Metal Gear Solid V : The Phantom Pain (1) พวกคุณคือ "คนขายโลก"! (Spoilers alert!)
คำเตือน : มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องของเกมเด้อ!

*หมายเหตุ : อยากได้โปสเตอร์อันนี้มาติดผนังจังเลย ได้อารมณ์หนังแอ็กชั่นเก่าๆมาก



Metal Gear Solid V : The Phantom Pain เป็นเกมที่ดี 

ผมเล่นจบ 99 ชั่วโมง (อยากอวดเพราะเลขสวย) จริงอยู่ที่เคลียร์ไม่ถึง 50% ของเกม แต่เวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการเดินทางจากเหนือลงใต้ ตามเก็บทหารและวัตถุดิบกลับฐานเพื่ออัพเกรดมาเธอร์เบส ลำพังแค่นั้นผมก็หมดเวลาเป็นชั่วโมงๆแล้ว



เพื่อให้เห็นภาพอะไรบางอย่าง ผมขอเกริ่นนำนอกเรื่องนิดหน่อย

ปีนี้ 2015 เรามีเกมระดับทริปเบิ้ล A สามเกมที่ประกาศจบซีรีส์และเป็นโอเพ่นเวิลด์เหมือนกัน นั่นคือ The Witcher 3, Batman Arkham Knight และ Metal Gear Solid V : The Phantom Pain

ถ้าเรียงลำดับตามความดีของเกมเพลย์ : 
อันดับ 1 – MGS V : TPP, อันดับ 2 – The Witcher 3, อันดับ 3 – Batman : AK (ผมเป็นแฟนแบทแมน แต่ไม่ค่อยชอบแบทโมบิลกับแบทแทงก์เท่าไหร่)

ถ้าเรียงลำดับความดีของเนื้อเรื่อง : 
อันดับ 1 – The Witcher 3, อันดับ 2 – Batman : AK, อันดับ 3 – MGS V : TPP

ถ้าเรียงที่ภาพรวมทั้งหมดของเกม : 
อันดับ 1 – The Witcher 3, อันดับ 2 – MGS V : TPP, อันดับ 3 – Batman : AK

...

พอจะเห็นภาพหรือยังครับว่าผมคิดว่า MGS V :  TPP เป็นเกมที่ดีแต่ผมกลับรู้สึกว่ามัน “เสียของ” ตรงไหน?

อย่างไรก็ตาม ถึงเนื้อเรื่องหรือวิธีการเล่าเรื่องจะเป็นปัญหา แต่พอเล่นจบแล้วมาคิดดูดีๆ ก็รู้สึกว่าเพลง The Man Who Sold The World มีความหมายค่อนข้างน่าสนใจมากทีเดียว รวมถึงความตั้งใจของตัวโคจิม่าที่ต้องการจะเชื่อมคนเล่นเข้ากับตัวละครเหมือนเกม RPG ด้วย





ผมไม่ใช่แฟนโคจิม่า ฮิเดโอะเหมือนอย่างใครหลายคน ผมคิดว่าโคจิม่าไม่ได้เป็น “นักเขียนบท” ที่เก่งเลยสักนิด ผมเกลียดฉากเมโลดราม่าอย่างการร้องไห้ร่วมสิบนาทีของตัวละครในเกม หรือฉากพูดยืดยาวเกินความจำเป็น รวมถึงความซับซ้อนของเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนเกินเหตุ ชนิดที่เรียกว่า DC Comics กับ Marvel Comics ต้องอ้าแขนต้อนรับ... (หมายถึง การสร้างเรื่องราวที่ต่อจากของเดิมไปเรื่อยๆ เพิ่มรายละเอียดนู่นนี่นั่นจนภาพรวมของซีรีส์หรือหัวหนังสือซับซ้อนเกินเหตุ)



