ในโลกละคร บทบาทละครที่เธอเคยได้รับมักเป็น บทเรียบร้อย อ่อนหวาน กิริยามารยาทงดงาม เป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ แต่ในโลกความเป็นจริง เธอคือ “หวานหวาน อรุณณภา พาณิชจรูญ” ผู้หญิงที่ไม่ได้เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้ดั่งนางในวรรณคดี แต่กลับมีบุคลิกห้าว สไตล์สาวสปอร์เกิร์ล ที่หลงรักการปั่นจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ เรียกว่าเป็น “นางฟ้าขาโหด” เลยก็ว่าได้ เพราะเธอสามารถปั่นขึ้นดอยอินทนนท์มาแล้ว แถมยังได้รับถ้วยรางวัลจากการแข่งขันอีกด้วย โดย หวานหวาน อรุณณภา ได้เล่าถึงจุดเริ่มต้นที่หันมาสนใจปั่นจักรยานให้ Women Mthai ฟังว่า…

หวานหวาน ชื่อหวานขนาดนี้ ชีวิตจริง หวาน สมชือมั้ยคะ

ที่จริงหวานเป็นคนสองบุคลิก ไม่รู้ว่าเพราะเกิดราศีเมถุน รึเปล่า แต่ว่าเวลาที่ทำงานเราก็ต้องตั้งใจมากเป็นพิเศษ อย่างเวลาต้องเจอกับผู้ใหญ่ ก็เหมือนต้องสงบเสงี่ยม ก็จะมีมุมเรียบร้อยได้ แต่พอหวานมาทำอะไรที่หวานชอบ อย่างเวลาที่อยู่กับเพื่อน ได้ปั่นจักรยาน มันก็ต้องมีความทะมัดทแมง ห้าวๆ อยู่บ้าง ที่จริงก็เป็นจุดหักมุม (contrast) ในตัวเอง บางคนก็งงเหมือนกัน ว่าลุคดูเรียบร้อย ในละครขุนศึก ดูเป็นแม่หญิง ใส่ชุดไทย ใส่ชุดล้านนา แต่ทำไมเวลาพอเปลี่ยนชุด ก็ลุกขาเป็นสาวสปอร์ตเกิร์ลได้

บทบาทในละครกับชีวิตจริง แตกต่างกันมากน้อยขนาดไหน

อย่างล่าสุด ละครเรื่อง “หัวใจปฐพี ” อันนี้จะเป็นสาวไอที แอ็คทีฟ ร่าเริง สดใส บทนี้ก็จะไม่ขัดกับคาแรกเตอร์หวาน เพราะหวานก็คิดว่าคนเราก็ไม่ได้ร่าเริงตลอดเวลา จะร่าเริงก็ต่อเมื่อมีความสุข อย่างหวานก็จะมีมุมร่าเริง สดใสบวกกับมีมุมเงียบๆบ้างเวลาทำงาน

