IMPOSSIBLE IS NOTHING
Group Blog
 
All blogs
 

ฝนสุดท้าย?!!


ไอ้เราก็กลับมาอยู่บ้านได้หลายวันแล้วนะ ไม่เค้ย ไม่เคยเจอฝนตหนักสักที


เห็นข่าวที่ กทม. ฝนตกหนักมากจนน้ำท่วม


ก็ได้แต่นึกดีใจ โชคดีที่กลับมาอยู่บ้าน


วันนี้เป็นไงล่ะ โป๊ะเช๊ะ…ฝนตกแบบ”ไม่ลืมหูลืมตา”จริงๆ


เพิ่งเข้าใจคำว่าฝนตกแบบ”ไม่ลืมหูลืมตา” ก็วันนี้


ตกแบบใครที่คิดจะขับและขี่รถออกไปข้างนอก ไปตลาด ไปนั่น มานี่ ต้องชะงัก


ชะโงกหน้าออกมาจากบ้าน ที่ทำงาน เป็นต้องมุดกลับเข้าไปใหม่


 


ส่วนเรานั่งอยู่ที่ตลาด ฝนตกที รู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก


ตอนแรกที่ฝนตก ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตกหนักแต่อย่างใด


ตกเป็นฝอย ละอองน้ำฝน


ที่คล้ายกับเวลาเราฉีดสเปรย์รีดผ้าเรียบลงบนเสื้อที่รอรีด


สักพัก จากเสียงเปาะแปะ เปาะแปะ…ก็กลายเป็น ซู่…ซ่า…


(กรุณาออกเสียงตาม จะได้อารมณ์มาก)


 


ซู่………………………ซ่า…………………………


ซู่…………ซ่า………….


ซู่…..ซ่า…..


ซู่ซ่า ซู่ซ่า ซู่ซ่า ซู่ซ่า ซู่ซ่า ซู่ซ่าซู่ซ่า ซู่ซ่า ซู่ซ่า


ตกอย่างนี้ทั้งบ่ายประมาณสามรอบ โอ้มายก็อดดดดด


 


นอกจากนี้ ความเร็วและความถี่ของการตกยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ


ระดับความดังก็เพิ่มขึ้นเฉียดระดับที่สร้างความรำคาญ แทนความรื่นรมย์


จากเสียง melody กลายเป็น noise ไปซะงั้น


 


ถึงตอนนี้ ที่ฝนหยุดตกแน่นอนแล้ว


แต่เสียงฝนตกเมื่อบ่ายนี้ ยังคงดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหูอยู่เลย




Free TextEditor




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2552    
Last Update : 22 ตุลาคม 2552 6:03:25 น.
Counter : 746 Pageviews.  

ปีเก่าไป...ปีใหม่มา




31 ธันวาคม 2550

ห่างหายกับการอัพบล็อกไปนานร่วมๆ สองเดือน หลังจากปิดเทอมเดือนตุลาคม สองเดือนที่ผ่านมาและห่างหายไปจากบล็อกแกงค์ ดูจะเป็นอะไรที่ฉันไม่คุ้นเคยเลยสักนิด

ไม่เพียงเฉพาะแต่ห่างหายไปจากการอัพบล็อกเท่านั้น ดูเหมือนว่าชีวิตของฉันมีอันจะต้องตัดจากโลกไซเบอร์เป็นการชั่วคราว เมื่อภาคเรียนที่สองของการใช้ชีวิตเด็กมหา'ลัยเริ่มต้นขึ้น

แต่ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตช่วงนั้นเป็นอะไรที่สุดๆ กิจกรรมลอยกระทงที่เราต้องทำร่วมกันทั้งชั้นปี...ความกดดันมากมายมหาศาลจากรุ่นพี่ที่ถ่ายทอดมาจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง แต่ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกัน งานการที่ดูเหมือนจะมากมายก็กลับลุล่วงไปด้วยดี แต่กว่าจะถึงจุดนั้นได้ฉันและเพื่อนๆ ก็ต้องผ่านอุปสรรคอะไรต่อมิอะไรมากมายไปหมด ทั้งการบ้านในแต่ละวิชาที่ประดังประเดเข้ามาและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน ที่ทำให้ท้อใจ โดยเฉพาะในช่วงเวลานั้น ปัญหาต่างๆ ดูจะมีมากและยากเย็นเสียเหลือเกิน


