Group Blog
All Blog
--- บั น ทึ ก ก า ร อ่ า น ---











บั น ทึ ก ก า ร อ่ า น
ค ว า ม ลั บ ข อ ง แ ม่
My Mother's Secret
::
::
หนังสือเล่มนี้มีผู้เล่ามากกว่าหนึ่งคน และถูกแบ่งเป็น 5 ภาค แต่ละภาคบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละคน ปูพื้นนิสัยใจคอของแต่ละคนในแต่ละครอบครัว

ภาคแรกคือครอบครัวของฟรานซิสซฺกา ดาเมียน เฮเลนาและพ่อของเธอ
พ่อของเฮเลนาเป็นคนเด็ดขาด เกรี้ยวกราด แข็งกระด้างต่างกับฟรานซิสซฺกาอย่างสิ้นเชิง
แม่ของเฮเลนาช่างจินตนาการ อบอุ่น อ่อนโยน เข้มแข็งอย่างเหลือเชื่อและหัวใจเปี่ยมไปด้วยความรัก
ดาเมียนและเฮเลนาได้นิสัยใจคอจากแม่

ภาคที่สองคือครอบครัวของบรอเน็คคฺ เป็นครอบครัวชาวโปแลนด์ พ่อเขาเป็นช่างก่อสร้าง เขาเรียนรู้เรื่องการก่อสร้างจากพ่อจนกระทั่งพ่อตาย เขาจึงเป็นเสาหลักให้ครอบครัว และก่อนแม่จากไป เขาแต่งงานกับแม่ม่ายลูกติด ส่วนน้องชาย(ดาวิท)ก็แต่งงานกับน้องสาวของแม่ม่ายคนนี้และมีลูกคนหนึ่ง จนวันหนึ่งเริ่มมีการฆ่ายิว และทหารเยอรมันทยอยคนไปฆ่าจนต้องหาทางหนี

ภาคสามเป็นครอบครัวของคุณหมอโวเลนสกี ภรรยาและลูกชาย

ภาคสี่เป็นครอบครัวของวิลไฮม ทหารเยอรมันที่กินมังสวิรัต เขาเติบโตมาด้วยความรักของโอมาหรือคุณยายของเขา ฉันประทับใจเรื่องราวของคุณยายและวิลไฮมมากที่สุด ทำให้ย้อนกลับไปคิดตามเฮเลนาเมื่อเธอถามแม่ว่า ทำไมถึงช่วยเขา แม่เธอตอบว่า เขาเป็นทหารผู้อ่อนโยน

แต่พออ่านชีวิตความเป็นอยู่ของเขากับคุณยาย ประทับใจมาก ตลอดเวลาสองปีที่เขาต้องมารบและเอาตัวรอดจากการหลบซ่อนนั้น มีสิ่งเดียวที่คนเหลือไว้ให้คิดฝันนั่นคือความหวัง ที่จะกลับไปหาโอมาและดูแลฟาร์มเลี้ยงสัตว์ของเขา

ภาคสุดท้ายคือการคลี่คลายเรื่องราวของทุกคนที่มาอยู่รวมกันในบ้านของฟรานซิสซฺกา หลังจากที่ฮิตเลอร์ถอยทัพกลับไป เยอรมันแพ้สงคราม ทั้งสามครอบครัวออกมาจากที่ซ่อนและเจอกัน คุณหมอเคยทำคลอดให้ภรรยาของบรอเน็คคฺ แต่บรอเน็คคฺชิงชังวิลไฮมเพราะรู้ว่าเขาเป็นเยอรมัน แต่มีเหตุให้ต้องสำนึกในบุญคุณของวิลไฮม

ฟรานซิสซฺกายังช่วยเหลือวิลไฮมจนได้กลับเยอรมันในครั้งนี้อีกด้วย ครอบครัวของบรอเน็คคฺลี้ภัยในอเมริกา ส่วนคุณหมอไปปาเลสไตน์ช่วยเหลือผู้คน

เรื่องราวเหล่านี้อัศจรรย์มาก ทุกคนต่างมีที่หมายของตัวเอง แต่เราทุกคนเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งแม้จะต่างเชื้อชาติ ศาสนา ต่างศรัทธาและต่างเกลียดสงคราม
ในสงครามมีการสูญเสียมากมาย แต่ผู้หญิงคนหนึ่งยังเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เลือกที่จะทำความดี มีคุณธรรมต่อคนรอบข้างด้วยความปรารถนาดีอันบริสุทธิ์ของเธอ อ่านแล้วมีกำลังใจ เราจะค้นพบคุณธรรมอันสูงส่งในตัวเราได้ อดทนกับสิ่งที่ยากจะอดทนได้ด้วยการกระทำสิ่งดีงาม

ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้จบลงอย่างอบอุ่นและเต็มอิ่ม เป็นตัวหนังสือที่เรียบง่าย ลึกซึ้งเปี่ยมไปด้วยน้ำใจที่นึกไม่ถึงในช่วงเวลาสงครามโดยเฉพาะสงครามการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ น้ำตาเปียกชื้นและสะอื้นอยู่หลายช่วงแต่ต้องเก็บกลืนราวกับเรากำลังร่วมชะตากรรมไปกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย บางช่วงก็เพลิดเพลินด้วยรสสุนทรียะ ประปรายไปด้วยคำสอนในการใช้ชีวิตอันแยบยล อ่อนโยนของผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นหนังสือที่ให้แรงบันดาลใจได้อย่างอัศจรรย์

อะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้มีความมุ่งมั่นและกล้าหาญกระทำในสิ่งที่เธอต้องทำ เธอเป็นแม่ผู้เห็นอกเห็นใจผู้อื่นขณะที่ตัวเองสูญเสียลูกชายท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างชาวยิวและชาวเยอรมัน แต่เธอไม่เคยเก็บความเคียดแค้นต่อใครแม้แต่ฝ่ายเดียว
มีหลายต่อหลายคำสอนที่งดงาม เคลื่อนไหวไปกับโลกและเป็นจริงอยู่เสมอ เป็นถ้อยคำแห่งสันติภาพและความเข้าใจอันดี เห็นคุณค่าของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตที่มุ่งมั่นอย่างที่สุดที่จะดำรงชีวิต(ทั้งที่เป็นทัศนคติที่ไม่สอดคล้องกับการเป็นทหารและนาซี)/ เคล็ดลับในการมีชีวิตอยู่รอดท่ามกลางสงครามคือ การทำตัวให้ไม่เป็นทีสังเกตของใคร หรือ การกระทำของลูกในแต่ละวันจะกลายเป็นนิสัยของลูก ฯลฯ ส่วนถ้อยคำที่หล่อเลี้ยงหัวใจฉันขณะที่อ่านมากที่สุดคือประโยคนี้ ความรักคือสิ่งเดียวที่เราจะได้รับกลับคืนมามากกว่าที่เราได้มอบออกไป

ยิ่งพอทราบว่าเป็นเค้าโครงจากเรื่องจริงแล้วยิ่งซาบซึ้งใจมากขึ้นค่ะ
อยากชวนเพื่อน ๆ อ่านด้วยกันนะคะ (ฉันเขียนไม่ได้อย่างใจที่จะบอกเลย)


ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
7 ธันวาคม 2559




หมายเหตุ : หนังสือเล่มนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของฟรานซิสซฺกา ฮาลามาโจวา เธอกับลูกสาวได้ช่วยชีวิตชาวยิวสิบห้าคนในโปแลนด์ไว้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เธอได้รับการยกย่องและถูกจารึกชื่อไว้ในกรุงเยรูซาเล็มตราบจนวันนี้






'เฮเลนา หากคุณเลือกครอบครองเป็นเจ้าของได้สิ่งหนึ่ง คุณจะเลือกอะไร ระหว่าง ความงามอย่างน่าดึงดูด ความรู้มากมายกว้างไกลหรือความร่ำรวย'
คำถามนี้เป็นคำถามที่เขาพยายามจะวิเคราะห์ว่าฉันเป็นคนประเภทใด มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องตอบให้ถูก แต่ฉันตอบในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลสำหรับฉันมากที่สุด
'ฉันเลือกเงินค่ะ'
...

คุณเลือกเงินอย่างนั้นหรือ ทำไมล่ะ

ค่ะ ความงามนั้นเป็นสิ่งไม่คงทน การมีความรู้มากมายกว้างไกลเป็นสิ่งที่ดี แต่เงินสามารถให้อาหารแก่ท้องที่หิวโหย นอกจากนั้นหากฉันมีเงิน ฉันก็สามารถเรียนรู้ในสิ่งที่ฉันต้องการจะรู้ได้ทุกอย่าง ฉันสามารถซื้อหนังสือและจ้างครูมาสอน เงินให้ทางเลือกเราได้มากมาย ให้เสรีภาพเรา และทำให้เราสามารถดูแลคนอื่นได้ด้วย ใช่ค่ะ ฉันเลือกเงิน



ความลับของแม่
เจ.แอล.วิทเทอริค : เขียน
สรวงอัปสร กสิกรานันท์ : แปล










::
::

::
::
บันทึกการอ่าน
ตลิ่งสูง ซุงหนัก
นิคม รายยวา



อ่าน Eat Pray Love รอบสองยังไม่จบ
ค้นตู้หาหนังสือ ลูกอีสาน ก็หาไม่เจอ
แต่เจอเล่มนี้ ตลิ่งสูง ซุงหนัก ของนิคม รายยวา หนังสือดีในดวงใจ เล่มโปรดอีกเล่มหนึ่ง

เล่มนี้เคยเป็นหนังสือนอกเวลาสมัยเรียนปีหนึ่ง อาจารย์ให้เลือกจากสามเล่มซึ่งมี แม่เบี้ยและพันธุ์หมาบ้า

ตอนนั้นเลือกพันธุ์หมาบ้าเพื่อทำข้อสอบเอาคะแนน และเป็นหนังสือที่ซื้อซ้ำ อ่านซ้ำสักสามรอบในเวลาต่างกัน

ฉันเพิ่งอ่านตลิ่งสูง ซุงหนัก จบอีกรอบ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเศร้าและรักหนังสือเล่มนี้มากขึ้น ได้เห็นชีวิตตัวละครอย่างคำงาย เขาเริ่มเข้าใจอาชีพที่ตัวเองทำ เข้าใจสิ่งที่พลายสุด ช้างที่เขารักทำ รวมถึงการสตัฟฟ์สัตว์หรือการลากซุงของช้าง

การสตัฟฟ์สัตว์นั้นมีเรื่องให้ขบคิดมากมาย ว่าไปคนเรานี่ก็แปลก ควักไส้พุงสัตว์ออกมา ปลิดชีวิตมันทิ้ง แล้วมองหาชีวิตจากซากของมัน ถ้าอยากเก็บชีวิตไว้ ก็ต้องรักชีวิต ถนอมมัน แบบนี้ดูจะง่ายกว่าการสตัฟฟ์เสียอีก เรามัวรักษาซากที่ไม่มีชีวิตแต่ไม่เคยรักษาชีวิตที่อยู่ในซากเลย

แล้วถ้าหากคนเราต้องการแค่ซากเอาไว้ให้ดูนานสักหน่อย หยุดความเน่าเปื่อยให้ช้าลง โชคดีนะที่ชีวิตสตัฟฟ์ไว้ไม่ได้ ไม่งั้นคงมีคนทำอะไรหลายอย่างให้หยุดนิ่ง อยากสตัฟฟ์แม้แต่หมอกและสายรุ้งรวมถึงวันเวลาดี ๆ

แล้วทำไมพลายสุดต้องลากซุงที่หนัก มันกลัวอะไร ใครบังคับมัน หรือมันกลัวตาขอในมือคน พอมันกลัว มันก็ยอมจนชิน ???

'เราก็ลากซุง ทุกคนก็ลากซุงอยู่ทั้งนั้น แต่เป็นซุงที่มองไม่เห็น '

เราเองก็เหมือนพลายสุด กลัวตาขอที่มองไม่เห็น ไม่กล้าทำอะไรที่แปลกไปจากเดิม
เศร้ามาก ๆ ตอนที่พลายสุดกำลังลากซุงที่หนัก มันกำลังถูกเอาไปสลักเป็นช้าง .... ' เขาจะเอาซุงไปสลักเป็นตัวแก แกกำลังลากตัวแกนะพลายสุด ทนเอาหน่อย แกไม่ใช่ทำอย่างอื่น แต่แกกำลังลากซากของแกเอง'

เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของช้าง
และช้างเป็นส่วนหนึ่งของเขา
ซากของแก ซากของเรา
เราต่างเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน
ไม่มีใครสุขหรือทุกข์เพียงลำพัง
มันจะกระเทือนถึงกัน
แต่ละคนต่างก็มีส่วนอยู่ในตัวของกันและกัน


อ่านรอบนี้ ชอบหนังสือเล่มนี้มากขึ้นกว่าเดิม

ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย
6 ธันวาคม 2559








::
::

::
::



หลังจากอ่านเรื่อง 'งู' ของคุณวิมล ไทรนิ่มนวล ก็อ่าน ' อ ม ต ะ ' ซ้ำอีกรอบ
เมื่อวานเพิ่งอ่านเรื่อง ' วิ ญ ญ า ณ แ ห่ ง ส า ย ล ม พั ด พ า ' จบ

หนังสือเล่มนี้เป็นภูมิหลังของผู้เขียน ทำให้เห็นภาพและเข้าใจในงานเขียนมากขึ้น และรู้ที่มาที่ไปของตัวละคร บางทีนะ บางที อ่านหนังสือของผู้เขียนอย่างเดียวก็ได้เพราะหนังสือก็บอกทรรศนะของผู้เขียนได้พอสมควร แต่หากจะเขียนถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์งานใครสักคน คงต้องอ่านที่มาที่ไปให้ลึกซึ้งนิดนึง แต่ฉันไม่ได้อ่านเพราะจะนำมาเขียนวิจารณ์หรอก เขียนแบบนั้นเขียนไม่เป็น เพียงแต่ชอบเล่มหนึ่งก็อยากอ่านงานที่เขาเขียนเล่มอื่น ๆ ด้วยเท่านั้น

แต่เล่มนี้ อ่านแล้วนึกถึงแม่ซึ่งเคยเป็นครู อยากคุยกับคนใกล้ชิดที่สุดเพราะผู้เขียนแสดงทรรศนะต่อการศึกษาได้...จุด จุด จุด ...พูดไม่ออก บอกไม่ถูกจริง ๆ

ตั้งใจว่าจะอ่านเรื่อง ' อิ ส ร ภ า พ แ ล ะ ก า ร จ อ ง จำ ' ของคุณวิมลต่อ แต่นึกถึงหนังสือเรื่อง ' เ จ้ า ฟ้ า' ของพิริยะ พนาสุวรรณ เล่มที่ซื้อให้เป็นของขวัญแม่ตอนเรียนปี 1 จำได้แต่ว่าชอบมาก เป็นหนังสือดีมาก นึกถึง เน่ง ลี ตู -- แต่จำเนื้อหาไม่ได้เลย

ช่วงนี้ อ่านแต่หนังสือที่เคยอ่าน ความคิดความอ่านน่าจะเปลี่ยนไปจากตอนเรียนปี 1 หรอกนะ ก็นั่นมันสามสิบปีมาแล้วนี่นา :)




ช่วงนี้ห่างหายจากหน้าจอ
อ่านแต่หนังสือ

อากาศหนาวแล้ว
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ






ขอบคุณค่ะ
ภูพเยีย











Create Date : 08 ธันวาคม 2559
Last Update : 8 ธันวาคม 2559 9:46:42 น.
Counter : 559 Pageviews.

1 comments
  
แวะมาเจิมอ่านตามปกติิค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 ธันวาคม 2559 เวลา:10:10:53 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเพยีย
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]



  •  Bloggang.com