แต่ผมชอบโคจิม่าที่เป็นความเป็น “โอตาคุหนังฮอลลีวู้ด” ชอบที่เขาทำเกมอย่างบริสุทธิ์จริงใจต่อสิ่งที่เขารักและเทิดทูน ในขณะเดียวกันก็เอาองค์ประกอบของการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างเช่น อาวุธที่เหมือนหุ่นยนต์เท่ๆ หรือตัวร้ายแบบการ์ตูนญี่ปุ่นใส่เข้าไปด้วย จนกลายเป็นเอกลักษณ์สำคัญของซีรีส์ Metal Gear



สรุปคือจุดเด่นของซีรีส์ Metal Gear คือการผสมผสานระหว่างหนังฮอลลีวู้ดทุนสูง + อนิเมญี่ปุ่น

สิ่งที่โคจิม่าทำได้ดีมาตลอดคือการสร้างเนื้อเรื่องและเนื้อหาที่น่าติดตามไม่ว่าระบบเกมเพลย์จะดีมากดีน้อยก็ตาม

ตอนที่ Metal Gear Solid V ประกาศว่าจะเป็นภาคสุดท้าย และจะเป็นเรื่องของบิ๊กบอส (หรือเนคเก็ด สเน็ค หรือสเน็ค หรือแจ๊ค หรือจอห์น) ทุกๆอย่างที่สื่อออกมา เหมือนกำลังบอกให้คนเล่นเกมเตรียมใจว่ามันเป็นภาคที่บิ๊กบอสกำลังจะเข้าสู่ “ด้านมืด” คือหนทางการเป็นตัวร้ายใน Metal Gear ภาคแรก (ปี 1987) ที่ลงเครื่อง MSX



มันน่าตื่นเต้นในความรู้สึกของแฟนๆหลายๆคน

แต่สิ่งที่ออกมากลับไม่ใช่อย่างที่คิด!

นอกจากตัวเกมจะมีการดำเนินเรื่องที่เบาบาง และ Chapter 2 ที่สะเปะสะปะสุดๆแล้ว บทสรุปของบิ๊กบอสยังน่าผิดหวัง!

บทสรุปของเรื่องกลับกลายเป็นว่า เกม MGS V : TPP กลับเป็นเรื่องของ “เวน่อม สเน็ค” ตัวตายตัวแทนของบิ๊กบอสที่จะไปตายเอาตอน Metal Gear ภาคแรก (ปี 1987) เพราะสู้กับโซลิด สเน็คที่ “เอาท์เตอร์เฮเว่น” 


(Smileyเผื่อใครไม่รู้ นี่คือฉากที่โซลิดสเน็คเผชิญหน้ากับบิ๊กบอสในเกม Metal Gear 1987) 

คำถาม มันเป็นการตกสู่ด้านมืดอย่างไร ในเมื่อแต่เดิม “เวน่อม” คือทหารที่จงรักภักดีต่อบิ๊กบอส และพร้อมจะทำดำเนินตามแผนการของบิ๊กบอสทุกอย่างแม้กระทั่งการเป็นตัวตายตัวแทน และจบชีวิตลงในฐานที่เป็นสรวงสวรรค์ของเหล่าทหาร เรียกว่าเป็นหุ่นเชิดตั้งแต่ต้นยันจบ!

หรือโคจิม่าต้องการจะพูดถึงสภาพจิตใจของ "เวน่อม" ที่ถูกล้างสมองแล้วปลูกฝังให้เชื่อว่าตัวเองคือบิ๊กบอส? ผมไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเลยนะ!

ในความเห็นของผม The Phantom Pain ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าส่วนขยายจาก The Peace Walker ซึ่งไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่มันไม่ได้ถูกเน้นย้ำในเรื่องของ "การก้าวเข้าสู่ด้านมืด" เหมือนอย่างที่มีการนำเสนอกันก่อนที่เกมจะวางขาย เราไม่ได้สัมผัสถึง "สภาพจิตใจ" ของ "เวน่อม" ที่จะพาไปสู่เรื่องราวของ Metal Gear เกมปี 1987 เสียเท่าไหร่

เนื้อหาในเกมส่วนใหญ่จะเป็นการแก้แค้นของ "เวน่อม" รวมไปถึงการสร้างฐานใหม่ชื่อไดมอนด็อกส์ และออกทำงานหาเงินทุนเพื่อทำให้เป้าหมายของตัวเองเป็นจริง ซึ่งสำหรับผมแล้วมันไม่ถึงกับมีความสำคัญอะไรมาก เพราะยังไงบิ๊กบอสตัวจริงก็ไปสร้าง "เอาท์เตอร์เฮเว่น" อยู่แล้ว คิดจะพัฒนาเมทัลเกียร์อยู่แล้ว (ตั้งแต่ The Peace Walker)...

