[เกมรำพัน] Dishonored : เค้าแค้นนะตัว
ครานี้ ข้าพเจ้าขอรำพันถึง... Dishonored (2012) เกมที่ข้าพเจ้าต้องทวงแค้นจากความอัปยศ



อา... ความแค้น รสชาติมันเป็นเยี่ยงไรหนอ 

หากมีโอกาสที่จะได้สะสางบัญชีแค้น หากมีพลังอำนาจพอจะเชือดคนกลุ่มหนึ่งที่ทำให้ตัวข้าพเจ้าต้อง "อัปยศอดสู" ได้ รสชาตินั้นจะเป็นเยี่ยงไรกัน

ข้าพเจ้าย่างก้าวเข้าสู่ดันวอลล์ด้วยความรู้สึกอันใด

ดันวอลล์ เมืองที่ได้แรงบันดาลใจมาจากลอนดอนและเอดินบาระในช่วงค.ศ. 1800-1900 

เมืองที่มีเสน่ห์ในแบบ steampunk

เมืองที่คล้ายจะงดงาม ทว่ากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่จากโรคระบาดร้ายแรง 

เมืองที่มีเทคโนโลยีล้ำยุคที่เกิดจากน้ำมันปลาวาฬ!



ข้าพเจ้าย่างสู่ดันวอลล์ด้วยสายตาของคอร์โว อัททาโน องครักษ์หลวงของจักรพรรดินี คอร์โวเพิ่งกลับมาจากภารกิจไปหาวิธีรักษาโรคระบาด ทว่าหลังส่งข้อความให้จักรพรรดินีไม่ทันไร ก็มีมือสังหารกลุ่มหนึ่งบุกมาลอบปลงพระชมน์จักรพรรดินี ลักพาตัวเอมิลี่ที่เป็นลูกของจักรพรรดินี และยัดข้อหาทั้งหมดให้กับคอร์โว





เปิดเรื่องมา เกมก็ไม่รอช้าแต่อย่างใด บอกกันแบบโต้งๆเลยว่า "ตูถูกใส่ความ" พูดง่ายๆคือ จะต้องมีคนในราชสำนักอยู่เบื้องหลังแบบไม่ต้องเดาอะไรให้มากความ

หกเดือนต่อมา เวลาผ่านไปไวดุจกระแสน้ำ 

คอร์โวพบว่าดันวอลล์ถูกปกครองโดย Spymaster... แปลว่า "หัวหน้าสายลับ"? หรือ "หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง"? เอาเถอะ สรุปแล้ว "สปายมาสเตอร์" ปกครองดันวอลล์ภายใต้ชื่อ "ลอร์ดรีเจนท์" และคอร์โวกำลังจะโดนประหาร




แต่ลอร์ดรีเจนท์... นายไม่รูู้จัก "รังสีพระเอก" ใช่ไหม? รังสีที่จะทำให้พระเอกรอดได้จากทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตามเพื่อให้พล็อตดำเนินต่อไป นี่มันเพิ่งเริ่มต้นเกมเองนะ! ฉะนั้น แผนการของนายน่ะใช้ได้ แต่นายกำลังจะซวยแล้ว ลอร์ดรีเจนท์เอ๋ย!

ลอร์ดรีเจนท์นั้นหารู้ไม่ว่าคอร์โวได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "ลอยัลลิสต์ (Loyalist)" หรือก็คือผู้จงรักภักดีแบบสุดลิ่มทิ่มประตูนั่นเอง 

ลอยัลลิสต์ช่วยคอร์โวให้หลบหนีออกจากคุก แล้วทีนี้ข้าพเจ้าก็จะได้เริ่มมหากรรมการเชือดครั้งใหญ่เสียที!

"มึงเสร็จกูแน่!!"

...หรือเปล่านะ?





Dishonored เป็นเกมที่เน้นเรื่องการลอบเร้นมากกว่าจะบู๊แหลก แต่ตัวเกมก็เปิดโอกาสให้คอร์โวได้ทำทั้งสองแบบ หนึ่งคือจะใช้อาวุธทั้งสองมืออย่างดาบและธนู/ปืน เชือดใครก็ตามที่ขวางหน้า กับสองคือ ย่อตัวลงไปตลอดการเล่นเกม ค่อยๆเข้าล็อคคอ "เหยื่อ" ไปทีละรายสองราย

ระบบเกมอำนวยความสะดวกให้ข้าพเจ้าหลายต่อหลายอย่างเหลือเกิน

เมื่อต้องสู้ ข้าพเจ้าสามารถกดป้องกันดาบของศัตรูที่ฟันมา แล้วกะจังหวะฟันกลับไปได้ หลายครั้งก็จะเข้าอนิเมชั่นเจ๋งๆแบบการเอาดาบเสยคางศัตรู ส่วนอีกมือนึง ข้าพเจ้าก็ยิงอาวุธไกลไม่ว่าจะเป็นปืนหรือธนู ยังไม่รวมถึงการขว้างระเบิดด้วย



เมื่อต้องลอบเร้น ข้าพเจ้าก็แค่ย่อตัวลง ค่อยๆคืบคลานไปหลบตามจุดต่างๆ ซ่อนตัวในเงามืดหรือด้านหลังกำแพงข้าวของที่อยู่รอบตัว กะจังหวะจะเข้าไปเชือดแบบเงียบๆ หรือจะล็อคคอให้สลบแล้วเอาตัวไปซ่อน

นอกจากลอบเร้นบนพื้นดินแล้ว ข้าพเจ้าก็มีขึ้นบนที่สูง กะจังหวะกระโดดลงมาลอบสังหารจากด้านบนได้ด้วย

และนี่คือจุดเริ่มต้นของทางเลือกสำคัญ

จะฆ่า

หรือจะไม่ฆ่า

โอ้... ความแค้น มันเป็นเช่นใดกันหนอ



หลังจบแต่ละด่าน จะมีการสรุปข้อมูลการเล่นที่ผ่านมา ถ้าฆ่าคนไปเยอะ ค่าความโกลาหลก็จะเป็น High ถ้าฆ่าคนน้อย ค่าโกลาหลก็จะเป็น Low แถมถ้าศัตรูไม่เจอตัวเลย ข้าพเจ้าก็จะได้ Ghost มาอีก (แปลว่าเหมือนกับภูตผีก็ไม่ปาน)




หลังจากที่คอร์โวหนีออกมาจากคุก เขาก็ถูกพาตัวมายังผับฮาวด์พิทส์ รังที่เหล่าลอยัลลิสต์ซ่อนตัว และผู้บัญชาแผนการของลอยัลลิสต์ก็คือ นายพล... Havelock... เอ่อ แฮฟล็อค? ฮาเวล็อค? อืม เอาเป็น แฮฟล็อคแล้วกัน



แผนการของนายพลแฮฟล็อคคือ การส่งคอร์โวไปกำจัดผู้สมคบคิดกับลอร์ดรีเจนท์ทั้งหลาย ค้นหาตัวเอมิลี่ ลูกสาวของจักรพรรดินีที่ถูกลักพาตัวไป และให้เอมิลี่ขึ้นบัลลังก์แทน



ตอนนั้นคอร์โวได้พบกับผู้ที่ผลิตหน้ากากอันสุดเท่ให้คอร์โว เอาไว้ใส่สำหรับอำพรางตัว แต่มันก็มีคุณประโยชน์อยู่เหมือนกัน เช่น ซูมระยะไกลได้ (ถ้าอัพเกรด) นักประดิษฐ์ชื่อปิเอโร่ จ็อปปลินจะคอยอัพเกรดอาวุธและอุปกรณ์ให้คอร์โวไปตลอดเกม

อัพเดทธนู อัพเดทปืน อัพเดทระเบิด ฯลฯ... 