จุดเริ่มต้นที่เป็นแรงบันดาลใจในการปั่นจักรยาน คืออะไร 

คือ หวานเริ่มปั่นมาได้ 1 ปีแล้ว มีเพื่อนมีพี่สนิทที่เคารพ คือ ดร.ณัฐกฤษฎ์ ทิวไผ่งาม (ดร.เอก) ซึ่ง ดร.เอก เขาปั่นอยู่แล้ว เขาก็แนะนำให้หวานปั่นจักรยาน เพราะเขารู้ว่าหวานชอบกีฬาเอ้าท์ดอร์  ขี่ม้า ตั้งแต่เด็ก 8-9 ขวบ พอโตมาก็เล่นบาสเกตบอล แต่เราพอเล่นกีฬาที่มันกระแทกมากๆ รู้สึกเจ็บเข่า ก็เลยต้องหากีฬาที่เหมาะกับเราจริงๆ เพราะอยู่นิ่งๆ พลังงานมันเยอะไม่ได้ออกไปทำอะไร แล้วพอมาเจอจักรยาน ที่พี่ ดร.เอก แนะนำ เราก็ชอบ ได้ออกไปนอกห้องแอร์  หวานมีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้เลยไม่ชอบห้องแอร์เท่าไหร่ เราชอบออกไปเจอธรรมชาติ เจอน้ำตก ต้นไม้มากกว่า ซึ่งช่วงแรกๆ หวานปั่นเสิอภูเขา ก็คือจะออกไปตามเส้นทางธรรมชาติประจำ เช่น เขาชีจรรย์ ระยอง พัทยา สัตหีบ แล้วก็ขึ้นไปถึง เชียงใหม่ ซึ่งตอนแรกๆเราก็ไม่ได้คิดว่า เราจะมาไกลขนาดพกจักรยานขึ้นเครื่องไป แต่พอมาถึงจุดที่ชีวิตมันมีอะไรให้ทำเยอะนะ บางครั้งเราอาจจะติดกับกรอบเดิมๆ ชีวิตที่มีวันหยุด ดูหนัง กินข้าว อ่านหนังสือ เล่นคอม แต่พอเราได้พลิกชีวิตเข้ากับกิจกรรมที่เราชอบอย่างการปั่นจักรยาน บวกกับธรรมชาติ มันทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมันมีคุณค่า มีความสุข ความสุขที่สามารถได้รอบตัว

ถ้าจะบอกว่า การปั่นจักรยาน เป็นเสมือนจุดเปลี่ยน ที่ทำให้ชีวิตมีความสุข

หวานมีความสุขมากขึ้นจากหลายๆด้าน ทั้งสุภาพจิตด้วย เพราะหวานรู้สึกว่าหวานปั่นจักรยานแล้วเกิดสมาธิ  ตอนแรกนั่งในห้องสี่เหลี่ยม เขียนงานเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แต่พอเราได้ออกไปปั่นจักรยาน ก็มีสมาธิเรานิ่งเราก็เขียนออก อันนี้ช่วยรื่องความสุขเกี่ยวกับการงาน สองคือความสุขเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ โรคภูมิแพ้ เราก็เป็นน้อยลง ช่วยเรื่องความแข็งแรงของหัวใจ สิ่งเหล่านี้หวานได้รับโดยตรงจากการปั่นจักรยาน ที่เราคิดว่ามันความสุข

โลกของการปั่นจักยานมันมีเสน่ห์อย่างไร ที่ทำให้เรา “ยิ่งปั่น ยิ่งหลงรัก”

โลกของจักรยาน เปรียบเสมือน โลกของมิตรภาพที่น่ารัก  ได้เพื่อนๆพี่น้องๆเพิ่มขึ้นมากมาย  จากกันปั่นสวนกัน เราทักทากัน ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหนก็ตาม มันเป็นเหมือนตัวทะลายกำแพงของมิตรภาพ เราไม่จำเป็นต้องรู้ว่า คุณชื่ออะไร คุุณเป็นใคร คุณนามสกุลอะไร แต่พอมาอยู่บนจักรยานเราเป็นพี่น้องกัน หวานเคยเจอครั้งหนึ่งที่ แฮนด์ที่จับจักรยานเบี้ยวไปคนละทางกับล้อ เพราะมันใส่ผิดมาจากข้างนอก ก็มีพี่ๆมาช่วยกันเดี๋ยวนั้นเลย หวานว่ามันเป็นมิตรภาพดีดีที่เกิดขึ้น เป็นสังคมที่ดี และเกิดมิตรภาพใหม่ทุกครั้ง เกิดการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกครั้งมันจะได้ประสบการณ์ แล้วอีกอย่างหวานเทรนด์ด้วย เพราะหวานปั่นจริงจัง เราก็จะได้รู้ด้วยว่าครั้งนี้ความเร็วเฉลี่ยเราเพิ่มขึ้น เราก็ดีใจ แสดงว่าสิ่งที่เราฝึกซ้อมมามันถูก เวลาเราเห็นตัวเองพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆแล้วมันสนุก มันรู้สึกว่าเราเหมือนเล่นเกมส์ กับร่างกาย ได้ทั้งสุขภาพและสุขภาพจิตใจ การปั่นจักรยานมันสนุกมากค่ะ