เอาน่า...แต่เราก็ผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาได้นี่นา


พร้อมๆ กับผลพลอยได้ที่มีค่ามากที่สุด นั่นคือ "มิตรภาพ"
การที่ได้ทำงานร่วมกัน...
ทำให้เราสนิทกันมากขึ้น
เปิดใจคุยกันมากขึ้น
ยิ้มให้กันมากขึ้น
จากคนในคณะเดียวกันที่ไม่รู้จักกันนัก
ช่วงเวลานั้นได้เปลี่ยนให้เรากลายเป็น "เพื่อน"


เล่าไปเล่ามาชักยาวเนอะ ฮี่ๆ


ฉันแค่อยากจะบอกเล่าความรู้สึกดีๆ ในวันนี้ก่อนที่มันจะกลายเป็นปีเก่า เมื่อวันพรุ่งนี้เดินทางมาถึง


พรุ่งนี้ก็ปีใหม่แล้วสิเนอะ...


มีอะไรหลายๆ อย่างที่ฉันยังไม่ได้ทำให้เสร็จในปีเก่า
โอย...เยอะแยะไปหมดเลย
แต่ฉันคิดว่าบางอย่างที่ฉันยังไม่อยากทำ และต่อให้ปีใหม่ผ่านไปอีกกี่ปี มันก็ยังไม่ได้ทำอยู่ดีนั่นแหละ มันต้องมีอะไรสักอย่างที่มากระตุ้นให้เราอยากทำในสิ่งที่เราไม่อยากทำ หรือไม่เคยทำ แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ "ตัวเรา" ที่จะกล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือไม่ก็เท่านั้น

เอาล่ะ...หลังจากทำตัวมีสาระกับเขาบ้าง ก็รู้สึกดีมิใช่น้อยนะเนี่ย หุหุ

สองสามวันมานี้ได้กลับมาอยู่บ้าน รู้สึกว่าความสุขนี่ดูจะห้อมล้อมตัวเราไปหมดทุกที่ ตั้งแต่วันที่ฉันไปขึ้นรถกลับมาบ้านที่หมอชิต เอ่อ...รถติดและคนเยอะมากๆ ไม่เยอะธรรมดาเลย เยอะสุดๆ เยอะแบบไม่ไหวแล้ว อะไรมันจะเยอะได้เยอะดีขนาดนั้น เข้าไปในสถานีขนส่งหมอชิตอ่ะ ทุกพื้นที่จับจองไปด้วยคนที่มารอขึ้นรถกลับบ้าน แทบจะไม่มีที่ให้แทรกตัวผ่าน แต่ในบรรยากาศที่อาจจะทำให้คนทั้งหลายเหล่านั้นหงุดหงิด ไม่เลย...ทุกคนดูมีความสุข อย่างน้อยๆ ก็กำลังจะได้กลับบ้านแล้วนี่นา ฉันอยากรู้จังเลยว่าพวกเขานั้นไม่ได้กลับบ้านมานานเท่าไหร่แล้ว...

ขนาดฉันเองห่างจากบ้านมาแค่เดือนสองเดือน ยังคิดถึงแทบแย่ แล้วพวกเขาเหล่านั้นจะไม่รู้สึกยิ่งไปกว่าฉันเลยหรือ...



ใครหนอกำหนดช่วงปีใหม่มาได้อย่างเหมาะเหม็งและลงตัวขนาดนี้...



จาก กทม. ที่แสนร้อนแรงด้วยแสงอาทิตย์กลับมาถึงบ้าน...อากาศช่างต่างกันมากมาย ที่บ้านฉันลมแรงมาก หนาวด้วย พัดมาทีงี้แทบแข็งกันเลยทีเดียว แต่ก็ได้บรรยากาศปีใหม่ดีเนอะ ต้องหนาวๆ ใส่เสื้อกันหนาวอุ่นๆ

นั่งรถทัวร์มาถึงบ้านตอนเที่ยงของอีกวัน ไม่ได้กลับมาบ้านแค่ 2 เดือน เห็นอะไรมากมายที่เปลี่ยนแปลงไป บ้านก็ยังคงเป็นบ้านเหมือนเดิม แต่ภายในบ้านได้เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ฉันรู้สึกว่าป๊ากับแม่ทำงานหนักมากขึ้น ทั้งๆ ที่น่าจะสบายขึ้นเมื่อได้คนงานมาช่วยขายของเพิ่ม แต่เปล่าเลยป๊ากับแม่ก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิม อาจจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ อยู่กันสองคนไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่ มีแต่ชวนกันไปกินจนสมบูรณ์พูนสุขกันทั้งคู่ ^^

เมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นความสำคัญของเทศกาลปีใหม่เท่านี้มาก่อน เพราะฉันอยู่กับป๊ากะแม่มาตลอด ณ ตอนนี้ ปีใหม่คือช่วงเวลาสุดพิเศษ จากบ้านที่เคยเงียบเหงา กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของคนในครอบครัว คิดถึงรอยยิ้มของป๊ากับแม่ พี่ชายพี่สาวของฉัน ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน จึงเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ จนเดี๋ยวนี้ทุกปีใหม่แม่ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ทุกครั้ง



ปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับครอบครัวจริงๆ ค่ะ



1 มกราคม 2551 แล้ว...





สวัสดีปีใหม่ค่ะทุกคน
ขออวยพรให้มีความสุขมากๆ
ขอให้สุขภาพแข็งแรง
ปีใหม่...ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต
...และเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดชื่นและแจ่มใสค่ะ

Happy New Year 2008 ค่า












+++ 5 สิ่งที่นึกถึงในปีเก่า +++

*ภาวะเด็กเอ็นท์มันช่างเครียดเหลือหลาย...สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี
ป๊ากับแม่ดีใจ ไอ้เราก็พลอยมีความสุขไปด้วย ก็ได้เรียนในคณะที่ชอบนี่นา
สู้ต่อไป...หลังปีใหม่คะแนนกลางภาคออก เอื้อก T^T

**จากข้อ 1 นำไปสู่ข้อ 2 ได้รู้จักเพื่อนใหม่ผ่านบล็อกแกงค์ "ลี่จัง" กะ "หนึ่งน้อย" ที่กำลังตกอยู่ในภาวะเดียวกัน จนนำไปสู่การตั้งสำนักสามหัวก้นขวิด อืม...มีเพื่อนมันดีอย่างงี้เอง ฮี่ๆ ^_^ ขอบคุณบล็อกแกงค์ ที่ที่ทำให้เราเจอกัน และเพื่อนบล็อกคนอื่นๆ อีกมากมาย เป็นกำลังใจให้กันเสมอมา ขอบคุณค่ะ

***เจอลี่จังครั้งแรกที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ แอบถ่ายเรามาตั้งหลายรูป โดนแบนห้ามออกอากาศ ฮา จากวันนั้นมาเราก็เลยได้คุยกันจริงๆ จังๆ สักที ลี่จังพูดได้ 24 ชม. จ้อไม่หยุด

****สวนรถไฟ...สถานที่แห่งความทรงจำของหนึ่งน้อยกับใหม่ อนาคตต้องรวมลี่จังไปอีกคน ครบสำนักพอดี หุหุ นัดกันไปทำโครงงาน เย้ยย...ถ่ายรูปเข้างานมีตติ้งแจ่มใส ได้ข่าวว่าขากลับหลงซะงั้น หาทางออกกันไม่เจอ ฮี่ๆ ขาตั้งกล้องก็ขวดโหลกะหนังสือจากเป้ของหนูหนึ่ง มีทุกอย่างให้คุณเลือกสรร อิอิ

*****จะเห็นได้ว่าทุกข้อเชื่อมโยงกัน จากทุกข้อที่กล่าวมาทำให้เกิดข้อสุดท้ายคือ การรวมสำนักกันที่งานมีตติ้งแจ่มใส...ก่อนงานสามวัน หนึ่งน้อยโทรมาบอกว่าแฟนพันธุ์แท้ที่สมัครไปเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย เอ่อ...ทำไงดีหว่า? สุดท้ายจับพลัดจับผลูได้รางวัลชนะเลิศ ของรางวัลมากมาย หิ้วกันแทบไม่ไหว หุหุ เป็นอีกวันที่มีความสุขมากๆ เลย ขอบคุณพี่ๆ นักเขียนที่ให้ความเป็นกันเองมากๆ พี่ๆ แจ่มใสก็ใจดีแสนประทับใจ หนึ่งจัง ลี่จังและน้องฟร้อนท์ผู้ร่วมสร้างวันนั้นของฉันให้มีสีสัน ด้วยความรักสีส้มของสำนักพิมพ์แจ่มใส ขอบคุณจริงๆค่ะ เอ้อ...บะหมี่เกี๊ยวช่วยเราได้มากจริงๆ นะ








 

Create Date : 01 มกราคม 2551    
Last Update : 17 มีนาคม 2551 12:03:54 น.
Counter : 570 Pageviews.  

Grade out !!!





ลมหนาวที่พัดมาเมื่อวานนี้
ไม่ได้พัดเอามาเพียงลมฝนเท่านั้น
ยังพัดพาผลคะแนนสอบมาด้วย

แถมยังมาแบบไม่ทันตั้งตัว
มีคนบอกฉันว่าวันที่ 17 เกรดจะออก
ก็ออกจริงๆ เกรดมาไวทันใจดีแท้
จะได้เท่าไหร่กันหว่า?
คนยิ่งอยากรู้อยู่ด้วย หุหุ

เข้าเว็บลงทะเบียนของมหาลัย
จัดการกรอก Username กะ password
มุ่งหน้าไปที่ผลการศึกษา
รอเพียงแป๊บๆ เท่านั้น...
ผลคะแนนของฉันก็ปรากฏสู่สายตา




O_O




คะแนนเทอมแรกในการเรียนมหาวิทยาลัยของฉันเป็นดังนี้







ตอนแรกได้แต่นั่งอึ้งไป เอ่อ...
เกรดบางวิชามันดีเกินคาด บางวิชาก็น้อยเหลือใจ
แต่ก็ต้องยอมรับ เพราะตอนสอบทำไม่ได้จริงๆ นี่นา
เกรดเฉลี่ยรวมทุกวิชาจึงหยุดอยู่ที่ 2.81

ที่เกินคาดสุดๆ น่าจะเป็นภาษาอังกฤษกับภาษาจีน
เป็น 2 วิชาที่ยากลำบากสำหรับฉันมากๆ
และเป็น 2 วิชาที่ฉันให้ความสำคัญมากทีเดียว

วิชาหนึ่งเป็นวิชาที่ฉันก่งก๊ง เรียนไปแบบงงๆ
คะแนนเก็บก็น้อย สอบก็ได้ทำ ถูกไม่ถูกอีกเรื่อง
แถมยังกลัวอาจารย์ พานไม่ชอบเรียนวิชานี้
กว่าจะกลับตัว ตั้งหลักได้ก็ตอนปลายเทอม
ดีใจสุดๆ ที่ไม่ติดเอฟ ไม่งั้นคงต้องไปเรียนซ้ำกะน้องๆ ToT


อีกวิชาหนึ่งเป็นวิชาที่ฉันจะเอาเป็นวิชาเอก
หลงรักตัวอักษร คัดมันทุกวัน
เป็นวิชาที่ยากเอาการ
แต่ก็ตั้งใจว่าจะพยายามสุดความสามารถ
เพื่อจะเข้าเอกให้ได้
ในที่สุดคะแนนก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ
เพราะถ้าได้ต่ำกว่านี้
โอกาสที่จะเข้าเอกได้คงริบหรี่

ถ้าถามตัวเองว่าพอใจไหม?
ก็คงจะตอบตัวเองว่าพอใจมากทีเดียว
ผลคะแนนสอบครั้งนี้เป็นตัวชี้วัดอะไรหลายๆ อย่าง
ว่าตัวเราสมควรที่จะต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง
เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น

อาจจะไม่เลิศเลออย่างใครเขา
เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเรียน
ฉันต้องพอใจและยอมรับให้ได้
แต่เทอมหน้าที่กำลังจะมาถึง
ฉันคงต้องพยายามให้มากกว่าเดิมแล้วล่ะ


ช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะคะ.







 

Create Date : 19 ตุลาคม 2550    
Last Update : 17 มีนาคม 2551 12:24:15 น.
Counter : 522 Pageviews.  

เปลี่ยนแปลง





ตอนนี้กลับมาอยู่บ้านได้เกือบอาทิตย์แล้ว
กลับมาพร้อมกับสายฝนโปรยปราย
ที่ตกได้ตกดี ตกทุกวัน จนน้ำใกล้จะท่วม
ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทิ้งช่วง


ก็อย่างว่าล่ะนะ...ปลายฝนต้นหนาวนี่นา


ฤดูฝนกำลังจะผ่านไป
พร้อมๆ กับที่สายลมพัดเอาความหนาวเข้ามาแทนที่

เวลาของปีเก่าใกล้จะหมดลง
พร้อมๆ กับปีใหม่ที่กำลังเดินทางมาถึง...

เทอมแรกของการเรียนมหาวิทยาลัยผ่านไป
พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ว่า...เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก


ฉันเป็นคนเอื่อย เฉื่อย มานานเท่าไรแล้ว
กับคำว่า "เดี๋ยว" ที่มักจะหลุดออกมาเสมอ
ผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ใช้เวลาอย่างฟุ่มเฟือย
เคยคิดโน่น คิดนี่ไว้เยอะแยะ
แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับไม่ได้ทำตามที่คิด


ไม่ใช่ "ทำไม่ได้" แต่ "ไม่ได้ทำ"
คำสองคำนี้ความหมายมันต่างกัน


กี่ครั้งแล้วที่ต้องกลับมานั่งเสียใจ
กับการกระทำของตัวเองในอดีต
ที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
และมาพร้อมกับคำว่า "ถ้า..."


คงถึงเวลาแล้วที่ฉันควรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองสักที
ไม่ต้องรอพรุ่งนี้หรือปีหน้า เริ่มทำตั้งแต่วันนี้
ทำด้วยความพยายาม ทำด้วยความตั้งใจ
ให้สำเร็จบ้างสักอย่างก็ยังดี
เพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเอง


ก่อนที่ปีนี้จะผ่านไปอีกปี...โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย.




 

Create Date : 14 ตุลาคม 2550    
Last Update : 14 ตุลาคม 2550 13:23:01 น.
Counter : 526 Pageviews.  

ผลัดกัน





วันหยุดอีกแล้วครับท่าน ใหม่จังได้กลับบ้านอีกแล้ว และนี่คงเป็นการกลับบ้านครั้งสุดท้ายของเทอม ก่อนที่จะเตรียมตัวสอบปลายภาค เมื่อเดือนกันยายนเดินทางมาถึง...

พักหลังๆ นี้เขียนบล็อกไม่ค่อยออกเลย คงเป็นเพราะความเครียดที่สะสมอยู่ในตัวมากเกินไป ทำให้เกิดผลข้างเคียง แต่ตอนนี้ฉันกลับมาเป็นปกติแล้วค่ะ เมื่อค้นพบความจริงที่ว่าไม่รู้ว่าจะเครียดไปทำไม เพราะยิ่งเครียด คนที่จะแย่ก็คือ ตัวเราเอง สู้สนุกกับสิ่งรอบตัว ชีวิตใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้สัมผัสดีกว่าเนอะ

ชีวิตเด็กมหาลัยเป็นชีวิตที่เหนื่อยแสนเหนื่อย ไม่เหมือนกับที่เคยคิดไว้เลย มีเวลาว่างเยอะก็จริง แต่งานก็แยะเหมือนกัน ถ้าไม่แบ่งเวลาให้ดีก็จะไม่มีเวลาทำอะไรเลย ซึ่งฉันได้เผชิญมาแล้ว เช่น มัวแต่เล่นเพราะงานยังไม่ถึงกำหนดส่ง พอถึงกำหนดส่งจริงๆ ก็ปั่นกันหัวบาน แถมไม่มีเวลาอ่านหนังสืออีกต่างหาก มีคนเคยบอกว่า เรียนมหาลัยเหมือนสอบเอนทรานซ์ทุกวัน ตอนนี้เห็นด้วย 100% เลย

แอบท้อหลายครั้งหลายหน เมื่อพบว่าต่อให้พยายามมากเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันที่จะไล่ตามเขาทัน สอบแต่ละครั้งตกมีนบ้างประปราย จนรู้สึกว่าไม่มีวิชาไหนเลยที่ตัวเองจะถนัด มีแต่พอถูไถไปเรื่อย จำได้ว่าการสอบครั้งแรกของเทอม คือ สอบ Reading Test คะแนนออกมาแบบไม่ไหวแล้ว เต็ม 20 คะแนน ได้ 6 คะแนน เอ่อ พูดไม่ออก จำได้ว่าช่วงนั้นเครียดมาก นั่งร้องไห้กับพี่สาว ฟูมฟายไม่ยอมหยุด พี่ก็อุตส่าห์ปลอบใจว่ายังดีที่ไม่ได้คะแนนน้อยที่สุดในคณะ เหอๆ แถมยังเตือนสติอีกว่า อย่าพยายามเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น และคิดว่าตัวเองด้อยค่า จนไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นในตนเองเลย

นี่ถ้าไม่โดนพี่เขกกบาลคงคิดเองไม่ได้แน่ๆ ฮี่ๆ emo


ตอนมัธยมไม่เคยเครียดกับเรื่องคะแนนเลย บางวิชาได้เกินครึ่งนี่ถือว่าดีสุดๆ แล้ว แต่ตอนนี้ต้องมานั่งดูว่ามีนเท่าไหร่ แล้วคะแนนผ่านมีนไหม เกรดจะเป็นยังไง แล้วจะเข้าเอกได้หรือเปล่า ฯลฯ เรื่องคะแนนทำให้จิตตกได้บ่อยๆ เหมือนกัน

