วันที่ 3
หลังจากที่ร้องไห้เสร็จ ก็ตั้งสติใหม่ค่ะ อ่านแผ่นพับที่โรงพยาบาลให้อย่างละเอียด และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ลูกเราถูกย้ายไปห้องเนิสเซอร์รี่ชั้น 2 ตั้งแต่บ่าย แม่จะได้ตารางเวลา สำหรับไปให้นม เราจะเจอลูกได้ เฉพาะเวลาไปให้นม ทุกๆ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เอาลูกกลับมาไม่ได้ และจะไปหาลูกนอกเวลาไม่ได้
6 โมงเย็น มื้อแรกที่เข้าไปให้นมลูก สามีไปส่องดูลูกนอกกระจกได้ แต่เข้าไปด้วยไม่ได้ ครั้งแรกที่เข้าไปไม่ได้แย่อย่างที่คิดค่ะ ที่นี่จะดูแลเด็กที่มีปัญหาต่างๆ เช่นตัวเหลือง หัวใจเต้นไม่ปกติ ศรีษะเล็ก หรือตัวเย็น ผิดปกติ รู้สึกว่าลูกเราไม่เหงา มีเพื่อนๆเยอะ บรรยากาศก็น่ารัก
ในห้องให้นมจะมีเก้าอี้เรียงกัน 10 กว่าตัว แม่ที่มาให้นม จะต้องเข้าไปพร้อมกัน ต่อคิวกัน ล้างมือ ใส่ชุดคลุม เช็ดหัวนม กอดหมอนให้นม เข้าประจำที่ ไม่มีม่านกันใดๆทั้งสิ้น ทุกคนจะนั่งล้อมวง เห็นกันหมด พยาบาลจะอุ้มเด็กๆมาทีละคน และอ่านชื่อลูก ลูกใครก็ยกมือ ก่อนส่งให้จะตรวจป้ายข้อมือแม่ และให้แม่ตรวจป้ายข้อมือลูกเอง
เราจะใช้เวลาในห้องนี้ 1 ชั่วโมงในการป้อนนมลูก ระหว่างแม่ให้นม พยาบาลจะคอยมอง ว่าใครให้ไม่ถูกท่า ก็จะเข้ามาสอน พยาบาลทุกคนเก่งมาก แต่อาจจะมีดุๆหน่อย แต่เราเข้าใจว่าดุเพราะอยากให้แม่ ให้นมได้จริงๆ ออยว่าออยให้นมเป็น ให้นมได้ถูกท่า ก็เพราะที่นี่เลยค่ะ
มีรายงานผลตรวจเรียงกันไปทีละคนด้วย เราจะได้ยินปัญหาและวิธีการรักษาของแต่ละคน รู้สึกสบายใจ ที่ลูกเราไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ที่รักษายาก หรือถ้ารอบไหน ไม่มีรายงานผลตรวจ ก็จะมีพี่พยาบาลสลับกันมาดูแลการให้นมของแม่แต่ละคน พูดเรื่องการเลี้ยงดูเด็กทารกแรกเกิด เหมือนได้เข้าคอร์สอบรมแบบเข้มข้น ได้วิธีการเลี้ยงลูกและความรู้มหาศาลจากที่นี่ค่ะ
รอบ 3 ทุ่ม เที่ยงคืน 6 โมงเช้า ออยก็ไปห้องให้นมค่ะ ลูกเริ่มดูดเต้าเราดีขึ้น แต่บางรอบลูกไม่ดูด เพราะอาจจะไม่หิว ก็ไปนั่งมองหน้าลูก เพราะคิดถึงและสงสารลูกค่ะ มองหน้าลูกแล้วคิดอะไรได้หลายๆอย่าง
วันที่ 4
ถึงเวลา หมอมาตรวจ คราวนี้ ไม่หวังจะได้กลับบ้านแล้วค่ะ ยังไงก็ได้ขอให้ลูกเราหาย คุณหมอแจ้งผลสารเหลือง เหลือ 13 ก็ดีใจ ยิ้มได้หน่อย คิดแต่เรื่องดีๆ น้ำนมก็มาแล้ว ลูกก็ดูดเก่งขึ้นแล้ว อีกไม่นาน ก็คงได้กลับบ้านกัน สามีก็ลางานมาอยู่เฝ้าตลอด พี่สาวก็ทำอาหารอร่อยๆ มาเยี่ยมทุกวัน พี่ๆพยาบาลที่เป็นเฟนเพจที่ติดตามกันอยู่ ก็มาหาแม่กับน้องที่ห้องให้นม มีกำลังขึ้นมามากเลยค่ะ
