 |
|
ทุนนิยม บริโภคนิยม ประชานิยม ผลประโยชน์นิยม
ทุนนิยม หมายถึงระบบเศรษฐกิจที่เน้นระบบทุน เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งรัฐจะปล่อยวางและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
ปล่อยให้ตลาดเป็นอิสระ และเน้นการแข่งขันเสรี
บริโภคนิยม หมายถึง การเน้นการบริโภคอย่างเข้มข้น โดยการใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่เพื่อการบริโภค
เน้นการจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้เกิดการเติบโตทางตลาด
ประชานิยม หมายถึง นโยบายที่รัฐใช้กระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้าหรือชนชั้นล่าง เป็นนโยบายที่เน้นไปที่การอัดฉีดเงิน และการบริการต่างๆลงตรงสู่ รากหญ้าโดยตรงเลย
สามส่วนที่ว่ามาอย่างคร่าวๆ ขอไม่กล่าวถึงรายละเอียด แต่จะขอเน้นผลพวงที่ตามต่อมาหลังจาก ที่ระบบทั้งสามอย่างได้เข้ามาครอบงำจนทำให้เกิดระบบใหม่ขึ้นมาในสังคมของเรา “ผลประโยชน์นิยม”
ผลประโยชน์นิยม หมายถึง ระบบสังคมที่เน้นผลประโยชน์ที่จะได้รับต่อมา โดยระบบนี้ได้พัฒนาตัวเองมาจาก
ระบบอุปถัมภ์ รวมกับทุนนิยม บริโภคนิยม ประชานิยม จนเกิดการเน้นผลประโยชน์ต่างตอบแทนเป็นที่ตั้งของการตัดสินใจต่างๆของประชาชนทั่วไปครอบคลุมไปทั่วประเทศ
ผลประโยชน์ คือ ผลตอบแทน,สิ่งที่ผู้คนมีส่วนได้ส่วนเสียต่อสิ่งนั้นๆ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่า
ผลประโยชน์ไม่เลือกฝั่งแน่นอน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ได้รับการตอบแทนในช่วงเวลานั้นๆ อย่างที่เห็นกันบ่อยๆในหลายๆวงการว่ามักมีการย้ายฝั่ง ย้ายข้าง ย้ายค่าย เปลี่ยนใจกัน เนื่องจาก “คำว่าผลประโยชน์ไม่ลงตัว” และเมื่อถึงวันเวลาเปลี่ยนผลประโยชน์เปลี่ยน แน่นอนส่วนใหญ่ ก็มักย้าย เปลี่ยนกันไป ตามผลประโยชน์
ผลประโยชน์ ไม่มีถูกผิด เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับจริยธรรม ในการตัดสินใจรับผลตอบแทน ตราบใดที่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ขัดต่อกฎหมายที่ใช้อยู่ อย่างที่ได้ทราบกันมาแล้วว่า หลายๆคนเลือกผลตอบแทนมหาศาล มากกว่าที่จะเลือกความมีจริยธรรม ความมีศีลธรรม หรือสิ่งที่ควรทำ และถึงแม้จะมีหลายคำท้วงติงในข้อนี้มากมาย แต่ก็จะมีข้อแก้ต่างอีกมากมายตามมา เช่น เป็นใครๆก็ทำ หรือ มันเรื่องของเขาตราบใดยังไม่ผิดกฎหมายเขาก็ทำได้ ฯลฯ ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ชัดว่า
ผลประโยชน์นั้นๆ ไม่เข้าใครออกใคร และ ไม่มีถูกหรือผิดจริงๆ
ผลประโยชน์ที่มากมายหลากหลายตกกระทบไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ ก่อเกิดความขัดแย้งต่างๆนานา แต่เราจะไม่พูดถึงกันเรื่องความขัดแย้ง เรามาว่ากันเรื่องผลพวงของ “ผลประโยชน์นิยม” ที่ได้กล่าวว่าได้กระจายไปทั่วนั้นหมายถึงอย่างไร เป็นอย่างไร
ในตอนนี้แม้แต่ชาวบ้านชาวต่างจังหวัดก็ยังเล็งเห็นและออกมาปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเอง เขาออกมาสนับสนุนสิ่งที่พวกเขาได้รับตอบแทนมาซึ่งไม่เคยมีใครให้เขาได้มาก่อน เขาย่อมต้องเลือกปกป้องเพราะหากเขาสูญเสียไป อาจไม่มีผลประโยชน์แบบนี้ให้พวกเขาอีกแล้ว หรือในอีกด้านหนึ่งบางกลุ่มซึ่งเป็นส่วนน้อยนั้นก็ออกมาเรียกร้องเหมือนกัน แต่เป็นในอีกแง่มุมหนึ่ง เพราะกลุ่มนี้จะออกมาเรียกร้องผลประโยชน์ที่พวกเราสูญเสียไป และต้องการมันกลับมา
ถัดขึ้นมาที่ชนชั้นกลางที่ออกมาเรียกร้องต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเชียร์ของแต่ละฝั่ง ที่ออกมาเชียร์กันอย่างมากมาย
จนในที่สุดกลายเป็นข้อโต้แย้ง กันไปต่างๆ นานาว่า ฝ่ายนี้ไม่ดี ฝ่ายนั้นผิด ฝั่งนี้ถูก แน่นอนการที่ออกมาโต้แย้งกันนั้นย่อมมี ผลประโยชน์เป็นตัวตั้ง ยิ่งกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดขึ้นไปอีกว่าในหัวข้อ ”ผลประโยชน์นิยม” ได้เข้ามาสู่ชีวิตประจำวันของชนชั้นกลางด้วย หรือแม้ว่ากลุ่มคนบางกลุ่มที่ออกมากล่าวอย่างสวยหรูว่าเป้นกลางบ้างล่ะ หรือ เรียกร้องความสงบบ้าง หันหน้าเข้าหากัน โดยไม่สนใจเนื้อแท้ของปัญหา สักแต่ว่าไม่อยากเลือกฝั่ง หรือชูตัวเองเป็นผู้มั่นคงในความไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด นั่นก็มาจากการไม่ต้องการเสียผลประโยชน์ หรือปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเหล่านั้น
ส่วนชนชั้นสูงซึ่งเราคงไม่ต้องขยายความถึง ผลประโยชน์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขา เพราะส่วนนี้ชัดเจนในแง่ของผลประโยชน์อยู่แล้ว
ดังกล่าวมาแล้วนั้น ย่อมเป็นสิ่งอาจกล่าวต่อได้ว่า “ผลประโยชน์นิยม” มีอยู่จริง และ เห็นได้ชัดเจนขึ้น ในทุกวันนี้ผู้คนทุกคนมีเรื่องนี้เข้ามาอยู่เป็นส่วนประกอบในชีวิตประจำวันไปแล้ว
คนต้องเลือกใช้จ่ายที่ห้างที่คุ้มค่าสำหรับพวกเขา ผลประโยชน์ ได้ทั้ง2ฝั่ง
แฟชั่นทำให้คนทันสมัย ไม่ตกเทรนด์หรือข้ออ้างอะไรก็ตามแต่จะหามานั้น ผลประโยชน์ ก็เกิดขึ้น
มือถือกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการติดต่อ และต้องมีไว้ใช้ ผลประโยชน์ก็มีอยู่
บัตรเงินสดบัตรเครดิตต่างๆให้มาใช้อย่าง่ายดาย ผู้ใช้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์
และอีกมากมายเกินกว่าที่จะหามาบรรยายได้ หมายถึง การบริโภคที่เกินควรถูกควบรวมไปด้วยใน
“ผลประโยชน์นิยม”
ในปัจจุบันนี้ผู้คนยึดติดกับผลประโยชน์จนลืมเลือนไปแล้วกับการใช้ชีวิตที่ควรให้เป็น เป็นอย่างไร
ใช้ชีวิตแบบไม่ยึดติดกับผลประโยชน์ มีอุดมการณ์ในการใช้ชีวิต การใช้ชีวิตอย่างมีสำนึก จริยธรรมที่ถูกละเลย
ผู้คนต้องแสวงหาคำตอบให้กับตนเองก่อน “รู้จักตนเอง”
เฝ้าคอยความหวังเหมือนดั่งแสงหิ่งห้อยที่ปลายอุโมงค์
| Create Date : 07 พฤษภาคม 2549 |
| Last Update : 7 พฤษภาคม 2549 22:26:55 น. |
|
13 comments
|
| Counter : 5711 Pageviews. |
|
 |
|
|
| โดย: น้องเอเซีย IP: 124.120.10.132 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:14:31 น. |
|
|
|
| โดย: zzz IP: 61.19.54.163 วันที่: 8 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:44:48 น. |
|
|
|
| โดย: zzz กุลีของไอ้กุ๊ย สนธิ IP: 221.128.89.92 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:52:09 น. |
|
|
|
| โดย: อย่าถอยให้มาร IP: 221.128.89.92 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:54:54 น. |
|
|
|
| โดย: อีกไม่นานเกินรอ IP: 221.128.89.92 วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:57:59 น. |
|
|
|
| โดย: ปีเตอร์ ปืนโต IP: 58.10.93.143 วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:9:11:22 น. |
|
|
|
| โดย: สด IP: 124.121.108.232 วันที่: 14 มิถุนายน 2550 เวลา:14:00:15 น. |
|
|
|
| โดย: สาธุ IP: 202.28.50.7 วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:38:38 น. |
|
|
|
| โดย: Ui IP: 202.69.139.194 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:13:37:30 น. |
|
|
|
| โดย: คนจน IP: 203.172.240.89 วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:12:25:38 น. |
|
|
|
| โดย: อะไรก็ได้ IP: 117.47.187.31 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:18:26:28 น. |
|
|
|
| โดย: คนรักแผ่นดิน IP: 125.24.114.243 วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:15:54:18 น. |
|
|
|
| โดย: คนรักแผ่นดิน(เหมือนกัน) IP: 125.27.235.80 วันที่: 31 ตุลาคม 2552 เวลา:0:13:17 น. |
|
|
|
|
|
|
 |
KongMing |
|
 |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
|
|
|
