Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
20 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

เข็มทิศชีวิต.....ภาคที่ 4

ภาคที่ 4 กำหนดเป้าหมายให้ถูกต้อง

กำหนดเป้าหมายผิด ชีวิตอาจดิ่งเหว

ในประเทศอินเดียสมัยโบราณ ชายหนุ่มคนหนึ่งไปถามอาจารย์ว่า "อาจารย์ครับผมต้องการความมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อจะได้สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด ผมต้องทำอย่างไรครับ"

อาจารย์ตอบว่า "ศิษย์เอ๋ย ในตัวของคนเรานี้ มีเทพเจ้าอยู่ 2 องค์ องค์หนึ่งคือ เทพเจ้าแห่งปัญญา อีกองค์หนึ่งคือ เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ทุกคนจะรักและบูชาเทพเจ้าทั้งสององค์นี้มาก แต่ความลับก็คือ เจ้าจงดูแลเทพเจ้าแห่งปัญญา รัก เทิดทูน ดูแล และใช้ความพยายามให้เต็มที่การดูแลท่าน เมื่อเจ้าดูแลเทพเจ้าแห่งปัญญาอย่างดีที่สุด เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งก็จะอิจฉาและทุ่มเทความสนใจทั้งหมดมาที่เจ้า ดูแล ติดตามเจ้าไปทุกหนทุกแห่ง เมื่อนั้นความมั่งคั่งที่เจ้าปรารถนาก็จะเป็นของเจ้าตลอดไป"





O กุญแจชีวิต

ความมีสติปัญญาคือ กุญแจดอกสำคัญ ที่ทำให้หนทางชีวิตของมนุษย์แต่ละคนแตกกันต่าง คนมากมายวิ่งตามหาความมั่งคั่งร่ำรวยทั้งชีวิตแต่ก็ไม่เคยเจอ หลายคนดำเนินชีวิตและตายไปอย่างคนที่แร้นแค้นและขาดแคลนที่สุด ทั้งที่มีเงินมากมายในบัญชีธนาคาร


เราทุกคนสามารถเป็นคนที่มั่งคั่งได้ทุกช่วงชีวิต ชาวนาที่กำลังเดินกลับบ้านตอนเย็นแล้วบังเอิญจับปลาได้สองตัว มีพอแบ่งให้เพื่อนบ้านได้หนึ่งตัว อีกตัวที่เหลือก็แกงกินได้ทั้งครอบครัว และยังพอมีแบ่งไปทำบุญที่วัดให้สบายใจได้อีก เขาคือคนที่มีเหลือ มีพอ และมีความสุข


ปัญหาก็คือ ที่เราท่องกันมาตั้งแต่เด็กว่า "วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่แดนไกล
เราเข้าใจผิดว่า "วิชา" หมายถึง ความรู้ วิชาการที่เราเรียนเพื่อมาหางานทำ แต่วิชามีความหมายลึกซึ้งกว่านั้น วิชา หมายถึง สติ ปัญญา ความรู้ ความเข้าใจโลก เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจเงิน เข้าใจชีวิต สิ่งต่างๆ ไม่ว่า เงิน ชีวิต หรือความสัมพันธ์ ถ้าเราเข้าใจและรู้จักธรรมชาติของมัน เราก็จะเป็นนาย แต่ถ้าเราไม่รู้จัก ไม่เข้าใจธรรมชาติของมัน มันจะกลายเป็นเจ้านายเรา ลากถูลู่ถูกังชีวิตจิตใจของเราชนิดที่เราไม่มีทางสู้


เทพเจ้าแห่งปัญญาจะรู้ว่า เป้าหมายของชีวิตคือ ความสุข ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ทุกอย่าง ที่เราหามาเพื่อป้องกันให้ความทุกข์เข้าใกล้เราได้น้อยลง และเทพเจ้าแห่งปัญญายังรู้ว่าสิ่งต่างๆ แปรปรวนไว้ใจไม่ได้ ต้องสร้างชีวิตให้เป็นอิสระ สงบ ตั้งมั่น มีความสุขได้ด้วยตัวเอง พึ่งพาอาศัยสิ่งต่างๆ น้อยลง ใจที่เป็นอิสระ ไม่สับสนวุ่นวาย ไม่มีความหวาดกลัว สามารถตัดสินใจได้เฉียบคมเหมาะสม รู้จักใช้ชีวิตที่มีคุณค่า แบ่งปัน เป็นกระแสพลังบวก ดึงดูดสิ่งดีๆ และไม่มีคำว่าขาดแคลน


* เข็มทิศ

วันนี้ชีวิตคุณมุ่งหน้าไปดูแล เทพเจ้าแห่งปัญญา หรือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง จงมุ่งหน้าไปที่เทพเจ้าแห่งปัญญา ผู้รดน้ำให้ความสุขในใจคุณ





O กับดักชีวิต

ปัญหาของชีวิตก็คือ ข้าวของต่างๆ ถูกสร้างมาล่อตา ล่อใจ ให้เราเข้าไปติดกับเหมือนขนมหวานห่อสวยๆ ที่กินเข้าไปแล้วอ้วน ฟันผุ น้ำตาลในเลือดขึ้น แต่น่ากินจนเกินจะห้ามใจไหว แม้จะรู้ว่าเป็นโทษ แต่เราก็เข้าไปติดกับดักทุกที


