Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 15 ตามหา รอคอย

ไอ้บ้าพีเอ้ย.............

ผมอยากจะตบปากตัวเองจริงๆ ไม่รู้ไอ้ผีห่าซาตานตัวไหนมันดลจิตดลใจให้ผมพูดแบบนั้นออกไป คำพูดที่เชือดเชือนหัวใจของคนฟังที่ยืนอยู่ตรงหน้า น้ำตาที่ไหลลงระสองแก้มเนียนนั่นมันทำให้ผมจุกจนพูดไม่ออก แต่.......ท่าทางของก้องบดินทร์ที่เหมือนจะรีบร้อนออกไปจากห้องทันทีที่ตื่นขึ้นมามันทำให้ผมอดน้อยใจไม่ได้ อยากรีบไปหากันมากนักหรือไง.....โธ่เว้ย ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ

“พี......เมื่อกี้พีพูดจริงๆ เหรอคะ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ก็ที่พีบอกว่าจะมีข่าวดีไงคะ”

ผมยิ้มให้กับไอรินเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะแกะมือของเธอที่เกาะแน่นอยู่ที่แขนของผมออก

“รินครับ......ผมขอตัวก่อนนะ บ่ายนี้ผมมีประชุม ต้องไปเตรียมเอกสารก่อน”

“แต่ว่า........”

“นะครับ นะ” ผมส่งยิ้มละลายหัวใจไปให้กับคนตรงหน้า ทำให้หญิงสาวทำตามที่ผมบอกอย่างว่าง่าย

“ก็ได้ค่ะพี รินไปก่อนนะคะ”

ผมยิ้มให้กับเธอจนร่างบอบบางนั้นหายลับไปจากสายตา ผมถอนหายใจให้กับตัวเองเบาๆ สิ่งที่ผมรับรู้มาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้มันทำให้ผมกลัว กลัวว่าไอรินจะทำอะไรบ้าๆ ลงไป แล้วก้องของผมจะได้รับอันตราย

เมื่อวานนี้ทิพย์กับปุยบอกผมว่าก้องรู้เรื่องผมกลับไปคบกับไอรินจากไอ้หมอนั่น มันทำให้ผมสงสัยว่ามันรู้ได้ยังไง เพราะเรื่องนี้มีเพียงผมกับไอรินเท่านั้นที่รับรู้ ตัวผมเองไม่ได้บอกใครแน่ๆ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจะคบกับเธอ แต่ถ้าเธอจะเป็นคนบอกเรื่องนี้กับคนอื่นก็อาจจะใช่ แต่เท่าที่ผมรู้.....ไอรินกับไอ้ตี๋นั่นก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันจนถึงขนาดที่เล่าจะเรื่องส่วนตัวให้ฟังกันได้ เรื่องนี้มันทำให้ผมสงสัย ผมจึงถือโอกาสตอนที่ก้องหลับสบายอยู่บนเตียงไปหาไอรินที่ห้องของเธอ

“อ้าว....พี ไม่ไปทำงานเหรอ”

“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”

“เข้ามาสิคะ”

หลังจากที่ผมเข้ามานั่งในห้องของไอรินเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยิงคำถามที่คาใจผมใส่เธอทันที

“ไอริน คุณสนิทกับนิคหรือเปล่า”

นางเอกสาวอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนที่กลับมายิ้มแย้มให้กับผมอีกครั้งแล้วตอบคำถามด้วยน้ำเสียงปกติ

“ก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่นี่คะ รู้จักกันตอนที่ไอรินมาทานข้าวที่ห้องของคุณกับตอนที่ไประยองแค่นั้นเอง คุณถามทำไมเหรอ”

“เปล่า....ไม่มีอะไรหรอก พอดีที่ดินที่ผมสนใจนิคเป็นนายหน้าอยู่ ถ้าคุณสนิทกับเค้าผมจะขอให้คุณช่วยติดต่อให้ผมหน่อย คุณก็รู้ว่าผมกับเค้าไม่ค่อยถูกกัน”

“โธ่.....รินก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็เรื่องงานนี่เอง”

‘คิดถึงฉันสักครั้งเมื่อไม่ได้คิดถึงใคร ทำตัวตามสบายแล้วเจอกันในความฝัน~’

เสียงริงโทนของโทรศัพท์ของไอรินดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนา นางเอกสาวจ้องไปที่เบอร์โทรเข้าก่อนที่จะขอตัวแยกไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียง

ผมเดินตามไอรินไปทันทีเมื่อไอรินยืนหันหลังคุยโทรศัพท์กับคนที่อยู่ปลายสาย ผมเข้าไปแอบอยู่หลังประตูกระจกที่มีผ้าม่านคลุมลงมาอย่างเงียบเชียบ ภายในห้องของไอรินไม่มีเสียงอะไรมารบกวนทำให้ผมได้ยินบทสนทนาของไอรินอย่างชัดเจน

“เรื่องที่เราตกลงกันไว้ แกดำเนินการได้เลย”

“เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ฉันโอนไปให้แกแล้ว สองแสนตามที่ขอ แต่ทำให้สำเร็จก็แล้วกัน อย่าให้มันเสนอหน้ากลับมาหาคนของฉันได้อีก หวังว่างานง่ายๆ แค่นี้แกกับลูกน้องคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังหรอกนะ”

ไอรินกดตัดสายทันที ก่อนที่จะต่อสายไปหาใครบางคนอีกครั้ง

“ฉันเคยเตือนแกแล้วว่าอย่าให้แฟนของแกมายุ่งกับคนของฉัน แต่เมื่อวานมันกลับมาค้างที่ห้องของพีทั้งคืน ดังนั้น แกจะมาหาว่าฉันโหดร้ายไม่ได้นะ”

“....................”

“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะไอ้นิค!!! แกคิดว่าแกเป็นใครหะ”

“....................”

“ไอ้บ้า หยาบคาย ฉันไม่มีวันนับคนอย่างแกเป็นผัวหรอกไอ้วิปริต”

ไอรินตัดสายทิ้งด้วยความโมโห ผมรีบเดินกลับมานั่งที่เดิมด้วยความรวดเร็ว ผมกำลังอึ้งกับข้อมูลใหม่ที่เพิ่งได้รับ ตกลงไอรินกับไอ้ตี๋นั่นรู้จักกัน แล้วดูเหมือนว่าจะลึกซึ้งซะด้วย แล้วก้อง......ตอนนี้ก้องกำลังตกอยู่ในอันตราย ไอริน....คุณคิดจะทำอะไรของคุณกันแน่

“รอนานมั๊ยคะพี”

“ไม่หรอกครับ ว่าแต่ใครโทรมาเหรอ” ผมพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด ตอบคำถามของเธอด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง

“เพื่อนน่ะค่ะ.......เออ พี เมื่อวานไอรินหัดทำเค้กชาเขียวที่คุณชอบมาด้วย พีรอแป๊บนะเดี๋ยวไอรินไปเอามาให้ชิม”

ผมยิ้มรับให้กับนางเอกสาวที่รีบลุกขึ้นกุลีกุจอเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว ผมตั้งใจจะเดินออกไปที่ระเบียงเผื่อว่าลมเย็นๆ ที่พัดเข้ามามันจะช่วยลดความสับสนของผมในตอนนี้ลงได้บ้าง แต่ระหว่างทางที่เดินไปนั้นผมก็สะดุดเข้ากับถังขยะที่วางอยู่ข้างโซฟาเข้าอย่างจังทำให้ผมล้มลงกับพื้นและเศษผงเศษกระดาษทั้งหลายก็กระจัดกระจายเกลื่อนพื้นทันที

