่วอึดใจ รอยยิ้มของผมลดน้อยลงเรื่อยๆ จนกลายเป็นสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่อจากนี้ ก้องขอหย่ากับผมเป็นครั้งที่สาม คำพูดเมื่อครู่ของก้องเปรียบเสมือนหมัดน๊อคที่พุ่งเข้ามาต่อยผมจนจุก ผมต้องรวบรวมสมาธิให้กลับมาเมื่อคนหน้าหวานเริ่มพูดกับผมอีกครั้ง

“ในเมื่อคุณเองก็มีคุณไอรินอยู่แล้วทั้งคน ส่วนผมเองก็ไม่ได้รักคุณอีกต่อไป ผมว่าการหย่ามันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนนะคุณพีรวิชญ์”

“ก้อง........ฟังนะ ผมกับไอริน เรา........”

‘ทำไมต้องเก็บซ่อนใจไว้อย่างนี้ ที่เราทำไม่ดียังไง~’ อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของก้องบดินทร์ก็ดังขึ้น แต่ผมไม่สนใจ

“ผมไม่ได้มีอะ..........”

‘ต่างก็รู้ว่าเราห่วงใย และคิดถึงกันมากแค่ไหน แต่ต้องซ่อนไว้ทุกวัน~’ ปั๊ดโธ่เว้ย......ใครวะ........มาโทรเอาตอนนี้

“ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะ” ก้องพูดพร้อมกับเดินไปรับโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งอย่างรวดเร็ว ก้องเหลือบมามองผมแว๊บหนึ่ง ผมจึงต้องพยักหน้าให้กับก้องอย่างเสียไมได้ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ผมกับก้องจะได้เข้าใจกันสักทีละเนี่ย

“สวัสดีครับพี่นิค”

หะ.........อะไรนะ ไอ้หมอนั่นอีกแล้วเหรอ..........

“กินแล้วครับพี่ แล้วพี่ละครับกินข้าวหรือยัง”

มากไปแล้วนะก้อง คุณไม่ต้องทำเสียงกระดี๊กระด๊าขนาดนั้นก็ได้

“ผมก็คิดถึงพี่เหมือนกันครับ”

อะไร....คิดถงคิดถึงอะไรกัน นี่มันชักจะมากไปแล้วจริงๆ ผมอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปจึงรีบสาวเท้าเข้าไปหาก้องและฉกโทรศัพท์มาจากมือเรียวสวยนั่น ก่อนที่จะกระแทกเสียงพูดกับคนที่อยู่ปลายสายเสียเอง

“นี่คุณนิค ว่างมากหรือไงครับถึงได้เที่ยวโทรมารบกวนแฟนของชาวบ้านเค้า ถ้าคุณมีเวลาว่างมากขนาดนั้น ผมขอแนะนำให้คุณไปหาหนังสือธรรมะสักเล่มแล้วช่วยอ่านเรื่องศีลห้า ข้อกาเมฯ ด้วยนะ ผิดลูก ผิดเมีย แย่งคนรักของคนอื่นมันบาปนะคุณ หวังว่าผมคงไม่ต้องได้ยินชื่อของคุณอีกนะ ลากันเถอะ” ผมกดตัดสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็วก่อนที่คนปลายสายจะพูดอะไรได้ ผมล่ะโมโหจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าก้องเป็นแฟนผมยังจะมาแย่งอยู่ได้

“มันจะมากไปแล้วนะคุณพีรวิชญ์ คุณมีสิทธิ์อะไรถึงได้มาเสียมารยาทกับคนของผม ผมขอเถอะ คุณอย่าทำอะไรให้ผมต้องเกลียดคุณไปมากกว่านี้เลยได้ไหม แค่นี้ผมก็รู้สึกแย่กับคุณมามากพอแล้ว” ก้องบดินทร์ตวาดใส่ผมเสียงดัง เหอะ....คุณคิดว่าคุณโมโหเป็นคนเดียวหรือไง คำก็หย่า สองคำก็หย่า ความอดทนของผมมันก็สิ้นสุดลงแล้วเหมือนกัน!!!!!

