Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
15 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 5 ทะเล สายลม สองเรา

รถเลคซัสคันสวยของผมวิ่งไปตามถนนอย่างไม่รีบร้อนเมื่อผมเห็นว่าคนหน้าหวานที่นั่งอยู่ข้างๆ หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย มุมปากของผมกระตุกยิ้ม........หึ...หึ....สงสัยคงจะแผลงฤทธิ์จนเหนื่อย ก้องบดินทร์ตอนที่สงบเสงี่ยมนี่น่ารักน่าเอ็นดูขึ้นเป็นกอง ไม่เหมือนกับก้องคนที่คอยแต่จะดื้อกับผมอยู่ตลอดเวลาเลยสักนิด ก้องบดินทร์คนนั้นก็น่ารักอยู่หรอก แต่ชอบทำให้ผมเจ็บที่หัวใจบ่อยๆ เฮ้อ....ผมอยากให้ก้องหายเร็วๆ จัง ก้องกับผมจะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก ผมนึกถึงวันที่ทะเลาะกับก้องเมื่อวันนั้นแล้วก็ยังรู้สึกผิดไม่หาย ถ้าผมไม่ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล เรื่องมันก็คงจะไม่ลงเอยแบบนี้ ไม่ใช่ว่าผมเองจะไม่เจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักต้องเสียใจ แต่อารมณ์ ณ ตอนนั้นมันทำให้ผมหมดความอดทนจริงๆ ก้องทำเหมือนผมไม่มีค่าไม่มีความหมายในสายตาของเขาเลย โชคยังดีที่วันนั้นพี่ปอโทรมาหาผมตอนที่ผมกำลังเมาได้ที่ ผมจึงกลับมาถึงคอนโดอย่างปลอดภัยพร้อมกับได้ข้อคิดดีๆ บางอย่างมาจากพี่เขยของก้องด้วย

“เอ๊าๆๆๆ เดินดีๆ สิวะไอ้พี” พี่ปอที่กำลังประคองผมเอาไว้ร้องเตือนออกมาเมื่อเห็นว่าผมเดินเซเหมือนปูไปยังโซฟาที่ตั้งอยู่กลางห้อง

“ผมก็เดินดีๆ อยู่นี่ไงค้าบ” ก็ผมรู้สึกว่าผมเดินดีแล้วจริงๆ นี่นา

“ดีกะผีอะไรของแกหะไอ้พี เดินเซไปเซมาแบบนี้ ชาติหน้าหรอกมั๊งที่แกจะเดินไปถึงโซฟาน่ะ ตัวแกไม่ใช่เบาๆ นะโว้ย เห็นใจคนแบกบ้างสิวะ”

“ พี่ก็ไม่ได้แบกผมซะหน่อย พี่แค่ประคองผมเฉยๆ ต่างหาก.....เอิ๊ก”

“เออ.....ปากดีนักนะแก ปากอย่างนี้มันน่าจะปล่อยให้นอนเมาอยู่ข้างถนนจริงๆ” พี่ปอบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนักก่อนที่จะวางผมลงบนโซฟาตัวยาวได้สำเร็จด้วยความทุลักทุเล เมื่อผมทรงตัวนั่งได้แล้วฉับพลันผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมทิ้งให้ก้องอยู่ในห้องนอนคนเดียว เร็วเท่าใจคิดผมรีบลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วหวังว่าจะเดินขึ้นไปหาก้อง แต่แล้วผมก็รู้สึกมึนหัวตึ๊บ ก่อนที่จะล้มเซลงไปบนโซฟานั่นอีกครั้ง พี่ปอที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบถลาเข้ามาผมด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะเอ่ยปรามผมด้วยเสียงที่ไม่เบานัก

“เฮ้ย....ไอ้พี แกจะรีบไปไหนวะนั่น เดี๋ยวก็ได้ล้มลงไปนอนวัดพื้นห้องหรอก”

“ผมจะขึ้นไปหาก้องอ่ะพี่.....ผมทิ้งให้ก้องอยู่คนเดียว ป่านนี้จะหลับไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้ พี่ปอ.....พี่ช่วยขึ้นไปดูก้องให้ผมหน่อยสิ นะคร้าบ นะ” ผมเขย่าแขนพี่ปออย่างขอร้อง ก่อนที่พี่ปอคงจะนึกเห็นใจ ยอมขึ้นไปดูก้องให้กับผม แต่แล้วพี่ปอก็ตะโกนกลับลงมาด้วยเสียงอันดัง

“พี.....แกจำผิดหรือเปล่าวะ ก้องไม่ได้อยู่ในห้องสักหน่อย”

“อะไรกันพี่ ก้องไม่อยู่ในห้อง แล้วก้องไปไหน” ผมตะโกนตอบพี่ปอไปด้วยความรวดเร็ว ใจผมกระตุกวูบ หรือก้องจะหนีผมไปแล้วจริงๆ ผมลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยความรวดเร็ว ไม่สนใจอาการปวดหัวที่ขึ้นมาเป็นริ้วๆ แต่แล้วผมก็ไม่สามารถฝืนตัวเองได้ ก่อนที่จะล้มลงไปบนพื้นและร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด บ้าชะมัด ใครว่ากินเหล้าแล้วลืมวะเนี่ย ที่ไหนได้ นอกจากจะไม่ลืมแล้วยังทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้อีก โธ่เว้ย.........

“อ้าว........พี ใครใช้ให้แกลุกขึ้นวะ แล้วเจ็บตรงไหนรึเปล่าเนี่ย” พี่ปอวิ่งลงมาหาผมด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะพยุงผมให้กลับขึ้นไปนั่งบนโซฟาอีกครั้งแล้วถามผมด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

“พี...แกบอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น แกทะเลาะกับก้องใช่มั๊ยถึงได้เมาแอ๋ขนาดนี้เนี่ย ร้อยวันพันปีแกไม่เคยดื่มนี่หว่า.....ฮะ”

ผมปรือตามองพี่ปอที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความยากลำบากก่อนที่จะตอบคำถามที่ค้างคาใจของพี่ปอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันอัดอั้นตันใจมานานก็ถึงคราวได้ระบายมันออกมา

“ก้องไม่รักผมแล้วพี่ ก้องจะหย่ากับผม คำก็หย่าสองคำก็หย่า ก้องจะไปจากผมแล้วพี่ปอ เค้าจะไปหาคนอื่น คนอื่นที่ไม่ใช่ผมอ่ะพี่ ก้องจะเลิกกับผมแล้ว เค้าไม่รักผมแล้วพี่”

“ใจเย็นๆ ก่อนนะพี แกก็รู้นี่หว่าว่าก้องกำลังไม่สบาย”

“ผมรู้พี่....ว่าก้องความจำเสื่อม จำผมไม่ได้ แต่ก้องไม่เห็นจำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตารังเกียจผมขนาดนี้เลย พี่รู้มั๊ยว่าผมทะเลาะกับก้องแทบทุกวัน ตอนที่ก้องยังไม่ป่วยนะพี่ ผมกับก้องไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลย” ผมพรั่งพรูความรู้สึกทุกอย่างใส่พี่ปอไม่ยั้งด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ซึ่งพี่ปอก็ช่างเป็นผู้ฟังที่ดีเหลือเกิน ไม่ขัดคำพูดของผมสักคำ แถมยังนั่งฟังอย่างตั้งใจตลอดเวลาที่ผมพูดอีกต่างหาก เมื่อพี่ปอปล่อยให้ผมพูดจนพอใจแล้ว พี่ปอก็ได้ถามคำถามหนึ่งกับผมซึ่งทำให้ผมได้หยุดคิดและไต่ตรองถึงสิ่งที่ผ่านมา

“แล้วที่แกทะเลาะกับก้องแทบทุกวันแบบนี้ แกเคยมองดูตัวเองบ้างไหม ว่าแกใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลหรือเปล่า”

“ผม...........”

“พี....ฉันรู้จักกับแกมานาน ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าแกมีนิสัยยังไง ถึงแกจะเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่แกก็เป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและอยากเอาชนะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของแกนะเว้ย ฉันรู้ว่าแกทั้งเครียดทั้งสับสน แต่แกรู้มั๊ยว่ายิ่งแกเครียดเท่าไหร่อารมณ์ของแกก็ยิ่งแปรปรวนมากเท่านั้น แกควรที่จะใส่ใจความรู้สึกของก้องบ้างนะ ยิ่งตอนนี้ก้องกำลังป่วย หมอก็บอกแกเองนี่หว่าว่าก้องจะมีอารมณ์ไม่คงที่แล้วก็อาจจะเหวี่ยงใส่แกมากขึ้น แต่ถ้าแกรักก้องจริงๆ แกก็ควรที่จะต้องพยายามทำความเข้าใจ และยอมรับมันให้ได้”

‘กะ กะ กะ กลัวที่ไหน ก็ใจหรอกนะ ไหนใครว่าไม่กล้าโทรไป~’ เสียงโทรศัพท์ของพี่ปอดังขึ้นมาขัดจังหวะ ก่อนที่พี่ปอจะกดรับสาย

“จ้า.....ที่รัก....อืมใช่ ตอนนี้ผมอยู่กับพี”

พี่ปอนิ่งไปสักพักก่อนที่จะเหลือบมามองผม แล้วกรอกเสียงลงไปในสายโทรศัพท์

“แล้วผมจะบอกพีให้นะ.....จ้า...เดี๋ยวจะกลับแล้วคร้าบ คร้าบ สวัสดีจ๊ะ”

หลังจากที่พี่ปอวางสายจากพี่แก้วแล้ว พี่ปอก็หันมามองหน้าผมแล้วบอกข้อความที่พี่แก้วฝากมา

“พี...แก้วโทรมาบอกว่าตอนนี้ก้องอยู่กับนิค เพื่อนของแก้ว”

“ผมจะไปรับก้อง” ผมรีบลุกขึ้นจากโซฟาอีกครั้ง แต่พี่ปอก็ไวกว่า แค่พี่ปอกดไหล่ผมไว้ก็ทำให้ผมนั่งนิ่งๆ ได้อย่างง่ายดาย

“ใจเย็นสิวะไอ้พี....แก้วเค้าบอกกับฉันว่าเพื่อนของแก้วขอร้องไว้ว่าไม่ให้แก้วบอกใคร แต่แก้วเห็นว่าแกควรจะรู้ก็เลยโทรมาบอกฉัน” พี่ปอเว้นช่วงไปสักพักก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ ไอ้พี.....ที่ก้องหนีแกไปแบบนี้ แสดงว่าแกต้องไปทำอะไรให้เค้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจจนทนไม่ได้ แกลองคิดดูแล้วกันนะว่าแกจะพยายามเอาชนะคะคานกับก้อง หรือจะยอมถอยให้ก้องสักก้าวเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ในฐานะที่ฉันเป็นเขยใหญ่ของบ้านฉันขอแนะนำอะไรแกสักหน่อยนะ ฉันว่าตอนนี้แกควรปล่อยให้ก้องได้อยู่คนเดียวสักพัก ไว้ให้ก้องใจเย็นกว่านี้ค่อยมาว่ากันใหม่”

“แต่ก้องอยู่กับไอ้นิคนะพี่!!!!”

“แล้วแกไว้ใจก้องหรือเปล่าล่ะ”

“ผมไว้ใจก้องอยู่แล้วพี่ แต่ผมไม่ไว้ใจไอ้ตี๋นั่น”

“แต่ถ้าแกทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้ ดีไม่ดีก้องอาจจะไม่กลับมาหาแกอีกเลยก็ได้นะ ถ้าแกไว้ใจก้องจริงๆ แกก็ควรจะปล่อยให้ก้องมีเวลาได้คิด ได้มีเวลาทบทวนอะไรบางอย่าง ฉันเชื่อนะว่าก้องจะไม่ทำอะไรที่เป็นการนอกใจแกเด็ดขาด ถึงแม้ตอนนี้ก้องจะแสดงออกมาว่าไม่ชอบแกก็เถอะ แต่สายตาของก้องที่ฉันมองเห็นมันก็ทำให้ฉันเชื่อว่าก้องยังรักแกอยู่ ฉันว่าตอนนี้แกควรจะขึ้นไปอาบน้ำนอนได้แล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมากให้มันวุ่นวายปวดหัว ไป ขึ้นนอน เดี๋ยวฉันช่วย”

ว่าแล้วพี่ปอก็ช่วยพยุงผมขึ้นไปบนชั้นสองแล้วช่วยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เมื่อผมหัวถึงหมอนแล้วก็หลับไปอย่างง่ายดายด้วยความอ่อนเพลีย ผมจึงไม่รู้ว่าพี่ปอกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่ และเมื่อผมตื่นขึ้นมาตอนเกือบๆ เที่ยง สิ่งแรกที่ผมทำก็คือโทรไปขอบคุณพี่ปอ ทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้ก้องกลับไปทำงานที่วิภารามแล้ว ผมจึงขับรถออกจากคอนโดไปดักซุ่มรอก้องอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยความรวดเร็ว

โรงอาหารของโรงพยาบาลมีคนพลุกพล่านพอสมควร ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้ว ผมคาดว่าก้องน่าจะลงมาทานข้าว ผมมองซ้ายมองขวาเพียงชั่วอึดใจแล้วสายตาของผมก็ได้พบกับเป้าหมาย แต่ว่าคนรักของผมไม่ได้นั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ก้องกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับหมอนวินด้วยความสนิทสนม ยัง......ยังก่อน ผมยังไม่เข้าไปลากก้องออกมาหรอก พี่ปอบอว่าให้ผมใจเย็นๆ ถ้าไม่อยากให้ก้องต้องเตลิดไปไหนอีก ผมจะไม่ยอมให้ความหึงหวงของผมมาทำให้เสียเรื่องหรอก คิดได้ดังนั้นผมจึงจำใจกลับไปซุ่มรอก้องอยู่ในรถด้วยความหงุดหงิด เพราะถ้าหากผมแอบอยู่ที่โรงอาหารของโรงพยาบาลต่อไปมีหวังว่าผมต้องตบะแตกเข้าไปลากก้องออกมาจนได้

ผมนั่งคอยอย่างกระสับกระส่ายอยู่ในรถเพียงชั่วอึดใจก็อดรนทนไม่ได้จึงโทรเข้าไปหาก้อง ครั้งแรกก้องกดตัดสาย ผมจึงลองโทรเข้าไปใหม่อีกหลายครั้ง ในที่สุดก็มีเสียงทุ้มของผู้ชายอีกคนที่ก้องนั่งทานข้าวด้วยเป็นคนรับสาย ผมกดตัดสายไปด้วยหัวใจที่สับสน นี่ก้องรังเกียจผมถึงขนาดไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเลยเหรอเนี่ย แล้วทำไม.....ทำไมก้องต้องให้ไอ้หมอวินนั่นมารับโทรศัพท์ด้วย ทำอย่างกับว่าสนิทสนมกันมากถึงขึ้นรับโทรศัพท์แทนกันได้อย่างนั้นแหละ จริงสินะ......ตอนนี้ผมคงไม่มีความหมายอะไรในสายตาของก้องแล้ว ตอนนี้ก้องเค้ามีทั้งไอ้หน้าตี๋ ทั้งหมอวินคอยเอาอกเอาใจ นับประสาอะไรกับผมที่ก้องไม่ชอบหน้าตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาล่ะ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ผมก็เผลอตัวบีบมือถือจนแน่นเพื่อสะกดอารมณ์เอาไว้ นี่ผมจะยอมแพ้อย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง....ฉับพลันผมก็นึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ มุมปากของผมกระตุกยิ้มหลังจากที่ไม่ได้ยิ้มมาซะนานผมอดทนรอต่อไปจนได้เวลาที่ก้องเลิกงาน ก้องขึ้นไปนั่งบนแท็กซี่คันหนึ่ง ผมรีบขับรถตามไปอย่างรวดเร็ว แล้วก็ต้องเบาใจเมื่อเห็นว่าก้องกลับมาที่คอนโด ผมรอให้ก้องขึ้นห้องไปได้สักพัก ก่อนที่ผมจะตามขึ้นไป ก้องจะได้ไม่สงสัย แต่แล้วเมื่อผมเดินกลับมาถึงห้องและกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นก้องเปิดประตูออกมาพร้อมกับหอบกระเป๋าเสื้อผ้าพะรุงพะรัง ใจของผมปวดหนึบอีกครั้งเมื่อรู้ว่าก้องต้องการจะไปจากผมมากขนาดนี้ ผมมองหน้าของคนที่ผมรักด้วยแววตาตัดพ้อก่อนที่จะบังคับตัวเองให้พูดกับก้องด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา

“คุณจะไปไหนก้อง”

แต่แล้วเมื่อผมเห็นว่าก้องพยายามที่เบี่ยงตัวหลบเพื่อจะไปจากผมจริงๆ ฟอร์มทุกอย่างที่ผมพยามยามสร้างไว้ก็พังทลายลงตรงนั้น

“ก้อง ก้อง คุณอย่าไปนะ ผมขอโทษ คุณอย่าไปนะก้อง” ผมเข้าไปกอดก้องไว้แน่นด้วยกลัวว่าจะต้องสูญเสียงก้องไปอีก พร้อมกับกล่าวอ้อนวอนก้องสารพัด แต่ลูกแมวจอมเหวี่ยงของผมก็ดื้อซะเหลือเกินจนทำให้ผมต้องหมดความอดทนอีกครั้ง สุดท้ายผมก็ต้องจับก้องยัดเข้าไปในรถคันสวยของผม เฮ้อ........ตอนแรกกะว่าจะพาไปด้วยดีๆ แต่ด้วยความดื้อของยายจอมเหวี่ยงนี่ทำให้ผมต้องผิดแผนไปหมดเลย

ผมขับรถไปสักพักหนึ่ง ก้องก็เอื้อมมือขึ้นมาเปิดวิทยุเพื่อลดบรรยากาศอันน่าอึดอัดที่อยู่ในรถ ที่ผมนั่งเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าผมกำลังสะกดอารมณ์ตัวเองอยู่น่ะสิ ผมไม่อยากใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนเป็นเหตุให้ต้องมานั่งทะเลาะกันอีก เพียงแต่ว่าตอนนี้ผมยังไม่อยากฟังเพลง ผมอยากจะคุยกับก้องให้รู้เรื่องมากกว่า

“คุณจะบอกผมได้รึยังก้อง ว่าเมื่อคืนคุณไปกับเค้ามาใช่มั้ย” ก้องเงียบไปนานไม่ตอบคำถามผมสักที ผมก็เลยต้องเอ่ยกระตุ้นให้ก้องยอมรับความจริงออกมา

“ผมไปถามพี่ รปภ. ที่หน้าคอนโดมาแล้ว เค้าบอกว่าคุณออกไปกับไอ้พี่นิคนั่นจริง” ผมอ้างยามหน้าคอนโดไปเพราะไม่อยากให้พี่แก้วต้องเดือดร้อน แต่แล้วด้วยความดื้อของก้องมันก็ทำให้ผมต้องสวมบทโหดอีกจนได้ เมื่อก้องบอกกับผมอีกครั้งว่าผมไม่มีสิทธิ์ในตัวเขา ผมคิดจะลงโทษก้องในแบบฉบับของผม แต่เมื่อผมเห็นคนตรงหน้าที่เคยปากเก่งนั่งหน้าซีดตัวสั่นแถมเอามือปิดปากตัวเองซะแน่นมันก็ทำให้ผมนึกเอ็นดูจนใช้กำลังหักหาญน้ำใจไม่ลง ได้แต่ขู่เอาไว้ให้ก้องเลิกพยศ สุดท้ายคนรักของผมก็นั่งนิ่งๆ ทำตัวน่ารักอย่างที่ผมต้องการ ก่อนที่จะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ผมเหลือบไปมองคนหน้าสวยที่หลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ อีกครั้ง วันนี้ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องปรับความเข้าใจกับก้องให้ได้ ผมจะพยายามใช้เหตุผลอย่างที่เคยทำมาตลอดก่อนที่ก้องจะป่วย ผมจะพูดกับก้องดีๆ ทำตัวน่ารักๆ ให้ก้องไม่หงุดหงิด หวังว่าความพยามยามของผมครั้งนี้มันจะทำให้ก้องใจอ่อนลงบ้างนะ

ในที่สุดผมก็พารถยนต์คันสวยมาหยุดลงตรงสนามหญ้าหน้าบ้านที่ระยองเมื่อตอนหัวค่ำ บ้านไม้ก่ออิฐสองชั้นยกใต้ถุนสูงริมทะเลยังคงบรรยากาศเดิมเหมือนเมื่อก่อนแต่งงานไม่มีเปลี่ยน รั้วสีขาวที่ล้อมรอบแบ่งอาณาเขตของตัวบ้านออกจากหาดทรายภายนอกอย่างชัดเจนเป็นสัดส่วน ใบของต้นมะพร้าวสูงชะลูดที่ปลูกอยู่ริมรั้วด้านในสะบัดพลิ้วน้อยๆ ตามแรงลม ผมหันไปมองคนหน้าสวยที่ยังคงนอนหลับใหลไม่รู้สึกตัวอยู่ข้างๆ ภาพที่ผมเห็นทำให้หัวใจของผมกระตุกไหวด้วยความเสน่หา ผมพยายามรวบรวมสติเอาไว้ไม่ให้กระเจิดกระเจิง แล้วเรียกชื่อคนหน้าสวยให้ตื่นขึ้นจากนิทรา

“ก้อง....ตื่นเถอะ ถึงแล้วครับ”

“...........”

ก้องยังคงนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ ผมจึงพยามยามเรียกก้องใหม่อีกครั้งด้วยเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม

“ก้อง....”

“...........”

“ก้อง....ตื่นเถอะ”

ผมพยายามเรียกก้องอีกสองสามครั้งแต่ก้องก็ไม่ยอมตื่น หรือว่า....จะต้องให้ผมใช้วิธีปลุกตามแบบฉบับของพีรวิชญ์ หึ...หึ...มุมปากของผมกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ใบหน้าคมของผมจะโน้มลงไปหาคนหน้าสวย

“ก้อง....ถ้าคุณไม่ตื่น ผมจูบนะ”

“...........”

เงียบสนิท ไร้ซึ่งเสียงตอบจากก้องบดินทร์ ผมจึงโน้มศีรษะลงให้ใบหน้าของผมเข้าไปใกล้ชิดกับก้องมากยิ่งขึ้นจนปลายจมูกของผมแตะเข้ากับปลายจมูกโด่งสวยของก้อง ผมนิ่งไปชั่วอึดใจเพื่อดูอาการของคนหน้าหวาน ยังไม่ตื่นแฮะ........ผมเริ่มได้ใจ จึงประทับริมฝีปากหนาเข้ากับริมฝีปากนุ่มของคนตรงหน้า บดเบียดสัมผัสที่อ่อนโยนพร้อมกับตักตวงความหวานจากริมฝีปากนุ่มสวยอย่างไม่รู้เบื่อ ลิ้นหนาของผมไล้ไปตามริมฝีปากเรียวบางเหมือนจะค่อยๆ ชิมความหวานอย่างไม่รีบร้อน จากสัมผัสที่อ่อนโยนเมื่อแรกเริ่มกลายเป็นสัมผัสที่ดูดดื่มร้อนแรง ก้องบดินทร์ส่งเสียงครางออกมาจากลำคอเมื่อถูกรบกวนจากการหลับใหล และแล้วคนหน้าสวยที่ถูกผมฉวยโอกาส (หรือเปล่า?) ก็ตื่นขึ้นมาจากนิทรา ดวงตากลมโตของก้องเบิกกว้างพร้อมกับใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบที่อกของผมเป็นพัลวัน ก้องพยายามที่จะอ้าปากเพื่อจะโวยวายใส่ผม แต่นั่นมันก็ทำให้ผมสามารถรุกล้ำเข้าไปในปากของก้องได้อย่างง่ายดาย ผมหยอกล้อเรียวลิ้นชุ่มชื้นนั่นอย่างเคลิบเคลิ้ม ก่อนที่จะตัดใจถอนจูบออกจากคนหน้าหวาน

“นี่คุณทำจะอะไรน่ะ คุณพีรวิชญ์” ใบหน้าสวยๆ ของก้องในตอนนี้แดงก่ำด้วยความเขินอาย ลมหายใจสะท้อนขึ้นลงอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหอบ ริมฝีปากนุ่มบวมแดงจากสัมผัสหวาบหวามเมื่อสักครู่ขยับต่อว่าผมเหมือนเช่นเคย แต่คราวนี้ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของก้องจะเหวี่ยงวีนแต่ก็อ่อนลงจนเห็นได้ชัด ดวงตาคมของผมจ้องมองลงไปในดวงตาคู่สวยของก้องก่อนที่จะตอบคำถามของคนหน้าหวานด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

“ผมก็กำลังปลุกคุณอยู่นี่ไงคร้าบ......ก็คุณน่ะขี้เซา เรียกยังไงก็ไม่ยอมตื่น ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ก็เลยตัดสินใจเสียสละตัวเองช่วยปลุกคุณให้ตื่นนี่ไง” เมื่อผมพูดจบก็ส่งยิ้มละลายขั้วโลกไปให้กับคนตรงหน้า แล้วก็ต้องหัวเราะน้อยๆ เมื่อเห็นว่าคนหน้าหวานทำหน้าเหวี่ยงใส่ผมตามที่ได้คาดเอาไว้ ก้องบดินทร์ทำแก้มป่องพร้อมกับส่งค้อนมาให้ผมอีกวงเบ้อเริ่ม

“คุณนี่มัน.............”