ผมสะดุดตาเข้ากับสลิป ATM ที่กลิ้งมาอยู่ตรงหน้าผม ถึงแม้ว่ามันจะถูกขยำเป็นก้อนแต่ผมก็เห็นจำนวนเงินที่ปรากฏอยู่บนนั้นอย่างชัดเจน สองแสน.......ผมรีบเอื้อมมือไปเก็บมันไว้ใส่ในกระเป๋ากางเกงก่อนที่ไอรินจะเดินออกมาพอดี

“ตายแล้วพี.......เกิดอะไรขึ้นคะ”

“ผมเดินสะดุดน่ะริน พอดีผมจะตามเข้าไปช่วยคุณแต่ผมก็เตะเจ้านี่ซะก่อน ขอโทษนะครับที่ทำให้ห้องของรินสกปรก”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี พีเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวผมช่วยคุณเก็บนะ”
.
.
.
ผมนั่งมองสลิป ATM เจ้าปัญหาในห้องทำงานของบริษัทอย่างพินิจพิจารณา มันเป็นสลิปการโอนเงินจากบัญชีของไอรินเข้าไปยังบัญชีบัญชีหนึ่งที่มีชื่อว่า MUISM ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย มันคงต้องเป็นโค้ดอะไรซักอย่างที่ไอรินใช้ติดต่อกับคนพวกนั้น ผมรีบลอกชื่อประหลาดๆ นั่นไว้แล้วเก็บสลิปใส่ไว้ในซองสีน้ำตาลพร้อมปิดผนึกมันอย่างดีก่อนที่จะต่อสายถึงเลขาของผมแล้วสั่งการอย่างรวดเร็ว

“คุณกรกนก คุณช่วยติดต่อหัวหน้าแผนกของก้องให้ผมหน่อยนะครับ ผมต้องการตารางการทำงานของก้องโดยละเอียดตลอดเดือนนี้ด่วนที่สุด ภายในครึ่งชั่วโมง ถ้าได้แล้วรีบเอามาให้ผมทันทีนะครับ ขอบคุณมากครับ”

ก้อง หวังว่าผมจะช่วยคุณได้นะ....................

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เหนื่อย..


เป็นอีกวันที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด คนไข้ที่มีเข้ามามากมายจนเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัดอย่างผมไม่มีเวลาแม้แต่จะพักทานข้าวมื้อกลางวัน มีคนไข้พิเศษที่ต้องการได้รับการรักษาในทันทีในขณะที่ตอนนั้นเหลือเพียงแค่ผมเพียงคนเดียวที่ยังคงไม่ได้ออกไปจัดการกับอาหารมื้อเที่ยง แน่นอนว่าคนไข้สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมยินดีและเต็มใจที่จะเบียดเวลาพักของตัวเองเพื่อให้คนเจ็บได้รับการดูแล และทั้งหมดนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาห้าโมงเย็นแบบนี้ผมถึงได้ลนลานที่จะกลับบ้านนัก เพราะว่าวันนี้ทั้งวัน นอกจากกาแฟถ้วยแรกที่ได้ดื่มเข้าไปตั้งแต่เช้าแล้ว กระเพาะของผมก็ยังไม่มีอะไรเข้าไปเลยซักอย่าง หิวจะแย่..

เคสนอก..

ตารางบนโต๊ะขอตัวเองในห้องพักของเจ้าหน้าที่ทำให้ผมแทบจะลมจับ โอเค..ก่อนที่จะออกไปทำหน้าที่ต่อ ขอแวะซื้อแซนวิชซักชิ้นทานก่อนก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมต้องตายในหน้าที่แน่ๆ

กระเป๋าสีดำใบเดิมถูกคว้าขึ้นก่อนที่เท้าของผมจะรีบเก้าออกไป...

“พี่ก้อง!!”

ผมหันไปทางเสียงเรียก ก็พบกับเด็กสาวรุ่นน้องที่ยืนมองด้วยใบหน้าเอ๋อเหรอคล้ายจะถามว่าผมกำลังจะไปไหนยังไงยังงั้น

“จะไปไหนอ่ะ”

นั่นไง..

“พี่มีเคสนอก ไปก่อนนะ เดี๋ยวคนไข้รอ”

“เฮ้ย! พี่ๆเค้าจะชวนไปกิน..”

เสียงตะโกนไล่หลังที่ยังพูดไม่ทันจบชะงักไปเพราะผมไม่ได้อยู่ฟัง เวลาอันน้อยนิดทำให้ผมต้องเร่งรีบ ไหนจะยังต้องแวะหาอะไรรองท้องอีก เอาไว้วันหลังนะปุยนะ

รถโดยสารสี่ล้อพาผมเข้าไปใกล้จุดหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ต้นหญ้ารกครึ้มตลอดสองข้างทาง ตรงกลางคือถนนปูด้วยคอนกรีตที่เงียบสงัดไร้ซึ่งรถราที่ควรจะพากันวิ่งขวักไขว่ เงียบจนทำให้บรรยากาศภายนอกดูไม่น่าจะอภิรมย์นัก หากจะต้องให้ขับรถมาคนเดียวก็คงจะไม่น่าสนุกซักเท่าไหร่ ท้องฟ้าที่เริ่มไร้วี่แววของแสงแดดเริ่มครึ้มลงนิดๆเป็นเรื่องปรกติของช่วงเวลาห้าโมงกว่าๆแบบนี้

ไกลไม่ใช่เล่นแฮะ..

แอร์เย็นฉ่ำของแท็กซี่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ ใกล้เวลานัดเข้าไปทุกที คงจะไม่ดีนักหากว่าเจ้าหน้าที่ไปถึงช้ากว่าเวลา

“พี่ครับ ขับเร็วกว่านี้นิดนึงได้มั้ยครับ คือ..ผมรีบจริงๆ”

สุดท้ายก็ตัองตัดสินใจพูดออกไปเมื่อดูเข็มบอกระดับความเร็วของรถที่หน้าปัด มันอยู่ที่หกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น ขับแบบนี้ต่อให้แคสนอกของผมอยู่ที่คอนโดหน้าวิภาราม ผมก็คงจะไปช้ากว่าเวลาอยู่ดีนั่นแหละนะ เฮ้อ...

ทำเวลาได้..ไม่ดีเท่าไหร่..

ผมบ่นในใจเมื่อสองขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านของคนไข้ บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านอีกที แต่ค่อนข้างแปลกกว่าหลังอื่นๆในหมู่บ้านเดียวกันเล็กน้อยก็ตรงที่ว่า บ้านหลังที่ว่านี้มันถูกแยกออกมาจากหลังอื่นๆโดยสิ้นเชิง เรียกได้ว่าถ้าคิดจะซื้อบ้านหลังนี้อยู่ หากจะหาเพื่อนบ้านก็คงต้องเดินออกไปอีกเกือบๆสองร้อยเมตรและดูแล้วบ้านหลังที่ว่านี้จะดูดีกว่าบ้านหลังอื่นๆเสียด้วย ราคาต้องแพงกว่ากันแน่นอน..