ขณะเดียวกัน คอร์โวก็ได้พบกับคนลึกลับที่ในเกมที่เรียกกันว่า "ดิ เอาท์ไซเดอร์" บุรุษผู้มีตาหามีแววไม่ (เพราะตาเป็นสีดำ) ที่พาคอร์โวเข้าสู่มิติอันลึกลับ และได้มอบ "ตราประทับ" บนหลังมือ ทำให้คอร์โวสามารถใช้พลังพิเศษได้ อาทิ เรียกฝูงหนูขึ้นมารุมสกรัม, ใช้ลมเป่าให้ศัตรูกระเด็น, สิงร่างของศัตรู เป็นต้น





แต่ที่เจ๋งสุดมีสองอัน อันแรกคืออันที่ทำให้ข้าพเจ้าเทเลพอร์ตจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ เรียกว่า Blink รอบแรกข้าพเจ้าเลือกเล่นแบบลอบเร้น ดังนั้น Blink จึงเป็นเหมือนพลังคู่ใจที่ต้องใช้ตั้งแต่ต้นยันจบ



อันที่สองคืออันที่ทำให้ข้าพเจ้าควบคุมเวลาได้... Bend Time เจ๋งสาด... เลเวลแรกของมันทำให้เวลาช้าลง มีเวลาเข้าไปเชือดศัตรูได้เต็มที่ แต่เลเวลสองนี่คือขั้น "หยุดเวลา" ข้าพเจ้าสามารถยิงกระสุนหรือปาระเบิดใส่ศัตรูขณะหยุดเวลา แล้วพอให้เวลาเดิน กระสุนก็จะชำแรกใส่ร่างของศัตรู ระเบิดก็จะตูมใส่ศัตรู โอ้... เจ๋งมาก... 


ระหว่างที่คอร์โวปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือเอมิลี่ และทวงเกียรติยศของตัวเองคืนมา คอร์โวจะได้เห็นว่าโรคระบาดได้แพร่กระจายอย่างเลวร้ายขนาดไหน

ทุกๆที่มีหนูเต็มไปหมด

แถมยังมีคนที่ติดเชื้อโรคจนกลายเป็น "วีปเปอร์" ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างอะไรจากซอมบี้ด้วย 



บางครั้งหนูก็วิ่งเข้ามารุมทึ้งคอร์โว

บางครั้งวีปเปอร์ก็เข้ามาจู่โจมคอร์โว

ไฮไลท์ของเกมนี้คือ การกระทำบางอย่างของข้าพเจ้า อย่างเช่นการฆ่าหรือไม่ฆ่า (High chaos หรือ Low chaos) นอกจากจะมีผลต่อตอนจบที่หลักๆมีสองแบบแล้ว ยังส่งผลถึงตัวเมืองด้วย



ถ้าฆ่าศัตรูเยอะ หนูก็เพิ่มขึ้น และหนูก็โจมตีใส่ข้าพเจ้าได้เหมือนกัน 

ถ้าหนูเยอะ ปริมาณวีปเปอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

แถมศัตรูที่เป็นฝ่ายทหารก็จะเพิ่มกองกำลังมากขึ้น

การปฏิบัติตัวของเหล่าลอยัลลิสต์กับเอมิลี่ที่มีต่อตัวคอร์โว จะเปลี่ยนไปในทางลบมากขึ้น 

และภารกิจสุดท้ายจะหืดขึ้นคอขึ้น

หนทางที่ข้าพเจ้าควรจะเลือกนั้น คือหนทางอันใด?

ฆ่า

หรือไม่ฆ่า



การจะตอบคำถามทางเลือกนั้นได้ ข้าพเจ้าจำต้องคิดถึงประเด็นสำคัญข้อหนึ่งเสียก่อน...

รสชาติของการล้างแค้นนั้นเป็นฉันใด?