“มันน่าร้ากกกกกก ที่สุดเลยใช่ไหมครับ ฮ่าๆๆๆ คุณไม่ต้องชมผมหรอก ผมรู้ตัว ไป....ก้อง เราเข้าบ้านกันดีกว่า”

ก้องเจอมุกนี้ของผมของเข้าไปก็ถึงกับนั่งอึ้งพูดอะไรไม่ออก เดือดร้อนให้ผมต้องลากคนหน้าหวานออกมาจากรถเข้าไปในบ้าน กระเป๋าเสื้อผ้าของก้องยังคงถูกทิ้งอยู่ที่หลังรถ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมค่อยกลับมาเก็บก็ได้ ตอนนี้ผมขอตัวเข้าไปปรับความเข้าใจกับหวานใจของผมในบ้านก่อนก็แล้วกัน

“ที่นี่ที่ไหนอ่ะคุณพีรวิชญ์” นั่นคือประโยคแรกที่ก้องพูดกับผมทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน คนหน้าหวานเดินไปรอบๆ อย่างสำรวจก่อนที่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

“ที่นี่เป็นบ้านริมทะเลของคุณพ่อคุณ ของครอบครัวคุณไงก้อง” ผมเอื้อมมือไปกุมมือเรียวสวยของก้องเอาไว้ แล้วส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้คนตรงหน้า

“แล้วก็......เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของผมกับคุณด้วย”

“ผมจำไม่เห็นได้เลยคุณพีรวิชญ์............” ก้องพูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องเงียบเสียงลง เมื่อผมใช้นิ้วชี้ทาบทับไปบนเรียวปากคู่สวย ก้องมองผมอย่างสงสัยก่อนที่ผมจะพูดกับก้องด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“พี.....เรียกผมว่าพีเหมือนเดิมนะก้อง”

ก้องยังคงยืนนิ่งไม่พูดอะไร ผมจึงจับมือของก้องให้ทาบลงมาบนหน้าอกข้างซ้ายของผม.....ตรงหัวใจ.....จังหวะการเต้นของก้อนเนื้อด้านซ้ายดังเป็นจังหวะอยู่ภายในอุ้งมือของเราสองคน ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของก้อง ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลไปทางสายตา ก้องยังคงมีแววตาที่สับสน ลังเล และไม่แน่ใจ ผมกระชับมือเรียวบางให้แน่นขึ้นพร้อมกับเอ่ยความรู้สึกของผมให้คนตรงหน้าได้รับรู้

“ก้อง......ได้ยินเสียงหัวใจของผมมั๊ย หัวใจของผมมันร้องหาแต่คุณ ผมขอโทษ กับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา ผมรู้ว่าผมทำให้คุณเจ็บ แต่คุณรู้มั๊ยว่าผมเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เจ็บ.....เมื่อเห็นว่าคุณต้องร้องไห้ ต้องทุกข์ใจ แต่ที่ผมทำอะไรงี่เง่าออกไปเป็นเพราะว่าผมหึง ผมยอมไม่ได้หรอกนะที่จะให้ใครมาพรากคุณไปจากผม ก้อง......ได้โปรด.....ได้โปรดเปิดใจให้ผมสักครั้ง สัมผัสหัวใจของผมด้วยหัวใจของคุณ แล้วคุณจะรู้ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน” ผมปล่อยมือที่จับมือของก้องเอาไว้แล้วเปลี่ยนมาโอบเอวของคนตรงหน้าให้เข้ามาประชิดตัว มือของก้องยังคงวางอยู่บนหน้าอกข้างซ้ายของผม สายตาของเรายังคงสบประสานกันอย่างต่อเนื่อง แววตาสับสนของก้องเริ่มมลายหายไปแทนที่ด้วยแววตาเชื่อใจ มั่นใจ อย่างที่ผมอยากจะเห็นมานานแสนนาน ผมกระซิบที่ริมใบหูของก้องก่อนที่จะเอ่ยความในใจของผมอีกครั้ง

“ผมขอให้เราลืมเรื่องราวร้ายๆ ต่างๆ ที่เคยเกิดระหว่างเรานะก้อง เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ผมรักคุณนะก้อง รักมาก มากยิ่งกว่าชีวิตของผมเอง ผมยินดีที่จะทำให้คุณมีความสุขในทุกๆ วัน ผมจำได้ว่าผมเคยสัญญากับคุณเอาไว้ในวันแต่งงานว่าจะดูแลคุณด้วยชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณไปจนวันตาย ผมยังจำมันได้อยู่นะก้อง”

“พี.............”

ก้องเรียกชื่อของผมด้วยเสียงที่เบาหวิวเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ ผมรวบตัวก้องเข้ามากอดไว้เต็มอ้อมแขน แล้วผมก็ต้องดีใจสุดขีดเมื่อก้องเอ่ยถึงชื่อชื่อหนึ่งออกมา

“Saint Patrick”

“ว่าไงนะก้อง เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ” ผมตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ลิงโลดพร้อมกับคลายอ้อมกอดของตัวเองลงเพื่อที่จะได้มองหน้าคนหน้าหวานได้ถนัดขึ้น ก้องจ้องหน้าผมตอบแล้วพูดกับผมอีกครั้ง

“โบสถ์......โบสถ์ใหญ่กลางเมือง....โอ๊ย.....พี ผมนึกไม่ออก ผมปวดหัว โอ๊ย”

“ก้อง....ใจเย็นๆ นะก้อง ไม่เป็นไรนะ นึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ไปนั่งพักก่อนนะก้อง ค่อยๆ เดินนะ” ผมค่อยๆ พยุงให้ก้องไปนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายตัวยาวที่ตั้งอยู่กลางบ้าน ก่อนที่จะเอ่ยถามคนรักด้วยความเป็นห่วง

“ก้อง.......ดีขึ้นบ้างมั๊ย เดี๋ยวผมไปหาอะไรมาให้ทานนะ เย็นนี้คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย รอผมแป๊บนึงนะ เดี๋ยวผมออกไปซื้อมาให้”

“เอ่อ....ผมดีขึ้นแล้วล่ะพี มันปวดแค่วูบเดียวน่ะ คุณเองก็ยังไม่ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผมออกไปซื้อให้เองก็แล้วกัน คุณน่ะขับรถมาตั้งไกล นั่งเฉยๆ เถอะ”

“ไม่เป็นไรหรอกก้อง คุณเองยังจำถนนหนทางที่นี่ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ งั้นเอางี้ เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรทานนอกบ้านกัน แล้วพอทานเสร็จแล้วผมก็จะพาคุณไปเดินเล่นที่ชายหาดใกล้ๆ ดีมั๊ยครับ.....แต่เอ๊ะ.......เมื่อกี้ที่คุณจะออกไปซื้อข้าวให้ผมน่ะ คุณเป็นห่วงผมใช่ม๊า........รักผมเข้าแล้วล่ะสิ” ผมพูดกับคนรักด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยกระเซ้าคนตรงหน้าให้ได้อายในตอนท้าย ก้องบดินทร์หน้าแดงก่ำก่อนที่จะเหวี่ยงวีนใส่ผมแบบที่ผมคุ้นเคย

“จะไปกันหรือยังล่ะพี ผมหิวแล้วนะ เร็วๆ สิ”

“โอเคคร้าบ โอเค อย่าเพิ่งโมโหหิวน่า” ผมแซวคนตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง แล้วก็ได้ยินเสียงบ่นประปอดกระแปดจากก้องเป็นการตอบแทน
“ฮึ่ยยย พี......คุณนี่มัน..........”

ผมพาก้องบดินทร์มาทานอาหารทะเลที่ร้านแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดระยอง ก้องของผมดูมีความสุขมากและเจริญอาหารมากกว่าปกติ ผมเองก็มีความสุขที่ได้เห็นก้องมีความสุข จะว่าไปตั้งแต่ที่ก้องออกจากโรงพยาบาล ผมกับก้องยังไม่เคยพูดดีๆ ด้วยกันสักครั้ง ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่ผมกับก้องได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งถือว่านี่เป็นนิมิตหมายที่ดี ถึงแม้ว่าก้องจะยังจำผมไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมกับก้องก็ไม่ต้องทะเลาะกันอีกแล้ว

“ก้อง.....กินปูอีกมั๊ย ผมแกะให้นะ” ผมรีบกุลีกุจอแกะเนื้อปูขาวๆ น่ากินใส่ในจานของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเมื่อเห็นว่าอาหารที่อยู่ในจานของก้องพร่องลงไป ก้องที่มองผมอยู่ทำหน้างอน้อยๆ ให้กับกิริยาของผมก่อนที่จะบ่นออกมาอย่างไม่จริงจังนัก

“นี่พี....คุณมัวแต่ทำนู่นทำนี่บริการผมเหมือนผมเป็นเด็กๆ อยู่นั่นแหละ คุณไม่คิดจะเอาอะไรใส่ปากตัวเองเลยหรือไง”

“งั้นคุณก็ป้อนผมหน่อยสิ”

ว่าแล้วก้องของผมก็ใช้ส้อมจิ้มปลาหมึกชิ้นหนึ่งส่งมาตรงหน้า ผมมองหน้าก้องด้วยแววตาวิบวับจนคนหน้าสวยหน้าแดงก่ำ แล้วก้องก็เหวี่ยงใส่ผมอีกรอบจนได้

“เอ้า.....กินเข้าไปสิพี ยื่นนานๆ มันเมื่อย!!!!”