ผมกดกริ่งเพื่อแสดงการมาถึง ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออก ปรากฏภาพผู้ชายอายุไล่เลียกับผมยืนยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“เชิญครับ”

ผมยิ้มให้พร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะแทรกตัวเข้าไปในบ้าน

“นั่งรอก่อนนะครับ คุณป้าเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็ออกมาแล้วล่ะ”

“ครับ”

ผมนั่งลงที่โซฟาในส่วนที่เป็นห้องรับแขก ไม่นานแก้วน้ำสีส้มก็วางลงตรงหน้าด้วยมือของผู้ชายคนเดิม

“น้ำแครอทครับ คุณป้าทำเองเลยนะ แกชอบทำน้ำผลไม้ดื่มเองน่ะครับ ลองดื่มสิครับ ถ้าคุณป้าออกมาแล้วคุณก้องชมว่าอร่อยแกคงจะดีใจ แกบ้ายอน่ะครับ”

เสียงหัวเราะน้อยๆและรอยยิ้มนั้นทำเอาผมขำตามไปด้วย ดูแล้วเค้าคงจะรักคุณป้ามาก และคงจะสนิทกันเป็นอย่างดี ผมหยิบแก้วน้ำสีสวยตรงหน้าขึ้นจิบเล็กน้อย รสชาติหวานกำลังดีและติดจะเปรี้ยวหน่อยๆทำให้ไม่เลี่ยน อีกทั้งยังไม่ขมเลยซักนิดทำให้ผมยิ้มออกมา

“อร่อยมากเลยครับ”

“พอดีผมทราบชื่อคุณก้องจากโรงพยาบาลน่ะครับ แต่ว่าคุณยังไม่รู้จักชื่อผมเลย เรียกผมว่าเดชก็ได้นะครับ”

“เอ่อ..ครับ”

ไอ้การแนะนำชื่อเพื่อทำความรู้จักกันในสภานะการณ์แบบนี้ สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยซักนิด แต่ว่าแววตาของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานของคนไข้นี่สิที่กลับทำให้ผมชะงักเล็กน้อย มันดูแปลกเสียจนนึกอยากจะออกไปจากที่นี่มันซะเดี๋ยวนี้ ผมรีบเสมองไปทางอื่นรอบๆบ้าน อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางประตูที่คิดว่าน่าจะเป็นประตูของห้องน้ำว่าคุณป้าจะออกมารึยัง

“อ่อ..คุณป้าเข้าห้องน้ำอยู่ข้างบนน่ะครับ”

“อ๋อ..ครับ” ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปให้ นึกรู้สึกผิดที่ตัวเองทำเสียมารยาทโดยการมองหาหรือเร่งให้คนไข้ออกมาแบบนั้น


ผนังสีขาวมุกทั้งหลังส่งให้บ้านดูสะอาดตา อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่วางอย่างเป็นระเบียบบ่งบอกได้ดีว่าเจ้าของบ้านคือคนที่รักความสะอาดมากแค่ไหน ตู้ไม้สี่เหลี่ยมสีดำล้อมรอบไปด้วยกระจกใส ภายในเต็มไปด้วยตุ๊กตาตัวน้อยใหญ่จำนวนมากทำให้ผมยิ้มออกมา คงจะเป็นของคุณป้าแน่ๆ เอ..หรือว่าจะเป็นของหลานคุณป้ากันนะ ผู้ชายสะสมตุ๊กตางั้นหรือ..

แค่คิดก็เผลอยิ้มน้อยๆออกมาคนเดียวซะอย่างนั้น..


..............


ผมอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นถูที่ขมับด้วยความรู้สึกเก้อๆ นั่นก็เพราะว่าทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมา ผมก็จะพบว่าสายตาของผู้ชายตรงหน้ากำลังมองมาที่ผมอยู่ ไม่ว่าผมจะแกล้งหันไปทางอื่น ดื่มน้ำ หรือว่าก้มลงมองที่มือของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย แต่พอหันหน้ากลับมาทางเดิมก็จะพบว่าตัวเองกำลังถูกมองอยู่ทุกครั้ง แถมดูแล้วเค้ายังจะไม่มีทีท่าว่าจะหลบสายตาหรือแกล้งทำเป็นไม่ได้มองเลยซักนิด

นั่นทำให้ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก..

ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วยเนี่ย..

“เอ่อ..มีอะไรรึเปล่าครับ”

ในที่สุดก็ถามออกไปจนได้ ก็แค่อยากให้รู้ว่าผมรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ และไม่ชอบใจนักก็เท่านั้น...

“คุณก้องน่ารักจังเลยนะครับ”

........


นี่มัน...


ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ...

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมนั่งมองตารางงานของก้องอย่างละเอียด วันนี้ก้องทำงานยุ่งทั้งวัน แต่ว่าโชคยังดีที่ตอนเย็นไม่มีเคสนอกมาให้ปวดหัว ช่วงนี้ไอรินไปถ่ายแบบที่เมืองนอกจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ผมจะปรับความเข้าใจกับก้องเสียทีหลังจากที่ผมแน่ใจแล้วว่าก้องยังรักผมอยู่ จะว่าไปถ้าวันนั้นผมไม่พูดประชดประชันให้ก้องต้องเสียน้ำตา ป่านนี้ก้องก็คงจะกลับมาอยู่กับผมเหมือนเดิมไปแล้ว

ผมรีบออกจากบริษัทเมื่อถึงเวลาเลิกงานแล้วรีบตรงไปหาก้องที่หอพักของโรงพยาบาลทันที ผมเข้าไปนั่งดักรออยู่ที่โถงชั้นล่างของหอพัก รอแล้วรอเล่าก้องก็ยังไม่มา

หกโมงสิบห้า...........

ปกติถ้าไม่มีเคสนอกก้องจะต้องกลับไม่เกินหกโมงเย็น แต่นี่...........มันชักจะผิดปกติแล้ว

“ปุย..........ปุย............” ผมร้องเรียกเด็กสาวเพื่อนสนิทของก้องที่กำลังเพิ่งเดินเข้ามาในหอพัก เธอหยุดชะงักกะทันหันแล้วหันมาทักผมเสียงใส

“ว่าไงคะพี่พี”

“ก้องอยู่ไหน ปุยรู้ไหม ทำไมยังไม่กลับ”

“อ้าว........ก็พี่ก้องไปหาคนไข้เคสนอกนี่คะ”

“ว่าไงนะ!!!”

“อะ....อ้าว......พี่พี จะรีบไปไหนอ่ะ”

ผมรีบวิ่งออกจากหอพักโดยไม่ใส่ใจเสียงเรียกของน้องปุยเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวในหัวของผมตอนนี้คือก้องจะต้องปลอดภัย ทันทีที่ผมสตาร์ทรถได้สำเร็จผมก็รีบพาเจ้าเลคซัสห้อตะบึงออกไปทันที

อุปกรณ์สื่อสารถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ผมต่อสายถึงคนหน้าสวยเป็นสิบๆ ครั้งแต่ก้องก็ไม่รับโทรศัพท์ ผมนึกถึงไอ้หน้าตี๋ที่น่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ดี แต่.........ผมไม่มีเบอร์ของมัน!!!!! ด้วยความร้อนใจ ผมรีบหักพวงมาลัยกลับรถทันทีจนได้ยินเสียงดังเอี๊ยด ใช้ทักษะของนักแข่งรถอย่างสุดความสามารถเพื่อไปหาไอ้หนุ่มหน้าตี๋ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

“แกบอกฉันมาว่าก้องอยู่ไหน” ผมประเคนหมันไปที่ใบหน้าของไอ้ตี๋นั่นทันทีที่ผมพบหน้ามัน ชายร่างสูงมองผมด้วยสายตางุนงงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ด้วยความโกรธเคือง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!”

