IMPOSSIBLE IS NOTHING
Group Blog
 
All blogs
 

บันทึกเก่าเก็บ

วันนี้ตอนเช้านั่งเคลียร์ไฟล์เก่าๆ ที่อยู่ในคอม
แล้วไปเจอบันทึกของตัวเองที่เขียนไว้เมื่อวันนี้ของเมื่อสามปีที่แล้ว
น่าแปลกใจเหมือนกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนนั้น
ยังส่งผลกระทบมาจนถึงวันนี้
โดยที่ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อปีนั้นเลย
และมีทีท่าว่ากลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ




19 กันยายน 2549



วันที่แสนธรรมดาวันนี้  กลับมีเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
ใครเล่าจะไปคิดว่า หลังจากหมดยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน
ที่ปฏิวัติกันเป็นว่าเล่นโดยฝ่ายทหารแล้ว
เราจะได้เห็นการปฏิวัติ-รัฐประหารเกิดขึ้นในยุคนี้อีกครั้ง
นี่มันปี 2549 แล้วนะ???


ตอนที่เพื่อนโทรมาบอกให้เปิดดูโทรทัศน์ ฉันยังคิดว่าเพื่อนล้อเล่น!!!


ความรู้สึกตอนแรกฉันอาจจะรู้สึกตื่นเต้น
ประมาณว่าเออ...เรายังมีโอกาสได้อยู่ในเหตุการณ์แบบนี้ด้วยหรือ


เวลาผ่านไปสักพัก...
ฉันเริ่มรู้สึกกังวลใจมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ


เราก็สับสนเหมือนกันกำลังตามข่าวอยู่
ลองเข้าไปดูบล็อกนี้สิ ละเอียดดีนะ


//www.bloggang.com/viewblog.php?id=longloi&group=3&date=19-09-2006&blog=2



ปล.แอบฮาตรง ประชาชนยืนข้างถนนยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูป !!! นี่ล่ะ



เราก็ได้แต่ภาวนาขอให้เรื่องไม่ยืดเยื้อไปกว่านี้เลยนะ
กลัวว่ามันจะบานปลายมากไปกว่านี้
ประเทศเราวุ่นวายมามากพอแล้ว



เมื่อคิดว่าสถานการณ์บ้านเมืองของเราในตอนนี้
จัดได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤต
เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อเกิดการปฏิวัติแล้ว
ประเทศไทยเราจะอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น



ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่เคยที่จะหันหน้ามาปรึกษากัน
ช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหา
มีแต่จะสร้างสถานการณ์และการว่าร้ายต่ออีกฝ่าย
แก้วที่มันร้าว...ก็ยากที่จะประสานให้ดีดังเดิมได้



แม้ว่าในหลวงจะทรงตักเตือนและชี้แนะ
แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ไม่ได้ใส่ใจ
ไม่เคยน้อมรับเอาพระราชดำรัสของพระองค์มาปฏิบัติ



เหตุการณ์ทางการเมืองเหล่านี้ยืดเยื้อมาเป็นเวลานานแล้ว
ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นเลย
กลับเลวลงเรื่อยๆ...
จนในที่สุดฝ่ายทหารต้องก้าวเข้ามามีบทบาททางการเมืองอีกครั้ง



จากที่เราได้ฟังคำแถลงการณ์ 
เขาใช้คำว่าคณะปฏิรูปเพื่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่ใช้คำนี้ เข้าใจว่าคงเห็นว่าการปกครองภายใต้รัฐบาลรักษาการณ์นี้ มิใช่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
จึงทำการยึดอำนาจเพื่อคืนสู่ประชาชนอีกครั้ง



ตอนนี้สถานการณ์ยังดูสับสนอยู่มาก
พรุ่งนี้คงมีความชัดเจนขึ้น



แต่แน่นอนว่าเรื่องราวต่างๆ ยังคงวุ่นวาย







ไม่น่าเชื่อเลยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วจะหยั่งรากลึกในประเทศของเราได้รวดเร็วถึงขนาดนี้ และในวันนี้ฉันก็ยังคงจะยืนยันคำเดิมที่ว่า เราก็คงทำได้เพียงแต่ภาวนาว่าทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้


แต่เมื่อไหร่กันเล่า...



