BORN TO WRITE
|
|||
[I love this shit] Spec Ops : The Line อารมณ์หนังออสการ์บนวีดีโอเกม? เกมได้รับคำวิจารณ์แง่บวกจากนักวิจารณ์ คนเล่นที่ได้เล่นเกมนี้ส่วนใหญ่ก็จะชอบกัน แต่กลับขายไม่ดี!! Spec Ops : The Line เป็นเกมยิงบุคคลที่ 3 ของทีมผลิต Yager Development ซึ่งเป็นบริษัทเกมอินดี้ และจัดจำหน่ายโดย 2K Games ผู้จัดจำหน่ายให้เกมดังๆอย่าง Max Payne, Bioshock, Grand Theft Auto จุดเด่นคือ มันเป็นเกมที่ไม่ใช่แค่ยิงๆศัตรูเพื่อไปให้จบเรื่องอย่างเดียว แต่มันเป็นแนวจิตวิทยาที่สภาพจิตใจสัมพันธ์กับศีลธรรมของตัวละครด้วย! (+) เนื้อเรื่องน่าสนใจจนทำให้ต้องเล่นต่อเนื่องจนจบ (+) โมเดลตัวละครปั้นได้ดี ตัวละครเรายิ่งเล่นก็ยิ่งเละขึ้นเรื่อยๆ (+) ภาพศิลปะในเกมน่าสนใจ (+) เสียงพากย์ทำได้ดี บทพูดก็น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเกิดความขัดแย้งด้านศีลธรรมระหว่างกลุ่มตัวละคร (+) คาแร็กเตอร์ทั้งสามคนในทีมมีพัฒนาการขณะเนื้อเรื่องดำเนินไป (+) สามารถออกคำสั่งให้ลูกทีมจัดการเป้าหมายที่เราต้องการ บางครั้งก็สั่งให้จัดการแบบเงียบๆได้ด้วย (+) ฉากดูไบจมทะเลทรายทั้งหดหู่และงดงามในเวลาเดียวกัน (+) การสู้รบดูรุนแรงร้อนระอุ สามารถทำลายกำแพงได้บางจุด หรือยิงให้กระจกแตกจนทรายถล่มใส่ศัตรูก็ได้ (+) ระบบการควบคุมโดยรวมลื่นไหลดี (-) A.I. ศัตรูไม่แย่แต่ก็ไม่ฉลาดมาก วิ่งเป็นเส้นทางเดิมๆอยู่บ่อยครั้ง บางทีศัตรูวิ่งมาโจมตีเราคนเดียว ทั้งที่เพื่อนเราอยู่ใกล้ๆ (-) A.I. เพื่อนเราบางครั้งก็ไม่ค่อยฉลาด แถมบางครั้งยังโผล่มาบังทางกระสุนเราอีก (-) ภารกิจไม่ค่อยหลากหลาย ศัตรูวิ่งดาหน้ามาให้เรายิงอย่างเดียว (-) มีระบบให้จัดการศัตรูแบบ Stealth ก็จริง แต่สักพักก็ต้องยิงกันนัวอยู่ดี (-) ระบบสู้ด้วยมือเปล่าเวลาประชิดตัวไม่ดีไม่เลว หลายครั้งไม่ได้เป็นประโยชน์มาก (-) ความแตกต่างด้านประสิทธิภาพระหว่างปืนเล็กกับปืนใหญ่ บางจุดก็ไม่ค่อยเห็นผลมาก สงครามแห่งศีลธรรมบนผืนทะเลทราย ตัวเนื้อเรื่องของ Spec Ops : The Line ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องสั้นคลาสสิคของโจเซฟ คอนราดเรื่อง Heart of Darknesss และเรื่องสั้นเรื่องนี้ก็เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ระดับออสการ์อย่าง Apocalypse Now ของแฟรนซิส ฟอร์ด คอปเปล่าด้วย! ฉะนั้น ใครเคยอ่านนิยาย Heart of Darkness หรือดูหนัง Apocalypse Now แล้ว ก็คงจะพอเดาๆเนื้อหาของ Spec Ops : The Line ออก เรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากที่ดูไบเกิดวิกฤติพายุทะเลทรายลูกใหญ่ถล่มจนเมืองเละ ไม่สามารถใช้อาศัยอยู่ได้อีกต่อไป เราเล่นเป็นมาร์ติน วอล์กเกอร์ หัวหน้าทีมเล็กของเดลต้าฟอร์ซ ต้องนำลูกทีมอีกสองคนคืออัลฟานโซ อดัมส์กับจอห์น ลูโก้ออกค้นหาผู้รอดชีวิตของกองร้อยที่ 33 ซึ่งนำโดยจอห์น คอนราด รวมถึงค้นหาความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น ณ ที่แห่งนั้นด้วย แต่ภารกิจกลับไม่ใช่เรื่องง่าย พวกวอล์กเกอร์ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มติดอาวุธซึ่งเป็นผู้รอดชีวิต และไปๆมาๆก็ต้องสู้กับทหารอเมริกาด้วยกันเอง แถมยังมีเรื่อง CIA เข้ามาเกี่ยวข้องอีก ระหว่างนั้นวอล์กเกอร์กับลูกทีมก็ต้องผ่านการตัดสินใจยากๆอันนำมาซึ่งความหมิ่นเหม่ของศีลธรรมด้วย ...ราวกับว่ากำลังเดินเข้าสู่ใจกลางของความมืดมิด (Heart of Darkness) ที่แสงสว่างอันแรงจ้าของดวงตะวันก็ปิดซ่อนไว้ไม่ได้!! เนื้อเรื่องคือหัวใจของเกมอย่างแท้จริง มันมีสิ่งที่เรียกว่า ศิลปะในการเล่าเรื่อง ซึ่งที่ผ่านๆมา เกมหลายเกมก็มีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจจนเรียกว่ามี ศิลปะในการเล่าเรื่อง ได้ค่อนข้างเต็มปาก ไม่ว่าจะเป็นเกมชุด Silent Hill, Bioshock, Mass Effect, Final Fantasy บางภาค ฯลฯ Spec Ops : The Line ไม่ได้มีความสมบูรณ์เหมือนกับหนังออสการ์ ตรงกันข้าม ผมรู้สึกว่ามันยังมี "ช่องโหว่" เยอะ แต่มันเจิดจรัสมากพอจนแม้แต่เว็บไซต์อย่าง IGN จะต้องเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Best PC Story ประจำปี 2012 ให้เลย มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ผมไม่เคยอ่าน Heart of Darkness แต่ได้ดู Apocalypse Now บวกกับอ่านข้อมูลเสริมของตัวนิยาย ผู้เขียนบทคือวอลท์ วิลเลียมส์สามารถดึงหัวใจของตัวนิยายออกมาใช้กับตัวเกมได้ค่อนข้างดี ตัวละครต้องเดินอยู่บนทางที่เจอความขัดแย้งว่า อะไรถูก-อะไรผิด อะไรดี-อะไรชั่ว บางครั้งการกระทำของตัวละครที่ผู้เล่นมองว่าเป็นการเอาตัวรอด (เพื่อให้จบเกม) กลับกลายเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยไม่ได้ตั้งใจ!! ในระหว่างดำเนินเกม จะมีอยู่หลายจุดให้ผู้เล่นตัดสินใจเลือกว่าจะจัดการอย่างไรกับสถานการณ์ เช่น จะช่วยเจ้าหน้าที่ CIA เพื่อเข้าถึงข้อมูลของคอนราด หรือว่าจะช่วยเหลือชาวบ้านผู้บริสุทธิ์สามคน บางครั้งเราต้องเลือกระหว่างจะยิงชาวบ้านที่กำลังโกรธแค้นปาหินใส่เรา หรือจะแค่ข่มขู่เพื่อขับไล่ แม้กระทั่งหลังเครดิตตอนจบเกมก็ยังมีจุดให้เราตัดสินใจเลือกเป็นการทิ้งท้าย หลายๆจุดให้อารมณ์ไม่ต่างกับเกมสยองขวัญ อารมณ์เดียวกับตอนที่ตัวละครของมาลอน แบรนโดใน Apocalypse Now พูดทิ้งท้ายว่า The horror, the horror... นั่นแหละ ตกลงแล้วมันอะไรอย่างไรกันแน่? เนื้อเรื่องของ Spec Ops : The Line ค่อนข้างจะคลุมเครือ มันมีความชัดเจนอยู่ในระดับหนึ่ง แต่จนแล้วจนรอดคนทำเกมก็มีหลายจุดที่ปล่อยให้ผู้เล่นต้องมาตีความกันเอาเอง จึงเกิดเป็นการตั้งทฤษฎีหรือตั้งคำถามขึ้นมาในเว็บบอร์ดต่างๆ มีการตีความที่ค่อนข้างหลากหลาย และตัวผู้เขียนบทก็เหมือนจะบอกให้ ผู้เล่นเป็นคนตัดสินใจเองว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าถามความรู้สึกผม มันมีหลายๆจุดที่ค่อนข้างจะเดาได้อยู่ อย่างที่บอกว่าผมเคยดู Apocalypse Now มาก่อนแล้ว และเกมที่เล่นกับภาพหลอนหรือสภาวะจิตใจที่สัมพันธ์กับสถานการณ์ปัจจุบัน ก็เป็นสิ่งที่ผมเคยเห็นมาบ่อยๆทั้งจากหนัง เกม การ์ตูน หรือนิยาย (ผมเคยวิเคราะห์ Silent Hill ภายในบล็อกนี่แหละ จริงไหมครับ?) อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เกมจบลง ผมรู้สึกเหมือนยังติดพันอยู่กับเนื้อเรื่องของมัน และอยากจะหวนกลับไปคิดถึงมันอีกครั้งอยู่เหมือนกัน ตรงนี้ต้องยกความดีให้กับคนเขียนบทโดยแท้ เพราะเขาได้เขียนบทของคาแร็กเตอร์ให้เรามีความรู้สึกสนใจ เข้าถึงได้ง่าย จนมีอารมณ์ร่วมไปกับเหตุการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี พอจบเกมก็กลายเป็นว่า เกมจบแต่คนไม่จบ ฉากสวย โมเดลตัวละครดี งานศิลปะเก๋ ฉากดูไบที่โดนพายุทรายท่วมนั้น ช่างสวยงามยิ่งนัก หดหู่ไปหน่อยแต่ก็สวยงาม บางจุดเราก็ต้องขึ้นไปสูงมาจนเห็นทิวทัศน์ด้านล่างแบบสุดลูกหูลูกตาและเต็มไปด้วยหมอก จนหลายๆครั้งก็อดยืนชมวิวไม่ได้ โมเดลตัวละครก็ปั้นได้ดี มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างเนื้อเรื่องในเกมดำเนินไป ยิ่งสู้ก็ยิ่งเละขึ้นเรื่อยๆ มีบาดแผลบนใบหน้าและตามลำตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการต่อสู้อันดุเดือด และรับกับสภาวะจิตใจของตัวละครที่ชักจะมืดมนมากขึ้นเรื่อยๆได้เป็นอย่างดี ที่ชอบสุดๆคือ ภาพศิลปะบนฝาผนังของเกมนี้ มันเก๋ดีนะ ระบบเกม : มันก็ Call of Duty เวอร์ชั่นบุคคลที่ 3 นี่แหละนะ จุดเด่นของเกมมันไปอยู่ที่เนื้อเรื่องเสียส่วนใหญ่ ด้านระบบเกมเลยค่อนข้างจะด้อยไปนิด ถ้าให้ผมสรุปง่ายๆ มันก็คือ Gear of War หรือ Mass Effect ผสมกับ Call of Duty ดีๆนี่เอง ระบบการควบคุมเหมือน Mass Effect, มีหลบขณะยิง มีวิ่งเข้าไปต่อยศัตรูให้ล้มลง แล้วก็กระทืบซ้ำหรืออะไรก็ว่ากันไป, มีปืนให้เปลี่ยนครั้งละสองกระบอก, กดขว้างระเบิดได้ 3 แบบ (ระเบิดธรรมดา, ระเบิดแบบติดตัวศัตรู, ระเบิดสตั้นท์), ทำลายเสาหรือกำแพงบางจุดที่ศัตรูหลบอยู่ได้, หรือจะยิงกระจกให้ทรายถล่มใส่หรือมันร่วงลงมาตายเองก็ได้ เรามีลูกทีมสองคนคือลูโก้กับอดัมส์ สามารถสั่งลูกทีมเราให้โจมตีเป้าหมายที่ระบุไว้ได้ด้วยการกดเมาส์กลางค้างไว้แล้วเลือกเป้าหมาย ช่วยลดภาระให้เราระดับหนึ่ง เพียงแต่ลูกทีมเราบาดเจ็บได้ ต้องรีบวิ่งเข้าไปรักษามันก่อนจะตาย (ถ้าลูกทีมตายก็เกมโอเวอร์) บางครั้งเราก็สั่งให้ลูกทีมเราฆ่าศัตรูแบบเงียบๆ ซึ่งก็เข้าท่าดี แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ บางครั้งลูกทีมเราก็เข้ามาบังทางเรา ทำให้แทนที่จะยิงศัตรูกลับไปโดนตัวลูกทีมแทน บางครั้งสั่งให้มันโจมตีศัตรู แต่ยิงยังไงก็ไม่ค่อยโดน เราก็ต้องจัดการเองอยู่ดี และถึงเราจะสั่งให้มันฆ่าแบบเงียบๆได้ แต่พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องยิงกันโกลาหลเหมือนเดิม A.I. ของศัตรูไม่ได้แย่ก็ไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่ บางตัวยืนอยู่กับที่ บางตัววิ่งเข้ามาเส้นทางเดิมๆ มีอยู่ฉากสองฉากที่ผมต้องตายบ่อยครั้ง แล้วศัตรูบางตัวมันก็วิ่งเข้ามาเป็นเส้นทางเหมือนเดิมทุกครั้งเลย แต่ทำไมผมถึงตายได้หลายครั้ง? คำตอบคือ มันเหมือนกับ Call of Duty ครับ เป็น Shooting Gallery ทำนองว่าศัตรูวิ่งมาให้เรายิงเล่นเป็นตับ สนามรบเต็มไปด้วยความโกลาหล กระสุนกับระเบิดปลิวว่อน เราไม่มีการเก็บยารักษา ไม่มีหลอดเลือดให้เราดู ทุกครั้งที่บาดเจ็บ หน้าจอจะเปรอะเลือดและโทนสีจะกลายเป็นขาวดำเรื่อยๆเหมือน Call of Duty ถ้าหลบสักระยะจะหายเป็นปกติ เพียงแต่... บางครั้งโกลาหลมากๆ ต่อให้ศัตรูวิ่งมาทิศทางเดิมๆ ผมก็ยังตายง่ายอยู่ดี... แล้ว A.I. ยังมีอะไรประหลาดๆ ศัตรูบางตัววิ่งถือมีดเข้ามาโจมตีเราระยะประชิดตัว ปัญหาคือ บางครั้งเราอยู่ใกล้กับลูกทีมเรา แต่แทนที่มันจะวิ่งโจมตีลูกทีมเราซึ่งอยู่ใกล้ตัวมันที่สุด กลับวิ่งอ้อมเข้ามาโจมตีเราแบบดื้อๆ แถมลูกทีมเราก็ยังไม่จัดการอะไรให้เราเลยด้วย แปลกจริง... นอกจากนี้ยังมีจุดแปลกๆอีกอย่าง บางฉากมีกระจกกั้นระหว่างเรากับศัตรู แต่ศัตรูยิงใส่เราได้ตรงๆโดยกระจกไม่แตก (ทะลุเลยว่างั้น) ขณะที่เราต้องยิงมันผ่านกระจกจนแตกกระจาย แปลกจริงๆ!! Spec Ops : The Line ค่อนข้างจะสั้นเหมือน Call of Duty ด้วย คือผมเล่นแค่ 7 ชั่วโมงจบ แต่เห็นว่าบางคนใช้เวลาแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น... พูดถึงปืนในเกมนี้ ผมไม่ค่อยเห็นความแตกต่างระหว่างการใช้ปืนกลกับปืนสั้น ประสิทธิภาพการยิงค่อนข้างจะใกล้เคียงกันพอสมควร จะเห็นผลก็แค่บางฉาก คือปืนสั้นยิงไกลๆไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นหลายๆครั้งผมเลยไม่สนใจจะเก็บปืนสั้นและใช้ปืนยาวเกือบตลอดเกม ยกเว้นก็แต่บางจุดเกมมันบังคับให้ใช้ หรือแค่อยากลองใช้เล่นๆขำๆเพราะมันดูเท่เท่านั้นแหละ สรุป Spec Ops : The Line เป็นเกมสั้นๆแต่ดี การเขียนบทก็ใช้ได้ ประเด็นเกี่ยวกับสภาพจิตใจกับศีลธรรมก็น่าสนใจ ระบบเกมอาจไม่ได้ดีอะไรมาก แต่โดยรวมผมชอบมันนะ รู้สึกเหมือนอยากเล่นมันอีกรอบเลย!! โดย: Vito Andolini Corleone วันที่: 11 มิถุนายน 2562 เวลา:21:01:49 น.
|
หมาหัวโจก
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |