All Blog
|
ความรักของวัลยา - เสนีย์ เสาวพงศ์ ความรักของวัลยา ผู้เขียน เสนีย์ เสาวพงศ์ จำนวน 252 หน้า สำนักพิมพ์หยดน้ำ พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ.2521 ราคา 15 บาท ความรักของวัลยา เป็นเรื่องราวที่ดำเนินไปในปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ดำเนินเรื่องโดยคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ในปารีส วัลยาเป็นนักเรียนทุนไปศึกษาทางด้านดนตรีที่นั่น เธอปฏิเสธคำขอแต่งงานของเพื่อนชายผู้มีสกุลสูงและมั่งมี ที่ขอเธอแต่งงานก่อนที่เขาจะกลับเมืองไทยหลังเรียนจบ เธอปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า "เธอจะรักและแต่งงานกับผู้ชายที่ทำงานอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพื่อตัวของเขาเอง หรือเพื่อฐานะของตัวเอง เพื่อความเด่น หรือเพื่อจะให้เป็นที่นับถือของคนอื่น แต่เป็นคนที่ทำงานเพื่องานและเพื่อโลกที่เขาเกิดมา" เราได้ฟังเรื่องราวของเธอหลังจากนั้น ได้รู้จักหลายชีวิตคนไทยในปารีสทั้งเจ้าหน้าที่กงสุลไทยและครอบครัว นักเขียนชาวไทย กะลาสีคนไทยที่เผชิญภัยข้ามน้ำข้ามทะเลมา ได้ฟังทัศนะของคนต่างภาษาทั้งที่เป็นชนชั้นแรงงาน ศิลปิน นักศึกษา ได้เห็นภาพของปารีส และผู้คนที่นั่น ทั้งมุมสว่างและมุมมืด ได้เห็นใจสว่างในมุมมืดอับ และได้เห็นใจที่มืดมิดในแสงสว่างเรืองรอง เรื่องราวที่ถูกตั้งคำถาม ประเด็นที่ยกขึ้นมาให้เรามอง แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องสากล เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกหนแห่งบนโลก และยังดำรงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาระบบการศึกษา เศรษฐกิจเสรีนิยม/ทุนนิยม การแบ่งแยกชนชั้น การหาผลประโยชน์ทางการเมือง และที่พูดถึงเป็นอย่างมากก็คือเรื่องบทบาทและสิทธิของผู้หญิงในสังคม ถ้าถามว่าแล้วความรักของวัลยาเป็นอย่างไร เธอได้ตอบไว้แล้วในหนังสือเล่มนี้ว่า "ความรักที่เป็นเพียงความสุขหรือไม่ก็ความใคร่ของคนคนหนึ่ง หรือย่างมากที่สุดสองคนเท่านั้น เป็นความรักอย่างแคบ ความรักของคนเราควรขยายกว้างออกไปถึงชีวิตอื่น ถึงประชาชนทั้งหลายด้วย ชีวิตของคนเราจึงจะมีคุณค่าและมีความหมาย" นั่นอาจเป็นเพราะภาพที่อธิบายชัดเจนในหนังสือเล่มนี้ว่า เมืองสร้างคน และคนก็สร้างเมือง เราจะมีความสุขอยู่ได้อย่างไรท่ามกลางทุกข์เข็ญของผู้อื่น เรื่องออกจะไปในแนวเพื่อชีวิต ;) แต่วัลยาก็มีคู่นะคะ เป็นผู้ชายอย่างที่เธอได้เคยพูดไว้นั่นเอง วิธีการเล่าเรื่องของคุณเสนีย์ เสาวพงศ์ ออกจะดูแปลกๆ อยู่สักหน่อย เพราะมีการเล่าเรื่องผ่านตัว "ผม" ซึ่งก็คือนักเขียนชื่อเสนีย์ โดยที่ตัวเสนีย์เองก็อยู่ในเรื่องราวนั้นด้วย บางครั้งที่เล่าเรื่องราวของตัวละครอื่นโดยละเอียดจึงให้ความรู้สึกแปลกๆ เพราะเสนีย์ไม่ได้เป็นเพียงผู้เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่วงนอก จนบางครั้งรู้สึกว่า ไม่มีตัวละครตัวนี้ในเรื่องได้ไหม หรือไม่ต้องเล่าเรื่องโดย "ผม" ได้ไหม การนำเสนอความเห็นบางประเด็นผ่านตัวละครที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลักเพียงผิวเผิน มาเพื่อแสดงทัศนะและก็หายไป ดูเป็นการจงใจชัดเจน แต่เมื่ออ่านเรื่องราวทั้งหมดแล้ว รู้สึกว่า คำถามและเรื่องที่ชวนเราคิดนั้นน่าสนใจ จนมองผ่านข้อข้องใจเล็กน้อยเหล่านั้นได้ หนังสือเก่าที่แฮบของน้าชายมาอ่าน กระดาษเหลืองกรอบ อร่อย เย้ย... เหลืองกรอบเปราะ เผลอเปิดอ่านโดยไม่ระวังทีไร ขอบกระดาษเป็นอันแตกหัก แต่เนื้อหา และใจความในเล่มไม่ได้เก่าเช่นสภาพหนังสือเลย หลายๆ เรื่องที่ปรากฎในหนังสือเล่มนี้ก็เป็นสิ่งที่ยังเกิดขึ้น คำถามหลายๆ คำถามก็ยังถูกเอ่ยครั้งแล้วครั้งเล่าในใจใครหลายคน เป็นคำถามที่น่าสนใจที่อยากให้นำไปขบคิดกันมากๆ อย่างน้อยก็คือคำถามนี้ "การร่ำเรียนวิชาความรู้นั้นเป็นของดี แต่จะดีแค่ไหนนั้น ปัญหามันอยู่ที่ว่า จะทำเพื่ออะไร" โดย: thanitsita วันที่: 2 พฤษภาคม 2553 เวลา:14:02:52 น.
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เรา "ชอบ" อ่านหนังสือแนวอิงการเมือง เพื่อชีวิตแบบนี้
แต่ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ "เบือ่" การเมืองสุดๆ ไปเลยล่ะ เล่มที่คุณ post นี้ ปกเก่าได้ใจมากเลยล่ะ ตอนที่มติชนเอามาพิมพ์ใหม่เป็นปกแข็ง ...เราก็ลังเลอยู่ เอาไว้งานหนังสือคราวหน้า ...ถ้าอยู่ในกองราคาพิเศษเหมือนเดิม จะซื้อมาเก็บไว้อีก ... โดย: นัทธ์ วันที่: 2 พฤษภาคม 2553 เวลา:20:45:56 น.
คุณ thanitsita
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ คุณนัทธ์ เล่มนี้เป็นเรื่องสังคม มากกว่าการเมืองนะคะ ตอนนี้กำลังอ่านอีก 2 เล่ม ซึ่ง "หนัก" เอาการ ไม่ได้ตั้งใจบ่งหนามด้วยหนาม แต่กลับค้นพบว่า การที่นำเรื่องหนักแบบนี้มาอ่านในช่วงเวลาอย่างนี้ บางขณะช่วยให้ใจเรานิ่งขึ้น เย็นลง และอดทนได้มากขึ้นค่ะ โดย: เที่ยงวัน วันที่: 2 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:11:26 น.
แวะมาเยี่ยมกันหน่อยนะ
โดย: น้องเล็ก IP: 124.157.217.88 วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:12:55:03 น.
|
เที่ยงวัน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?] Link |