ที่วันที่รอคอยวันนั้นจะมาถึงจริงๆ สักที



Free TextEditor




 

Create Date : 19 กันยายน 2552    
Last Update : 19 กันยายน 2552 12:38:33 น.
Counter : 735 Pageviews.  

ใกล้สอบ....

๑...


เมื่อวานไปนั่งอ่านหนังสือที่หอสมุดแห่งชาติมาล่ะ
คนเยอะแยะจังเลย โดยเฉพาะห้องนวนิยาย
ซึ่งเป็นห้องประจำของฉัน


เดี๋ยวนี้ประตูห้องนวนิยายปิดเองได้โดยไม่ส่งเสียงอีกต่อไป
เมื่อก่อนจะเปิด-ปิดประตูกันแต่ละครั้ง โอ้ ปัง-ปัง กันทีเดียว
ไอ้เราไม่ได้ไปหอสมุดอีกเลย นับตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน
ไม่รู้ว่าประตูเขาทำใหม่เรียบร้อยแล้ว...
ตอนงับประตูเข้ามา ก็เลยลังเลว่าจะปล่อยให้มันปิดเอง หรือดึงเข้ามาดี


ตัดสินใจดึงประตูปิด...
เท่านั้นแหละครับพี่น้อง พี่บรรณารักษ์หน้านิ่งคนหนึ่ง
พูดกับฉันเสียงค่อนข้างดังว่า "ไม่ต้องดึง!"
ฉันอึ้งไปประมาณสามวินาที ก่อนปล่อยมือจากประตู
แอบคิดในใจ ‘พูดเบาๆ ก็ได้นี่คะ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง’
พี่บรรณารักษ์ดุจังเลย ไม่เข้ใจว่าทำไมต้องทำเสียงดุขนาดนั้นด้วย


แต่ก็แอบสงสัยมานานแล้วว่า
ทำไมบรรณารักษ์ของห้องสมุดหลายๆ แห่ง
ต้องมี "ลักษณะเฉพาะ"ที่เหมือนแกะออมาจากพิมพ์เดียวกัน


...เพื่อความสงบเรียบร้อยของห้องสมุดล่ะมั้ง
เพราะไม่ได้มีแต่เราคนเดียวสักหน่อยที่โดนพี่บรรณารักษ์เตือน


เอาล่ะสงบจิตสงบใจอยู่พักใหญ่
แล้วจึงเริ่มลงมืออ่านหนังสือ


วันนี้เราตั้งใจอ่านหนังสือจริงๆ นะ


บรรยากาศพาไปน่ะ


ทุกคนอ่านหนังสือ เราก็อ่านด้วย


ดีออก...มีเพื่อนอ่านหนังสือเยอะแยะเลยล่ะ


 



๒...


เชื่อแล้วว่าการนั่งรถเล่นคนเดียวเนี่ยทั้งน่ารื่นรมย์และน่ากลัว
การไปเดินทางไปไหนในที่ทางที่ตนไม่รู้จัก
ก็ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน


แปลกแยก และ หวาดกลัว...


บางทีการเดินทางที่ไร้จุดหมายปลายทางที่แน่นอน
อาจทำให้เราได้ค้นพบสิ่งใหม่
เจอสิ่งเก่าๆ เรื่องราวเก่าๆ
แต่มุมมองและวิธีคิดเปลี่ยนแปลง
ในขณะเดียวกัน เราก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่า...


ในระหว่างทาง


จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?


 



๓...


นั่งรถเมล์สาย ๙ จากฝั่งธนฯ กลับมาตรงถนนพระอาทิตย์ 
เพิ่งรู้ว่ารถเมล์สายนี้ขาไปไม่ผ่านปากคลองตลาด
แต่ขากลับทะลุถนนตรงปากคลองตลาดออกมา
เห็นดอกไม้เยอะแยะ ละลานตาไปหมดเลย


ตอนแรกก็กะว่าจะนั่งไปเรื่อยๆ
เจอตรงไหนที่น่าสนใจก็ลงตรงนั้น


สวนสันติไชยปราการ...เป็นคำตอบสุดท้ายของวันนี้
ถือแก้วชาเย็นไปนั่งรับลมเย็นๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา


ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศรอบตัว
จมอยู่ในโลกส่วนตัว...
อยู่เป็นเพื่อนพระอาทิตย์จนลับขอบฟ้า


อารมณ์ดี...


หยิบชีทจีนที่อ่านค้างไว้ มาอ่านต่อ
อยากอ่านออกเสียงดังๆ กว่านี้


แต่เกรงใจคนที่อยู่แถวนั้น ^^"


 



Free TextEditor




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 9:23:22 น.
Counter : 330 Pageviews.  

My Difficult Semester Ever T_T




๑...


สาบานได้นะ ว่านี่เพิ่งเปิดเทอมมาได้แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น !!!
ทำไมมันเหนื่อยอย่างนี้ล่ะ ขนาดยังไม่ได้เรียนครบทุกวิชาเลยนะ
ถ้าเรียนครบทุกวิชาแล้ว มันจะเหนื่อยขนาดไหนเนี่ย ไม่อยากจะคิดเล้ยยยย



แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ...



ขึ้นปีสามแล้ว ก็ต้องเรียนไม่เหมือนปีก่อนหน้าแน่นอน
คณะของฉัน เค้าว่ากันว่า ปีสามนี่แหละเรียนหนักที่สุดแล้ว
และมันก็เป็นความจริงอย่างยิ่งยวด !!!


เทอมนี้ฉันลงทะเบียนเรียนไปทั้งหมด ๒๑ หน่วยกิต
ไม่เคยลงเยอะเท่านี้มาก่อนเลยนะ
ที่ว่าลงเยอะก็คือ เทอมนี้ฉันจะต้องเรียนวิชาเอกถึง ๕ ตัวด้วยกัน
แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาด้วยสิ
วิชาอื่น ถ้า ๓ หน่วยกิต ก็จะเรียนเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้น
แต่ของฉันต้องเรียนถึง ๔ ชั่วโมงด้วยกัน
(อาจารย์บอกว่ามันเป็นความลำบากที่นิสิตจะต้องเผชิญ ฮ่าๆ)



เอาน่า 坚持到底就是胜利 -- ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น


ตอนนี้จะกลับไปเรียนเอกอื่นก็ไม่ทันแล้ว ถลำลึกมาซะขนาดนั้น
อุปสรรคมีไว้เพื่อให้เราฝ่าฟัน ถ้าผ่านสิ่งเหล่านี้ไปได้เราจะแกร่งและเก่งขึ้นอย่างแน่นอน
สู้เพื่อตัวเอง สู้เพื่อพ่อแม่ สู้เว้ยยยยย ^______^



๒...


มาดูกันว่าเทอมนี้ฉันเรียนวิชาอะไรกันบ้าง?


แนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (วิชาบังคับคณะ)
การพูดภาษาจีนในที่ชุมนุมชน
การอ่านภาษาจีน ๑
ภาษาจีนโบราณ ๑
สัทศาสตร์ภาษาจีนกลาง
ภาษาจีนธุรกิจ
แปลอังกฤษ-ไทย
ภาษาเกาหลี ๑


รวมทั้งหมด ๘ วิชาที่ฉันจะต้องเรียนเทอมนี้
เห็นแล้วต้องขอถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆ อีกสักที เฮ้อ...


อ้อ เทอมนี้มีวิชาวรรณกรรมเยาวชนเปิดสอนด้วย น่าสนใจมากๆ


ฉันก็เลยไปขอนั่งเรียนด้วย ไม่เอาหน่วยกิต หุหุ



แต่ที่ทำเอาเหนื่อยใจมากที่สุดก็คือ
การเรียนแปดโมงเช้า เลิกบ่ายสามบ่ายสี่โมงเย็นเกือบทุกวัน
โอ้ว...นี่มันชีวิตเด็กมัธยมชัดๆ เรียนจนหัวโตเลย ^^"


เอาน่า ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเทอมนี้จะขยัน ท่องไว้เสมอ
เพื่อให้ผ่านเทอมที่แสนโหดร้ายนี้ไปให้ได้
...อย่างไม่สะบักสะบอมมากนัก





๓...


อัลบั้มใหม่พี่นิคออกแล้ว หลังจากรอคอยมาตลอดปิดเทอม  


ก็ยังคงเป็นสไตล์ของพี่นิคโดยแท้ แต่เสียงร้องดูหนักแน่นขึ้นจากอัลบั้มก่อน


เพราะทุกเพลงเลย ยกเว้นเพลงเต้น เพลงนั้นที่ฉันอยากจะกำจัดมันออกไป ฮ่า



ตอนนี้ก็เลยอยู่ในช่วงหัดร้องเพลงอัลบั้มใหม่อยู่ อยากร้องให้ได้ทุกเพลงเลย


แต่เพลงที่ชอบที่สุดก็คงจะเป็นเพลงนี้ Sempurna  (อ่านว่าซัมปูร์นา)


ที่ต้นฉบับเดิมเป็นภาษาอินโดนีเซีย แปลว่า Perfect หรือ 完美 ในภาษาจีน


ได้ฟังเพลงต้นฉบับแล้ว บอกได้เลยว่าฉบับพี่นิคเอามาร้องเพราะที่สุดเลย



ไม่ได้อวยนะ พูดจริงๆ

emo




Andra The Backbone - Original Indonesian Singer (Original Version)





อันนี้เวอร์ชั่นพี่นิค 张栋梁 (Nicholas Teo)





Free TextEditor




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2552    
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 11:00:32 น.
Counter : 545 Pageviews.  

I wanna change something

สงสารบล็อกนี้จังเลย เจ้าของบล็อกไม่มาดูดำดูดี
เหมือนกับว่ามันเป็นของเล่นเก่าเก็บที่เล่นจนเบื่อ
เล่นไปเล่นมาเริ่มหมดมุข เลยย้ายตูดไปเล่นของเล่นอันอื่นแทน


ฉันพยายามจะกลับมาอัพบล็อกบ้าง เขียนบันทึกอะไรบ้างอยู่บ่อยครั้ง
แต่สุดท้ายความพยายามก็พ่ายแพ้ให้แก่ความรู้สึกอะไรบางอย่าง
ความรู้สึกที่ฉันก็อธิบายไม่ค่อยจะถูกเสียด้วย
รู้เพียงแต่ว่า...บางครั้งแฝงไปด้วยความเบื่อหน่าย


ไม่ใช่ว่าเบื่อหน่ายที่จะเขียนบล็อกนะ
แต่มันเหมือนกับว่า อะไรที่มันมากเกินไป นานเกินไป
ฉันก็อยากจะเปลี่ยนแปลงบ้าง อะไรบ้าง


ช่วงนั้นฉันคงจะหมดไฟในการ "เขียน" เรื่องตัวเอง
แต่ชอบ "อ่าน" เรื่องที่คนอื่นเขียนมากขึ้นเรื่อยๆ
เรียกได้ว่าไฟลุกโชนเลยทีเดียว ฮ่าๆ


พอไฟลุก และตาลุกกับกิจกรรมใหม่ๆ ได้สักพัก
มันก็ลามมาเติมเชื้อไฟที่กำลังจะมอดดับอีกครั้ง
และแล้วความรู้สึกอยากเขียนเรื่องตัวเองให้คนอื่นอ่าน
...ก็กลับมาอีกครั้ง


บางที...
อาจเป็นเพราะทุกครั้งที่จะเขียน จะเล่าอะไรสักอย่าง
ฉันจริงจัง และเขียนทุกอย่าง อย่างเป็นทางการมากเกินจำเป็น
เพราะการทำอะไรที่ฝืนธรรมชาติตนเอง ทำได้ไม่นานหรอก
สู้เป็นตัวของตัวเองดีกว่า อยากทำอะไรก็ทำตามใจคิด
แม้บางครั้ง เราจะไม่สามารถทำอย่างที่ใจต้องการได้ตลอดเวลา


แต่เชื่อเถอะว่า
การทำอะไรด้วยความสบายใจ
จะต้องทำออกมาได้ดีกว่า...แน่นอน Smiley



Free TextEditor




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2552    
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 8:38:27 น.
Counter : 340 Pageviews.  

THE EYE ... คนเห็นผี

๑.


วันนี้ฉันตื่นสาย สายกว่าทุกวัน นอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม
รอจนแดดแยงตานั่นแหละ ถึงได้ลุกจากเตียง
เอาน่า...วันนี้วันอาทิตย์นี่นา ตื่นสายสักหน่อยคงไม่เป็นไร
แถมเมื่อวานก็ยังนอนดึกมากอีกด้วย
กว่าจะได้นอน นาฬิกาก็บอกเวลาของวันใหม่เสียแล้ว


เมื่อวานฉันกับเพื่อนนั่งดูหนังออนไลน์กัน
ดูจากเว็บจีนที่ได้มาจากพี่สาวอีกที ดูหนังกันสนุกสนาน
อยากดูเรื่องอะไร ลองหาดูก่อนนะ มีเยอะมากมาย
แถมอัพเดทสุดๆ ซีรีส์เกาหลี หนังใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้าฉาย
หรือเพิ่งออกจากโรงไม่นาน มีหมด เสียอย่างเดียวเป็นซับจีน
ซึ่งอาจจะทำให้อารมณ์ในการชมสะดุด
ไอ้ที่ตื่นเต้น ก็อาจเหลือเพียงตื่นเต้นนิดหน่อย
ไอ้ที่น่ากลัว ก็อาจเหลือเพียงน่ากลัวเล็กน้อย
เนื่องจากต้องหยุดอ่านซับเป็นระยะๆ (ฮา ฝึกภาษา)


ตอนแรกก็คิดกันว่าจะหาการ์ตูนดูก่อนนอน
เพราะหัวข้อสนทนาก่อนหน้านี้เป็นเรื่องของการ์ตูนดิสนีย์
ที่พวกเราเคยดูกันตอนเด็กๆ ทั้งสโนว์ไวท์ ราพุนเซล ฯลฯ
คุยกันเรื่องการ์ตูนเด็กบางเรื่อง ก็ไม่สมเหตุสมผลเอามากๆ
อย่างสโนว์ไวท์ แม่มดน่ากลัวจะตาย ยังไม่กลัวยืนคุยกับเค้าอยู่ตั้งนาน
แถมยังรับแอบเปิ้ลเค้ามากินอีก แอปเปิ้ลนี่ก็ออกฤทธิ์เร็วมากเลยนะ
กัดแค่คำเดียว เคี้ยวก็ยังไม่ได้เคี้ยวสักหน่อย สโนว์ไวท์ก็สลบไปแล้ว


ไหนจะยังเรื่องราพุนเซลยอมให้เจ้าชายปีนผมตัวเองขึ้นมาหาบนหอคอย
เจ้าหล่อนคิดยังไงกันเนี่ย โฆษณายาสระผมอยู่หรือไงเนี่ย
ผมของเธอแข็งแรงมากเลยนะคะ


แต่พอจะหาหนังดูจริงๆ คุยไปคุยมา
เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้นว่า
ดึกๆ อย่างนี้ หาหนังผีดูกันเถอะ
มาถึงขั้นนี้แล้ว เอาวะ ดูก็ก็ดู ว่าแต่จะดูเรื่องอะไรล่ะ
ฉันเองก็ไม่ได้ดูหนังผีมานานมาก แล้ว
หลังจากดูชัตเตอร์ไปเมื่อหลายปีก่อน



เราสามคนเลยดูหนังเรื่อง "THE EYE ... คนเห็นผี" กัน




๒.


หนังเรื่องนี้ดีเกินคาด ดีว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ
โดยเฉพาะเนื้อหาของหนังที่ผูกเรื่องได้ดีมาก
ดูสมเหตุสมผล ไม่มากไม่น้อยไป
แต่ดูไปเรื่อยๆ ก็แอบมีอะไรออกมาให้ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน


ถ้าให้เลือกระหว่าง...
การเป็นคนตาไม่บอดแต่มองเห็นอะไรที่คนอื่นเค้าไม่เห็นกัน
กับการเป็นคนตาบอดแต่มีชีวิตที่ปกติสุข
เราควรจะเลือกชีวิตแบบไหนดีนะ


หรือการมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า
มองเห็นอนาคตข้างหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ที่สุดแล้วก็ได้แค่มองเห็น เท่านั้นเองมิใช่หรือ
รู้แล้วทำอะไรได้บ้าง นอกจากปล่อยให้มันเป็นไป






Free TextEditor




 

Create Date : 12 เมษายน 2552    
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 8:38:12 น.
Counter : 678 Pageviews.  

1  2  

สลิลลา No.1
Location :
ศรีสะเกษ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กระต่ายตัวกวน
เจ้าตัวหัวเขียว
X
X
Friends' blogs
[Add สลิลลา No.1's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.