“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว ว่าแกกับไอรินกำลังร่วมมือกันวางแผนชั่วๆ ทำร้ายก้องบดินทร์ แกบอกฉันมาดีกว่าว่าพวกแกเอาก้องไปไว้ที่ไหน”

“ใช่....ฉันกับไอรินวางแผนแยกก้องกับแกออกจากกัน แต่เรื่องทำร้ายก้อง ฉันไม่รู้เรื่อง”

“แกหมายความว่าไง”

“ฉันไม่ได้ร่วมมือกันไอรินทำร้ายก้อง ฉันเองก็รักก้องไม่น้อยไปกว่าแกหรอก”

ผู้ชายสองคนที่รักคนคนเดียวกันมองหน้ากันอย่างวัดใจ แววตาของไอ้นิคมั่นคงจริงใจจนผมนับถือ ผมเชื่อ.....เชื่อสนิทใจว่ามันเองก็รักก้องไม่ต่างไปจากผมเหมือนกัน

“เรามาร่วมมือกัน” ผมยื่นมือไปให้กับคนตรงหน้า “ช่วยให้ก้องพ้นจากอันตราย แต่เป็นการสงบศึกชั่วคราวนะ ก้องปลอดภัยเมื่อไหร่ เรามาสู้กันแบบแฟร์ๆ”

“ตกลง....คุณพี” ชายร่างสูงจับมือกับผมแน่นดั่งคำปฏิญาณ

“งั้นเราแยกย้ายกันตามหาก้องตามสถานที่ที่คิดว่าไอรินน่าจะพาก้องไป ถ้าใครเจอก้องก่อนก็ให้โทรบอกกัน นี่เบอร์ผม” ผมยื่นนามบัตรไปให้กับคนตรงหน้า ก่อนที่ชายร่างสูงจะยื่นนามบัตรของตัวเองมาแลกเปลี่ยน ผมรีบก้าวเท้าออกจากคอนโดหรูอย่างรวดเร็ว แต่เสียงของไอ้นิคก็ทำให้ผมต้องหันหลังกลับไป

“คุณพี...ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก ผมจะต้องเจอก้องก่อนคุณแน่ๆ”

ผมยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะสบตากับคนตรงหน้า

“คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าคุณนิค........ผมน่ะเจอก้องมานานก่อนคุณเป็นปีเสียอีก”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

อาจเพราะว่าวันนี้ทั้งวัน นอกจากกาแฟถ้วยแรกในตอนเช้าแล้วก็มีเพียงแซนวิชชิ้นเดียวเท่านั้นที่ตกถึงท้อง ตอนนี้ท้องของผมมันก็เลยร้องขึ้นมาต่อหน้าต่อตาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานคนไข้เสียอย่างนั้น

น่าอายจริงๆเลยก้องบดินทร์เอ๊ย..

“แห่ะๆ”

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆส่งไปให้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชายตรงหน้า เค้าคงจะได้ยินมันชัดเจนเลยทีเดียว ก็แน่ล่ะ ในเมื่อตัวผมเองยังได้ยิน แล้วเค้าซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าห่างกันไปถึงเมตรแบบนี้จะไมได้ยินได้ยังไง

“คุณป้ายังไม่ออกมาซักที ดูท่าคุณก้องจะยังไม่ได้ทานอะไรมา ลองชิมคุ๊กกี้ของคุณป้าหน่อยดีมั้ยครับ”

ผมรับยกมือปฏิเสธแต่ก็ไม่ทัน เจ้าตัวก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในครัวซะแล้ว

ไม่นานแก้วน้ำสีเดิมที่ยกมาใหม่พร้อมกับคุกกี้จานเล็กก็ถูกเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าราวกับว่าผมเป็นแขกคนสำคัญยังไงยังงั้น ผมได้แต่ส่งยิ้มให้ ไม่กล้าจะหยิบทั้งๆที่ท้องมันก็เรียกร้องเสียจนทนแทบไม่ไหว และเหมือนว่าผู้ชายใจดีคนนี้จะรู้ เพราะอยู่ๆเค้าก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อไปดูคุณป้าด้วยเหตุผลที่ว่าเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ

คุกกี้หน้าตาน่ากิน แต่ว่า..แค่น้ำแครอทอีกซักแก้วก็พอจะดีกว่า
หมดแก้ว..

ไม่อิ่ม..ง่ะ

เฮ้อออ..

ง่วง..

สงสัยจะดื่มน้ำมากไปหน่อย พอท้องมันตึงๆ หนังตาก็เลยเริ่มรู้สึกหย่อนนิดๆ ผมหาวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ยังไม่ค่ำเลยแต่ผมกลับนั่งง่วงหงาวหาวนอนทั้งๆที่ยังอยู่ในหน้าที่แบบนี้ แย่จริงๆ..

“กำลังลงมาแล้วล่ะครับ”

ผมพยักหน้าให้เล็กน้อยเพื่อแสดงการรับรู้เมื่อผู้ชายคนเดิมลงบันไดลงมา

“ผมขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ยครับ”

“เชิญครับ”

ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงผมก็รีบเดินเข้าไปยังอ่างล้างหน้า หนังตาที่เริ่มจะปิดด้วยความงัวเงียเมื่อสัมผัสกับน้ำเย็นๆก็ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นเล็กน้อย

วันนี้รู้สึกเพลียมากจริงๆ..

ผมเปิดประตูห้องน้ำออกเมื่อคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วกับการทำงาน ถึงแม้ว่าร่างกายจะรู้สึกล้ามากแค่ไหนแต่งานก็ต้องมาก่อน เสียเวลามากมาแล้ว..


....?....


อะ..อะไรกัน..

คนสองคนยืนขวางอยู่ตรงหน้าประตู หนึ่งในนั้นคือผู้ชายคนเมื่อกี๊ที่ผมเข้าใจว่าเป็นหลานของคนไข้ สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มเป็นมิตรหายไปเหลือไว้เพียงรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ

“คะ..คุณป้าล่ะครับ”

“นี่ไงครับ คุณป้า”
ผู้ชายคนเดิมพยักเพยิดหน้าไปที่คนข้างๆ คนข้างๆที่เป็นผู้ชายวัยไล่เลี่ยกันยืนกอดอกมองมาที่ผมแล้วยักคิ้วให้อย่างกวนๆทั้งๆที่ผมไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
มัน...ผิดปรกติ

“เอ่อ..”

....

“เฮ้ย!!”

ตึง!!

เพล้ง!!!

ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตั้งตัว ผู้ชายสองคนตรงหน้าเอื้อมแขนเข้ามากระชากผมออกไปจากห้องน้ำ หลังผมกระแทกกับตู้ไม้อันใหญ่อย่างแรงจนแจกันที่วางประดับอยู่ข้างบนหล่นลงมาแตกกระจายเต็มพื้นห้อง แรงชนที่หลังทำให้ร่างกายรู้สึกจุกเสียจนผมทำหน้าเหยเก

อึก!

“ปะ..ปล่อย”

ฝ่ามือของชายอีกคนที่ผมเพิ่งได้เห็นหน้าตรงเข้ามาบีบอยู่ที่คอจนผมหายใจไม่ออก มือไม้ของผมทุบเข้าที่มือหยาบนั้นอย่างแรงเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ

“เฮ้ยพอก่อน เดี๋ยวตายกันพอดี”

“แค่กๆ!!”

เพราะอีกคนห้ามเอาไว้ทำให้มันคนนั้นปล่อยมือ ผมทรุดลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง รู้สึกว่าตัวเองกำลังพยายามสูดลมหายใจเข้าอย่างตะกละตะกลาม และแล้วความรู้สึกเจ็บแปลบก็มาอยู่ที่สันคางเมื่อผู้ชายคนแรกที่ผมเจอนั้นนั่งลงแล้วบีบคางของผมให้ยกขึ้น

“เสียดายว่ะ”

เจ้าของมือทอดมองไปทั่วทั้งหน้าของผม ก่อนที่มันจะเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อยเพื่อมองผมให้ทั่วทั้งตัว

รู้สึกขยะแขยงจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว..ทำไมวันนี้ผมถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ

“มึงจะเสียดายทำไม ยัยนั่นบอกว่าทำอะไรก็ได้ มึงอยากทำอะไรก็ทำดิ่ หึ!”

คำพูดที่อีกคนพูดขึ้นทำให้ผมเบิกตาโพลง สมองเริ่มนึกทบทวนว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร ตกลงว่าเคสนอกของผมมันมีจริงรึเปล่า ทำไมเรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้

ตุ่บ!!

ผลั่ก!!

ผมออกแรงถีบมันที่นั่งชันเข่าอยู่จนมันล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า อีกคนเข้ามาจับผมเอาไว้พร้อมกับรับหมัดของผมเข้าไปเต็มๆหน้า ขาของผมถูกคนที่ลงล้มไปกองที่พื้นจับเอาไว้แล้วลากจนผมล้มตามลงไปก่อนที่เท้าของผมจะพยายามออกแรงถีบไปอย่างมั่วๆ

“ไอ่เชี่ย แม่งฤทธิ์มากว่ะ”

อีกคนเข้ามากระชากให้ผมลุกขึ้นนั่งและล็อคแขนของผมเอาไว้

อึก!!

ความรู้สึกจุกที่ท้องทำให้ผมทรุดลงไปกองกับพื้น ขดตัวงออย่างหมดแรง ผมไม่เคยมีเรื่องกับใคร แล้วทำไมผมถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คนพวกนี้เป็นใคร แล้วเค้าทำแบบนี้เพื่ออะไร คำถามมากมายไปหมดวิ่งวนอยู่ในหัวของผมจนไม่รู้ว่าควรจะหาคำตอบอันไหนก่อน ภาพความทรงจำในอดีตผุดขึ้นมาในหัว

แต่มันก็แค่เพียงบางเบาเท่านั้น..

ถ้าคุณไม่ทิ้งผม ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณ..

เราสองคนจะไม่มีวันแยกจากกัน..


พี....

คุณอยู่ไหน.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ก้อง........คุณอยู่ไหน..............

หกโมงครึ่ง.......

ผมขับรถไปตามท้องถนนอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลาที่กระชั้นเข้ามาทุกที จะปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้ไม่ได้ แต่ละครั้งที่เข็มนาฬิกาเดินไปมันหมายถึงความปลอดภัยของคนที่ผมรัก ผมพยายามนึกถึงสถานที่ที่ไอรินน่าจะรู้จักซึ่งพอที่จะใช้เป็นที่พักของคนไข้เพื่อหลอกให้ก้องไปหาได้ ตอนที่ผมคบกับเธอผมรู้มาว่าเธอมีบ้านอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวลาดพร้าวแต่จะใช่หรือเปล่า ต้องลองดู

“ฮัลโล แอนนี่ แอนนี่จำได้ไหม ว่าบ้านของไอรินอยู่ที่ไหน” ผมต่อสายไปหาแอนนี่ เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับผมและไอรินตอนที่ผมเรียนอยู่ที่อเมริกา

“แล้วทำไมพีไม่ถามไอรินเองล่ะ”

“ผมติดต่อไอรินไม่ได้เลย แอนนี่ช่วยผมหน่อยนะ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย”

“ได้พี แป๊บนึงนะเดี๋ยวแอนนี่โทรกลับ”

เพียงไม่กี่นาทีอุปกรณ์สื่อสารของผมก็แผดเสียงดังขึ้น ผมกดรับด้วยความรวดเร็วแล้วขับรถไปตามทางที่แอนนี่บอกด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม แค่ชั่วอึดใจผมก็มาถึงหมู่บ้านที่ว่านั่น ผมจอดรถและเดินลงไปกดกริ่งที่ประตูหน้าบ้าน เพียงไม่นานก็มีผู้หญิงสูงอายุออกมาหาที่ประตูรั้วและถามผมด้วยความสงสัย

“มาหาใครเหรอคะคุณ”

“ผมมาหาไอริน เจ้าของบ้านหลังนี้น่ะครับ”

“บ้านหลังนี้เจ้าของเดิมขายมาให้ดิฉันมาเกือบสี่เดือนแล้วค่ะ คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“แล้วตอนนี้คุณพอจะทราบมั๊ยครับว่าเจ้าของเดิมย้ายไปอยู่ที่ไหน”

“ดิฉันก็ไม่ทราบนะคะ แต่เห็นว่าเธอจะย้ายไปอยู่คอนโดที่ไหนสักที่นี่แหละค่ะ”

“ครับ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากครับ”

ผมเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความผิดหวัง ไอรินขายบ้านไปแล้ว แล้วไอรินจะพาก้องไปไหน

หกโมงห้าสิบ..........

ก้อง.....ป่านนี้คุณจะเป็นยังไงบ้าง

ผมกลับไปนั่งในรถคู่ใจอีกครั้งแล้วพยายามใช้สมองประมวลเรื่องราวทั้งหมด ใครบ้างที่รู้ว่าก้องมีเคสนอก..................

น้องปุย.............

ใช่!!! เบาะแสเพียงคนเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้

“ปุย ก้องรู้ได้ยังไงว่าวันนี้มีเคสนอก” ผมต่อสายโทรศัพท์ไปยังเพื่อนรุ่นน้องของก้องทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา

“พี่ก้องอ่านจากตารางงานที่อยู่บนโต๊ะทำงานน่ะพี่พี”

“แล้วตอนนี้ตารางนั่นอยู่ที่ไหน”

“คงอยู่ในแฟ้มบนโต๊ะพี่ก้องนั่นแหละ พี่พีถามทำไม”

“ปุยไปช่วยดูตารางนั้นให้หน่อยได้ไหม ว่าเคสสุดท้ายก้องไปที่ไหน”

“ตอนนี้ปุยออกมากินข้าวกับพี่ๆ ข้างนอกอ่ะ คงอีกนานกว่าจะกลับ”

ผมถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด ขัดใจที่อะไรๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจ ก่อนที่ตัดสายทิ้งโดยไม่ได้ร่ำลาเพื่อนรุ่นน้องของก้องเลยแม้แต่น้อย

ผมรีบขับรถกลับไปยังวิภารามอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตารางงานนั่นอยู่ที่ไหน เมื่อผมไปถึงโรงพยาบาลผมก็ใช้สิทธิ์ของการเป็นหุ้นส่วนใหญ่ขอกุญแจเปิดห้องทำงานทันที ผมเดินไปที่โต๊ะของก้องอย่างรวดเร็วแล้วค้นหาแฟ้มที่ว่านั้น เพียงไม่นานผมก็เจอแฟ้มสีดำที่วางอยู่ในลิ้นชักชั้นบนสุดของโต๊ะ เคสสุดท้ายของก้องต้องไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถวรังสิต ผมรีบฉวยกระดาษแผ่นนั้นโดยไม่รอช้าและวิ่งสุดฝีเท้าออกไปที่รถทันที
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เชี่ย แค่สองช้อนแม่งสลบเลยเหรอวะ”

“หึ กูกะเอาแค่หมดแรง สู้ไม่ไหวนะ ไม่นึกว่าจะหลับไปเลยแบบนี้”

“ยาแม่งดีว่ะ”

“มึงก็เอาเลยดิ๊ สลบแล้วเนี่ย ไม่สู้มึงละ”

“แบบนี้ไม่สนุก รอแม่งตื่นก่อนดีกว่า”

เสียงสนทนาระหว่างคนสองคนผมได้ยินมันชัดเจนเต็มสองหู นั่นเพราะว่าจริงๆแล้วผมไม่ได้สลบแต่อย่างใด

ถึงว่าสิว่าทำไมผมถึงรู้สึกหมดแรงได้ขนาดนี้..