การเรียนในแต่ละคณะแตกต่างกัน เราจึงไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าคณะไหนเรียนหนัก เรียนยากกว่ากัน ทั้งที่จริงแล้วก็ยากไปหมดนั่นล่ะ อยู่ที่ว่าใครจะสามารถปรับตัวได้มากกว่าก็เท่านั้น

นึกถึงข้อเขียนในหนังสือรับน้องที่เคยอ่าน เขาว่าการทำเกรดก็เหมือนการขึ้นบันได ย่อมทำให้เรารู้สึกเหนื่อยกว่าการลงบันได แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรเลย เพราะความจริงแล้วทุกคนเท่ากันหมด สิ่งที่ควรจดจำ คือ ความรู้สึกระหว่างขึ้นบันได-ลงบันไดต่างหาก

การเรียนในคณะนี้นอกจากจะทำให้ค้นพบว่า ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ยอดแย่ของตัวเอง เวลานั่งเรียนในห้องก็ใบ้กิน ฟังยังไม่ค่อยจะทันเลย แล้วจะพูดได้ยังไงเนี่ย ยังทำให้ฉันได้พบเพื่อนดีๆ มากมาย จนทำให้เปลี่ยนทัศนคติจากที่เคยเชื่อว่าเด็กอักษรหยิ่ง หวงความรู้ไม่จริงเลย ข้อนี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนในช่วงสอบ จะมีเพื่อนผู้อารีทำสรุปย่อทุกวิชาไปทิ้งไว้ที่ห้องถ่ายเอกสาร ให้เด็กน้อยผู้ทุกข์ยากอย่างข้าเจ้า (อ่านหนังสือไม่ทัน ^^") ได้มีความรู้เข้าห้องสอบ

อีกประเด็นหนึ่งก็คือ เด็กอักษรไฮโซจะตาย ตอนแรกที่เข้ามาเรียนที่นี่ก็นึกหวั่นๆ เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เมื่อได้มาสัมผัสจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะไม่ว่าสังคมไหน ก็ย่อมประกอบด้วยคนหลายประเภท คณะเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของสังคมจริงๆ ก็เท่านั้น...

มีอีกหลายอย่างที่เราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ จริงอยู่ที่ว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่อย่างน้อย...ฉันก็ได้เรียนรู้ว่าความสุขเกิดขึ้นได้เสมอ หากรู้จักปรับตัว.






emo

เพลง: ผลัดกัน
ศิลปิน:บอย โกสิยพงษ์


พระอาทิตย์ตก ผลัดกับพระจันทร์ที่ขึ้น
เช้าเราก็ตื่น คืนเข้านอน
ทุกข์รึว่าสุข ต่างกันแค่ใครมาก่อน
ผลัดกันไปมาทุกที

ความจริงก็มีแค่นี้ ที่เกิดขึ้นทุกที
ไม่ว่าจะสูงดำต่ำขาว

จึงมีความหวังไว้อดทน ทนให้พ้นผ่าน
หมดคืนนี้ก็จะมีเวลาเช้า
เก็บความหวังไว้เพื่อรอ ให้ถึงเวลาเรา
วันที่ความเศร้า จะผลัดไป

ร้อนนั้นก็ผลัด กับสายฝนที่ชุ่มฉ่ำ
ขำมาก็ผลัดความเศร้าใจ
เมื่อมีวันเก่า เราต้องได้พบวันใหม่
ผลัดกันไปมาทุกที

จึงมีความหวังไว้อดทน ทนให้พ้นผ่าน
หมดคืนนี้ก็จะมีเวลาเช้า
เก็บความหวังไว้เพื่อรอ ให้ถึงเวลาเรา
วันที่ความเศร้า จะกลายเป็นวันเก่า
วันที่ความเศร้า จะผลัดไป

เนื้อเพลงจาก : //www.siamzone.com





ปล. พรุ่งนี้อย่าลืมไปลงประชามตินะคะ emo









 

Create Date : 18 สิงหาคม 2550    
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 23:05:38 น.
Counter : 436 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

สลิลลา No.1
Location :
ศรีสะเกษ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




กระต่ายตัวกวน
เจ้าตัวหัวเขียว
X
X
Friends' blogs
[Add สลิลลา No.1's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.