“น้ำจิ้ม....จิ้มน้ำจิ้มด้วย”

“ฮึ่ยยย......เรื่องมากจริง”

หลังจากที่ผมส่งปลาหมึกชิ้นนั้นเข้าปากเรียบร้อยแล้ว ผมก็แกะกุ้งตัวหนึ่งส่งให้ก้อง

“อ่ะ...ก้อง”

ก้องก้มหน้าลงมาทำท่าจะงับกุ้งตัวนั้นเข้าปาก แต่แล้วผมก็ส่งกุ้งตัวนั้นเข้าปากผมซะเอง ก้องทำหน้าเหวออย่างน่าเอ็นดูจนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้กับท่าทางของคนตรงหน้า ก่อนที่เสียงหวานๆ นั่นจะแหวใส่ผม

“อ้าว พี....นี่คุณหลอกผมเหรอ”

“ใครบอกว่าผมหลอกคุณ ผมน่ะแค่ยื่นกุ้งตัวนั้นให้คุณดูเฉยๆ ไม่ได้บอกนี่ว่าจะป้อน!!! คุณเองนั่นแหละที่บอกให้ผมหาอะไรใส่ปากซะบ้าง ผมก็ทำตามที่คุณบอกแล้วไง แล้วนี่คุณยังจะมาโวยวายอะไรกับผมอีกเนี่ย”

“คุณนี่มันเจ้าเล่ห์จริงๆ เลย”

“แล้วรักมั๊ยคร้าบบบบบบ”

ก้องทำตาโตแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ผมอมยิ้มให้กับท่าทางขัดเขินของก้องอย่างอารมณ์ดี และแล้วอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะก็ถูกผมกับก้องจัดการจนเรียบไม่มีเหลือ แต่ดูเหมือนว่าก้องจะกินมากกว่าผมซะอีกแน่ะ ผมเองก็เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าเวลาเขินก้องเองก็กินเยอะเหมือนกัน

หลังจากที่ผมกับก้องทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาก้องมาเดินเล่นที่ชายหาดแถวบริเวณบ้าน ทะเลยามค่ำคืนดูลึกลับแต่ก็สวยแปลกตาไม่แพ้ในตอนกลางวัน แสงไฟจากเรือชาวประมงที่อยู่ไกลๆ นับสิบส่องแสงวิบวับเหมือนดวงดาวในท้องทะเล พระจันทร์บนท้องฟ้าทอแสงเรื่อเรืองทำให้บรรยากาศโดยรอบไม่ตกอยู่ในความมืดมากนัก คนหน้าหวานที่อยู่ข้างๆ ผมดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าอย่างสุขใจ ก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงหวานๆ นั่นเอ่ยออกมา

“สวยจังเลยนะพี”

“อืม.......ทะเลที่นี่สวยไม่เคยเปลี่ยน มันก็เหมือนกับใจของผมที่มันจะไม่มีวันเปลี่ยนไป” ผมส่งยิ้มอบอุ่นให้ก้องแวบหนึ่ง ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งชันเข่าบนพื้นทราย ที่เดียวกับวันที่ผมกับก้องนั่งคุยกันเมื่อวันนั้น เมื่อสองปีก่อน..........

“พี.......คุณเคยบอกผมว่าที่แห่งนี้เป็นที่แห่งความทรงจำระหว่างเรา คุณช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหม” ก้องทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ผม พร้อมกับมองผมตาแป๋วด้วยความสนใจใคร่รู้ ผมอมยิ้มให้กับคนตรงหน้าก่อนที่จะเล่าเรื่องราวในอดีตให้ก้องฟัง

“อย่างที่ผมบอกคุณไปตั้งแต่แรก.....ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณพ่อคุณ เมื่อสองปีก่อนบ้านของคุณมีปัญหาเรื่องการเงิน แม่ฟองกับพี่แก้วจึงตัดสินใจที่จะขายบ้านหลังนี้เพื่อพยุงฐานะของครอบครัว ดังนั้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงบ้านหลังนี้เป็นครั้งสุดท้าย คุณ ผม แล้วก็ทุกๆ คนในครอบครัวคุณจึงมาเที่ยวที่นี่เพื่อเก็บความทรงจำของบ้านหลังนี้ไว้ แต่สุดท้ายแล้วบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้ขายหรอกนะเพราะว่าคุณกับผมแล้วก็คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันไม่ให้พี่พัฒน์ พี่ชายของผม ซื้อบ้านหลังนี้ได้”

“อ้าว....พี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับความทรงจำของเราล่ะ”

“ใจเย็นๆ สิก้อง.......ผมกำลังจะบอกอยู่นี่ไง” ผมเอื้อมมือไปโอบไหล่ของก้องเอาไว้ เมื่อเห็นว่าลมพัดแรงขึ้นก่อนที่จะเล่าความหลังให้ก้องฟังต่อไป

“วันนั้น....คุณเห็นผมกับพี่พัฒน์คุยกันที่ระยอง คุณก็เลยกลัวว่าแม่ฟองจะมาเห็นแล้วท่านจะรู้ว่าผมเป็นน้องชายของพี่พัฒน์”

“เดี๋ยวนะพี.....แม่ไม่ชอบหน้าพี่พัฒน์เหรอ”

ผมอมยิ้มน้อยๆ ให้กับคนหน้าหวาน ก่อนที่จะตอบก้องออกไป

“ไม่ใช่แค่ไม่ชอบหน้านะ.......แต่เกลียดเลยล่ะ แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปแล้วล่ะก้อง ตอนนี้พี่พัฒน์ก็ได้รับกรรมที่เขาได้ก่อเอาไว้แล้ว”

“แล้วทำไมแม่ถึงเกลียดพี่พัฒน์ล่ะ”

“เพราะพี่ปัทม์ ภรรยาของพี่พัฒน์เป็นคนยิงพี่กิ่ง พี่สาวของคุณ”

“อ๋อ.....ผมนึกออกแล้ว พี่แก้วเคยเล่าให้ผมฟัง”

“นั่นแหละก้อง.....วันนั้นคุณชวนให้ผมกลับกรุงเทพฯ เพราะคุณสังหรณ์ใจว่าเกิดเรื่องไม่ดี แต่ผมก็บอกคุณไปว่าถ้ากลัวก็เลิกคิด”

ผมนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะเอ่ยปากเล่าเรื่องราวอีกครั้ง

“วันนั้น.....คุณบอกกับผมว่าคุณเลิกคิดไม่ได้ ตั้งแต่ที่คุณเสียพี่กิ่งไป คุณก็กลัวมาตลอด” ผมหันไปยิ้มให้กับคนตรงหน้า พร้อมกับกระชับอ้อมแขนของผมให้แน่นขึ้น

“ผมบอกคุณไปว่า แต่วันนี้มันจะไม่เหมือนเดิม เพราะว่าคุณมีผม แต่คุณกลับบอกว่ายิ่งมีผมคุณก็ยิ่งกลัว กลัวว่าจะเสียผมไป”

ก้องหันหน้ามาหาผมพร้อมกับทำตาโตใส่

“ไม่จริงอ่ะพี.....ผมไม่มีวันพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนั้นหรอก”

“น้อยไปสิก้อง” ผมยิ้มขำให้กับกิริยาของคนตรงหน้าก่อนที่จะเล่าเหตุการณ์ในความทรงจำต่อไป “แล้วคุณก็ยังบอกอีกนะว่าการที่คุณเสียพี่กิ่งไปทำให้คุณได้รู้ว่าการที่เสียคนที่เรารักมันเจ็บมากแค่ไหน”

ผมสบตาของคนหน้าหวาน ถ่ายทอดคำว่ารักเข้าไปในดวงตาคู่นั้น สายตาของก้องเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ผมเล่าเรื่องราวต่อไปอย่างไม่รอช้า

“ผมเลยตอบคุณไปว่าทรายมันไม่มีวันแยกจากน้ำทะเล ที่เหมือนคุณกับผม ถ้าคุณไม่ทิ้งผม ผมก็จะไม่มีวันทิ้งคุณ........”