“เวลาเราเห็นตัวเองพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆแล้วมันสนุก มันรู้สึกว่าเราเหมือนเล่นเกมส์ กับร่างกาย ได้ทั้งสุขภาพและจิตใจ การปั่นจักรยานมันสนุกมากค่ะ”

ทริปไหนที่รู้สึกโหดที่สุด และ ทริปไหนประทับใจมากที่สุด

ทริปที่โหดกับทริปที่ประทับใจนี่แตกต่างกันมากค่ะ ทริปที่ประทับใจที่สุดคือ ทริปที่ปั่นไปดอยอินทนนท์ ชอบมากค่ะ คือ ดอยอินทนนท์ เป็นที่ที่หวานอยากไปมานานแล้ว ทุกๆปีเขาจะมีการแข่งขันขึ้นโดยอินทนนท์ เราก็คิดว่าเราต้องไปซ้อมก่อน แต่เราก็ไม่ได้ซ้อมก่อน ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับการแข่งเลย มันสนุก คนสองพันกว่าคน มันหึกเหิมมาก ปั่นขึ้นดอยอินทนนท์ เราก็จะเห็นความเหนื่อยของแต่ละคน ช่วงแรกก็จุคุยกันดีลัลลา แต่พอขึ้นปั่นขึ้นไปสักพัก แต่ละคนก็จะไม่คุยกัน แต่จะรู้วสึกว่าแรงหมด พอมันเหนื่อยจัดๆ แต่ละคนก็จะปล่อยอะไรที่ขำๆออกมา สนุกมากค่ะ หนาวด้วย ก็เป็นประสบการณ์ปั่นขึ้นดอยอินทนนท์ครั้งแรกที่สนุกและประทับใจมากๆค่ะ แล้วก็คิดว่าเราจะต้องกลับไปอีกทุกๆปี

ส่วนริปที่โหดที่สุด ต้องยกให้ ทริปขึ้นดอยม่อนแจ่ม คือรู้ว่ามันชัน แต่ไม่รู้ว่ามันชันจขนาดไหน ตอนนั้นด้วยความดื้อ โค้ชบอกแล้วว่าดูหัวใจอย่าให้เกิน 180 นะ มันต้องปั่นอีกไกล เดี๋ยวจะปั่นไม่ไหว อยากฝากสำหรับคนที่ปั่นจักรยานนะคะ ที่ว่าเวลาเราเห็นเนิน แล้วต้องอัดแรง ต้องสู้ เดี๋ยวก็อัดแรงผ่านไปได้ เอาเข้าจริงมันก็เกิดอาการแรงหมด ตอนปั่นขึ้นเนินที่วิบากขนาดนั้น คือเราก็ล้มค่ะ ปั่นไปน้ำตาไหลไป เราเริ่มรู้ว่ามันไม่ไหวไปต่อไม่ได้แล้ว แต่หวานเป็นพวกใจสู้ เราก็ฮึดจนขามันน็อค คือโค้ชก็ต้องมารับหวานเร็วมาก ไม่งั้นหวานล้มฟาดพื้นแน่ ตอนนั้นเข้าใจคำว่า หายใจไม่เข้า หายใจไม่ออก เลยว่ามันเป็นยังไง ตอนนั้นคิดว่าอยากจะมีหัวใจสัก 10 ปอด ตอนนั้นร่างกายก็รวนไปหมด เหมือนเครื่องมันจะดับไปเดี๋ยวนั้นเลย แต่พอเราเริ่มมีสติแล้ว เราก็เรียกตัวเองกลับมาได้ ก็รู้สึกว่าเราได้บทเรียนนะ เราต้องไม่ฝืนร่างกายเกินไป เราต้องมีการวางแผน ซึ่งเราก็ได้อะไรอีกเยอะ ถือเป็นทริปที่โหด เพราะไม่เคยล้มบนเขามาก่อน (หัวเราะ)