ฉะนั้นการเข้าสู่ด้านมืดหรือไม่เข้าสู่ด้านมืดของ "เวน่อม" สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อโลกโดยรวมของ Metal Gear มากนัก...



...เพียงแต่เวลามองย้อนกลับไปมอง Metal Gear ภาคแรกสุด เราจะเข้าใจว่า อ้อ... มันไม่ใช่บิ๊กบอสตัวจริง เพราะงั้นบิ๊กบอสถึงกลับมาสู้กับสเน็คใน Metal Gear 2 : Solid Snake (เกมปี 1990) ที่ “แซนซิบาร์แลนด์” ได้

เท่านั้น...


(Smileyเผื่อใครไม่รู้ นี่คือฉากที่โซลิดสเน็คเผชิญหน้ากับบิ๊กบอส "ตัวจริง" ในเกม Metal Gear 2 : Solid Snake) 

หรือไม่ก็ ทำให้เราเข้าใจว่าเงินทุนที่บิ๊กบอสเอามาใช้สร้าง “เอาท์เตอร์เฮเว่น” นั้น อาจจะมาจากกิจการของไดมอนด็อกส์ที่ "เวน่อม" ดูแลอยู่ก็เป็นได้

เท่านั้น...

แฟน Metal Gear หลายคนถึงบอกว่า The Phantom Pain เป็นเหมือน Side Story ไม่ใช่ภาคต่อของจริง...

ผมเห็นด้วยนะ

เพียงแต่ ผมไม่ได้รังเกียจเรื่อง “เวน่อม” ว่ะ

แค่รู้สึกเสียของที่เราจะไม่ได้เห็น “อนาคิน” กลายเป็น “ดาร์ธเวเดอร์”

แต่ก็ไม่ได้รังเกียจอะไร

ตรงกันข้าม กลับรู้สึกว่ามันมีอะไรน่าสนใจด้วย



โคจิม่าบอกว่า “สเน็ค” ในภาค The Phantom Pain จะพูดน้อย เพราะมันเป็นเกมโอเพ่นเวิลด์ และสเน็คหรือบิ๊กบอสคือตัวละครในตำนาน จึงอยากจะเชื่อมโยงคนเล่นมากที่สุด

ตอนเปิดเกม The Phantom Pain ที่โรงพยาบาลถูกบุก ผมมั่นใจว่าชายพันหน้าคือ "คีเฟอร์ ซูเธอแลนด์" หรือที่แจ็ค บาวเออร์จาก 24 ซึ่งเป็นคนที่ภาคบิ๊กบอสทั้งใน Metal Gear Solid V : Ground Zeroes และ The Phantom Pain




แถมตลอดทั้งเรื่อง ตัวสเน็คยังพูดน้อยมากกกกกทั้งที่ใน Ground Zeroes ยังพูดเยอะอยู่เลย ตอนแรกผมเข้าใจว่าตัวซูเธอแลนด์ค่าตัวแพง งบเลยหมด

แต่พอมาถึงตอนจบ ผมถึงบางอ้อเลย

อ้อ มันต้องพูดน้อยสิ ก็แม่งคนละคนกันเลยนี่หว่า! ทำไมถึงไม่เชื่อในลางสังหรณ์ของตัวเองตั้งแต่ต้นนะ ไอ้ชายพันหน้านั่นน่ะ มันเสียงพี่แจ็ค บาวเออร์แน่ๆ! ฮ่วย!