น้ำแครอท..

เสียงประตูที่ถูกปิดอย่างแรงทำให้ผมรู้สึกมีความหวังมากขึ้นเมื่อพวกมันออกไปจากห้องกันหมดแล้ว ทันทีที่ผมแกล้งสลบไปพวกมันก็เอาผมขึ้นมาไว้บนห้อง ผมไม่รู้ว่ามันต้องการจะทำอะไรกับผมกันแน่ มันอาจจะทำร้ายให้ผมเจ็บ หรือ..อาจจะฆ่าให้ผมตาย..

แต่ผมไม่ยอมหรอก...

ผมรีบใช้แรงที่เหลืออยู่พาร่างกายไปที่ประตูก่อนจะพบว่ามันถูกล็อคเอาไว้จากด้านนอกอย่างแน่นหนา

ทำยังไงดี...

เงาจากต้นไม้ด้านนอกที่ทะลุผ่านผ้าม่านที่ปลิวพลิ้วอยู่ที่หน้าต่างทำให้ผมยิ้มได้ ผมพยุงตัวเองเข้าไปและพบว่ามันไม่ได้สูงมากนักเมื่อดูจากระยะจากพื้นขึ้นมาถึงจุดที่ผมยืน

เป็นไงเป็นกัน..

ตุ่บ!!

โอ๊ะ!!

ทนไม่ไหวสุดท้ายก็เผลอร้องออกมาเมื่อความเจ็บแล่นแปลบตั้งแต่ข้อเท้าไปถึงหัวเข่า ทำไมผมจะไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันเกิดขึ้นจากอะไร..
เจ็บ..

เจ็บเหลือเกิน..

แต่ไม่มีเวลาให้มาพร่ำพรรณาถึงความรู้สึกทรมานนี้มากนัก ผมต้องรีบออกไปจากที่นี่

ต้นหญ้ารกครึ้มสองข้างทางท่ามกลางเส้นทางถนนที่แสนเปลี่ยว ไม่มีรถผ่านมาให้ขอความช่วยเหลือได้แม้ซักคันเดียว ผมพาตัวเองวิ่งกระเสือกกระสนจนห่างจากบ้านหลังนั้นมาได้ไม่ไกลมากก็ต้องทรุดลงไปกองกับพื้นเมื่อรู้สึกถึงความจ็บแสบที่แล่นร้าวขึ้นมาที่เท้าซ้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

“หายไปได้ไงวะ เชี่ยเอ๊ย!!”

เสียงตะโกนด้วยความโมโหของใครซักคนที่ทำร้ายผมดังมาจากไกลๆ ทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบ ผมรีบพาตัวเองลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก ขาข้างที่เจ็บหนักก็จำเป็นที่จำต้องนำมาใช้ในการวิ่งโดยพยายามลืมความเจ็บปวดมันไปให้หมด ต้นหญ้าที่ขึ้นสูงบริเวณข้างทางกลายเป็นที่หลบภัยชั้นดีให้กับคนไม่มีที่ไปในเวลานี้อย่างผม

เสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผมที่แอบอยู่ข้างๆเกือบจะตะโกนขอความช่วยเหลือไปแล้วหากยังดีที่เห็นทันว่าเจ้าของเสียงรถนั้นคือคนร้ายสองคนนั่น ผมรีบมุดลงหลบกับต้นหญ้าสูงให้มิดชิดที่สุดจนรถคันนั้นวิ่งผ่านไปไกล

ร่างกายที่เริ่มจะหมดแรงยังคงพาผมเดินไปเรื่อยๆโดยตัดสินใจเลี้ยวมาอีกทาง เพราะหากผมยังคงเดินตรงมาทางเดิมนั้นพวกมันจะต้องขับรถกลับมาเจอผมแน่ๆ

ตู้สี่เหลี่ยมสภาพเก่าทรุดโทรมปรากฏอยู่ไกลๆทำให้ผมกัดฟันยิ้มออกมาได้
มันคือตู้โทรศัพท์..

เหรียญเพียงเหรียญเดียวที่ติดกระเป๋ากางเกงอยู่ถูกมือสั่นๆของผมหยอดมันลงไปก่อนจะรีบกดเบอร์ของคนที่ผมคิดถึงมากที่สุดในเวลานี้ มือที่สั่นจนแทบควบคุมไม่อยู่ทำให้กดผิดกดถูกอยู่หลายครั้ง พยายามรวบรวมสติของตัวเองไว้จนกระทั่ง..

เงียบ...

ไม่มีเสียงสัญญาณใดๆจากหูที่ผมถือค้างเอาไว้ ไม่มีตัวเลขขึ้นอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์สาธารณะนี้เลยแม้แต่ตัวเดียว..

มัน..ใช้การไม่ได้

ขาของผมพาตัวเองทรุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดแรง...

เวลานี้ผมควรจะทำอะไรอยู่ แล้วผมมาทำอะไรทีนี่.. ผมทำอะไรผิดมันถึงเกิดเรื่องบ้าๆแบบนี้..

ฮึก!

น้ำตาของผมหยดลงกับแขนของตัวเองเพราะผมนั่งกอดเข่าแน่น ฟ้าที่เริ่มจะมืดยิ่งทำให้บริเวณนี้ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก อยากจะร้องขอให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีรถผ่านมาแม้แต่คันเดียว ผมกอดตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อให้กันความหนาวจากลมที่พัดเข้ามาสัมผัสตัวผมอย่างเอื่อยๆ อีกทั้งกอดเพื่อเป็นการปลอบใจตัวเอง

กอด.. เพื่อทนแทนอ้อมกอดของใครคนหนึ่งที่ผมกำลังคิดถึง..

พี..
คุณอยู่ไหน..


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

หนึ่งทุ่มสิบนาที............

ระยะทางที่ห่างไกลไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อนักแข่งรถมืออาชีพอย่างผม ถึงแม้เจ้าเลคซัสคันนี้จะไม่ได้แต่งมาเพื่อใช้ประลองความเร็ว แต่ทักษะและประสบการณ์ในสนามแข่งที่ผมสะสมมาเป็นเวลาหลายปีได้ถูกนำมาใช้ออกมาอย่างหมดสิ้นเพื่อหวังปกป้องชีวิตของคนที่ผมรักเอาไว้ โชคดีที่วันนี้รถไม่ติดทำให้ผมสามารถพารถคันเก่งห้อตะบึงไปได้อย่างสะดวก อีกหกกิโลเมตรก็จะถึงหมู่บ้านเมืองเอกที่ก้องต้องมาหาคนไข้กำมะลอ แต่แล้วเสกลปริมาณของแก็สบนหน้าปัดก็ลดลงจนถึงขีดศูนย์ ระบบขับเคลื่อนเปลี่ยนจากการใช้แก๊สมาเป็นใช้น้ำมันโดยอัตโนมัติ แต่เสกลของน้ำมันบ่งบอกว่าปริมาณน้ำมันในขณะนี้เพียงพอที่จะขับไปได้อีกเพียงสามกิโลเมตรเท่านั้นหากยังคงความเร็วอยู่ในอัตราเท่าเดิม แต่ผมไม่มีทางเลือก ผมยังคงเหยียบคันเร่งจนสุดฝีเท้า และแล้วรถญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมก็ดับสนิท ผมรีบสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความร้อนใจ ไม่ได้ผล..........รถคันสวยไม่ตอบสนองใดๆ ต่อการกระตุ้น ผมจึงตัดสินใจลงจากรถและล๊อครถอย่างแน่นหนา รีบกดเบอร์ฉุกเฉินเพื่อแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายไปยังสถานีตำรวจทันที

หนึ่งทุ่มยี่สิบห้า..................

