นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
Group Blog
 
All blogs
 
เรื่องพระอชิตะที่จะตรัสรู้เป็นพระศรีอาริยเมตไตรย์ แสดงไว้ในคัมภีร์ใด

ตอบคำถามจากกระทู้
//www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10822253/Y10822253.html

--------------------------------------------------------------

โดย ขออธิบายเป็นลำดับดังนี้นะครับ

--------------------------------------------------------------

1. ในเบื้องต้น โปรดทราบว่า มีพระอสีติมหาสาวกท่านหนึ่ง ชื่อว่า พระอชิตะเช่นกัน ดังที่แสดงไว้ใน
อชิตเถราปทาน
//www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=32&A=8788&w=%CD%AA%D4%B5%E0%B6%C3

พระอชิตะท่านนี้เป็นพระอรหันต์มหาสาวก ดังนั้นโปรดเข้าใจว่าต้องเป็นคนละองค์กับ
กรณี อชิตะภิกษุที่เป็นพระโพธิสัตว์


--------------------------------------------------------------

2. เรื่องเหตุการณ์ พระอชิตะภิกษุที่เป็นพระโพธิสัตว์ ไม่มีแสดงรายละเอียดใน
พระไตรปิฎกอรรถกถา แต่เรื่อง พระศรีอาริยเมตตรัย มีแสดงโดยตรง
ใน จักกวัตติสูตร
//www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=11&A=1189&Z=1702

--------------------------------------------------------------

3. เรื่องเหตุการณ์ พระอชิตะภิกษุ นั้น แสดงไว้ใน ปฐมสมโพธิกถา
และคัมภีร์อนาคตวงศ์ โดยเล่าขยายเหตุการณ์ตอนที่ พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงถวายทาน และแสดงใน

ทักษิณาวิภังคสูตร
//www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=9161&Z=9310
อรรถกถา
//www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706


--------------------------------------------------------------

4. ความใน ปฐมสมโพธิกถาและคัมภีร์อนาคตวงศ์ แสดงไว้ว่า

อชิตะ๒,(โพธิสัตว์)โอรสพระเจ้าอชาตศัตรู

พระอชิตะ คือ พระราชโอรสของพระเจ้าอชาตศัตรู ประสูติแต่
พระนางกาญจนาเทวี ซึ่งเป็นพระมารดา
เป็นผู้มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้พาบริวาร
๑,๐๐๐ คน ออกบวชเป็นภิกษุ
คราวที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จสู่กรุงกบิลพัสดุ์ครั้งที่สอง
พระอชิตะเมื่อบวชใหม่ ๆ ได้เป็นผู้รับยุคลพัสตร์(ผ้า ๒ ผืน)
ของ พระนางมหาปชาบดีโคตมี ซึ่งมีความพิสดารอย่างย่อว่า
พระนางมหาปชาบดีโคตมีทรงเสียพระทัย ที่ตั้งใจจะถวาย
ให้แด่พระพุทธองค์ แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงรับเพราะเพื่อ
อนุเคราะห์แก่สงฆ์ในอนาคต เพื่อให้ชนทั้งหลายซึ่งเกิด
ภายหลังให้เกิดจิตคิดการกระทำเคารพสงฆ์ให้จงมาก และ
ทรงอนุเคราะห์แก่พระนางเอง เพราะทานที่ให้แด่สงฆ์โดย
มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขย่อมมีพลานิสงส์มากกว่า
พระนางมหาปชาบดีโคตมีไม่ทรงทราบดำริของพระพุทธองค์
จึงเข้าไปหาพระอานนท์ ให้พระอานนท์ทูลถามว่า สาเหตุใดจึง
ไม่ทรงรับยุคลพัสตร์(ผ้า ๒ ผืน) นั้น
กาลต่อมา พระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
มีสาเหตุใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่รับทรงรับยุคลพัสตร์(ผ้า ๒ ผืน)
นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงปาฏิบุคลิกทักษิณาทาน
โดยพิสดาร แล้วตรัสเทศนาทักษิณาวิภังคสูตร จำแนกประเภท
แห่งปาฏิบุคลิกทาน แลสังฆทาน โดยพิสดาร แก่พระอานนท์.
เมื่อพระนางมหาปชาบดีโคตมีได้ทรงทราบในเทศนา
ทักษิณาวิภังคสูตรในภายหลังแล้ว จึงทรงถือซึ่งภูษาทั้งคู่เข้าไป
หาพระสารีบุตรท่านก็ไม่ได้รับ เข้าไปหาพระมหาโมคคัลลานะ
ท่านก็ไม่ได้รับ แม้ในที่สุดแห่งพระอสีติมหาสาวกก็ไม่พระรูป
ใดรับไว้เลย จนกระทั่งองค์สุดท้ายซึ่งเป็นพระนวกะชื่อพระอชิตะ
ท่านจึงรับไว้.
ในเวลานั้นพระนางปชาบดีโคตมีก็ทรงน้อยพระทัยว่า
พระนางตั้งใจในการทำผ้าทั้งคู่นี้ด้วยว่า จะถวายแด่พระผู้มีพระภาค
แต่ก็ไม่ทรงรับ แม้นพระอสีติมหาสาวกรูปใดรูปหนึ่งก็ไม่ทรงรับ
แต่มาบัดนี้ พระภิกษุหนุ่มซึ่งเป็นพระนวกะมารับซึ่งผ้าของพระนาง
พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นพระนางเสียพระทัย จึงทรง
พระดำริว่า จะทำให้พระนางบังเกิดโสมนัสในวัตถุทานนี้ จึงมี
พระพุทธดำรัสเรียกพระอานนท์ว่า
ท่านจงไปนำบาตรของตถาคตมา แล้วทรงพุทธาธิษฐานว่า
พระอัครสาวกและสาวกทั้งปวงอย่าได้ถือบาตรนี้ได้เลย ให้
พระอชิตภิกษุหนุ่มนี้จงถือซึ่งบาตรของตถาคตได้ แล้วทรงโยน
บาตรนั้นขึ้นไปบนอากาศ แลบาตรนั้นก็ลอยขึ้นไปในกลีบเมฆ
อันตธานไปมิได้ปรากฏ
ในลำดับ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ และพระอสีติสาวก
ทั้งหลาย ก็อาสานำบาตรนั้นกลับคืนมา แต่ก็หาไม่พบ
พระผู้มีพระภาคจึงตรัสสั่งพระอชิตภิกษุว่า ท่านจงไปนำบาตร
ของตถาคตมา
ในลำดับนั้น พระอชิตะได้มีดำริว่า
ควรจะเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก พระอสีติมหาสาวกนี้ ล้วนเป็นพระ
อรหันต์มีฤทธาอานุภาพมาก แต่มิอาจนำบาตรมาถวายแด่พระพุทธ
องค์ได้ แลอาตมะนี้ไซร้มีจิตอันกิเลสครอบงำอยู่ แลเหตุไฉน
พระบรมครูจึงตรัสสั่งอาตมาให้แสวงหาซึ่งบาตรนั้น จะต้องมี
เหตุอันใดอันหนึ่งเป็นมั่นคง จึงรับอาสาที่จะนำบาตรนั้นคืนมา
พระอชิตะได้ไปยืนในที่สุดบริษัท มองขึ้นไปบนอากาศแล้ว
กระทำสัตยาธิษฐานว่า
อาตมาบรรพชาในพระพุทธศาสนา ไม่ได้หวังซึ่งลาภยศทั้ง
หลาย แต่อาตมาบวชประพฤติพรหมจรรย์เพื่อประโยชน์ที่จะ
ตรัสรู้ซึ่งธรรมทั้งปวง อันอาจสามารถรื้อสัตวโลกให้พ้นจาก
สงสารทั้งสิ้น หากว่าศีลของอาตมามิขาดทำลายและด่างพร้อย
บริสุทธิ์อยู่เป็นอันดี ขอให้บาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าจงมา
สถิตในมือของอาตมาด้วยเทอญ
พระอชิตะทรงตั้งสัตยาธิษฐานแล้ว จึงเหยียดมือออกไป
ขณะนั้น บาตรก็ปรากฏตกลงจากอากาศ ประดิษฐานอยู่ที่มือ
ของพระอชิตะ
พระอัครมหาสาวกและพระอสีติมหาสาวก ได้มีดำริว่า
บาตรนี้ควรแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ควรแก่มหาสาวกทั้งหลาย
แลภิกษุรูปนี้จะได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเป็นแน่.
พระนางประชาบดีโคตมีได้ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็
มีความปิติโสมนัสเป็นกำลังด้วยวัตถุทานที่ถวายให้แก่พระอชิตะ
แล้วกราบทูลลาพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จคืนพระราชนิเวศน์สถาน
เมื่อพระอชิตะได้รับผ้าคู่นั้นมาแล้ว เห็นว่า ไม่ควรแก่ท่าน
จึงนำผ้าผืนหนึ่งไปปูบนเพดานบนพระคันธกุฎี แห่ง
พระผู้มีพระภาคเจ้า อีกผืนหนึ่งแบ่งเป็น ๔ ท่อน ผูกเป็นม่าน
ห้อยลงในที่สี่มุมแห่งเพดานนั้น แล้วอธิษฐานว่า ขอให้เป็น
พระพุทธเจ้าในอนาคต.
พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่า ท่านอชิตภิกษุรูปนี้เป็น
พระโพธิสัตว์ จะได้ตรัสรู้เป็นพระเมตไตรย พุทธเจ้าในอนาคต(๑)
ในอนาคตวงศ์(๒) เล่าว่า ในภัททกัลปนี้ ชาติสุดท้ายคือ
ชาติที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระเมตไตรยพุทธเจ้า
เมื่อยังมิได้ทรงผนวชก็ทรงพระนามว่า อชิตะ

๑. ปฐม. แปล. -/๓๑๕-๓๒๘ ๒. อนาคตวํส. -/๔๓-๕๖

(จาก สารานุกรม ใน cd พระไตรปิฏกฉบับธรรมทาน)
-------------------------------------------------------------------------

5 เทียบจากประวัติของพระพุทธเจ้าสมณโคดมยุคเรานั้น
แม้ในกาลของพระกัสสปพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อน

พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันครั้งท่านเป็นพระโพธิสัตว์
ก็ได้บำเพ็ญบารมีเสวยพระชาติเป็น โชติปาละมาณพในกาลนั้น

ดังนั้นก็ แม้พระศรีอาริยเมตโตรโพธิสัตว์ก็น่าจะ
มาบำเพ็ญบารมีในพุทธกาลในยุคที่ผ่านมาเช่นกัน

-------------------------------------------------------------------------


6 อนึ่ง ขอให้ มีความมั่นใจ และศรัทธา ใน พระพุทธเจ้าและเหล่าพระมหาสาวก
แห่งที่สังคายนานะครับ ว่าท่านจัดระบบการแสดงข้อมูลต่างๆไว้ดีแล้ว

ท่านอาจจะประสงค์จะยังไม่ประกาศคุณแห่ง พระโพธิสัตว์พระศรีอาริย์ให้มากเกินไป
หรืออาจจะมีเหตุผลบางใดๆก็ตามที่ไม่ได้แสดงไว้ในพระไตรปิฎกอรรถกถาโดยตรงก็ได้

ซึ่งอยากให้พิจารณา จากบทหนึ่ง ที่พระนาคเสนทรงตอบปัญหาใน มิลินทปัญหาดังนี้นะครับ

-------------------------------------------------------------------

พระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสว่า ภนฺเต นาคเสน ข้าแต่พระ
นาคเสนผู้ปรีชาญาณ บุรุษนั้นบริโภคอาหารอิ่มหนักอยู่แล้ว จักขืนบริโภคเข้าไปอีกเล่า เห็น
เต็มที ก็หน้าที่บุรุษผู้นั้นจะต้องทนทุกข์ให้จุกรากต่างๆ ไม่มีความสบาย
พระนาคเสนจึงถวายพระพรว่า มหาราช ขอถวายพระพรบพิตรพระราชสมภาร
ข้อความที่เปรียบประการฉันใด หมื่นโลกธาตุทรงไว้ซึ่งคุณสมเด็จพระบรมโลกนาถแต่พระ
องค์เดียวก็เต็มที่อยู่แล้ว ถ้าแม้สมเด็จพระโลกนาถจักตรัสพร้อมกันเป็น ๒ พระองค์นั้น ก็จะ
ป่วนปั่น หวั่นไหวทรุดเซไปมิอาจต้านทานได้ ตถา มีครุวนาดุจบุรุษอันบริโภคอาหารเกินการณ์
ฉะนั้น

//84000.org/tipitaka/milin/milin.php?i=152
-------------------------------------------------------------------

7 อีกประการหนึ่ง ผมเข้าใจว่า การแสดงเรื่อง พระโพธิสัตว์พระศรีอาริย์ ให้ชัดเจน
มากเกินไปในพระไตรปิฎกอรรถกถา อาจจะส่งผลให้ บางท่านเกิดความประมาท
ด้วยเห็นว่ายังมีพระโพธิสัตว์พระศรีอาริย์อยู่ จึงทำให้ประมาทนิ่งนอนใจมิได้รีบ
กระทำความเพียรขวนขวายให้สำเร็จถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงอาจจะ
แยกแสดงออกมาเป็นคัมภีร์ในส่วนอื่น เพื่อประโยชน์เฉพาะแก่ บุคคลบางท่านผู้มีอัธยาศัย
ที่ปรารถนาการบรรลุธรรมในอนาคตกาลต่างๆกันไป


Create Date : 17 กรกฎาคม 2554
Last Update : 7 ธันวาคม 2554 23:12:53 น. 1 comments
Counter : 5727 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีค่ะ


โดย: Aramaic IP: 118.173.88.76 วันที่: 30 พฤษภาคม 2557 เวลา:17:01:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ชาวมหาวิหาร
Location :
Germany

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Thepathofpurity.com
Friends' blogs
[Add ชาวมหาวิหาร's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.