Group Blog
All Blog
--- อ่ า น ---












การอ่านให้คำตอบกับชีวิตหรือเปล่า เราไม่รู้หรอก เราอ่านเพราะอยากอ่าน เราเล่าเพราะเราอยากเล่า วิจารณ์อะไรไม่เป็นเลยนอกจากชอบอะไรก็ว่ากันไป เอามาเป็นหลักชี้นำความคิดใครไม่ได้ รสนิยมในการอ่านแต่ละคนก็ต่างกันไป เราอ่านเพราะไม่รู้ว่าเราจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ แต่การอ่านทำให้เรามีทางเลือกกับชีวิตมากขึ้น เลือกที่จะอยู่ตรงไหน อย่างไร และรู้ว่าอะไรที่ทำให้เราสุขใจ พอใจ

บางคนถามเราว่า เราปลูกฝังลูกให้รักการอ่านอย่างไร

เป็นคำตอบที่ยากมาก...

คำว่าปลูกฝังดูยิ่งใหญ่ น่ากลัวและจริงจังสำหรับครอบครัวเราที่พูดกันน้อยแล้วสั่งสอนลูกด้วยคำพูด เราควรทำอย่างไรที่จะสอนให้ลูกเห็นคุณค่าการอ่าน ทั้งที่การอ่านนั้นให้อะไรกับฉันมากมายเหลือเกิน อย่าว่าแต่สอนลูกเรื่องการอ่านเลย เรื่องอื่น ๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าสอนลูกอย่างไร ฉันกับสามีคุยกันบ่อยครั้งในเรื่องนี้ เราไม่ค่อยได้สอนลูกแบบต้องนั่งอธิบาย บางเรื่องเราก็งงว่า ลูกรู้ได้ยังไงว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำหรือไม่ แล้วแน่ใจหรือว่า สิ่งที่เราปฏิบัติให้ลูกเห็นนั้นเป็นสิ่งที่ลูกซึมซับได้จริง ๆ

ฉันชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กเพราะสมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีอะไรพอจะให้ติด อย่าว่าแต่เทคโนโลยีทันสมัยเลย ที่บ้านไม่มีทีวีให้ดูด้วยซ้ำ ต้องไปขอดูกับเพื่อนบ้าน การอ่านหนังสือสมัยก่อนก็ไม่จริงจังอะไร อ่านเอาเรื่อง อ่านเอาสนุก ความชอบเปลี่ยนไปตามวัย เดี๋ยวนี้การอ่านถือเป็นการพักผ่อนหลังการทำงาน ส่วนสามีชอบทำกับข้าว ลูก ๆ อ่านหนังสือตามวัย รักการเรียน ไม่เคยเลือกอ่านหนังสือวรรณกรรมอะไรนอกจากเราแนะนำบ้าง แต่ไม่มากนัก เธออาจจะอ่านอะไรจากเว็บไซต์ ยูทูป ฯลฯ เรื่องที่เธอสนใจก็มีแต่เรื่องอาหารที่อยากจะทำ แชร์เรื่องการทำอาหารมากที่สุด เราเองเคยแอบหวังในใจว่า จะมีสักคนที่อยากเรียนเชฟบ้าง หรือใครสักคนจะเรียนวาดภาพบ้าง แต่เปล่าเลย ต่างคนต่างมีแนวทางของตัวเอง ชอบกันไปคนละอย่าง เชื่อว่าพวกเธอชอบการอ่านแต่ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นนักอ่านจริงจัง สนใจเรื่องไหนก็จริงจังเรื่องนั้น ว่ากันไปเป็นเรื่อง ๆ แต่ไม่ใช่หนอนหนังสือ ส่วนเรื่องอยากเขียนนั้น คิดว่าห่างไกลจนเกินคิดถึง ไม่เห็นคุณสมบัติเด่นชัดเหล่านี้ออกมาเลยสักคน




เมื่อวันแม่ที่ผ่านมา ถามลูกสามคนว่า คำสอนไหนที่แม่สอนแล้วจำขึ้นใจมากที่สุด ลูกเงียบกันไปหมด เราก็ใจหาย...หรือความเชื่อที่เราไม่ค่อยได้สั่งสอนลูกเป็นคำพูดนั้นน่าจะจริง

แต่สักพัก ก็ตอบมาในไลน์ทีละคน เจ้าคนโตว่า เรื่องคำพูดคำจาและความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอเพราะเธออารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ครูดุก็หน้าง้ำและคงแผลงฤทธิ์อะไรไว้แน่ ครูประจำชั้นถึงเขียนว่า ผู้ปกครองไม่อบรมสั่งสอน

คราวนั้นฉันอ่านสมุดพกลูก จุกอกและร้องไห้ ไม่ต่อว่าครูสักคำและพุดกับเธอว่า สงสัยจะสร้างวีรกรรมไว้ล่ะสิท่า เธอพยักหน้า

ฉันกังวลใจเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่กับคนอื่นในสังคมอย่างไร ชีวิตที่มีขาวกับดำ ชอบกับไม่ชอบ ไม่ค่อยมีตรงกลาง ไม่มีความพอดี คิดอะไรก็พูดตรง ๆ ขวานผ่าซาก บางคนชอบ แต่ส่วนใหญ่ไม่ชอบ สุดโต่งในทุกเรื่อง เราก็สอนเขาทุกวัน สนใจแต่เรื่องพฤติกรรมเหล่านี้ อยากให้เขามีเพื่อน แต่พอไปเรียนมหาวิทยาลัย ดูเหมือนเขาจะโตขึ้น รับผิดชอบตัวเองได้มากขึ้น อะไรดีขึ้นหลายอย่าง ดูสดใส ร่าเริงเหมือนปกติ เราคงสอนอะไรทุกอย่างไม่ได้หรอก ต้องเรียนรู้และรับผลนั้นเอง หากเขาไปไม่ไหวจึงจะโทรฯมาปรึกษา