ความตั้งใจของโคจิม่าคือ

ผู้เล่นเกม --> เวน่อมสเน็ค --> แฟนธ่อมของบิ๊กบอส = บิ๊กบอส = ผู้เล่นเกมคือบิ๊กบอส

แปลว่าคนเล่นเกมได้สวมบทบาทเป็นบิ๊กบอสของแท้ ในขณะที่บิ๊กบอสตัวจริงแอบไปดำเนินการแผนการอื่นอย่างลับๆ

นี่มัน... หลุดไปจากที่สัญญากันตอนแรกเลยนี่หว่าว่า The Phantom Pain จะเป็นการเดินทางสู่ด้านมืดของบิ๊กบอส (ที่เป็นเนคเก็ด สเน็คใน Metal Gear Solid 3 : Snake Eater กับ The Peace Walker) ไม่ใช่ "แฟนธ่อม" ของบิ๊กบอสหรือก็คือ "ผู้เล่นเกม"!!

ตกลงแล้วโคจิม่าคือ Troll ของแท้!


แต่ความรู้สึกสนใจของผมต่อเรื่อง "เวน่อม" และบิ๊กบอส มันอยู่ตรงนี้...

ในความเห็นของผม บิ๊กบอสไม่ใช่ตัวร้ายร้อยเปอร์เซ็นต์พอๆกับซีโร่ หรือเดอะแพทริออตส์ ทุกฝ่ายล้วนแล้วแต่มีอุดมการณ์ของตัวเองและต่อสู้กันและกันเพื่ออุดมการณ์นั้น (แม้เดอะแพทริออตส์ ตกลงแล้วจะเป็น A.I. ก็เถอะ แต่มันก็ดำเนินไปตามแผนการที่มันเห็นว่าถูกต้อง)

บิ๊กบอสเรียกได้ว่าเป็น “Anti-hero” หรือพระเอกนอกคอก 

เขาเป็นผู้ก่อการร้าย ตั้งกองกำลังของตัวเองขึ้นมา เป้าหมายคือสร้างประเทศของทหารที่ไร้พรมแดน ไร้การควบคุมจากทางการเมือง ที่ๆทหารทุกคนจะมีเกียรติยศ และการจะเป็นอิสระจากการควบคุมได้ จำเป็นต้องสู้เท่านั้น ชีวิตคือการต่อสู้ไร้ที่สิ้นสุด การต่อสู้คือสัญลักษณ์ของการมีชีวิตอยู่

ในขณะเดียวกัน บิ๊กบอสก็ช่วยเหลือเหล่าทหาร ช่วยเหลือเด็กๆที่ต้องได้รับภัยจากสงครามหรือการเมือง หรืออะไรก็ตามที่เป็นการสร้างชีวิตคนไปด้วย



ฉะนั้นสิ่งที่บิ๊กบอสใน Metal Gear 2 : Solid Snake และ Metal Gear Solid 4 : Gun of the Patriots เป็นนั้น แทบไม่ต่างอะไรกับบิ๊กบอสใน The Peace Walker เท่าไหร่




ฉะนั้น... ในความเห็นของผม การไม่ได้เห็น “อนาคิน” กลายเป็น “ดาร์ธเวเดอร์” จึงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่คิด

ตรงกันข้าม ผมกลับรู้สึกสนใจเรื่องของ “เวน่อม” ที่ต้องยอมเสียสละตัวเอง กลายมาเป็นบิ๊กบอสเพื่อมารับ “หน้าเสื่อ” ในทุกๆเรื่องแทน 



ต้องสร้างตำนานของบิ๊กบอสขึ้นมาบนการตัดสินใจที่ทั้งดีและไม่ดี โดยเฉพาะการต้องฆ่าลูกน้องตัวเองเกือบหมดทั้ง “ตึกกักกันโรค” 



เพลงประจำธีมของ The Phantom Pain คือ The Man Who Sold The World ของเดวิด โบวี่ เพลงนี้ขึ้นชื่อของความหมายเชิงกวีที่ต้องมีการตีความกันพอสมควร แต่โดยรวมแล้วมันหมายถึงการเผชิญหน้ากับ "คู่แฝด" หรือ "ตัวเราอีกคน" ที่อยู่ลึกๆด้านใน พูดง่ายๆคือ "อึกหนึ่งบุคลิกของตัวเราเอง"