ผมออกวิ่งไปตามถนนที่มีหญ้ารกชัฏขึ้นอยู่สองข้างทาง เหลืออีกเพียงสามกิโลเมตรเท่านั้นก็จะถึงทางเข้าหมู่บ้านที่ว่า ผมออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต รู้สึกเหนื่อย และจุกไปหมด แต่ผมยังหยุดตอนนี้ไม่ได้ ผมต้องวิ่งต่อไป วิ่งจนกว่าจะถึงที่หมาย ก้องคุณรอผมก่อนนะ.........

ผมออกวิ่งอย่างรวดเร็วจนไม่ทันเห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งที่ขับออกมาจากปากซอย รถคันนั้นเฉี่ยวผมอย่างแรงจนผมล้มกลิ้งไปกับพื้น หลังของผมกระแทกเข้ากับพื้นถนนอย่างจัง รู้สึกปวดจนแทบจะลุกไม่ไหว แต่แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นปืนสีดำมะเมื่อมที่อยู่ในมือของคนที่กำลังซ้อนท้ายอยู่ ทิศทางของมอเตอร์ไซด์คันนั้นตรงไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังวิ่งออกมาจากตู้โทรศัพท์อย่างไม่คิดชีวิต ร่างกายของคนผู้นั้นสะบักสะบอมเหมือนถูกทำร้ายมาอย่างแสนสาหัส ปืนกระบอกนั้นถูกยกขึ้นพร้อมที่จะเหนี่ยวไก ใจของผมกระตุกวูบ ก้อง.............คุณจะต้องไม่เป็นอะไร เร็วเท่าใจคิด ผมรีบคว้าก้อนหินแถวนั้นปาใส่เพชฌฆาตสองคนนั่นทันที แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นหนึ่งนัดพร้อมๆ กับมอเตอร์ไซด์คันนั้นเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้น ร่างของก้องร่วงหล่นแน่นิ่งไป ก่อนที่คนร้ายทั้งสองจะลุกขึ้นและเล็งกระบอกปืนไปรอบๆ อย่างระแวง

“เฮ้ย.......ใครวะ”

ผมวิ่งไปหาคนร้ายทั้งสองด้วยความทุลักทุเลแล้วส่งหมัดไปยังใบหน้าของคนขับจนมันล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้น แต่แล้วชายอีกคนก็เตะที่หลังผมเข้าเต็มแรงซ้ำรอยเดิมที่ถูกกระแทกไปเมื่อสักครู่ ผมน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดเป็นที่สุดแล้วทรุดฮวบลงไป คนร้ายทั้งสองได้ทีกระทืบใส่ผมไม่ยั้ง กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลอยู่ในปากของผมก่อนที่มันจะไหลรินออมาที่มุมปาก ผมเหลือบไปมองก้องที่ตอนนี้กำลังสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนพื้นแล้วก็รู้สึกเหมือนมีมีดแหลมคมมาแทงที่หัวใจ ดวงตาผมวาวโรจน์ด้วยความโกรธเคือง รวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีลุกขึ้นฝ่าดงตีนของไอ้พวกชั่ว มือของผมรับฝ่าเท้าของพวกมันก่อนที่จะกระทบเข้าใบหน้าของผมไว้ได้ทันท่วงทีแล้วออกแรงผลักอย่างแรงจนไอ้ชั่วนั่นหงายหลังไป ผมลุกขึ้นด้วยยืนด้วยความลำบากแล้วประเคนหมัดไม่ยั้งไปยังคนร้ายทั้งสองซ้ายทีขวาทีอย่างไม่กลัวเกรง

“พวกมึงทำอะไรเมียกู” หมัดหนักๆ ของผมพุ่งตรงไปยังคนร้ายหนึ่งในสองอย่างแรงจนมันทรุดลงไป ต่อด้วยแข้งที่ผมเตะไปอย่างแรงจนคนร้ายอีกคนจุกจนพูดไม่ออก

“ถ้าก้องเป็นอะไรไป มึงตาย!!!!!”

ผมก้มลงเพื่อส่งหมัดไปยังใบหน้าของคนร้ายที่นอนอยู่กับพื้นอย่างต่อเนื่อง ชายคนนั้นกระอักเลือดด้วยความเจ็บปวด ผมประเคนหมัดใส่ต่อไปไม่ยั้ง ใครที่มันทำร้ายก้องมันต้องได้รับความเจ็บปวดอย่างสาสม


แกร๊ก............


เสียงขึ้นลำกล้องดังขึ้นข้างหลังผมพร้อมกับรู้สึกถึงอะไรแข็งๆ จ่ออยู่ที่ศีรษะ ผมชะงักไปทันทีด้วยความตกใจ มันสั่งให้ผมยกมือขึ้นช้าๆ แล้วกระชากให้ผมเดินตามมันไปยังพงหญ้ารกทึบข้างทาง มันผลักจนผมทรุดลงไปกองกับพื้นหญ้า ปืนที่อยู่ในมือของมันยังคงจ่ออยู่ตรงหน้าผมตลอดเวลา ก่อนที่มันจะแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม

“เก่งนักเหรอมึง” คนร้ายที่กำลังจ่อปืนมาทางผมเตะเข้าที่ชายโครงอย่างแรง ผมตัวงอทันทีด้วยความเจ็บปวด

“อยากแส่นักใช่มั๊ยฮะ มึงอ่ะ งั้นกูจะให้มึงไปแส่ในนรกเอง”


ปัง.....................



เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ผมหลับตาแน่นด้วยความตกใจ หัวใจของผมเต้นระรัวราวกับว่าจะหลุดออกมานอกอก นี่ผมกำลังจะตายใช่มั๊ย.........ก้อง ผมขอโทษที่ผมช่วยคุณไม่ได้
.
.
.
เพียงชั่วครู่เสียงฝีเท้ามากมายก็ดังขึ้นในโสตประสาท ผมลืมตาขึ้นมาอย่างงงัน ตำรวจหลายสิบนายกำลังจับคนร้ายทั้งสองคนเอาไว้อย่างแน่นหนา เลือดสีแดงสดทะลักออกจากมือของคนร้ายข้างที่เคยถือปืนมาจ่อหน้าผม ผมสำรวจตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วก็พบว่าผมไม่ได้รับอันตรายใดๆ ผมรีบวิ่งกลับไปหาก้องบดินทร์สุดฝีเท้า แต่แล้วภาพตรงหน้ามันก็ทำให้ผมหยุดชะงัก

ชายร่างสูงกำลังโอบกอดคนหน้าหวานเอาไว้ในอ้อมแขนด้วยความทะทุถนอม ก้องบดินทร์สลบไม่ได้สติอยู่ภายในอ้อมอกของมัน หนุ่มหน้าตี๋ส่งก้องบดินทร์ไปให้กับบุรุษพยาบาลที่พาแปลมาออกรอรับคนไข้ ไอ้นิคขึ้นไปบนรถพยาบาลพร้อมกันกับก้องก่อนที่เสียงไซเรนจะดังขึ้นและรถพยาบาลสีขาวก็วิ่งออกจากจุดเกิดเหตุไปอย่างรวดเร็ว



‘คุณพี...ผมไม่ยอมแพ้คุณหรอก ผมจะต้องเจอก้องก่อนคุณแน่ๆ’



“ขอโทษนะครับ คุณเป็นคนโทรไปแจ้งความใช่ไหมครับ” เสียงของนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่งทำให้ผมตื่นขึ้นจากภวังค์

“ใช่ครับ ผมเอง”

“หลังจากที่คุณทำแผลเสร็จ ผมขอตามไปสอบปากคำคุณที่โรงพยาบาลนะครับ”

“ยินดีครับ”

หลังจากที่ผมโทรเรียกให้พี่ปอมาจัดการกับรถของผม ผมก็ถูกพาไปส่งโรงพยาบาลด้วยรถตำรวจคันหนึ่งด้วยความรวดเร็วเพราะผมขับรถเองไม่ไหว แอร์เย็นฉ่ำที่เปิดอยู่ภายในรถตำรวจในขณะนี้ไม่สามารถดับความร้อนรุ่มภายในใจของผมลงได้เลย ในสมองของผม ความเป็นห่วง ความกังวลมันตีกันยุ่งจนผมสับสนไปหมด ตัวผมสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ในชีวิตผมผมไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อน ใช่......ผมกลัว กลัวเหลือเกินว่าจะต้องสูญเสียก้องไป..........

‘ก้อง......คุณจะต้องปลอดภัย’

‘ก้อง......คุณจะต้องไม่เป็นอะไร’

‘ก้อง......ผมยินดีที่จะแลกชีวิตของผมกับชีวิตของคุณ’

‘ก้อง........คุณต้องเข้มแข็งนะ’

‘ก้อง.......อย่าเป็นอะไรไปนะ’

ความคิดถึงโหยหาอย่างรุนแรงเข้ามาถาโถมในจิตใจของผมอย่างหนักหน่วง แต่แล้วเพียงไม่นาน....ร่างกายที่อ่อนล้าก็ทำให้ผมฝืนเปลือกตาเอาไว้ไม่ไหว สุดท้ายความง่วงงุนก็คืบคลานเข้ามาและทำให้ผมผล็อยหลับไปในที่สุด














Create Date : 17 กรกฎาคม 2554
Last Update : 17 กรกฎาคม 2554 5:25:01 น. 7 comments
Counter : 482 Pageviews.

 
โอวววววววว สนุกมากกกกกก ลุ้นๆๆๆๆๆทุกขณะจิต กระชับ ลุ้น บีบ ชอบมากๆๆๆๆๆ เอสกะปอเก่งมากๆๆๆ ชอบๆๆๆๆๆ น้องทั้งสองยอดเยี่ยมมากกก เข้าใจว่าเเนวนี้ไม่เคยเเต่ง เเต่งดีมากจริงๆค่ะ

ขอบคุณเอสกะปอมากค่า พี่ชอบตอนนี้มากจริงๆนะ พีฉลาด ได้ใจ โอย ตอนนี้สงสารมากทั้งพีทั้งก้องเลย


โดย: เป้ง วารุณี IP: 115.87.189.158 วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:23:51 น.  

 
โอย!!! ลุ้น มากมาย จนจะหายใจไม่ทันเลย กดดันแถมบีบหัวใจคนอ่าน สงสารทั้ง ก้อง พี เลย เฮ้อ ทำไมเจอแต่เรื่องร้ายๆตลอด แต่สำหรับ writer ทั้ง 2 คน บอกได้คำเดียว คุณขั้นเทพ จริงๆ นับถือ และ นับถือ รอลุ้นตอนต่อไปอยู่นะคะ อิๆๆ^____^".


โดย: lek^lek. IP: 223.204.12.18 วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:12:28:05 น.  

 
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกก

สนุกมากจริงๆค่ะ น้องปอ น้องเอส

ลุ้นๆ กลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับน้องก้อง

น่าสงสารพี่พี ดูเหมือนอะไรๆมันก็ไม่เป็นใจซักอย่าง สุดท้ายอุตส่าห์ไปช่วยน้องก้องได้ ก็ยังถูกไอ้นิคฉวยโอกาส ทำตัวเป็นพระเอกซะนี่! ฮึ่ยยย!!

ฮือๆๆ พี่พีคะ สู้ๆนะคะ จัดการยัยไอริณตัวแสบและไอ้นิคให้ได้ ขอให้กลับมารักกับน้องก้องเหมือนเดิมนะคะ

ขอบคุณน้องปอและน้องเอสมากค่ะ ฟิคสนุกมาก เป็นกำลังใจให้ทั้งคู่นะคะ


โดย: hunny IP: 180.210.216.74 วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:08:13 น.  

 
"พวกมึงทำอะไรเมียกู"
ว๊าว!!!แมนมากเลยอ่ะคุณพีได้ใจไปเต็มๆเลย
เฮ้อ!!!ลุ้นซะแทบแย่หวังว่าคุณน้องก้องจะไม่เป็นอะไรไปนะ...คุณสามีอุตส่าไปช่วยจนแทบจะ
เอาชีวิตไม่รอดอ่ะ!!!ยัยไอริณหล่อนร้ายมากนะ
บังอาจสั่งฆ่าน้องก้องได้นะแก...แบบนี้ต้อง
จับตบซะให้เข็ด...แล้วอย่างนี้อิพี่นิคก็เป็นคาอยู่คว้าน้องก้องไปเฉยเลยอ่ะ...
แต่ยังไงก็เอาใจช่วยคุณพีนะให้น้องก้องรับรู้ถึง
ความรักและเป็นห่วงแค่ไหน...
อ่านตอนนี้แล้วทั้งลุ้นทั้งเอาใจช่วยคู่พระนาย
เหลือเกินสนุกมากๆ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะน้องเอสน้องปอ


โดย: Keamdeang1@smile IP: 58.9.56.58 วันที่: 17 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:58:58 น.  

 

ตอนนี้สนุกมากเลย อ่านแล้วลุ้นมากกกกก ใจเต้นตึกๆๆ ตลอดเลยอะ ^^ ไม่ค่อยได้เม้นท์นะ แต่ว่าอ่านทุกตอนเลย เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ทั้ง2นะคะ สู้สู้ ^O^


โดย: JEW IP: 202.176.81.15 วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:11:56:45 น.  

 
แอ๊กกกกกกกก!!!!! ยัยไอริณ!!!!! บังอาจสั่งคนเก็บน้องก้อง เลวๆๆๆ!!! อย่างนี้ต้องส่งเข้าไปร้ายต่อในซังเตเสียให้เข็ด
ก้องบดินทร์ที่รัก อย่าเป็นอะไรนะ TT^TT โดนทารุณกรรมซะอ่วมเลยน่าสงสาร
แต่ขัดใจอย่าง....คุณพีเสี่ยงชีวิตตัวเองเข้าไปช่วยแทบเอาตัวไม่รอด แต่ทำม๊ายทำไมอิพี่นิคถึงมาคว้าพุงเพียวๆไปกินซะล่ะ รมณ์เสีย!!! -*-
ขอให้น้องก้องปลอดภัย ฟื้นขึ้นมาจำพีได้สักทีเถิดดดด....อยากให้กลับมารักกันเร็วๆ ทะเลาะกันทีไรคนอ่านปวดตับบีบใจมาก

ป.ล.- ตอนนี้สนุก ตื่นเต้น มีทั้งบู๊+ดราม่าเลยค่ะ สนุกดี รอลุ้นตอนหน้าอยู่นะคะ ^______^


โดย: Lookwha IP: 58.10.84.64 วันที่: 18 กรกฎาคม 2554 เวลา:15:08:50 น.  

 
ยอดเยี่ยมที่สุดเลย!


โดย: miyukik IP: 110.49.228.223, 82.145.209.105 วันที่: 28 กรกฎาคม 2554 เวลา:0:03:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.