ขาวมรณะ! นักศึกษาสาวเกือบตาย เพราะใช้ กลูต้าไธโอน

แต่ไหนแต่ไร โฆษณาครีมบำรุงผิว ได้แต่เน้นย้ำสรรพคุณเรื่องความขาว พ่วงด้วยคีย์เวิร์ด คำว่า “กระจ่างใส” ให้บรรดาสาวๆ ได้หลงเชื่อ หวังว่าจะมีผิวขาวเนียน มีออร่าเหมือนดาราในจอทีวี กลายเป็นค่านิยมทำให้คนที่มีผิวขาว ได้รับคำชื่นชมว่าสวย ดูดี แต่คนผิวคล้ำ กลับถูกมองเป็นคนที่ไม่ยอมดูแลตัวเอง ทั้งที่ผิวสีแทน ผิวขาวเหลือง ผิวคล้ำ ก็คือผิวดั้งเดิมของเรา

นอกจากจะมีครีมบำรุงผิวแล้ว “กลูต้าไธโอน” เร่งผิวขาว ก็เป็นหนึ่งในวิธีชวนเชื่อที่วัยรุ่นนิยม กิน ฉีด เข้าไปในร่างกาย แม้ว่าที่ผ่านมาหลายรายจะมีผลข้างเคียงถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล แต่ก็ยังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นไม่มีใครหวั่นกลัว ล่าสุดพบนักศึกษาสาวที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งกิน ทั้งฉีกกลูตาไธโอนเร่งผิวขาวจนร่างกายช็อกไปดื้อๆ ต้องรีบส่งรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อตรวจเลือดปรากฏว่าเลือดข้นขุ่นจนตรวจผลทางแล็บไม่ได้ อีกทั้งยังมีอาการตับพัง หายใจเองไม่ได้ หากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ก็มีตายได้

กลูตาไธโอน เป็นสารเคมี ทำให้ก่อให้เกิดสิ่งผิดปกติทางร่างกาย ทั้งระบบตับ ไต หรือระบบเลือดต่าง ใครที่กิน หรือฉีดเป็นประจำต้องหมั่นไปตรวจหาความผิดปกติในร่างกาย พิสูจน์กันไปเลยว่าสารที่นำเข้าไปในร่างกายนั้น แม้ภายนอกจะสวยใส แต่อวัยวะภายในถูกบั่นทอน เพราะเมื่อสารหมดฤทธิ์แล้ว สีผิวก็จะกลับมาเป็นอย่างเก่า อันตรายจะยังคงตกค้างในร่างกายตลอดไป

รายแล้วรายเล่าที่ตกเป็นเหยื่อ แม้กระทั่งคนใกล้ตัวผู้เขียนเอง เคยเล่าประสบการณ์การใช้ยานี้ว่ามี ผลกระทบหลายอย่าง เช่น แพ้แสงแดดได้ง่าย ผิวไวแสง ออกแดดปุ๊บรู้สึกแสบ ตาสู้แสงไม่ค่อยได้ ผิวเริ่มเป็นกระ และมักจะมีอาการมึนงง สลีมสลือ เมื่อไปตรวจร่างกายก็พบว่าค่าการทำงานของตับ พุ่งถึง 3 เท่า…เหล่านี้คือผลจากการฝืนธรรมชาติ

ทั้งนี้ องค์การอาหารและยาได้ประกาศห้ามใช้กลูต้าไธโอนเพื่อช่วยผิวขาวแล้ว และ ยังไม่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย จากทางสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย แต่กลับมีการโฆษณาขายเกลื่อนตามท้องตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้ วงการแพทย์ได้นำสารกลูต้าไธโอนมาใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้น ประสาทบกพร่อง เช่น โรคตับ โรคไต พาร์กินสัน อัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม โรคปลายเส้นประสาทอักเสบ มะเร็งกระเพาะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ทำให้ผิวขาวขึ้นในเวลาอันสั้น คุณสมบัติด้านการเปลี่ยนเม็ดสี ทำให้มีการนำมาใช้ในทางที่ผิด

ส่วนกรณีที่มีภาพที่มีการแชร์กันในโลกโซเชียล ระบุว่า ฉีดกลูต้าไธโอน จนเลือดเปลี่ยนเป็นสีขาวนั้น แพทย์ยืนยันว่าไม่จริง เพราะการฉีดสารกลูตาไธโอนนั้น เป็นการฉีดเพื่อหยุดยั้งสารเมลานิ นที่อยู่บนผิวหนัง ไม่มีผลกับสีเลือด แต่อันตรายของ กลูต้าไธโอน จะส่งผลกระทบกับส่วนอื่นๆ อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ซ้ำร้ายหากฉีดเข้าไปมากอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ ใครไม่อยากเสี่ยงอันตรายก็ลด ละ เลิก หันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่นดีกว่า

ความสวย ความขาว เป็นค่านิยมที่มองแต่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก สินค้าบางชนิดก็มุ่งขายเรื่องความขาวใส เพราะรู้ว่าคนไทยต้องการแบบนั้น อยากดูดีเหมือนพรีเซนเตอร์ แต่ลืมต้นฉบับผิวที่แท้จริงของเราว่าเป็นผิวสี อะไร ขาวได้ขนาดไหน ลองมองกลับกัน หากมั่นใจในตัวเอง ไม่ต้องขาวมาก แต่ดูดีก็มีถมไป อย่าง “น้องเมญ่า” มิสไทยแลนด์เวิร์ลคนล่าสุด ก็ไม่ใช่คนผิวขาวอะไร แต่ทำไมมองแล้วมีสเน่ห์ไปเสียหมด ปลุกกระแสสาวผิวคล้ำ แต่ดูดี เป็นที่ยอมรับในสังคม

นั่นเพราะการดูแลตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเอง เสริมบุคลิกภาพให้ดูดี ไม่จำเป็นต้องมีผิวขาว แต่ให้ความขาวบริสุทธิ์ออกมาจากจิตใจ แบบนี้ ไม่ต้องเสียกำลังทรัพย์ แถมยังไม่ต้องเสี่ยงตายจากการใช้ กลูต้าไธโอน ด้วย

 เพชรพิริยะ

Create Date : 24 กรกฎาคม 2557
Last Update : 24 กรกฎาคม 2557 22:29:58 น.		0 comments
Counter : 1287 Pageviews.
Share Tweet