ถ้าจะให้ หวานหวาน เป็น แรงบันดาลใจ สำหรับคนยุคใหม่ให้หันมาออกกำลัง ขจัดข้ออ้างที่ว่า “ทำงานยุ่ง จนไม่มีเวลาออกกำลังกาย” จะแนะนำหรือสร้างจุดเปลี่ยนให้พวกเขาอย่างไรบ้าง

หลายคนก็จะมาถามหวานว่า เป็นนักแสดง งานรัดตัวขนาดนี้ เอาเวลาที่ไหนปั่นจักรยาน หวานก็ตอบเลย “วันที่ว่างค่ะ” คือเราไม่รู้ไงว่าจะว่างเมื่อไหร่ อย่างน้อยบนรถหวานเนี่ย ก็ต้องพกจักรยานและอุปกรณ์เอาไว้เลย ยกเว้นวันที่งานเราเยอะจริงๆ ก็จะไม่ได้พก เอาวันที่ว่าง ว่างวันไหนก็ไป ถ้าเกิด ซ้อมข้างนอกไม่ทัน ก็เข้ายิมซ้อม ยังไงก็ซ้อมได้ คือให้คิดว่า “การออกกำลังกายคือเหมือนมีนัดประชุม ถ้าเราไม่ไปประชุม เราก็อาจจะตกงาน หรือโดนตัดเงินเดือน” เราต้องสร้างวินัยให้ตัวเอง ให้เกียรติกับเวลาที่เราต้องไปออกกำลังกาย ถ้าซ้อมเวลา สี่โมงก็ต้องสี่โมง คือถ้าเลทไป 15 นาที นั่นก็อาจจะทำให้เราโดนตัดโบนัสไปได้เลยนะ มันก็ได้กับตัวเราเอง เราออกกำลังกายเราก็แข็งแรง เพราะฉะนั้น การสร้างฐานร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย ช่วงที่เราสุขภาพดีๆมีแรง มันก็จะส่งผลไปในอนาคต ชีวิตสนุกได้กินได้เที่ยว ในตอนที่เราอายุมากขึ้น

 “การออกกำลังกายคือเหมือนมีนัดประชุม ถ้าเราไม่ไปประชุม เราก็อาจจะตกงาน หรือโดนตัดเงินเดือน  ดังนั้นเราต้องสร้างวินัยให้ตัวเอง ให้เกียรติกับเวลาที่เราต้องไปออกกำลังกายเสมอ”

ปั่นจักรยานกลางแจ้ง แดดร้อนขนาดนี้ มีวิธีดูแลตัวเองยังไงบ้าง

หวานจัดเต็มที่เลยค่ะ อุปกรณ์ป้องกันเยอะมาก ถ้าปั่นตอนกลางวันหวานจะมีถุงมือปิดหมดนะคะ ปลอกแขน เสื้อแขนยาวที่ป้องกันยูวีได้สูง อาจลงทุนซื้อที่ราคาสูงหน่อย กางเกงขายาว ทาครีมกันแดด ผ้าปิดหน้ากีนยูวี ใส่หมวก แว่นตากันแดด ก็สำคัญมาก คือพอแต่งตัวทีทุกคนก็จะจำไม่ได้ไปเลย ป้องกันสุดฤทธิ์มากค่ะ

อยากฝากอะไรถึงคนที่อยากลองปั่นจักรยาน แต่ยังกล้าๆกลัว หรือคนที่เพิ่งเริ่มต้นปั่นจักรยาน

ถ้าใครที่เริ่มรู้สึกว่า เราชอบปั่นจักรยานนะ หวานแนะนำให้ลอง อาจจะยังไม่ต้องลงทุนซื้อ อาจจะลองปั่นของเพื่อน หรือไปที่ช้อปแล้วก็ขอลอง ไม่ต้องกลัวเจ้าของหลายจะว่าเอา เพราะไม่มีปัญหาแน่อน หวานคอนเฟิร์ม! ไปลองก่อนเลยว่าชอบไหม แต่ขอให้เล่นเถอะค่ะ กีฬาทุกประเภทดีหมด ถ้าชอบก็ซื้อ แล้วก็หาก๊วนปั่น ชวนเพื่อนๆปั่น ไปกับทริปจักรยาน ไม่อันตรายแน่นอน แต่อย่าหยุดปั่น เฉลี่ยแรงแต่ละรอบให้ดี จะได้ปลอดภัย