ในเรื่อง ข้าพเจ้าได้เห็นว่าคอร์โวผูกพันกับจักรพรรดินีพอสมควร นั่นไม่น่าแปลก เพราะคอร์โวเป็นเหมือน "คนรักแบบลับๆ" ของจักรพรรดินี ไปๆมาๆเอมิลี่อาจจะเป็น "ลูกลับๆ" ระหว่างคอร์โวกับจักรพรรดินีด้วยซ้ำไป 



องค์จักรพรรดินี... เจสซาไมน์ คาลด์วิน

จากประวัติของจักรพรรดินี คอร์โวเป็น "องครักษ์หลวง" ของเธอมาตั้งแต่ตอนเธออายุ 12 และไม่เคยแต่งงานเลยด้วย

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับระหว่างคอร์โวกับจักรพรรดินีกระจายไปทั่ว รวมถึงเรื่องของเอมิลี่



ฉะนั้น เมื่อลอร์ดรีเจนท์และผู้สมรู้ร่วมคิดลงมือสังหารจักรพรรดินีผู้ที่เป็นเหมือนคนรัก และลักพาตัวเอมิลี่ที่เป็นเหมือนกับลูกสาวของตัวเอง แถมยังถูกใส่ความจนต้องถูกจำคุกหกเดือนแล้วถูกตัดสินประหารอีก...

เมื่อเจอแบบนี้ จะไม่ให้แค้นได้อย่างไรไหว?



แต่หากข้าพเจ้าเป็นคอร์โว

แม้นข้าพเจ้าแค้น แต่ก็ใช่ว่าจะต้องฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้า 

ระหว่างการฆ่าเป้าหมายที่สมรู้ร่วมคิด กับการฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้านั้นมันต่างกันราวฟ้ากับเหว

การฆ่าทุกสิ่งที่ขวางหน้าอาจทำให้เกมยากขึ้น แต่ใช่ว่าจะเป็นเพียงแค่หนึ่งในความท้าทายของเกม

การลอบเร้นโดยที่ศัตรูไม่พบตัวเลยสักครั้งเดียว ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเกมเช่นกัน

ฉะนั้น หากข้าพเจ้าเป็นคอร์โว ข้าพเจ้าจะเป็นอย่างที่การเล่นเกม Dishonored ในครั้งนี้

นั่นคือเลือกฆ่าคนให้น้อยที่สุด ฆ่าเฉพาะในคราวจำเป็น ฆ่าเฉพาะเป้าหมายที่ต้องฆ่า

จริงอยู่ที่เป้าหมายส่วนใหญ่นั้น ข้าพเจ้าจะต้องลงมือฆ่า แต่ข้าพเจ้าพึงพอใจมากเมื่อตัวเกมมีออพชั่นให้เลือกการล้างแค้นระหว่าง "การฆ่าลอร์ดรีเจนท์" กับ "การเปิดโปงแผนการ"

ถึงข้าพเจ้าจะไม่ได้ฆ่าลอร์ดรีเจนท์ แต่ก็สามารถล้างแค้นได้เช่นกัน!

อย่างไรก็ตาม เมื่อจุดหักมุมมาถึง และเอมิลี่ถูก "ศัตรูหน้าใหม่" ลักพาตัวไปอีกรอบ ข้าพเจ้ามีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือ "ฆ่า" และสองคือ "ปล่อยมันไป"

สิ่งที่น่าสนใจคือ ถ้าข้าพเจ้าเลือก "ปล่อยมันไป" แล้วช่วยแค่เอมิลี่ออกมา ผลกระทบในความเป็นจริงมันจะเป็นอย่างไร

มีอะไรรับประกันว่า "บอสหน้าใหม่" จะไม่หันมาเชือดข้าพเจ้าทีหลังหากเอมิลี่ได้กลายเป็นจักรพรรดินีแทนเจสซาไมน์แล้ว 

บางทีนั่นอาจจะเป็นเรื่องราวของ Dishonored 2

แต่ในปัจจุบัน ข้าพเจ้าเลือกจะช่วยแค่เอลิลี่ และปล่อย "บอสหน้าใหม่" ทิ้งเอาไว้

นั่นนำพามาสู่สิ่งที่น่าสนใจมาก...