หลายสิ่งในชีวิตมีประโยชน์ มีคุณค่าต่อชีวิตเรา โดยไม่เกี่ยวกับราคาหรือค่านิยม เช่น อาหารสุขภาพ ความอบอุ่นในครอบครัว ความรักของเพื่อน รอยยิ้มของคนรัก พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก เรามีความสุขกับมันโดยไม่ต้องใช้เงินมาก หรือไม่ต้องใช้เงินเลย ทั้งยังดีต่อคุณภาพชีวิตของเรา


แต่ก็มีหลายสิ่งในชีวิตที่มีราคาแพงตามค่านิยม เช่น แฟนสวยๆ แต่งตัวโป๊ๆ การใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้ออยู่ตามผับตามบาร์ จนจิตใจแห้งแล้งลงทุกวัน น้ำอัดลม ช็อกโกแลตแพงๆ อาหารจีนหรูๆ ไขมันสูง ราคาแพง รถสปอร์ตหรูหราราคาแพง เป็นอันตรายต่อชีวิตตนและชีวิตผู้อื่น ของเล่น เกมกด เกมคอมพิวเตอร์ ที่กระตุ้นเร้าลูกของเราจนเกิดลักษณะสมาธิสั้น ไม่สามารถอยู่นิ่งฟังครูได้ เหล้า ไวน์ราคาเป็นหมื่นเป็นแสน ที่เราเชื่อกันว่าจะช่วยเพิ่มความโก้เก๋ดูมีรสนิยมของเราเพิ่มรสชาติความ สนุก ทั้งๆ ที่มันมีผลทำลายสุขภาพกาย สุขภาพใจ และชีวิตเราอย่างนับไม่ถ้วน


The best things in life are free, it's the worst things that are so expensive.
-Anonymous-


* เข็มทิศ

วันนี้ในชีวิตคุณ มีอะไรที่คุณเลือกเพราะภาพลักษณ์ภายนอก แล้วกลายมาเป็นสิ่งที่สร้างภาระให้คุณต้องแบกไว้จนหนักใจบ้าง





O พังเพราะคิดผิด

หลายสิ่งหลายอย่าง มีทั้งคุณค่าแท้และคุณค่าเทียมตามค่านิยมของสังคม ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ของเรา เช่น

- คอมพิวเตอร์ ประโยชน์แท้เพื่อใช้สร้างสรรค์งานที่เป็นประโยชน์ ประโยชน์เทียมคือ ใช้เล่นเกมเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จนสายตาเสีย สมาธิสั้นและเสียโอกาสที่จะทำสิ่งอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า

- รถยนต์ พาหนะพาเราไปทำธุระต่างๆ จะเป็นแค่คุณค่าเทียม หากซื้อรถเพราะยี่ห้อเพื่อความโก้เก๋ การซื้อรถขนาดใหญ่กินน้ำมันมากเกินไป หรือซื้อเพื่อใช้ขับเที่ยวเล่นไปวันๆ

- โทรศัพท์มือถือ หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์มือถือ เราใช้มันเพื่อประโยชน์สร้างสรรค์ หรือใช้เพื่อประดับบารมี มีเพื่อให้เท่าเทียมกับคนอื่น อุปกรณ์เหล่านี้มีแต่จะทำให้เราเสียเวลาที่จะอยู่กับตัวเอง หรือคนที่เรารัก


ข้อมูลข่าวสารในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีมากมาย จะเกิดประโยชน์ก็ต้องมีสติปัญญากำกับ ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์ก่อนนำมาใช้หากสักแต่รับข้อมูลโดยไม่ได้พิจารณาความจริงด้วยปัญญา ก็เหมือนอาหารที่ไม่ย่อย ไม่มีประโยชน์อะไรต่อผู้รับประทาน


การดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก พวกเราทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ เพียงเราหยุดทบทวน จัดชีวิตเราสักนิด แม้คนยากจนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองที่ภูมิปัญญาของชาวบ้านเพียงพอที่ให้ชีวิตพอ อยู่ พอกิน พอเพียง หากไม่ถูกเราเอาค่านิยมไปมอมเมาให้เขามาเป็นแรงงานราคาถูกในเมืองหลวง โดยเฉพาะตัวเราเอง ที่เราทุกคนต้องเหน็ดเหนื่อย หนัก แบกปัญหากันทุกวันนี้ เพราะเราเลือกสิ่งต่างๆ ในชีวิตตามค่านิยม มากกว่าคุณค่าที่แท้จริง





O รู้เขาหลอก

อดีต ประเทศไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ทุกคนสามารถปลูก หา สร้าง ทำสิ่งที่เราต้องการได้โดยไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องใช้เงิน ทุกคนมั่นคง พอเพียง มีความสุขสบาย มีสุขภาพดี


วันหนึ่ง ธนาคารโลกใช้ระบบวัดรายได้ต่อหัว เป็นการจัดฐานะของคนทั้งประเทศ ตั้งแต่วันนั้นประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศ ถูกตีตราว่าเป็นประเทศยากจน ทุกวันนี้จากที่เคยผลิตเพื่อยังชีพ เรากลายเป็นผู้ผลิตเพื่อขาย แล้วยิ่งจนลง ทำตัวเลขต่างๆ ให้ดูดี เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเอาเงินมาลงทุน (แล้วกอบโกยเอากำไรออกไปมากกว่า) เราจะได้มีเงินมาหมุน ใช้ซื้อของหรูหรา โก้เก๋ ตามค่านิยมแบบประเทศอุตสาหกรรมใหม่ จากที่เคยกินผักสดจิ้มน้ำพริก ก็มาสอนให้เรากินเนื้อ กินนม กินไข่ จนเราอ้วน เป็นโรคหัวใจ โรคไขมันอุดตัน
คอเลสเตอรอลสูงเหมือนที่ฝรั่งเขาเป็นกัน


จากที่เคยทำการเกษตรแบบธรรมชาติ ก็มีการปฏิวัติเขียว มีพันธุ์ข้าวจากห้องทดลอง ที่มาพร้อมปุ๋ยและยาปราบวัชพืชราคาแพง เพราะไม่มีภูมิต้านทานโรคเหมือนพันธุ์ข้าวที่พัฒนาตามธรรมชาติ แต่กลับได้ผลผลิตน้อยลง เพราะดินจืดและได้รับผลกระทบจากสารเคมี


ปู่ ย่า ตา ยาย ลูกหลานชาวชนบทที่เคยมีศักดิ์ศรี มีความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ต้องย้ายมาเป็นรงงานราคาถูกในเมืองหลวง เพราะเราสร้างเขื่อนทับที่นาของเขา เพื่อให้พวกเราเปิดไฟฟ้าเต้นรำกันได้จนถึงสว่าง


ทุกครั้งที่เรารู้สึกไม่พอใจกับบริการที่ได้รับจากแม่บ้าน คบขับรถ พนักงานเสิร์ฟ พนักงานล้างรถ คนขายของในห้างสรรพสินค้า ฯลฯ ขอให้เรารู้ไว้เถิดว่าเป็นเพราะเรา เขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ในที่ๆ เขาไม่อยากอยู่ เขาเป็นคนฉลาด มีความสามารถในท้องทุ่งที่เราทำไม่เป็น แต่ต้องมาเป็นเพียงแรงงานขั้นต่ำสำหรับเรา เพราะผู้บริโภคอย่างเรามีหน้าที่กิน ใช้ ให้มีความสุขที่สุด เรามองแค่ว่าค่าน้ำ ค่าไฟ แพงหรือถูกแค่ไหน แต่เราไม่เคยมองไปถึงต้นตอหรือที่มาว่า แต่ละครั้งที่เราเปิดน้ำ เปิดไฟ กระเทือนไปถึงที่ทำกินของคุณตาคุณยายที่เราไปสร้างเขื่อนทับที่ของเขา ชีวิตสัตว์กี่หมื่นชีวิตที่ต้องจมอยู่ใต้เขื่อน ป่าไม้ ต้นไม้ ที่หมดไปเพียงเพื่อให้เรามีชีวิตสนุกเพลิดเพลิน


การวางตนเป็นเพียงผู้บริโภค ทำให้เราเป็นเหมือนคนพิการ ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทุกอย่างต้องมาวางอยู่ตรงหน้า มีของ มีคน เพื่อให้ความสุขแก่เราชีวิตเราก็ยิ่งขาด ยิ่งต้องหาเผื่อไว้ให้มากขึ้นเพราะจิตใจขาดความลุ่มลึก ขาดการเรียนรู้ความเป็นจริง ไม่ได้ทำ ไม่ได้ผลิตอะไรให้ตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งพาคนอื่นทั้งภายนอกและภายในใจ


ความจริงก็คือ วันนี้เราต้อง "ตื่น" ขึ้นมารับรู้ว่า ระบบการค้าสมัยใหม่ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อเสนอประโยชน์เทียมให้เรา เพื่อกลบความรู้สึกส่วนลึก กลบหลุมในใจของเราที่รู้สึกอ้างว้าง ว้าเหว่ ในโลกการค้าสมัยใหม่ โฆษณาที่ทรงพลังสามารถทำให้เราบริโภคทุกอย่างตามที่ผู้ผลิตต้องการขาย ทุกครั้งที่เราเปิดโทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ ภาพ เสียงต่างๆ จะล้างสมองว่า เรายังดีไม่พอ ยังขาวไม่พอ สาวไม่พอ สวยไม่พอ ยังไม่เป็นนักกีฬา ไม่เป็นผู้นำ ยังไม่ทันสมัย จนกว่าจะซื้อจะมีสิ่งที่เขาต้องการขาย ทุกสื่อพุ่งตรงมาที่หลุมในใจเรา ซึ่งเมื่อเรา "ตื่น" แล้ว เราจะสามารถดับไฟที่ต้นเหตุได้ โดยไม่ต้องถูกเขาหลอกอีกต่อไป


เราไม่สามารถใช้เงินซื้อความสุขมากลบ หลุมในใจได้ ถ้าเรารักตัวเอง รักครอบครัว รักประเทศชาติ รักพระมหากษัตริย์ของเรา เราต้องตื่นขึ้นมา วันนี้ หยุดทบทวน ใช้สติปัญญาที่มีชี้นำชีวิตเรา


* เข็มทิศ

วันนี้คุณกำลังถูกใครหลอกอยู่บ้าง





O เป้าหมายผิดระดับประเทศ

การตั้งเป้าหมายที่ผิดย่อมพาชีวิตไปสู่วังวนของปัญหาที่ไม่มีจุดจบ


ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตัวอย่างของประเทศที่ใช้วัตถุเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ เป็นประเทศร่ำรวยที่มีปัญหาอย่างน่าตกใจ ครอบครัวแตกแยก ปัญหาหย่าร้าง ลูกมีปัญหา อาชญากรรม ยาเสพติด คนเครียดฆ่าตัวตาย นักเรียนฆ่ากัน


ถ้าประเทศของเรามีเงินเป็นเป้าหมายหลัก เราก็อาจจะเห็นบ่อนการพนันถูกกฎหมาย เพื่อดึงเงินเข้าประเทศ แต่ประชาชนถูกมอมเมา คนจำนวนมากต้องหมดอนาคต เสียครอบครัว เสียชีวิต เพราะเสียการพนัน ไม่นับอาชญากรรม ความทุกข์ และความเดือดร้อนที่จะตามมาอีกนับไม่ถ้วน


หรือหากประเทศมีตัวเลขทาง การเงินเป็นเป้าหมายหลัก ใช้นโยบายอุ้มภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก เราก็จะเห็นการตัดสินใจของภาครัฐที่เอื้อให้กับภาคอุตสาหกรรมบนความสูญเสีย ของภาคเกษตรกรรม เช่น การสร้างเขื่อนทับที่ทำกินเพื่อผลิตไฟฟ้า การปล่อยสารพิษทำลายแหล่งน้ำ


หรือการกดให้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ เพื่อให้นักธุรกิจมีต้นทุนเงินกู้ราคาถูกไปขยายธุรกิจ แต่ดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับคนธรรมดาอาจรู้สึกเหมือนโดนปล้น เก็บเงินทั้งชีวิต เพื่อไว้กินดอกผลตอนแก่ มีเงินฝากธนาคาร 1 ล้าน ได้ดอกเบี้ยเดือนละ 800 บาท พอดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ก็ต้องเอาเงินไปซื้อพันธบัตรขององค์กรใหญ่ๆ ไปซื้อประกันชีวิตเพื่อหวังดอกเบี้ย ไปซื้อหุ้น พอราคาหุ้นเพิ่ม ภาคอุตสาหกรรมได้กำไร แต่เมื่อเกิดปัญหา คนตัวเล็กๆ ก็เป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

ทุกอย่างถูกวัดคุณค่าด้วยตัวเลขทั้งๆ ที่ตัวเลขไม่มีความหมายอะไรเลยสักนิด ตัวเลขมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศจะมีความหมายอะไร ถ้ามันเป็นตัวเลขที่เพิ่มจากการซื้อขายเหล้า บุหรี่ หวยรัฐบาล เหล้า 1 ขวด อาจจะมีราคาเท่านม 100 กล่อง แต่คุณค่าผิดกันนับไม่ถ้วน นม 100 กล่อง ช่วยให้เด็ก 100 คน หายหิว แต่เหล้า 1 ขวด ทำให้เกิดอุบัติเหตุ อาชญากรรม ตับแข็ง เปลืองยาของโรงพยาบาล หัวหน้าครอบครัวของบางคนต้องตาย เพราะถูกคนเมาขับรถชน เด็กต้องเสียตัวก่อนวัย ทำลายสมรรถภาพในการทำงาน รายได้ครอบครัวหดหาย ลูกต้องออกจากโรงเรียน


หลายกิจกรรมไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่มีคุณค่าอย่างแท้จริง เช่น ครูอาสาสมัครที่ไปสอนเด็กยากจนข้างถนนโดยไม่ได้รับเงิน แม่ที่ปลูกผักสวนครัวเอามาผัดกินกับลูกในบ้าน ครอบครัวอบอุ่นสุขภาพดี แต่ตัวเลขไม่เพิ่ม


เมื่อระบบไม่เอื้อกับการทำมาหากิน พืชผลที่ต้องปลูกเพื่อส่งออกตามนโยบายภาครัฐถูกกดราคา ภูมิปัญญาชาวบ้านต้องเดินทางมาเป็นแรงงานราคาถูก ซึ่งเอาไปทำงานแข่งขันกับใครก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้รักในงานที่ทำ ไม่ได้ถูกหล่อหลอมมาเพื่อมาทำงานกับเครื่องจักร


พ่อค้าแม่ค้าเคยค้า ขายในตลาด ในร้านขายของ ในแต่ละชุมชน เมื่อถนนถูกขยายกว้างขึ้น ห้ามจอดรถ คนลงมาเดินซื้อของไม่ได้ คนก็ต้องย้ายไปซื้อของในห้างซุปเปอร์สโตร์ของบริษัทต่างชาติที่มีที่จอดรถ ใหญ่โต คนตัวเล็กๆ หมดทางไป





O เป้าหมายผิดระดับบริษัท

บริษัทที่วางผลกำไรสูงสุดเป็นเป้าหมายหลักเพียงด้านเดียว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่

o พนักงานจะต้องทำงานหนัก แก่งแย่งชิงดี การเมืองในองค์กรสูง ขัดแย้งผลประโยชน์ สุดท้ายประสิทธิภาพและความร่วมมือในการทำงานก็ต้องลดไปโดยปริยาย

o บริษัทที่คิดแบบนี้มีแนวโน้มที่จะทำธุรกิจแบบชั่วร้าย เบียดเบียนคนภายนอก เป็นบริษัทที่พนักงานไม่มีศรัทธา ตามมาด้วยปัญหาทุจริตภายใน พนักงานเฉื่อยชา ทำงานแค่เฉพาะหน้า

o เมื่อบริษัทเอาเปรียบพนักงาน พนักงานไม่เกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับองค์กร ขาดความรับผิดชอบ ไม่ช่วยประหยัดต้นทุน ไม่ปล่อยพลังความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ทำให้งานไม่ก้าวหน้า


การวางเป้าหมายที่เงินเป็นแกนกลางในการขับ เคลื่อนองค์กร นอกจากจะไม่ช่วยให้ได้ผลตอบแทนสูงสุดอย่างยั่งยืนแล้ว ยังเป็นการทำลายองค์กรอย่างยั่งยืนอีกด้วย





O การตั้งเป้าหมายผิดในระดับบุคคล

การตั้งเป้าหมายผิดในระดับบุคคลก็เช่นกัน ถ้าเราวางเข็มทิศชีวิตมุ่งหน้าไปที่เงิน จะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ชีวิตเราจะมีปัญหาอย่างยิ่ง


ถ้าเราอยากมีเงิน มีความมั่นคงอย่างยั่งยืน เราต้องเป็นเจ้านายของเงิน เป็นผู้รู้จักเงิน เป็นคนใช้เงิน ไม่ปล่อยให้เงินครอบงำเรา คนที่ปล่อยให้เงินเป็นเจ้านายจะไม่เคยมีความสุขเลย ตอนมีเงินก็ใช้เงินสร้างความทุกข์ หวาดกลัวว่าจะสูญเสีย ตอนไม่มีก็ยิ่งทุกข์หนัก ทุกอย่างมี 2 ด้านเสมอ สิ่งสำคัญคือ เราจะต้องรู้จักประโยชน์ รู้จักโทษของมัน และใช้มันให้เป็น


เคยได้ยินเรื่องคุณลุงขายกาแฟไหม มีคุณลุงคนหนึ่งพายเรือขายกาแฟอยู่แถวตลาดน้ำ สายๆ พอแดดเริ่มแรง ของขายหมด แกก็พักผ่อนนอนล่องเรือเป่าขลุ่ยรับลม นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปเห็นเข้า ก็บอกลุงว่า "ลุงของขายหมด ทำไมไม่ทำมาขายเพิ่มเยอะๆ ล่ะ จะได้มีเงิน ต่อไปก็อาจตั้งเป็นร้านกาแฟใหญ่ๆ ขยายสาขาไปเมืองต่างๆ ขายกาแฟไปทั่วโลกเลยก็ยังได้"


คุณลุงก็ถามว่า "เปิดร้านกาแฟทั่วโลกแล้วดียังไงล่ะ"
นักท่องเที่ยวชาวกรุงก็บอกว่า "อ้าวลุงก็จะได้รวย นั่งๆ นอนรับลมเล่นริมน้ำสบายใจยังไงก็ได้ไงลุง"
คุณลุงส่ายหัวก่อนจะพายเรือหนีไป แกพึมพำเบาๆ ว่า "แล้วนี่คิดว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ"


สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไม่ต้องใช้เงินซื้อและเงินซื้อไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจิตใจที่พัฒนาแล้ว หรือความสุข ความอบอุ่นใจ เราจึงเห็นคนรวยฆ่าตัวตาย เครียด คนมีชื่อเสียงร่ำรวยติดยาเสพติดอยู่บ่อยๆ


person's life consists not of what he has but of what he is.
- Anonymous-





O เงินเป็นทาสรับใช้ที่ดี...แต่เป็นเจ้านายที่เลว

คนมีปัญญา เมื่อมีความทุกข์ก็ใช้ความทุกข์เป็นหินลับปัญญา คนไม่มีปัญญามีเงินมีความสุขก็หลงระเริง เพลิดเพลินพาตัวเองเข้าไปติดกับดัก เราชอบมีเงิน ชอบใช้เงิน ชอบความสะดวกสบายที่เงินนำมาให้ แต่เราต้องรู้ว่าไม่ได้หยุดแค่นี้ ถ้าเราหลงคิดว่า เงินคือเป้าหมายสูงสุด เงินก็จะพ่นพิษทำลายชีวิตเราในหลายๆ ด้าน เช่น


เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว คือมีเงินแล้วก็เจอทางตันไปไหนต่อไม่ได้ ต้องหาเงินมากขึ้นเรื่อยๆ เพิ่มความเครียด เพิ่มภาระ เบียดเบียนกระทบคนอื่นมากขึ้น เพิ่มความกลัวหมดเงินในจิตใจมากขึ้น ยิ่งเครียดหนัก มีความสุขน้อยกว่าตอนมีพอดีๆ เงินที่มีมากเกินเป็นปัญหามากกว่าตอนที่มีเงินน้อยๆ หรือปานกลาง เหมือนที่กล่าวกันว่า ยิ่งใช้เงินมาก ก็ยิ่งเสพติดเงินมากขึ้น ความขาดทางใจ ความกลัวเพิ่มมากขึ้นอย่างน่ากลัว


หากเป้าหมายคือเงิน การเลือกคิด ทำ พูด เลือกคน ของใช้ สิ่งของก็ถูกจัดให้เสริม เอื้อ สอดคล้องกับเงินเช่นกัน การทุ่มเทแรงกายแรงใจ สติ ปัญญา ความรู้สึกนึกคิด ก็จะทุ่มเทไปที่การหาเงิน มากกว่าสิ่งที่มีความหมายกับชีวิตเราจริงๆ เช่น การพัฒนาจิตใจตนเอง ดูแลคนที่เรารัก ครอบครัว เพื่อนร่วมโลก กลายเป็นการทุ่มเททำงานโดยไม่มีเวลาให้สุขภาพกาย สุขภาพใจของตนเองและครอบครัว แก่งแย่งกับคนอื่น กลายเป็นแก้วน้ำใบใหญ่ที่ถูกกระทบกระเทือนได้ง่ายขึ้น มีความทุกข์ เครียด วิตกกังวล หนัก มีภาระทางใจมากขึ้น ทุกอย่างที่คนอื่นทำสามารถเป็นปฏิปักษ์ต่อเราได้มากขึ้น เพราะความเป็นตัวเรา ความอยากของเรามันใหญ่โตคับโลกไปหมด


การตัดสอนใจที่มีเงินเป็นศูนย์กลางนั้น ทุกอย่างจะบิดเบี้ยวไปหมด ไม่เกิดผลดีที่ยั่งยืน เรากำลังบริหารชีวิต ชีวิตที่เป็นองค์รวม มีส่วนประกอบหลากหลาย การแยกมองที่เงินเพียงจุดเดียวก็จะผิดพลาด เหมือนที่ไอเอ็มเอฟเข้ามาคุมธนาคารแห่งประเทศไทยตอนที่เราเป็นหนี้เขา แล้วกำหนดนโยบายโดยมองที่การเงินเพียงด้านเดียว แล้วผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร


คนที่มองว่าเงินเป็นเป้าหมายสูงสุด ความสุขทั้งหมดของชีวิตอยู่ที่เงิน พอหมดเงิน ก็หมดความสุข หมดชีวิต


บัญชาเดินเข้ามาพบดิฉันหลังจากลงจากเวทีบรรยาย เขาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยเป็นนักธุรกิจใหญ่ มีครอบครัวที่อบอุ่น มีความสุข มีลูก 2 คน มีภรรยาที่กำลังท้อง 4 เดือน วันหนึ่งธุรกิจของเขามีปัญหา บริษัทต้องปิดตัว เขาผิดหวังรู้สึกเหมือนชีวิตมันสิ้นสุด หมดหนทาง ไม่รู้จะมีชีวิตต่อไปทำไม เขาหยิบปืนขึ้นมาตั้งใจจะยิงภรรยาที่กำลังท้อง ฆ่าลูกทั้ง 2 คน แล้วจะยิงตัวตายตาม โชคดีขณะที่เขากำลังจะยิงภรรยา ลูกคนหนึ่งตื่นขึ้นมาร้อง "พ่อจ๋าอย่าทำแม่" วินาทีนั้นเขาหยุดแล้วคิดว่า ถึงเขาจะไม่มีอะไร แต่ก็ยังมีครอบครัวที่รักกันเสมอ


บัญชาเข้ามาฝึกตามดูเท่าทันความคิดตัวเองอยู่บ่อยๆ ทุกวันนี้ เขากลับมาเป็นเจ้าของธุรกิจลูกชิ้นปลาชื่อดัง ที่ได้สูตรมาจากครอบครัวภรรยา ทุกคนในครอบครัวช่วยกัน เป็นธุรกิจเล็กๆ แต่มั่นคง บัญชาไม่ได้ขับรถคันโต ไม่มีบ้านหลังใหญ่อีก แต่เขาบอกดิฉันว่า ชีวิตเขามีความสุขและมั่นคง


คนมีเงินเป็นเป้าหมายมักเลือกใช้วิถีชีวิตที่เอื้อต่อการสร้างภาพลักษณ์ สร้างเครือข่าย แต่ทำร้ายตัวเอง ทำลายสิ่งแวดล้อม


เรามีสิทธิ์แค่ไหนที่จะใช้เงินโดยไม่สนใจว่ามีผลกระทบกระเทือนต่อคนอื่นมากแค่ไหน ต้นทุนทางสังคม ส่งผลกระทบต่อโลก ต่อทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ซดน้ำมันเป็นว่าเล่น บ้านหลังใหญ่ขนาด 50 ห้อง สนามกอล์ฟที่ทำให้ราคาที่ดิน (Opportunity Cost) สูงเกินกว่าที่จะสามารถนำมาทำเกษตรกรรมได้ พร้อมพ่นยาฆ่าแมลงเพื่อทำสนามให้เขียวสด จนพื้นที่ข้างเคียงทั้งอำเภอไม่สามารถทำเกษตรกรรมธรรมชาติได้ บินไปเที่ยวอวกาศ ในขณะที่คนในประเทศที่ถูกเราเอาเปรียบ เพื่อให้ได้เงินมาผลิตยานท่องเที่ยวอวกาศกำลังอดตาย


การที่คนคนหนึ่งหาเงินได้มาก เพราะระบบการค้าที่มีอำนาจเหนือกว่า สามารถต่อรองเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองได้มากกว่า มันถูกต้องพอที่จะให้สิทธิ์แก่คนคนนั้น ในการผลาญสิ่งแวดล้อมของลูกหลานเหลนในอนาคตของเราหรือเปล่า


เป็นเรื่องธรรมดาที่พบเห็นกันทุกวัน เมื่อจิตใจแห้งแล้ง หลุมในใจใหญ่ขึ้น เราก็ใช้ทรัพยากรเปลืองขึ้น ใช้ของแพงขึ้น ทิ้งของมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกอย่างที่เรากิน สวม ใช้ ขับ ทิ้ง มาจากผืนโลก จะกลับไปเป็นขยะสะสมอยู่บนโลกนี้อีกนับล้านปี


ถ้าเรารักตัวเอง รักลูกหลานของเราสักนิด เราอาจจะขยายมุมมองจากผู้เสพ ผู้บริโภค มาเลือกด้วยความรู้ตัวว่า ไม่ว่าเราจะมีเงินมากแค่ไหน มนุษย์ก็ยังต้องการอากาศบริสุทธิ์ น้ำสะอาด ดินอุดม เพื่อมีชีวิตอยู่เหมือนเมื่อครั้งโลกนี้เพิ่งเริ่มต้นอยู่ดี


Live simply, so that others may simply live.
-Anonymous-





O การตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง

ลองหลับตานึกภาพชีวิตที่คุณต้องการ รู้สึกตัว รู้สึกให้ถึงใจ เป็นตัวของตัวเอง รู้เนื้อรู้ตัว ด้วยใจที่ตั้งมั่นผ่องใส มองให้เห็นคุณภาพชีวิตที่อยากเป็น





O เป้าหมายสูงสุด

ในชีวิตที่ทุกอย่างไม่แน่นอน มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวย-จน สุข-ทุกข์ ชม-นินทา แข็งแรง-ป่วย มีอำนาจ-หมดอำนาจ มีคนรัก-หมดรัก-มีคนเกลียด สิ่งสำคัญที่ควรมีในชีวิตคือ มีจิตใจที่พัฒนาไว้ดี มีสติปัญญาเตรียมพร้อมที่จะรับเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่หวั่นไหว ทำได้ด้วยการฝึกตามรู้ร่างกาย ตามรู้จิตใจ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทั้งปวง ที่เราฝึกกันมาตั้งแต่ต้น จนใจเริ่มเห็นเข้าใจความจริง จากเมื่อก่อนที่เคยเข้าใจด้วยสมอง พอเกิดอะไรขึ้นจริงก็รับไม่ได้ เปลี่ยนเป็นปัญหาที่แนบอยู่กับใจ มีอะไรเกิดขึ้นก็เฉลียวรู้ทันใจ แก้ปัญหา ดับไฟที่ใจ มีความรู้สึกตัว เป็นเข็มทิศให้ชีวิต เป็นพี่เลี้ยงประคับประคองความรู้สึกนึกคิด ประคองเรือชีวิตให้ถึงฝั่งอย่างมั่นคง


การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งมีศักยภาพทางใจสูง เป้าหมายในชีวิตเราสามารถไปให้ไกลกว่าเป้าหมายขั้นพื้นฐานของคนทั่วไปที่ต้องการทรัพย์สิน เงินทอง อำนาจ บริวาร มาทำให้รู้สึกชีวิตปลอดภัย แต่ไม่เคยอุ่นใจจริงๆ เสียที


เงินทอง วัตถุอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราหามาได้ มีประโยชน์เพื่อนำมาใช้เป็นฐานพัฒนาชีวิตเรา จากความสะดวกสบายไปสู่ชีวิตที่มีประโยชน์ มีคุณค่า มีความมั่นคงทางจิตใจ มีทุนด้านอื่นที่ไม่ยอมให้เงินหรือวัตถุเป็นต้นตอของความสุขเพียงอย่างเดียว


การยอมให้ตัวเองมีความสุขเพียงได้จากเงิน ข้าวของ ดูหนัง ฟังเพลง เป็นความสุขที่คับแคบจำกัด เมื่อเราไม่มีเงิน หรือเราเจ็บป่วย แก่ตัวลง ไม่สามารถดู ฟัง เพลิดเพลินกับสิ่งที่เคยให้ความสุขได้ ชีวิตเราก็จะอับเฉา


แต่ถ้าตลอดเวลาที่ผ่านมา เราหาเงิน มีความสุขด้วย และใช้เงินในการทำชีวิตให้มีคุณค่า พัฒนาตัวเอง ชีวิตเราก็จะปลอดภัย มั่นคง มีทุนสนับสนุนจากด้านอื่น มีต้นตอความสุขจากสิ่งอื่นที่ไม่ต้องใช้เงิน


เมื่อเรามีความสุขได้ด้วยตัวเอง เราก็ต้องการใช้เงินน้อยลง เบียดเบียนคนอื่น ผลาญทรัพยากรธรรมชาติน้อยลง เมื่อชีวิตเราพอเพียง เพียงพอ กำลังสติปัญญา ความสามารถ และเวลาของเราก็จะถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดยิ่งขึ้นไปอีก


One's outlook is a part of his virtue.
-Amos Bronson Alcott-





O โลกแย่...เราแย่

ถ้าเราปล่อยตัวเองให้เป็นเพียงผู้เสพ ผู้บริโภค ต้องพึ่งพาความสุขจากคนอื่น สิ่งอื่นๆ นอกตัว ทุกคนแก่งแย่งเบียดเบียนกัน ใช้ทรัพยากร ใช้ธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง โลกแย่ลง ทรัพยากรหมดไป สังคมก็ยิ่งแก่งแย่งแข่งขัน ทำสงครามแย่งชิงความร่ำรวย ทั้งด้วยอาวุธ ด้วยอำนาจทางการเมือง การต่อรองทางการค้า ทุกอย่างถูกบีบเข้ามา จนเราไม่มีทางไป กดดันเรามากขึ้น เราเหมือนคนที่ถูกทำให้เป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถูกบีบจากรอบด้านเหมือนปลาติดอวนไม่มีทางรอด





O เรามั่นคง สังคมมั่นคง โลกมั่นคง

เรามั่นคง ถ้าตัวเราพึ่งตัวเองได้ ถึงแม้จะไม่ได้ไปปลูกผัก ปลูกข้าว จับปลาเอง แต่อย่างน้อย ในงานในสิ่งที่เราทำนั้นพอเลี้ยงตัว ยืนด้วยขาของตัวเองได้มั่นคง ไม่มีหนี้สิน เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน ก็มีทุนเงิน ทุนใจไว้ประคับประคองชีวิตได้ มีปัญหาก็ตั้งหลักได้ วางใจเป็น เผชิญปัญหาอย่างเต็มกำลัง ด้วยความรู้เท่าทันทั้งจิตใจตัวเองและปัจจัยภายนอก เป็นคนที่มีความสุข รู้สึกมั่นคงกับสิ่งที่ตัวเองทำ มีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว


สังคมมั่นคง เมื่อเรามีความสุข มั่นคง เป็นแก้วน้ำที่เต็ม เราก็มีความรู้สึกดีๆ มีเวลา มีเงินเหลือพอแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่น ความอิ่มใจของเราก็ยิ่งเพิ่มพูน เห็นคนอื่นเป็นเพื่อนร่วมโลกที่ถูกความทุกข์ ความตาย เบียดเบียนเหมือนเรา โดยที่เราไม่ต้องไปสร้างความทุกข์ให้เขาเพิ่ม สังคมก็จะมั่นคงดีตามไปด้วย เวลาไม่ชอบใคร เกลียดใคร ก็วางใจได้ว่า ถ้าเขาเป็นเพื่อนเรา แม่เรา ลูกเรา เราจะอยากให้เขาถูกทำร้าย เราจะทำอย่างนี้กับเขาหรือเปล่า เมื่อเราคิดดีๆ กระแสดีๆ ที่เราปล่อยออกไปก็จะเป็นพลังที่กลับมาหล่อเลี้ยงใจของเรา ชีวิตที่มีใจเป็นราก รากที่ลุ่มลึกก็สามารถนำน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตให้งดงาม


โลกมั่นคง เมื่อเราพอใจในชีวิต มีความสุขกับเพื่อนมนุษย์ ความโหยหาทุรนทุรายก็ลดลง เราก็จะต้องการสิ่งต่างๆ เท่าที่จำเป็น ใช้น้อยลง ทิ้งน้อยลง มีวิถีชีวิตที่กระทบกระเทือนโลกนี้น้อยลง จุดเริ่มต้นของแฟชั่นที่ฮิตกันทั่วโลก เริ่มจากคนเพียงไม่กี่คน โรคระบาดที่แพร่ไปทั่วโลก ก็เริ่มจากไม่กี่ราย การมีเป้าหมายชีวิต มีวิถีชีวิตที่ดีงามชัดเจนของคนเพียงไม่กี่คนก็สามารถพลิกกระแสโลกได้เช่นกัน อย่างท่านมหาตมะ คานธี เป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ของคนที่มีความมั่นคงทางใจ มีแก้วน้ำความอยากที่เล็กจนแทบไม่ต้องการอะไร ทำให้มีกำลัง และเวลาทำสิ่งที่มีคุณค่าเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้น่าอยู่มากขึ้น


We make a living by what we get, but we make a life by what we give.
- Winston Churchill -





O นีโม ปลาน้อยหัวใจมั่นคง

ในภาพยนตร์เรื่องนีโม ปลาเล็กหัวใจโต๊โต ปลาการ์ตูนน้อยที่ถูกจับมาเลี้ยงในตู้ปลา พ่อของเขาตามมาช่วย ขณะที่หนีออกมาได้กำลังกลับสู่ทะเล นีโมถูกอวนของชาวประมงจับรวมกับปลาอีกหลายร้อยหลายพันตัว ตอนนั้นปลาทุกตัวหมดอาลัยตายอยาก ทำใจว่าต้องตายแน่ๆ แต่นีโมไม่ยอมตามกระแส นีโมบอกทุกคนให้กระพือครีบ โบกหาง ว่าย ว่าย ว่าย จนอวนพัง ปลาทุกตัวรวมทั้งนีโมก็ได้กลับสู่ท้องทะเล มีชีวิตกับคนที่รัก พลิกเหตุการณ์พลิกกระแสได้ด้วยหัวใจดวงเดียว


เมื่อไรที่เราท้อ ถูกโลก ถูกเหตุการณ์รอบตัวโยนเราไปมา อย่าลืมนึกถึงนีโม ตั้งหลักตัวเองให้ดี ทำตัวเองให้มั่นคง ตั้งเป้าหมายให้ถูกต้อง ไม่เดินหลงทาง


ทันทีที่เรากำหนดเป้าหมายชีวิต เป็นการพัฒนาความมั่นคงและอิสรภาพทางใจ ทุกขณะคือการบรรลุเป้าหมาย ทุกวินาทีคือจิตใจที่มั่นคงขึ้น พึ่งพาสิ่งอื่นๆ น้อยลง ประสบความสำเร็จ มีความสุขทันทีในวันนี้ มีหนทางที่มั่นคงอยู่ตรงหน้า มีใจที่มีคุณภาพเป็นเพื่อน เป็นที่พึ่งที่แท้จริง


Be happy with what you have and are, be generous with both, and you won't have to hunt for happiness.
- William E. Gladsone -


* เข็มทิศ

เป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตเรา คืออะไร





ป.ล. หนังสือ "เข็มทิศชีวิต" เขียนโดยคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง





 

Create Date : 20 กันยายน 2552
2 comments
Last Update : 20 กันยายน 2552 15:47:05 น.
Counter : 749 Pageviews.

 

กลับมาจาก ตจว. แย้ว คิดถุง มักๆ

 

โดย: พลังชีวิต 20 กันยายน 2552 17:26:04 น.  

 



สวัสดีคะ แวะมาทักทาย มีความสุขในวันหยุดนะคะ

 

โดย: หน่อยอิง 20 กันยายน 2552 17:47:32 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


beebeetoon
Location :
ปทุมธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อะไรก็ได้ง่ายๆๆๆ (ยืมคำเฮียนมอุโด๊ส.....โน๊ส อุดมมาใช้)
Google

ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
Friends' blogs
[Add beebeetoon's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.