“หวานเองไม่เคยรู้สึกว่า ตัวเองจะมาเป็นไอดอล ทำให้คนปั่นจักรยาน แค่หวานเลือกทำในสิ่งที่เรารัก”  

เป้าหมายของหวานในชีวิตคือะไร สิ่งไหนสำคัญที่สุด

ตอนเด็กหวานก็เคยสร้างความฝันว่า อยากสร้างบนภูเขา อยากมีม้า อยากมีอะไรมากมาย แต่พอเราโตขึ้น ความคิดก็โตขึ้น เป้าหมายในชีวิตก็คือ การใช้ชีวิตให้มีความสุขที่สุด จนวันสุดท้ายของชีวิต ทำประโยชน์ให้กับคนรอบข้าง หรือต่อส่วนร่วมหรือต่อสังคม เพราะการที่เราเกิดมาชีวิตหนึ่ง มีอวัยวะครบ มันถือว่าโชคดี กว่าคนอื่นอีกไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ แล้วเราสามารถทำอะไรได้ สำหรับใครที่คิดว่าฉันก็เป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดา เป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วทุกคนสามารถทำสิ่งดีๆให้กับคนรอบข้างได้ เอาแค่เพื่อนๆ ก่อน

อย่าง หวานเองไม่เคยรู้สึกว่า ตัวเองจะมาเป็นไอดอล ทำให้คนปั่นจักรยาน แค่หวานเลือกทำในสิ่งที่เรารัก และพอเขาเห็นเราเป็นไอดอลปุ๊ป เราทำอะไรเราแชร์ แล้วพอแนะนำสิ่งดีๆให้เขา สังคมมันดีขึ้นจริงๆ แล้วปัจจุบัน การปั่นจักรยานก็ดีขึ้นเรื่อย หวานเองในฐานะนักแสดงเป็นบุคคลสาธารณะ ได้มาทำตรงนี้ ได้เป็นไอดอลให้คนอีกหลายๆคน ได้ทำตามแล้วสุขภาพเขาดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น ครอบครัวเขามีเวลาให้กันมากยิ่งขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่ดี อยากให้ทุกคนได้เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นการปั่นจักรยาน แต่เอาที่คุณมีความสามรถ มีความฝันว่าาอยากจะทำ แล้วทำมันให้ออกมาดีที่สุด รับรองสุดท้ายแล้วความสุขมันจะเกิด และมันจะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไปตลอด ทรัพย์สินมันมีแล้วก็หมดไป แต่ความสุขเนี่ยมันจะอยู่กับเราไปตลอด ความสุขมันก็จะต่อยอดให้เราไปทำในสิ่งที่เรารักอย่างอื่นต่อไปได้ด้วย

“อยากให้ทุกคนได้เริ่มต้นทำอะไรใหม่ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นการปั่นจักรยาน แต่เอาที่คุณมีความสามารถ มีความฝันว่าอยากจะทำ ก็ทำมันให้ออกมาดีที่สุด รับรองสุดท้ายแล้วความสุขมันจะเกิด และมันจะเป็นสิ่งที่ติดตัวเราไปตลอด ทรัพย์สินมันมีแล้วก็หมดไป แต่ความสุขเนี่ยมันจะอยู่กับเราไปตลอด ความสุขมันก็จะต่อยอดให้เราไปทำในสิ่งที่เรารักอย่างอื่นต่อไปได้ด้วย” - หวานหวาน อรุณณภา พาณิชจรูญ

รายงานโดย Women Mthai Team

Create Date : 19 มิถุนายน 2557
Last Update : 19 มิถุนายน 2557 23:02:10 น.		0 comments
Counter : 2520 Pageviews.
Share Tweet