วันนี้ก็ตั้งใจจะไปให้นมให้ครบทุกรอบค่ะ เราไปรอพยาบาลตรงเวลาทุกรอบเลย ไม่มีต้องให้มาตาม ป้าพยาบาลแซวว่า ต้องมอบโล่คุณแม่ดีเด่นให้เลย ที่ห้องให้นม ลูกเราก็ดูเหมือนจะดูดเก่งกว่าเด็กๆคนอื่นด้วย มีป้าพยาบาลบอกว่า ได้ยินชื่อ ด.ช.จิ้หมิง ก็รีบวิ่งเข้ามาดูเลย ชื่อน่ารัก อยากรู้ว่า เด็กที่ชื่อจี้หมิง หน้าตาเป็นอย่างไร ที่นี่อบอุ่นและบรรยากาศน่ารักมากๆเลยค่ะ
วันที่ 5
ถึงเวลา หมอมาตรวจ ค่าสารเหลืองลดลงเหลือ 12 คุณหมอบอกว่า ขอดูอีก 1 วัน นั่นคือจิ้หมิงต้องอยู่ส่องไฟ เป็นคืนที่ 3 เราจะสู้ไปด้วยกัน อีกนิดเดียวก็ได้กลับบ้านกันแล้ว
วันนี้แม่จะยุ่งหน่อย เพราะต้องไปแผนกวางแผนครอบครัว เพื่อปรึกษาการคุมกำเนิด ออยมีแผนมีลูกคนที่ 2 ในอีก 1-2 ปี ด้วยการไปใส่ตัวอ่อนที่เหลืออยู่แล้ว ไม่ได้คิดจะปรึกษาเรื่องคุมกำเนิด เพราะเรามีภาวะมีบุตรยาก แต่น่าจะเป็นนโยบายของโรงพยาบาล ให้แม่คลอดทุกคนผ่านด่านนี้ค่ะ
ไปทำสิทธ 30 บาท ให้น้อง จากนั้นก็ไปแผนกแจ้งเกิด โรงพาลบาลจะนำเอกสารที่เราแนบไว้ในใบฝากครรภ์ ส่งให้แผนกแจ้งเกิดหลังจากเกิดภายใน 24 ช.ม. พ่อกับแม่ก็แค่ไปเซ็น เรื่องชื่อออยใช้เป็นชื่อจีน 2 พยางค์ นามสกุลจีน 1 พยางค์ หลายๆคนกังวลแทนว่า จะไม่ได้ แต่ไม่มีปัญหาอะไรเลย เจ้าหน้าที่เข้าใจว่า พ่อเป็นสัญชาติจีน และไม่ได้ถามเรื่องความหมายชื่อหรือถามอะไรเลย แค่ให้เราเช็คการสะกด ที่เป็นภาษาไทยของชื่อลูกและชื่อพ่อให้ตรง กับพาสปอตที่แปลมาเท่านั้นค่ะ
วันที่ 6
วันนี้คุณหมอให้กลับบ้าน ได้ค่ะ แจ้งผลสารเหลืองในเลือด 12 เป็นค่าคงที่ รอรับสูติบัตร สมุดสีชมพู รอจ่ายเงิน แล้วกลับบ้านได้ปะมาณเที่ยงๆบ่ายๆค่ะ
น้องๆพยาบาลจะเอาลูกไปอาบน้ำแต่งตัวให้ในชุดที่เราเตรียมมา แม่ก็ตามไปดูด้วย พยาบาลห่อตัวให้จี้หมิงตึงเป๊ะเลย ปะป๊าเอาของไปใส่รถรอบนึงก่อน แล้วก็มีรถเข็นนั่งมารับจาก ห้องพัก ส่งหน้าประตูโรงพยาบาล แม่ก็นั่งอุ้มลูกมา แล้วเดินไปขึ้นรถกลับบ้านค่ะ
รวมอยู่โรงพยาบาลทั้งหมด 6 คืน ดูอาการหลังคลอด 3 คืน ส่องไฟ 3 คืนค่ะ ค่าใช้จ่าย คลอดพิเศษ พักห้อง 2 เตียง 6 คืน 3 หมื่นนิดๆ ถ้าไม่ตัวเหลืองคงได้ออกตั้งแต่ 3 วันแรก และค่าใช้จ่ายน่าจะประมาณ 2หมื่น กว่าๆค่ะ