“เราสองคนจะไม่มีวันสูญเสียกันและกันไป”

เสียงหวานๆ ของก้องพูดแทรกขึ้นมา ผมมองหน้าก้องอย่างตะลึงงัน อีกครั้งที่มุมปากของผมกระตุกยิ้มด้วยความลิงโลด สองมือของผมประคองใบหน้าสวยของก้องไว้แล้วถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจ

“ก้อง.......คุณจำได้แล้ว...........คุณจำได้แล้วใช่มั๊ย”

“ผม......ไม่รู้สิพี อยู่ดีๆ มันก็นึกออกมาเอง โอ๊ย......พี ผมปวดหัวอีกแล้ว”

“ไม่เป็นไรก้อง.......ไม่เป็นไรนะ เลิกคิดก้อง....เลิกคิด ตอนนี้มันก็ดึกแล้ว ผมว่าคุณไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ ระวังนะก้อง”

ผมพยุงให้ก้องลุกยืนขึ้นแล้วพาเดินกลับไปที่บ้านไม้สองชั้นริมทะเล วันนี้ก้องพอจะจำอะไรได้บ้างแล้ว อีกไม่นาน.......ผมเชื่อว่าอีกไม่นาน ก้องจะกลับมาจำผมได้อีกครั้ง คิดได้ดังนั้นผมก็อมยิ้มออกมาอย่างเป็นสุข
“ก้อง......ทำไมถึงไปนั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ” ผมหัวเราะให้กับท่าทางของคนหน้าหวาน ก็ดูก้องตอนนี้สิไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ไปนั่งจุ้มปุ๊กซะชิดกับหัวเตียง แถมยังเอาผ้าห่มสีขาวพันกายเอาไว้แน่นหนาอีกต่างหาก

“ก็.....ผมยังไม่ง่วงอ่ะ ก็เลยนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย”

“แล้วคุณไม่อึดอัดหรือไงถึงได้เอาผ้าห่มมาพันตัวซะแน่นขนาดนั้นอ่ะ” ผมยืมมองดูก้องจากปลายเตียง แล้วก็อดแหย่คนตรงหน้าไม่ได้

“หรือว่า....คุณกลัวผม”

ได้ผลแฮะ.....หน้าเหวี่ยงๆ ของก้องสะบัดมาทางผมทันที

“ใครบอกว่าผมกลัวคุณ”

“ก็ท่าทางคุณมันฟ้องอ่ะ นี่.....ก้อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เรานอนด้วยกันน่ะ” ผมขยับเข้าไปนั่งข้างๆ เตียงฝั่งที่ก้องนั่งอยู่ พร้อมกับใช้ทั้งสองมือคร่อมตัวของก้องเอาไว้ระหว่างหัวเตียงกับตัวผม “ผมกับคุณ......เราเคยลึกซึ้งกันถึงไหนต่อไหนมาแล้วนะ ถ้าคุณจำไม่ได้ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเตือนความจำเอง” ผมโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าหวานของก้อง ก้องของผมหลับตาปี๋ ผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนที่จะเลิกแกล้งคนขี้ตื่น ก้องดูเหมือนจะรู้สึกตัวว่าผมเลื่อนตัวออกไปนั่งบนเตียงอีกฝั่งหนึ่งแล้วจึงลืมตาขึ้นมา

“คุณนี่มัน........”

“ผมแหย่เล่นน่าก้อง......เรามานอนกันดีกว่า ดึกแล้ว ผมง่วงแล้วล่ะ” ผมล้มตัวลงนอนอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่จะถือวิสาสะแกะผ้าห่มออกจากตัวก้องแล้วเอามาห่มให้ตัวเองพร้อมกับหลับตาลง เพียงครู่เดียวก้องที่เคยนั่งนิ่งก็เข้ามาเขย่าตัวผม

“พี พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานนะ”

“ผมโทรไปลาให้แล้วล่ะก้อง” ผมตอบคำถามทั้งๆ ที่ยังหลับตาอยู่

“คุณว่าไงนะ.......นี่ผมยังไม่ทันจะเริ่มงาน คุณก็ให้ผมลาตั้งแต่วันแรกเนี่ยนะ”

“ไม่เป็นไรน่าก้อง หัวหน้าของคุณเค้าเข้าใจ รวมทั้งพี่หมวย พี่หมง พี่วุฒิ พี่หญิง พี่ศิลป์ พี่เชษฐ์ พี่อัปสร พี่นิ พี่กิ๊ก แล้วก็น้องจุ๊กจิ๊ก เค้าก็สนับสนุนให้เราปรับความเข้าใจกันนะ”

“นี่คุณ.....คุณไปสนิทสนมกับพวกพี่ๆ ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะฮะ”

“เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละคร้าบ......ผมน่ะพีรวิชญ์ กิจติวรรณ นะคร้าบ คุณก้องบดินทร์ กิจติวรรณ นอนเถอะคุณ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ผมง่วงแล้วล่ะ” ว่าแล้วผมก็ใช้ท่อนแขนแข็งแรงกดยายจอมเหวี่ยงให้ล้มลงไปบนเตียงแล้วก็ถือโอกาสกอดคนหน้าหวานเอาไว้ทั้งตัว แต่ก้องของผมก็ยังโวยวายไม่เลิกผมก็เลยต้องประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากหนานุ่มของคนในอ้อมกอด ก้องดิ้นขลุกขลักสักพักก่อนที่จะตอบสนองผมอย่างเอียงอาย เนิ่นนานกว่าที่ผมจะตัดใจถอนริมฝีปากออกแล้วกระซิบที่ข้างหูของคนหน้าสวย

“ฝันดีนะครับ คนดีของผม”

ผมเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงทำให้ความมืดเข้ามาครอบคลุมห้องนอนห้องเล็ก ในเวลานี้มีเพียงแต่เสียงหายใจของผมกับก้องเท่านั้นที่สอดประสานกันอยู่ภายในบ้านที่เป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเราสองคน

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาด้วยความสดใส เพราะว่าเมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่ม ผมหันไปมองเตียงอีกฝั่งหนึ่ง ก้องคงตื่นแล้วสินะ ผมอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยก็ลงไปในครัวเพื่อจะหาอะไรกินก็พบกับก้องที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา

“ทำอะไรน่ะก้อง หอมจังเลย” ผมเข้าไปโอบก้องไว้จากทางด้านหลัง พร้อมกับถือโอกาสสูดลมหายใจตรงซอกคอขาวๆ ของก้องไปเข้าฟอดใหญ่.......อืม หอมจริงๆ

“นี่......ผมกำลังทำอาหารอยู่นะ อย่ามากวนผมสิ” ก้องบดินทร์หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก แต่ก็ไม่ได้สะบัดมือผมออกไปเหมือนครั้งที่แล้ว

“ก็ผมหิวนี่นา”

“ถ้าหิวก็ไปนั่งรอเลยไป ไม่ต้องมากวนแถวนี้ เกะกะ” ก้องของผมทำหน้าเหวี่ยงใส่ พร้อมกับพยักเพยิดไปทางโต๊ะกินข้าว ผมเดินออกไปนั่งรออย่างว่าง่าย ปล่อยให้ก้องทำอะไรต่อมิอะไรง่วนอยู่หน้าเตาต่อไป

และแล้วข้าวต้มกุ้งหน้าตาน่ากินก็มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า ผมตักข้าวต้มร้อนๆ นั้นเข้าปากด้วยความหิว ก้องหายเข้าไปในครัวอีกครั้งพร้อมกับยกจานไข่เจียวหอมๆ และถ้วยข้าวต้มของตัวเองออกมา ก่อนที่จะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ผม

“อ่ะพี.......ไข่เจียวไม่ใส่หอมใหญ่ของคุณ”

“นี่คุณจำได้เหรอว่าผมไม่กินหอมใหญ่” ผมยิ้มอบอุ่นให้กับก้อง ตั้งแต่ที่ผมขอร้องให้ก้องเปิดใจ ผมก็รูสึกได้ว่าจริงๆ ลึกๆแล้วก้องยังมีผมอยู่ในใจเสมอ เพียงแต่ตอนนี้ก้องยังจำอะไรไม่ได้เท่านั้นเอง

“ไม่รู้สิ ผมแค่ทำไปตามความเคยชินน่ะ ตกลงว่าคุณไม่กินหอมใหญ่เหรอ”

“อื้ม.....ผมไม่ชอบ ผมว่ากลิ่นมันฉุน เออ....ว่าแต่คุณไปเอาของสดพวกนี้มาจากไหนน่ะ”

“ผมก็ตื่นแต่เช้าไปซื้อมาจากตลาดแถวนี้สิครับ........เมื่อวานตอนออกไปข้างนอกน่ะผมเห็นว่ามีตลาดอยู่ใกล้ๆ บ้าน ใจคอคุณน่ะจะให้ผมไปขโมยใครเค้ามาล่ะ“

“โอเคคร้าบ......แฟนผมเนี่ยสมกับเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆ”

หลังจากเราสองคนทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็ชวนก้องไปเล่นน้ำทะเลเพื่อให้ก้องรู้สึกผ่อนคลาย ไม่แน่นะ การที่ก้องเหวี่ยงใส่ผมบ่อยๆ อาจเป็นเพราะว่าก้องต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องทั้งวันก็ได้

“ก้อง......มาเล่นน้ำกันเถอะ น้ำใส๊.......ใส” ผมใช้มือวักน้ำทะเลก่อนที่ปล่อยน้ำเค็มให้ร่วงหล่นลงสู่ผิวน้ำ

“ไม่เอาอ่ะพี ผมไม่อยากเหนียวตัว”

“น่านะก้อง มาทะเลทั้งทีไม่เล่นน้ำได้ยังไง” ผมเดินขึ้นมาจากน้ำทะเลพร้อมกับเข้าไปลากข้อมือของคนหน้าหวานให้ตามมาที่ชายหาด ผมวักน้ำใส่ตัวของคนตรงหน้า ก้องบดินทร์ทำตาโตก่อนที่จะวักน้ำใส่ผมคืนบ้าง ผมวิ่งหนีคนหน้าสวยไปตามชายหาดแต่ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยท้าทายก้องบดินทร์ที่บัดนี้ทำแก้มป่องด้วยความขัดใจ

“ถ้าอยากจะแกล้งผมก็ตามมาให้ทันสิคร้าบ”

ได้ผล.........ก้องบดินทร์วิ่งไล่ตามผมอย่างไม่ลดละ ผมแกล้งชะลอฝีเท้าให้ช้าลงจนก้องเกือบจะจับตัวผมได้ แต่แล้วผมก็เร่งฝีเท้าขึ้นอีกจนก้องจับตัวผมไม่ได้สักที เราสองคนวิ่งไปวิ่งมาอยู่สักพักก็รู้สึกเหนื่อย จึงทรุดตัวลงนั่งแหมะอยู่บนชายหาดตรงนั้นนั่นเอง

“เฮ้อ.......เหนื่อยจังเลยก้อง เดี๋ยวผมเข้าไปเอาน้ำมะพร้าวแช่เย็นในบ้านมาให้นะ คุณรอผมแป๊บนึงนะ” ผมหันไปพูดกับคนหน้าหวานที่ตอนี้หน้าแดงด้วยความเหนื่อยหอบ ผมลูบหัวก้องเบาๆ สองสามทีก่อนที่จะวิ่งเข้าบ้านไปด้วยความรวดเร็ว

น้ำมะพร้าวแช่เย็นอยู่ในมือทั้งสองข้างของผมเรียบร้อยแล้ว ผมกะว่าพอเราอาบน้ำล้างตัวเสร็จผมจะเอาแหวนแต่งงานไปให้ก้องอีกครั้ง ผมรีบเดินเข้าไปหาหวานใจที่ยังนั่งคอยผมอยู่ อีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงที่หมาย แต่แล้วจู่ๆ ไอ้หน้าตี๋ศัตรูหัวใจของผมมันก็โผล่มาได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วที่สำคัญมันรีบวิ่งเข้าไปหาก้องแล้วจับหน้าของก้องให้หันไปหามัน ภาพที่เห็นมันเหมือนกับว่าก้องกับมันกำลัง......จูบกัน.......หัวใจของผมเจ็บจนชา น้ำมะพร้าวที่อยู่ในมือผมร่วงหล่นไปบนพื้น แต่ผมไม่แยแส ผมรีบวิ่งเข้าไปกระชากมันให้ออกมาจากตัวก้องแล้วก็ชกหน้าตี๋ๆ ของมันไปเต็มแรงด้วยความเดือดดาล

“พี.....นี่คุณทำอะไรน่ะ” ก้องของผมรีบถลาเข้าไปหามันพร้อมกับโอบประคองมันไว้ แหม......ประคบประหงมกันเหลือเกินนะ เหอะ.........หมั่นไส้

“ก้อง............คุณบอกผมมาเดี๋ยวนี้นะว่าไอ้นิคมันมาได้ยังไง คุณโทรนัดให้มันมาใช่มั๊ย หะ” ผมรีบเข้าไปกระชากแขนก้องให้ออกห่างจากมันและบังคับให้ก้องหันมาเผชิญหน้ากับผม สองมือผมบีบไหล่ก้องอย่างแรง ก้องทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

“ปล่อยนะพี ผมเจ็บ”

“เจ็บ......คุณเจ็บงั้นเหรอ.....แล้วคุณคิดว่าผมไม่เจ็บหรือไงที่เห็นว่าแฟนตัวเองกำลังคบชู้”

ก้องบดินทร์สะบัดตัวอย่างแรงจนมือของผมหลุดออกจากไหล่บอบบางนั่น หน้าของก้องตอนนี้เปี่ยมไปด้วยโทสะอย่างเห็นได้ชัด

‘พลั่ก’

“มันจะมากไปแล้วนะพี ผมไม่รู้หรอกว่าพี่นิคเค้ามาได้ยังไง แต่การที่คุณเห็นผมกับเค้าอยู่ด้วยกันแค่นี้คุณถึงกับต้องกล่าวหาว่าผมคบชู้เลยเหรอ”

ก้องบดินทร์ผลักผมอย่างแรงจนผมเซถลาลงไปกองกับพื้น หัวของผมโขกเข้ากับก้อนหินก้อนหนึ่งที่ฝังอยู่บนพื้นทราย เลือดจำนวนไม่มากนักไหลลงมาข้างแก้ม ผมจ้องหน้าก้องบดินทร์อย่างตะลึงงัน ร้อยวันพันปีก้องไม่เคยใช้ความรุนแรงกับผมเลย นี่คงเป็นเพราะไอ้พี่นิคอะไรนั่นสินะ

“นี่คุณรักมันหลงมันขนาดนี้เลยเหรอก้อง คุณลืมไปแล้วหรือไงเราเป็นอะไรกัน ได้.....ถ้าคุณลืม ผมจะเตือนความจำของคุณเอง"

ผมคว้าข้อมือของก้องไว้แล้วลากให้กลับเข้าไปในบ้าน ไอ้หน้าตี๋นั่นวิ่งเข้ามาขวางหน้าผม เฮอะ สงสัยมันคงไม่รู้จักคำว่าตาย

“นี่คุณจะทำอะไรก้องน่ะ”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ผมข่มอารมณ์อย่างถึงที่สุด แล้วลากให้ก้องเดินไปอีกทาง แต่ไอ้ตัวต้นเหตุของปัญหานั่นมันก็ยังไม่ยอมรามือ

“ปล่อยก้องนะ”

มันวิ่งเข้ามาฉุดข้อมือของก้องเอาไว้ ทำให้ความอดทนของผมสิ้นสุดลง ผมเลยประเคนหมัดหนักๆ ใส่หน้ามันอีกสองสามทีจนมันล้มลงไปนอนกับพื้น ผมตะโกนใส่หน้ามันย้ำถึงสิทธิ์ของผม

“อย่ามายุ่งกับคนในครอบครัวของผม คุณก็มันแค่คนนอก อย่าเสือก อ่อ.....แล้วก็ไม่ต้องตามมานะถ้าไม่อยากโดนซ้อมจนตาย”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมเหวี่ยงคนหน้าสวยลงไปบนเตียงอย่างแรง ก้องมองหน้าผมอย่างเอาเรื่องก่อนที่จะตะโกนออกมา

“คุณมันบ้าไปแล้วพี”

“ใช่.....ผมบ้า”

ผมย่างสามขุมไปหาคนที่อยู่บนเตียง ก้องกระถดตัวหนีด้วยความหวาดกลัว

“คุณจะทำอะไรน่ะ”

“ก็จะเตือนความจำของคุณไง.......ว่าเราเป็นอะไรกัน”

ก้องบดินทร์กระโดดลงจากเตียงอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็ไวกว่าคว้าเอวของคนจอมพยศนั่นไว้แล้วผลักให้ล้มลงไปบนเตียง ข้อมือทั้งสองข้างของก้องถูกตรึงไว้ให้อยู่กับที่ ผมทาบทับตัวเองลงไปบนตัวของคนหน้าหวานก่อนที่จะบดจูบลงไปบนริมฝีปากนุ่มอย่างดุดัน ตักตวง รุกราน และเอาแต่ใจ ผมเริ่มคลายมือออกจากคนหน้าสวยเมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนใต้ร่างไร้ซึ่งการพยศ แต่แล้วโดยไม่คาดคิด ก้องใช้มือทั้งสองข้างผลักอกผมอย่างแรงจนก้องหลุดจากการควบคุม คนหน้าหวานเบี่ยงตัวจะลงจากเตียงผมจึงจับข้อเท้าทั้งสองข้างของก้องไว้แน่นแล้วลากเข้ามาประชิดตัว เสื้อยืดตัวบางที่เปียกชุ่มด้วยน้ำทะเลของก้องถูกผมถอดออกแล้วใช้มันมัดข้อมือของก้องไว้กับหัวเตียง ผมก้มลงซุกไซร้ลำคอและลาดไหล่ขาวเนียนของก้องพร้อมกับฝากรอยรักแดงๆ ไว้จนทั่ว ก้องดิ้นโวยวายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผมจึงประทับจูบปิดปากของก้องเอาไว้พร้อมกับบีบคางของก้องให้อ้าปากรับลิ้นอุ่นๆ ของผม ส่วนมืออีกข้างก็ถอดกางเกงสามส่วนของก้องให้พ้นออกไปจากตัว ลิ้นของผมยังคงเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นของก้องอย่างถือสิทธิ์ มือข้างที่เคยบีบคางของก้องไว้เปลี่ยนเป็นควานไปมาบนเรือนร่างของก้องอย่างสะเปะสะปะ ผมรู้สึกถึงแรงสั่นสะท้านของคนใต้ร่างจึงเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของคนหน้าหวาน แล้วผมก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็น ดวงตาคู่สวยของก้องบวมแดงและฉ่ำไปด้วยด้วยน้ำตา ก้องสะอื้นไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ นี่ผมทำอะไรลงไป....ผมทำร้ายก้องอีกแล้วใช่มั๊ย

“ก้อง........ผมขอโทษ” ผมรีบแกะพันธนาการที่รัดข้อมือทั้งสองของก้องออกด้วยความรวดเร็ว แล้วพยุงกอดคนหน้าสวยให้ซบอยู่ที่อกของผม แต่ก้องก็สะบัดตัวออกจากการเกาะกุม

“คุณผิดสัญญา” ก้องพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น “คุณบอกว่าคุณจะทำให้ผมมีความสุข แต่คุณก็ทำร้ายผมอีกแล้ว ต่อจากนี้ไปผมจะไม่เชื่ออะไรคุณอีก คุณอย่ามายุ่งกับผมอีกนะ ผมเกลียดคุณ เกลียด........เกลียดที่สุดเลย”

ก้องตะโกนใส่หน้าผมเสียงดัง แล้วรีบเก็บเสื้อผ้าที่ถูกผมถอดเมื่อสักครู่วิ่งเข้าห้องน้ำไป ก้องออกมาจากห้องน้ำอีกครั้งพร้อมกับใส่ชุดเปียกๆ นั่นแล้ววิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว

ผมรีบวิ่งตามก้องออกไปแล้วก็เห็นว่าก้องกำลังจะขึ้นไปบนรถของไอ้หน้าตี๋นั่น ผมตะโกนเรียกก้องอย่างสุดเสียง แต่ผมก็ได้ยินเสียงของก้องพูดกับไอ้หมอนั่นเช่นกัน

“พี่นิค พี่นิคพาก้องไปเร็วๆ นะ ก้องไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”

ในที่สุดคนรักของผมก็ไปกับไอ้ตี๋นั่นจนได้ ความหวังที่ได้ปรับความเข้าใจกับก้องเป็นอันต้องพังพินาศไปไม่มีชิ้นดี อีกครั้งที่ผมกลัว กลัวว่าจะต้องสูญเสียก้องไป เพียงแค่คิดหัวใจของผมก็แทบจะแหลกสลาย ต่อจากนี้ผมควรจะต้องทำยังไงถึงจะทำให้ก้องกลับมาหาผมอีกครั้ง ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหญ้าอย่างอ่อนแรง หึ...ผมยิ้มเหยียดให้กับการกระทำของตัวเอง การที่ผมต้องอยู่อย่างเดียวดายแบบนี้มันก็คงจะสาสมกับสิ่งที่ผมทำแล้วสินะ

‘จมอยู่กับตัวเอง ติดอยู่กับเวลา
ทำไมเธอไม่มา เธอหายไปนานเหลือเกิน
ยังมีคนที่คอยอยู่ วันและคืนเฝ้าหมองเหม่อ
ใครทำให้เธอห่างเหิน

ผ่านไปแต่ละวัน ก็ยังหวั่นในใจ
ว่ามันเกิดอะไร กับรักที่เธอให้มา
เธอยังรักฉันรึเปล่า เธอมีใครสำคัญกว่า
เพียงแค่คิดยังปวดร้าว

เพราะว่าใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน
จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน
ลืมทุกๆ อย่าง มันอ่อนล้าและสับสน

จะต้องทำยังไง บอกกับเธอยังไง
ความอึดอัดในใจ ที่ฉันทนมาตั้งนาน
คนดีๆ ที่เคยห่วง นานวันไปยิ่งไกลห่าง
เพียงคิดน้ำตาก็ไหล

เพราะว่าใจกลัว กลัวว่าเธอจะทิ้งกัน
จากไปลืมคนที่เคยบอกรักกัน
ลืมทุกๆอย่าง มันอ่อนล้าและสับสน*’





*กลัว cover โดย อนุชิต สพันธุ์พงษ์





Create Date : 15 เมษายน 2554
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 15:12:24 น. 7 comments
Counter : 459 Pageviews.

 
แวะมาให้กำลังใจ...ว่าที่ ดร. ในการเป็นนักแต่งฝึกหัด
แล้วจะแวะมาใหม่


โดย: auntieaui IP: 10.3.59.106, 10.1.5.12, 203.155.29.220 วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:15:19:46 น.  

 
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

พี่เอสขราาาาาาาา
จากหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น่ารัก
กระชากกลับมาดราม่า เล่นหัวใจกระตุกกันเลยทีเดียว
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

น่าติดตามมากๆๆๆ ค้าบบบบบบบบบบบ
ลุ้นๆๆๆๆ น้องก้องทำร้ายพี่พีได้งายยยยยยยยยยย
อย่าใจร้ายกับพี่พีมากนักน้า T_T


รอติดตามตอนต่อไป ศุกร์หน้าคร่าาาา
เป็นกำลังใจให้พี่เอส และน้องปอ นะค้า ^^


โดย: someone IP: 1.47.98.57 วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:16:55:02 น.  

 
อ๊าาาาาาาาาาาาาายยยยยยย

น้องเอส... ขอซูฮกจริงๆ ค่ะน้องเอส

ยาวได้ใจแถมเนื้อเรื่องก็สนุกน่าลุ้นชวนติดตาม....

แหม!!! แอบดีใจที่เค้าสองคนเกือบจะลงเอยกันได้แล้ว....

แต่น้องเอสมาหักมุมตอนจบให้ดราม่าซะจนคนอ่านปวดใจ....

ไปกับทั้งคู่ด้วย...น่าสงสารอ่ะอย่าให้เป็นแบบเรื่อง'เธอกับเขาและรักของเรา'

เลยนะคะ.....ยิ่งอ่านยิ่งเศร้าอ่ะ.... !!!!!!!!!!

ขอบคุณและเป็ลกำลังใจให้นะคะน้องเอส



โดย: Keamdeang1@smile IP: 115.87.136.37 วันที่: 15 เมษายน 2554 เวลา:17:57:03 น.  

 
ชอบทั้งฟิคและเพลงประกอบเลยคร๊าบบบบ


โดย: ไข่มุกดำ IP: 182.232.112.199 วันที่: 17 เมษายน 2554 เวลา:1:41:57 น.  

 
แรกๆเหมือนจะเริ่มต้นใหม่กันได้ดีแล้วแท้ๆ แต่ไหงกลับมาจบด้วยความเศร้าของคุณพีอีกแล้วล่ะเนี่ย ฮือๆ สงสารพีรวิชญ์จับใจ TT^TT น้องก้องใจร้ายอีกแล้ว จำไม่ได้ไม่เท่าไร แต่คำก็หย่า สองคำก็เกลียด แถมยังไปหนีไปกับไอ้พี่นิคตลอดๆจะไม่ให้พีช้ำใจยังไงไหว ใครก็ได้เอาไอ้พี่นิคจับถ่วงน้ำโยนลงทะเลระยองทีจะได้เลิกมายุ่งวุ่นวายกับก้องสักที โผล่มาทีไรพีกับก้องต้องทะเลาะกันทุกทีสิน่า ชริ!!!


โดย: Lookwha IP: 58.10.64.93 วันที่: 18 เมษายน 2554 เวลา:14:55:55 น.  

 
พี่เอสวางพล็อตเก่งมากค่ะ เคลือบความหวานไว้ให้คนอ่านตายใจ แล้วก็ เฮือก... ดราม่าอีกแล้ว แต่ทีบ่นไม่ใช่อะไร ชอบบบบบ ดราม่าที่ทำให้คนอ่านอินได้เนี่ยสุดยอดแล้วค่ะ จุดพลุให้เลยๆๆๆๆๆๆ^^


โดย: เนี้ยบเนี้ยบ^^ IP: 223.204.20.20 วันที่: 6 พฤษภาคม 2554 เวลา:18:19:32 น.  

 
พ่่ีเอสสสส พาเคลิ้มให้ดีจัย กับความหวานทั้งสองคน แต่ต้องหยุดเพราะไอ้พ่ีนิคเข้ามาเจือก เซงอะ


โดย: Lookpear IP: 180.214.209.113 วันที่: 23 ธันวาคม 2554 เวลา:22:33:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.