แต่เจ้าแฝดตอบมาเหมือนกันว่า เยอะะะะะะะ

เราก็ยังอยากรู้และถามต่อว่า ยกตัวอย่างสักคำซิ

สติ แม่ชอบสอนให้มีสติ เพราะเราทะเลาะกันบ่อยมาาาาาาาก

เจ้าแฝดเล็กก็ตอบมาว่า แม่สอนให้อดทนและมีน้ำใจ

อืม..จำได้ก็ดี ทำได้ยิ่งดี


เท่านี้แหละมั้งที่พอจะได้คำตอบจากการสอนปากเปล่า แต่แฝดไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการเรียนและเพื่อน เราอาจรู้สึกดีเป็นพิเศษที่ลูกมีเพื่อนดีหรือเล่าเรื่องครูที่เขารักให้ฟังบ่อย ๆ เวลาเจอกัน เช่น ครูน้อยใจดีเหมือนยายเลยแม่ ทำกับข้าวให้กินวันละสองอย่าง มีขนมหวานให้กินด้วยนะ ใครไม่เรียนกับครูก็มาแวะกินข้าวบ้านครูได้ ครูทำเผื่อไว้ให้กินทั้งวัน บางวันหนูกลับไม่ได้ ครูก็มาส่งที่หอ /ครูอู๋ เจอหน้าทีไรก็จะติวหนังสือให้อยู่เรื่อย ครูเก่งมาก ๆ เลยแม่ แถมใจดีเปิดแอร์ที่ห้องเรียนให้อ่านหนังสือด้วย / แม่ของฉิมซื้อขนมมาให้เยอะมากเพราะฉิมมาอ่านหนังสือที่หอเราประจำ / พ่อป๊อบ อนุญาตให้ป๊อบมานอนกับเราได้ เพราะถ้าไม่ใช่บ้านเรา พ่อป๊อบไม่ให้ออกบ้าน / เกื้อหนุน เรียนเก่งมากเลยแม่ สอบอะไรก็ติดไปทุกอย่าง / กวาง(เด็กที่เก่งสุดของชั้นปี) ไม่สอบโควต้า เพราะชัวร์มากว่าจะเรียนนิเทศน์และมั่นใจมากว่าสอบได้แน่ ๆ / ครูแนะแนวคนนี้ใจดีที่สุดในโลกล่ะแม่ พูดจาไพเราะมาก ๆ ฯลฯ

เรื่องที่ดีใจอีกเรื่องคือ เธอรู้จักชื่นชมเพื่อนคนเก่ง นิสัยดีมีน้ำใจให้ฟังบ่อย ๆ การพูดถึงคนอื่นดี คนฟังมีความสุขไปด้วยไม่ว่าเธอจะรู้ตัวเองหรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราไม่ได้สอน เป็นไปได้ไหมที่คนเราจะรู้สึกได้เองโดยไม่ต้องมีคนสอน หรือเห็นประโยชน์จากการอ่านชีวิตจริงและสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ว่าดีอย่างไรโดยไม่ต้องมีคนบอก

มีเรื่องหนึ่งที่พอนึกออกและสอนลูกบ่อยคือ การมีสุขภาพดีนั้นดีอย่างไร ยามเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น จิตใจต่างกับตอนปกติอย่างไร เรื่องนี้สำคัญพอ ๆ กับอยากให้ลูกเป็นคนใจดีมากกว่าเรียนหนังสือหรือทำอะไรทุกอย่างต้องเป็นที่หนึ่งเสียอีก คนจิตใจดีมักมีความสุข เราสนใจเรื่องการรักษาจิตใจให้ดีมากกว่าเรื่องอื่น

ขณะที่เรากำลังหาวิธีสอนลูกเรื่องการอ่าน
ครอบครัวเราคงถูกอ่านไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน


การอ่าน การใฝ่รู้ สอนกันไม่ได้ การเขียนก็น่าจะคล้าย ๆ กัน
บางคนรู้วิธีการเขียนที่ดี ให้น่าอ่านและจับจุดจับใจคนอ่าน
แต่อาจจะเขียนหนังสือให้อ่านเป็นเล่มไม่ได้นอกจากชี้แนะหรือแนะนำ

บางคนอ่านมาก แต่ไม่มีความคิดที่จะเขียนหนังสือเลยก็มีเยอะแยะไปหมด

บางคนไม่รู้วิธีการเขียน แต่เขียนอะไรก็น่าอ่าน
แต่เราก็เชื่อว่า เขาต้องรักการอ่านมาเป็นพื้นฐาน
แล้วพื้นฐานที่ว่านี้มาจากไหน ??

การสอนให้คน ๆ หนึ่งรักการอ่าน อาจจะยากสักหน่อยเพราะคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ เขาก็มีความสุขกับการงานหรือสิ่งที่เขารักได้เหมือนกัน คนรอบข้างที่ฉันรัก ๆ ไม่ได้เป็นหนอนหนังสือสักคนแต่เขามีความสุขกับชีวิตกันดี

ฉันอาจจะเสียดาย(ไปคนเดียวก็ได้)หากฉันพอจะชวนคนใกล้ให้อ่านได้แล้วไม่ชวน เขียนบอกเล่าเรื่องที่อ่านได้แล้วไม่บอก ส่วนเขาจะชอบด้วยไหมนั่นไม่รู้ได้

ถึงตอนนี้...ฉันอาจจะหาคำตอบดี ๆ ไม่ได้
และบางเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ





ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย












Create Date : 10 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2559 14:32:29 น.
Counter : 638 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com