“สิทธิ์เหรอก้อง คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าผมมีสิทธิ์อะไร ได้.....แล้วผมจะแสดงให้คุณเห็น” ว่าแล้วผมก็กระชากข้อมือของก้องให้เข้ามาประชิดตัว แขนของผมข้างหนึ่งรัดเอวของก้องไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็จับคางของก้องบังคับให้หันมาหาผม ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับลงไปบนกลีบปากนุ่มอย่างถือเป็นเจ้าของ ก้องต่อต้านผมเต็มที่พยายามไม่ให้ผมรุกล้ำเข้าไปในปากหวานๆ นั่นได้ แต่ผมไม่มีวันยอมแพ้ ผมออกแรงบีบคางของก้องที่ผมจับอยู่จนทำให้ก้องต้องอ้าปากรับลิ้นอุ่นๆ ของผมที่รุกล้ำเข้าไป ลิ้นหนาของผมเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของก้องอย่างถือสิทธิ์ ก้องดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของผม แต่ผมไม่มีวันปล่อยก้องไปง่ายๆ หรอก ผมจะทำให้ก้องได้รู้ ว่าเค้าต้องเป็นของผมคนเดียว ผมตักตวงความหวานจากเรียวปากอิ่มอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะไล้เรื่อยไปที่พวงแก้มเนียน ซอกคอ แล้ววกกลับมาที่ริมฝีปากใหม่อีกครั้ง ผมรุกรานเรียวปากหวานนั้นเหมือนเช่นเคย แต่คราวนี้ไร้ซึ่งการขัดขืนของก้อง ผมเงยหน้าขึ้นสบตาของก้องแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นดวงตาว่างเปล่าของก้องเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา นี่ผมทำอะไรลงไป....ผมทำร้ายก้องอีกแล้วใช่ไหม.....เนิ่นนานกว่าที่ผมจะหาเสียงของตัวเองเจอก่อนที่จะพูดกับก้องอย่างรู้สึกผิด

“ก้อง...ผมขอโทษ”

“ออกไป”

“ก้อง....”

“ออกไป ไป ไปสิ ไป”

ก้องตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง พร้อมกับทรุดตัวนั่งลงร้องให้กับพื้นอย่างน่าสงสาร ผมพูดอะไรไม่ออก ในสมองของผมในตอนนี้มันมืดตื้อไปหมด ผมทรุดตัวลงไปจับไหล่ทั้งสองข้างของก้อง พร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อของก้องอีกครั้ง

“ก้อง...นิ่งซะนะ”

“ออกไป ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ คุณจะไปไหนก็ไปเลยไป”

ก้องสะบัดมือผมออกอย่างแรงพร้อมกับเบือนหน้าหนี ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากห้องอย่างจำใจ ผมคงต้องให้ก้องอยู่คนเดียวสักพักเผื่อทุกอย่างมันจะดีขึ้น ผมฉวยกุญแจรถที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟหน้าทีวีแล้วเดินไปที่ลาดจอดรถอย่างรวดเร็ว

ผมขับรถมายังผับหรูแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ น้ำสีอำพันถูกรินลงมาสู่แก้วทรงสูงอย่างไม่ขาดสาย ผมนั่งมองดูแหวนแต่งงานที่ยังไม่มีโอกาสที่จะให้กับก้องด้วยสายตาเหม่อลอย นี่ผมจะต้องสูญเสียก้องบดินทร์ไปจริงๆ หรือ หมู่นี้ผมจะคิดจะทำอะไรมันก็ดูผิดไปเสียทุกอย่าง ทุกครั้งที่ผมได้ยินก้องคุยกับไอ้ตี๋นั่นอย่างสนิทสนมผมก็ต้องรู้สึกเจ็บปวดในใจทุกครั้ง มันเหมือนกับว่าก้องกำลังจะเดินออกไปจากชีวิตของผมทุกทีทุกที เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาใหม่นั้นมันช่างโดนใจผมจริงๆ

‘Saying goodbye is never an easy thing
But you never said, that you’d stay forever
So if you must go. Well, darling, I’ll set you free
But I know in time, that we’ll be together
Oh, I won’t try to stop you now from leaving
Cause in my heart I know

Love will lead you back
Someday I just know that
Love will lead you back to my arms
Where you belong
I’m sure, sure as stars are shining
One day you will find me again
It won’t be long
One of these days our love will lead you back

One of these nights
Well I’ll hear your voice again
You’re gonna say, oh, how much you miss me
You walked out this door, but someday you’ll walk back in
Oh, darling I know
Oh, I know this will be
Sometimes it takes, sometimes out on your own now
To find your way back home*’

‘การบอกลาไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้ง่ายๆ แต่ทำไมคุณช่างบอกผมได้ง่ายดายเหลือเกินล่ะก้องบดินทร์’

‘จริงสินะ...คุณไม่เคยบอกผมนี่ว่าคุณจะอยู่กับผมตลอดไป’

‘ถ้าคุณคิดจะไปจากผมจริงๆ ผมควรจะต้องตามใจคุณใช่ไหม...’

‘แล้วถ้าคุณไปจากผมแล้ว คุณจะกลับมาหาผมอีกหรือเปล่า หรือผมควรจะต้องปล่อยคุณไป’

‘ผมควรจะเชื่อใช่ไหมว่าความรักของผมจะทำให้คุณกลับมาอีกครั้ง กลับมาหาอ้อมกอดของผมที่เป็นของคุณ......’

‘ใช่.....ผมจะต้องแน่ใจ ว่าความรักของผมจะทำให้คุณกลับมา.......’

ผมคิดในใจกับตัวเองด้วยความสับสน อีกครั้ง....ที่ผมไม่สามารถห้ามน้ำตาให้ไหลออกมาได้ ผมได้แต่หวังว่าความรักของผมจะสามารถเหนี่ยวรั้งให้ก้องกลับมาหาผมอีกครั้งได้จริงๆ

‘Love will lead you back
Someday I just know that
Love will lead you back to my arms
Where you belong
I’m sure, sure as stars are shining
One day you will find me again
It won’t be long
One of these days our love will lead you back’



* Love will lead you back cover โดย จิ๋ว ปิยนุช





Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 15:11:50 น. 6 comments
Counter : 522 Pageviews.

 
ฮืออออออออ............

สงสารตาพีจังอ่ะ......ยายก้องใจร้าย!!!!!!!!!

แถมยังมีตัวน่ารำคาญอีกกสองคน!!!!!!!!!!!!!

ยัยไอริณกะอีตาพี่นิคอีกอ่ะ..............

แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ตาพีกะยายก้องจะได้คืนดีกันเนี่ย?????????

น้องเอสดะน้องปออย่าไห้ดราม่ามากไปกว่านี้เลยนะ..

สงสารทั้งคู่อ่ะเศร้าจริง.....เศร้าจังฮือ...............

แต่งมาต่อไวไวนะคะเป็นกำลังใจให้ค่ะ.............


โดย: Keamdeang1@smile IP: 58.9.102.1 วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:18:00:04 น.  

 
ดราม่าที่สุดดดดดด


แต่ชอบนะ๋...อยากให้พียอมปล่อยก้องไป ((เพราะความรัก))

มีความรู้สึกว่า วันนึงพอก้องได้รู้ว่าพีคือคนที่ดูแลก้องตอนตาบอด
และพาไปรักษาจนหาย ประจวบกับได้รู้จัยตัวเอง((หึง))
หรืออยู่กับใครก้อคิดถึงแต่พี ((ที่บอกว่าเกลียดและไม่ต้องการ))
อ๊ากกก คงสะัจัยดี เอ๊ย!! คงจะดราม่าดี
.
.
จิเปนงี้ป่าวไม่รุ รู้แต่ว่าตอนนี้ชักหมันไส้นุ้งก้อง เหอะๆๆ


ปล.ตานิคนี่หน้าตาเปนงัย...เหมือนนิคเดอะสตาร์หรือป่าวอ่ะน้องเอส อิอิ


โดย: thenok วันที่: 7 เมษายน 2554 เวลา:23:28:43 น.  

 
โอ้ยยยยยยยยยยย ดราม่าๆๆๆๆ

สงสารคุณพี และน้องก้อง แงๆๆๆๆ

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
สู้ๆๆ คับ พี่เอส น้องปอ ^^


โดย: someone IP: 1.46.89.19 วันที่: 8 เมษายน 2554 เวลา:3:33:49 น.  

 
ตอบพีนกค่ะ หน้าตาของพี่นิคเอสได้บรรยายไว้ในตอนสะดุดรักเค้กชาเขียวค่ะ ^_^


โดย: biomedical_girl วันที่: 9 เมษายน 2554 เวลา:14:41:28 น.  

 
พี่เอส ความเสียใจจริงๆ เจ็บตั้งแต่เพลงประกอบแล้ว love will lead u back แต่ถ้ายังไม่ยอมรู้ใจตัวเองแบบนี้น่ากลัวคุณพีร์จะเจ็บยาว ให้คุณพีร์เย็นๆลงกว่านี้หน่อยน้าาา


โดย: เนี้ยบเนี้ยบ^^ IP: 223.204.20.20 วันที่: 6 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:13:36 น.  

 
ร้องไห้เลย เส้าสุดๆ คําเหล่าท่ีออกมาจากพี มันเส้าจิงๆคะพ่ีเอสTT


โดย: Lookpear IP: 223.24.52.141 วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:19:26:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.