กลายเป็นว่าเกมไม่มีฉากไคลแม็กซ์ตื่นตาตื่นใจอะไร ไม่มีการสู้กับบอสถ้าข้าพเจ้าเล่นแบบ Low chaos ความท้าทายของข้าพเจ้าคือจะเข้าถึงเอมิลี่ได้โดยที่ศัตรูไม่รู้ตัวได้อย่างไร มากกว่าจะเป็นไคลแม็กซ์ที่ต้องสู้กับศัตรูทั้งฝูง

ถึงแม้จะอึ้งๆที่พอช่วยเอมิลี่ได้ปุ๊บ เกมก็จบปั๊บ (อารมณ์แบบ... อ้าว จบแล้วเหรอ ไม่รู้ตัวเลยเนี่ย!) แต่ข้าพเจ้าก็ค่อนข้างชอบไอเดียที่มีอยู่ในเกมนี้พอสมควร

สุดท้ายแล้ว คอร์โวในสไตล์ของข้าพเจ้า คือไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการล้างแค้นเฉพาะตัวบุคคล และเลือกหาหนทางจะช่วยเอมิลี่มากกว่าสิ่งอื่นใด

ข้าพเจ้าคิดว่ามันเม้กเซนส์ในมุมของข้าพเจ้า




สิ่งที่น่าสนใจในเกมนั้นยังมีอีกสิ่งหนึ่ง

นั่นคือตัวตนลึกลับที่เรียกว่า "ดิ เอาท์ไซเดอร์"


เอาท์ไซเดอร์เป็นตัวละครลึกลับที่มักผลุบๆโผล่ๆมาให้เห็น และมักจะวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการกระทำของข้าพเจ้าตลอดเกม

ดูเหมือนว่าเอาท์ไซเดอร์จะเป็นทั้ง "เทวดา" และ "ปิศาจ" ในคราวเดียวกัน เขาเป็นเหมือนตัวตนเหนือธรรมชาติในศาสนาที่ชาวดันวอลล์กราบไหว้บูชา บางครั้งเอาท์ไซเดอร์จะเลือกคนมา "ประทับตรา" มอบพลังให้ แล้วคอยดูว่าคนๆนั้นจะเอาพลังไปใช้ทำอะไร


ไม่มีใครรู้ว่าเป้าหมายของเอาท์ไซเดอร์คืออะไร

แต่ในมุมมองของเกม ข้าพเจ้ามองว่าเอาท์ไซเดอร์เป็นเหมือนภาพสะท้อนของ "ศีลธรรม" ในตัวข้าพเจ้า พลังเวทมนตร์ของเอาท์ไซเดอร์ไม่ดีและไม่เลว แต่เป็นที่ตัวข้าพเจ้าเองมากกว่าว่าจะใช้มันไปก่อผลลัพธ์แบบไหน

มันเหมือนกับการที่อยู่ดีๆก็มีคนเอาพลังเวทมนตร์มาให้ แล้วบอกกับข้าพเจ้าว่า "ไหนดูซิ ว่าแกจะใช้พลังนั่นยังไง"

ข้าพเจ้าคิดว่ามุมมองนี้น่าสนใจมากถึงมากที่สุด มันเป็น Role-playing game (RPG) ภายใต้การเป็นเกม First Person Action-adventure เอาท์ไซเดอร์เป็นเหมือนตัวแทนของผู้ผลิตเกม แล้วก็ออกปากท้าทายข้าพเจ้าที่รับบทเป็นคอร์โว อัททาโนว่า "เอ้านี่ ระบบเกม ฉันให้มาแบบนี้ จะเอาระบบนี่ไปใช้เล่นยังไงก็เรื่องของแกแล้ว"

ความแค้นนั้นมีรสชาติเยี่ยงไร

ในความเป็นจริงคงทุกข์ทรมานและขมขื่น 

หากแต่ใน Dishonored นั้น มันคือความบันเทิงที่เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้า "ได้เลือกตัวโน้ตและจังหวะ" ของบทบรรเลงเพลงแห่งการล้างแค้นด้วยตัวเอง และมันก็ทำออกมาได้อย่างน่าพึงพอใจมากทีเดียว





Create Date : 19 มีนาคม 2559
Last Update : 19 มีนาคม 2559 15:31:07 น.
Counter : 2645 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมาหัวโจก
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 18 คน [?]



All Blog