ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

ดอกบัว GMO

ดอกบัว เคยเป็นสัญลักษณ์ในการเปรียบเทียบ ความสามารถในการเข้าใจเข้าถึงธรรมะของพระพุทธเจ้า
ดอกบัว4ประเภท ก็คือ
ประเภทบัวพ้นน้ำ สามารถบรรลุธรรมโดยง่าย
ประเภทบัวปริ่มน้ำ พยายามอีกหน่อย ก็สามารถบรรลุได้เช่นกัน
ประเภทบัวในน้ำ ต้องเคี่ยวเข็ญ พยายามอย่างหนักเข้า ก็ยังมีโอกาสบรรลุ
ประเภทบัวใต้น้ำใต้ตม ต้องปล่อยไปเป็นอาหารของสัตว์

ในปัจจุบัน การบรรลุหรือ ไม่นั้นเป็นเรื่องของสมณะเพศ เป็นเรื่องของการแยกพุทธออกปุถุชนคนทั่วไป
ผู้คนทั่วไป ทำการบูชา และประกอบพิธีกรรม ก็เพียงพอแล้ว

หากเปรียบดอกบัว เป็นความสามารถในการบรรลุแล้ว ดอกบัวย่อมแสดงแทนกลายๆถึง ความสามารถในการเข้าใจความคิดและเหตุผล หรืออาจเป็นวุฒิปัญญาก็ได้

หากเปรียบเป็นความสามารถของความคิดและเหตุผล แล้วละก็ ผู้คนในปัจจุบันเรานี้ ก็คงเป็น ดอกบัวที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมแล้ว
(GMO ย่อมาจากคำว่า Genitically Modifier Organism หมายถึง พันธุวิศวกรรมศาสตร์)

เพราะผู้คนในปัจจุบัน มักคิดข้ามขั้นและคิดตัดตอน ความคิดและกระบวนการความคิดเป็นเพียงหนทางที่ผู้คนไม่ค่อยอยากเดินผ่านเท่าไหร่ เพราะไม่มีใครอยากเดินอ้อม ผู้คนเฝ้ามองหาแต่ทางลัด สูตรสำเร็จ ซึ่งหากกระบวนการความคิดไม่ใช่ กระบวนการใช้ชีวิตย่อม ไม่ใช่เช่นเดียวกัน

ทางลัด ตัดตอน เป็นสูตรสำเร็จของชีวิต เป็นการบ่มเพาะผ่านสื่อและการสั่งสอนทางสังคม ผู้คนยึดมั่นในวัตถุนิยมเพื่อยกระดับชั้นของตัวเอง ผู้คนยึดมั่นในhowtoต่างๆที่จะทำให้ประสบผลตามอย่างกัน ผู้คนมองสูตรสำเร็จทางความคิดเป็นหลักสูตรยึดถือเพื่อเดินตาม

สื่อทุกแขนงนำเสนอทางลัดทางความคิด การครอบงำเพื่อให้เกิดความคิดเช่นนี้

-ชาวบ้านมองหาหนทางรวยลัด ที่มาจากการเสี่ยงโชค เพื่อสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่านี่คือความสำเร็จและจะนำมาซึ่งความสุขให้ชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่เชื่อเรื่องการทำงานเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้นมา และไม่เชื่อเรื่องความพอ

-สื่อต่างๆ พร่ำสอนชาวบ้านกลายๆ ด้วยการนำเสนอชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ผ่านทางละคร (ซึ่งส่วนใหญ่ ตัวเอกมักมีฐานะทางบ้านดีมากๆ ทำให้ชาวบ้านซึมซับ ความมีเหล่านี้) และรายการทอล์คโชว์ (ที่มาเล่าถึงความสำเร็จที่ฟังดูเหมือนง่าย เพราะได้ตัดเอาส่วนที่ยากออกไปแล้ว )เพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้คนเดินตาม

-มนุษย์เงินเดือน เชื่อมั่นตำราของเหล่ากูรูที่ออกหนังสือ สอนหนทางลัด ไปสู่ความประสบความสำเร็จ แต่ไม่เชื่อในการทำงาน พวกเขาเชื่อไปในทางเดียวกันว่า การเรียนและการทำงานต้องเป็นไปตามที่เหล่ากูรูบอกไว้
เช่น ความเชื่อที่ว่าหากคุณเรียน MBA จะช่วยให้คุณได้ก้าวสู่ผู้บริหารได้

-การศึกษา ก็เดินตามเส้นทางนี้ไม่ต่างกัน เด็กและเยาวชน ซึ่งมีโอกาสมักจะทำตามสูตรสำเร็จ ที่ปฏิบัติกันต่อๆมา เช่น การเรียนโรงเรียนดีๆ ดังๆ การเรียนพิเศษ กวดวิชา รวมไปถึงการสรรหาเครื่องบำรุงสมองในรูปแบบต่างของพ่อแม่ผู้ที่เดินตามสูตรสำเร็จมาก่อน ดังจะเห็นได้จาก สินค้าที่พยายามพร่ำบอกว่าช่วยบำรุงความสมองให้ลูกๆได้

-อีกด้านหนึ่งก็ยังมี สูตรสำเร็จชีวิตในแง่บันเทิง ที่เยาวชน มองเห็นภาพความสำเร็จที่จับต้องได้ชัดเจน จึงไม่แปลกที่จะมีการเดินตามเส้นทางนี้ ไม่ว่าจะเป็นการประกวด ความงาม หรือ ประกวดความสามารถ ถ้าจะให้ทันสมัยก็ต้อง เรียลริตี้

-แม้แต่เรื่องของความรักเอง ผู้คนก็มองหาสูตรสำเร็จ จากสื่อต่างๆ รายการทีวีมีการนำเสนอชีวิตรักดารา ไม่ว่าจะรักกันดี หรือรักร้าวแล้วก็ตาม ตามแผงหนังสือ ก็มี ข่าวคราวความรักของเหล่าคนดังและดารา รวมไปถึงหนังสือประเภท Howto ความรัก ที่อ้างถึงการทำให้รู้เขา รู้เธอ ซึ่งมักจะขายดี เพราะผู้คนเลือกที่จะข้ามขั้นความคิด ไม่เลือกที่จะคิดเอง

-ความคิดประชาธิปไตยก็ไม่ต่างกัน เพราะเรายึดเอาสูตรสำเร็จ ทางความคิดเสมอมา ไม่นักการเมืองขี้ฉ้อ ก็ลงที่ทหาร ส่วนผู้คนเป็นเพียงวงนอก ได้แต่เกาะรั้วมองดู อย่างเก่งก็ตะโกน พอเสียงแหบเสียงแห้ง ก็ไปเอง

ทางลัดมีอยู่มากมาย สูตรสำเร็จกลายเป็นมาตรฐาน หากด้อยกว่ามาตรฐานผู้คนย่อมไม่พึงพอใจนัก
ดังกล่าวมาแล้ว ย่อมเห็นได้ว่า กระบวนการ ก้าวสู่ความสำเร็จนั้นๆ เน้นการก้าวผ่าน เน้นทางลัด การก้าวผ่านนั้นย่อมเป็นการ ข้ามประเภท ซึ่งในที่นี้ เราพยายามกล่าวถึงความสามารถในการคิด

ความคิดนั้นมีขั้นตอนทางความคิดอยู่ การพัฒนากระบวนการทางความคิด ไม่ได้รับการใส่ใจ ทำให้ผู้คนรับเอากากของเหตุผลที่คนอื่นคิด มาใส่กะโหลกตัวเอง โดยไม่ผ่านกระบวนการคิด และกลายเป็นสูตรสำเร็จ

ความคิด ที่เปรียบเสมือนดอกบัว 4 เหล่านั้น ในตอนนี้ ผู้คนอยู่เหล่าไหน

ดอกบัวเหล่านี้ ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมเรียบร้อยแล้ว


Create Date : 04 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2549 12:28:14 น. 1 comments
Counter : 971 Pageviews.  

 
ลึกซึ้งยิ่งนัก


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 18 ธันวาคม 2549 เวลา:11:29:21 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]