ส่วนเดวิด โบวี่เคยให้สัมภาษณ์ว่าเพลงนี้สำหรับตัวเขาแล้ว มักจะอธิบายถึงความรู้สึกเมื่อตอนที่คุณยังเด็ก เมื่อตอนที่คุณมีความรู้สึกว่ายังมีบางส่วนของตัวคุณเองที่ยังไม่ได้ใส่เข้าไปให้มันสมบูรณ์ คุณก็เลยต้องเริ่มการค้นหาอันยิ่งใหญ่นี่ เพื่อที่จะค้นหาว่าแท้จริงแล้วคุณคือใคร

ตัวโคจิม่าเหมือนตั้งใจจะให้ "บิ๊กบอสตัวจริง" เป็น The Man Who Sold The World เพราะนอกจากจะทำสงครามเป็นธุรกิจ รวมถึงการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ที่เกี่ยวกับโลกในอุดมคติของตนแล้ว "บิ๊กบอสตัวจริง" ยังต้องเผชิญหน้ากับ "คู่แฝด" ตัวเองซึ่งก็คือ "เวน่อม" หรือ "ตัวผู้เล่น" ด้วย

อย่างไรก็ตาม ผมรู้สึกว่าเพลงนี้มันมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมโยงกับตัว "เวน่อม" กับตัว "ผู้เล่น" ไม่ความหมายใดก็ความหมายหนึ่งด้วยเช่นกัน


บางทีมันอาจจะหมายถึงตัวคุณเองนั่นแหละ ที่ขายชีวิตให้กับโลกของเกม ถอดความเป็นตัวคุณออกไปแล้วสวมบทบาทเป็นบิ๊กบอส ชายผู้เป็นนักรบในตำนาน ตัวคุณกลายเป็นคู่แฝดของบิ๊กบอส เป็นอีกหนึ่งบุคลิกของบิ๊กบอส ใช้เวลาเป็นสี่สิบห้าสิบชั่วโมง (หรือของผมมคือ 99 ชั่วโมง) เพื่อล้างแค้นแทนบิ๊กบอสตัวจริงและร่วมสร้างตำนานของบิ๊กบอสให้แข็งแกร่งขึ้น ก่อนจะลงท้ายด้วยการสละชีพเพื่อแผนการของบิ๊กบอสด้วย!

คุณเองก็คือ The Man Who Sold The World!




ผมชอบไอเดียนี้ว่ะ!

โอเค ผมผิดหวังกับเนื้อเรื่อง รู้สึกเสียของกับไอเดียดีๆที่อยู่ในเกม

แต่ชอบไอเดียนี้มากถึงมากที่สุด!

เพราะฉะนั้นตอนจบ เพลง The Man Who Sold The World ถึงยังก้องอยู่ในหัวของผมต่อไป และผมก็ค่อนข้างพึงพอใจกับการเป็นอีกหนึ่งบุคลิกของบิ๊กบอสซะด้วย!






Create Date : 21 กันยายน 2558
Last Update : 22 กันยายน 2558 23:06:32 น.
Counter : 6310 Pageviews.

1 comments
  
อ่า นอกจาก เวน่อม สเนค ที่ สปอย ไปแล้ว
(แม่ง เล่นสปอยกันตั้งแต่คำอธิบายเกมตามแหล่งต่างๆที่ขายเกม เช่น ตามเว็บไซต์) เลยรู้หมดเลยว่า ใครคือ วีน่อมสเนค

ผมอ่านหน้านี้ผ่านๆครับ กลัวสปอย

วันก่อนเจอสปอยอีกว่า ไควเอท ไม่พูด เพราะอะไร เปิดพันทิพดู ปรสิตเส้นเสียงนี่มันเชี่ยอะไร โดนเลย

ไม่ทราบว่า มีตรงไหนอีกบ้าง ที่ยังเหลือความสนุกหลังจากที่ทราบเรื่องราวเหล่านี้แล้วไหมครับ
โดย: gab IP: 192.99.14.34 วันที่: 11 มกราคม 2559 เวลา:12:15:20 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog