...ILLUMINATION TokyoMidtown Christmas 2009...(13/12/2009)
เมื่อวานไปถึง TokyoMidtown เกือบๆห้าโมงก็พยายามไปตั้งท่ารอคอยเหมือนคนญี่ปุ่นทั่วๆไปที่เขาตั้งใจไปดูตอนที่ไฟยังไม่เปิด มันลุ้นๆดี เราต้องไปในช่วงนั้นค่ะไปถึงสถานีรถไฟ Roppongi ประมาณ 16:35 น.เดินไปที่บริเวณงาน เหลืออีก 7 นาที ก็จะ 17:00 น.คนมามุงดูมากมาย มาก่อนป้าซิ่งอีกนะคะ ป้าซิ่งก็รีบขึ้นบันไดไปบนสะพานเชื่อมระหว่างตึกกับสวนทันทียืนได้จังหวะพอดี แต่ก็มีคนยืนอยู่ก่อนหน้าเราแล้ว บังนิดๆถ้าอยากถ่ายรูปต้องมายืนบนสะพาน จะได้ภาพดีหน่อยแต่ก็ไกลค่ะเวลาไฟเปิดขึ้นมา เราก็พลอยตื่นเต้นไปกับเขาด้วยหลังจากไฟเปิดแล้ว เรามีความรู้สึกแถวราชดำเนินที่เมืองไทยเราอลังการณ์งานสร้างกว่าเป็นไหนๆ จนทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่มาตั้งแต่ไฟยังไม่เปิด จนไฟเปิดนางเอกของประทีปไฟคือบริเวณนี้ค่ะดูจนอิ่มพอประมาณ ก็เดินไปดูภายในอาคาร Midtown มีโคมกระดาษ ห้อยระย้ายาว 17 เมตร กระดาษขาวของญี่ปุ่นที่อยู่รอบๆ ตัดด้วยกรรไกร ซึ่งพับกระดาษหลายชั้นแล้วจิตนาการณ์ออกมาเป็นลวดลายต่างๆออกแนวคริสต์มาส ประดับออกมาหลายลายด้วยกันอ่านในรายการ เขาจะเปิดไฟตอน 19:00 น. แต่ป้าซิ่งไม่ได้ดูหรอกค่ะ เดินทางออกจากตรงนั้นไปซะแล้วมาดูซานตาครอส มี 27 แบบ ซึ่งเรียงลดหลั่นกันไปเป็นรูปปล่องอุโมงค์สูง 4 เมตร มีตุ๊กตาซานตาครอสเรียงกันทั้งหมด 1,500 ตัวมีสายน้ำเรียงเป็นเส้นวงกลม ทิ้งลงมาจากเพดานของอาคารจนสุดพื้นLED Light คริสต์มาสพลาซ่า
ตลาดน้ำคลองสระบัว อยุธยา (8 Nov.2009)
ไปเที่ยวตลาดน้ำคลองสระบัว ที่จังหวัดอยุธยากับเขาบ้างบ้านป้าซิ่งอยู่ปากเกร็ด นนทบุรี นี่เอง อยุธยาจึงใกล้กันนิดเดียวไปเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนโน้น เพิ่งมีเวลาลงบล๊อควันนี้เองวันนั้นชั่วโมงที่ป้าซิ่งไป เป็นรอบการแสดงละครพื้นบ้านประยุกต์เรื่อง "เจ้าเงาะกับนางรจนา" รถไปจอดไว้ด้านหลังคันนาโน้น ไม่ได้ลงจอดที่ช่วงต้นๆที่มีคนเขาโบกมือเรียกให้จอดตรงนี้ก็ได้ครับที่เราลงจอดเป็นบริเวณกว้าง มีเจ้าหน้าที่เอื้ออำนวยความสะดกไม่เรียกเก็บเงินใดๆออกจากรถก็เดินไปตามทาง จะผ่านบริการเรือพายให้พายกันเล่น เสียค่าบริการ 20 บาทด้วยใครพายเป็น พายไม่เป็นไม่ต้องกลัว เพราะน้ำในคลองตื้นมากสำคัญบริเวณเนื้อที่น้ำไม่กว้างเลย สนุกดีนะ ลองดูกันค่ะเรื่องพายเรือเล่น ป้าซิ่งเอาเป็นกิจกรรมก่อนกลับบ้านค่ะสนุกดี พายเล่นๆตั้งแต่เด็กๆ มาวันนี้ก็ยังพายไม่เก่งอยู่เหมือนเดิม ฮ่าๆแล้วก็ผ่านบ้านทรงไทย ที่เป็นสถานที่แต่งตัวของนักแสดงละครประยุกต์มีผ้าไทยๆตากอยู่เต็มราว เพราะ ผ้าเปียกน้ำเดินไปเข้าสถานที่ ที่เขาขายอาหาร ที่กินอยู่บนแพไม้ไผ่ส่วนตรงกลางเป็นเวทีสระกลางน้ำเพื่อการแสดง วันนึงมี 5 รอบ และ 5 เรื่อง ไม่ซ้ำกันเลยค่ะตอนขึ้นสะพาน เห็นควาย คันไถ และ ห่าน บรรยากาศรอบๆสถานที่ ในน้ำก็มีปลาสถานที่การแสดงพื้นน้ำจะมีสะพานไม้ใต้น้ำจะทานอาหาร ต้องซื้อคูปองกันก่อนนะคะแผ่นหนึ่ง 100 บาท ดวงละ 5 บาท อาหารราคาเท่าไหร่ก็ฉีกตามรอยปรุไปกันทั้งหมด 6 คนรวมป้าซิ่งด้วย อาหารที่เราลงมือกินกัน มีตามรูปนี้ค่ะส่วนเนื้อที่ห้องน้ำอยู่ด้านหลัง มีทุ่งนาเกษตรเล็กๆมาดูการแสดงละครพื้นบ้านประยุกต์ เรื่อง เจ้าเงาะกับนางรจนาบรรยากาศเริ่มแรก สร้างบรรยากาศบนพื้นน้ำมีควันลอยพร้อมด้วยการขับเสภาอันไพเราะ เหล่านักแสดงลงเรือมาลงที่สถานที่การแสดง ฟ้อนรำมาแต่ไกลอย่างงดงาม
ร้านกาแฟโจมา(JOMA)ที่..หลวงพระบาง..
ตอนไปเที่ยวที่หลวงพระบาง ก็ได้ไปนั่งเล่นๆที่ร้านกาแฟโจมา(JOMA)กาแฟชาติตระกูลคานาดาพยายามนึกถึงบรรยากาศภายในร้าน เวลานั่งแล้วมันเหมือนๆกับร้านกาแฟวาวีของพี่น้องไทยเราที่แตกออกมาหลายสาขาส่วนกาแฟโจมา มีไม่กี่สาขาในประเทศลาว ที่เวียงจันทน์ก็มีนะคะแต่ในที่นี้ ป้าซิ่งไปนั่งชิลล์ที่หลวงพระบางติดที่ทำการไปรษณีย์ซึ่งก็อยู่ถนนใกล้ๆกับไนท์พลาซ่าห่างกันไม่กี่กิโลเมตรและในซอยด้านข้างร้านกาแฟโจมา มีเกสเฮ้าท์ราคา 400-500 บาทเยอะด้วยค่ะสรุปถ้าพักอยู่แถวโจมานี่ ก็จะได้รับความสะดวกสบายสถานที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากที่พักมาก ยามค่ำไม่น่ากลัวอะไรเลยน้ำปั่นผลไม้กีวีผสมกับใบมิ้นท์
แบกเป้ไป>>สะบายดีประเทดลาว(หลวงพระบาง...ภาคต่อ.. )7-10 Oct.2009
เช้าต่อมาวันที่ 10 ตุลาคม 2009 วันนี้เป็นฉากสุดท้ายของการอำลาหลวงพระบางแล้วค่ะวันนี้ตั้งใจว่าจะใส่บาตรพระข้าวเหนียว ซึ่งป้าซิ่งตื่นนอนตอน ตีห้าครึ่งพอแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ลงมาที่ล๊อปบี้น้อยของที่พักเจ้าพะสิดเพื่อที่จะมาพบปะกับน้องๆคนไทยกลุ่มเดิม เพราะมีบางคนก็จะไปใส่บาตรพระด้วยกันแต่ในที่สุด ก็ไม่สมหวังเพราะฝนตก พายุเข้าอย่างหนักหน่วงพวกเราก็เลย..... นั่งเล่นพูดคุยกันตามอัทธาศัย ซักพักก็มีแม่ค้าหาบขนมมาขาย พวกเราเลยเฮละโลเข้าไปรุมล้อมรอบหาบแม่ค้าขนมแป้งข้าวเหนียว คลุกมะพร้าวขูดสดๆใหม่ๆ น่ากินมาก สะอาดด้วย ราคาถูกอีกต่างหาก อร่อยไม่หวานมากขนมเหล่านี้ จึงโดนเสกเข้าท้องเพื่อเป็นอาหารเช้าในวันที่ฝนตก(ถ้าฝนไม่ตก คงไม่ซื้อกินมั๊ง!!)ตั้งใจซื้อเท่าที่ปากต้องการ ผลสุดท้ายก็ต้องเรียกแม่ค้าหาบกลับมาใหม่ท่ามกลางสายฝนเพราะทุกคนบอกอร่อยๆๆๆๆๆๆ หลังจากรับประทานขนมรองท้องแล้ว กลุ่มน้องๆทั้ง 5 คนก็เดินทางไปเที่ยวแหล่งทัวร์เต็มวัน เที่ยวพวกถ้ำ , น้ำตก กันต่อไปส่วนเราสาวแกร่แล้ว เคร่งในธรรมมะ ธัมโม ก็ไปเที่ยววัดนะซิวัดและพระราชวังเก่าของเจ้าลาวก็อยู่แถบบริเวณไนท์พลาซ่าแค่แถวนี้ก็ได้ชมสถานที่ ที่งดงามแล้วค่ะ วัดที่คุณรัตน์และป้าซิ่ง ตกลงไปอันดับแรก เห็นจะเป็นวัดเชียงม่วนเป็นวัดที่เดินไม่ไกลอยู่ติดแม่น้ำโขงและแม่น้ำคาน เชื่อมกันพอดีวัดเชียงม่วน เป็นวัดที่ป้าซิ่งประทับใจในความงดงามของลายแกะสลักลงรักปิดทอง โบส์ถบางแห่งงดงามด้วยการปิดกระจกสีๆ เป็นรูปคน,สัตว์ ,ต้นไม้,ใบไม้ ,วัดวาอาราม มีรื่องเล่าทางศาสนาด้วยและวิถีชีวิตชาวบ้านท้องถิ่นของเขาค่ะราคาบัตรค่าผ่านประตูคนละ 20,000 กีบบรรยากาศตอนเดินออกจากที่พัก แม่น้ำคานจะอยู่ทางขวามือส่วนทางด้านซ้าย จะเป็นวัดทาดภูสี และที่พักราคาแพงอยู่ติดๆกัน ป้าซิ่งเดินมาทางด้านแม่น้ำคาน เลี่ยงมาทางซอยเหมือนมาทางหลังวัดเลยค่ะแต่ถ้ามาทางด้านหน้าวัด เชิงบันไดวัดจะมีรูปแมวสีขาวๆ นั่งที่หัวบันไดและด้านหน้าวัดจะเป็นแม่น้ำโขงแต่จะมาทางไหน ก็มีด่านเสียค่าบัตรผ่าน และ รูปพระอุโบสถสวยมีบานประตูลายวิจิตรงดงามก็อยู่ที่เดียวกัน+++++ข้อปฏิบัติการใส่บาตรพระที่ชาวต่างชาติควรถือปฎิบัติ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ป้ายให้หยุดตู้ไปรษณีย์ระหว่างทางเห็นร้านขายข้าวปุ้น ซึ่งเป็นร้านตั้งโต๊ะง่ายอยู่ฝั่งตรงข้ามโรงแรมสันติป้าซิ่งว่าที่เชียงคาน ข้าวปุ้นอร่อยกว่าค่ะ ส่วนข้าวปุ้นร้านนี้เป็นน้ำข้นเหมือนน้ำพะโล้ เพราะเนื้อทำจากเนื้อควายเป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้ลองกินเนื้อควาย ก็อร่อยดีเหมือนเนื้อวัวเลยเขาตุ๋นเนื้อควายเสียจนเปื่อยเชียวค่ะกินเสร็จก็เดินเรื่อยเปื่อยไปดูพิพิธภัณฑ์พระราชวังเป็นพระราชวังเก่าของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ไม่สามารถถ่ายรูปได้ ดูด้วยตาตนเองเสียค่าผ่านประตู 30,000 กีบหลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์พระราชวัง เดินเล่นเรื่อยเปื่อยและไปดื่มกาแฟกับอาหารกลางวันที่ร้าน JOMA (โจมา)ต่อเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่านิดๆได้ เดินออกมาเห็นฝั่งตรงข้ามมีวัดมีพญานาคห้าหัวตัวสีเงินทอดยาว น่าสนใจดีเลยเข้าไปสำรวจบรรยากาศภายในกันค่ะ เดินจนบ่ายคล้อย ขาเมื่อย พอดีผ่านร้านนวด เลยเข้าไปใช้บริการสะหน่อยเป็นร้านของคนไทยไปเปิดกิจการที่นั่น ราคาชั่วโมงละ 200 บาทป้าซิ่งกับคุณรัตน์เลยตกลง ว่าดีเหมือนกัน เพราะมีเวลาอยู่บ้างก่อนนั่งเครื่องบินกลับไปลงที่เวียงจันทน์ และจะต้องนั่งรถบัสกลับไทยในค่ำวันนั้นนวดเสร็จไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้กับที่พักเฮือนเจ้าพะสิดเพื่อไปสนามบินต่อ ถึงเวลานัด พนักงานขับรถก็พาไปส่งที่สนามบินหลวงพระบางชุดขึ้นเครื่องบินกับแบกเป้ของป้าซิ่ง เก็บไว้เป็นที่ระลึกเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงเลยล่ะค่ะนั่งไฟลท์ QV 104 เวลา 19:20 น.ใช้เวลาบิน 40 นาทีถึงเวียงจันทน์ตอน 2 ทุ่มพอดีเป๊ะคุณรัตน์กับพนักงานต้อนรับหนุ่มบนเครื่องบินเครื่องบินลาวถึงสนามบินตอนสองทุ่มต่อจากนั้นด้วยว่าต้องการรีบกลับเข้าไทยในคืนวันนี้ให้เสร็จสิ้นด่านปิดตอน 22:00 น. พวกเราเลยรีบนั่งแท๊กซี่ไปลงที่ด่านลาวภายในเวลาครึ่งชั่วโมงถึงด่านลาว(20:30 น.) แล้วเราก็รีบนั่งรถบัสจากฝั่งด่านลาวเที่ยวสุดท้ายไปลงที่ด่านฝั่งไทยค่ารถบัส 16 บาทหรือ 4,000 กีบถึงฝั่งด่านไทยสามทุ่มกว่าๆมีรถแท๊กซี่คนไทยรออยู่ เราก็รีบจ้างให้ไปส่งที่ท่ารถบัสหนองคาย100 บาทในค่ำวันนั้น หวังจะนอนหลับในรถจะได้ไม่ต้องมาเสียค่าที่พักที่ฝั่งไทย แบกเป้ต้องอดทนค่ะค่ารถบัสจากหนองคายไปกรุงเทพฯ 350 บาท ใช้เวลาการเดินทาง 9 ชั่วโมงถึงเช้าวันใหม่ที่หมอซิตถึงหมอซิตประมาณหกโมงเช้ากว่าๆอย่างอิดโรยและหิวจังเลยค่ะจบการไปสะบายดีที่ประเทดลาวแต่เพียงเท่านี้นะคะ
แบกเป้ไป>>สะบายดีประเทดลาว(หลวงพระบาง)7-10 Oct.2009)
วันที่ 9 ตุลาคม 2009 มีโปรแกรมไปหลวงพระบางวันนี้เป็นวันครูของประเทศลาว และ เป็นวันไปรษณีย์โลกตอนเช้าป้าซิ่งและคุณรัตน์ เช็คเอ๊าท์ออกจากริเวอร์ไซด์ บังกาโลเดินออกมาหาอาหารกินแต่เช้า ปากซอยมีร้านเป็นเพิงสังกะสีตามตำรับชาวบ้านๆ กินกาแฟกับปาท่องโก๋ ก็อร่อยแล้วค่ะ ตบท้ายด้วยน้ำชาร้อนเช้าวันนี้เด็กไปโรงเรียนด้วยหน้าตาสดใสตรงหน้าตะกร้าจักรยานมีดอกไม้สด และ ของขวัญ ให้แด่คุณครูกันทุกคนคือจริงๆแล้วป้าซิ่งไม่รู้หรอกค่ะ เป็นวันอะไร?ทำไมเห็นแต่เด็กไปโรงเรียนแล้วมีดอกไม้และของขวัญเลยเข้าไปสอบถามเด็กๆเลยได้คำตอบว่า วันนี้เป็นวันครู กินเสร็จได้เวลาไปท่ารถวังเวียง ตามหมายกำหนดของตั๋วที่ซื้อเมื่อวาน ไปก่อนเวลารถมินิบัสออกสัก 20 นาที เป็นอย่างน้อยบริเวณท่ารถวังเวียงก็ประมาณนี้ค่ะ ตามด้วยราคารถตู้น้อยๆ การไปหลวงพระบางด้วยทางรถ เมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าหนทางไกลเป็นเวลา 6 ชั่วโมงที่อยู่ในรถ เราจำเป็นจะต้องกินยาแก้เมารถถ้าให้ดีเตรียมยาดม ยาหม่อง ให้ทั่วถึงท้องไส้ หมายถึง เอายาหม่องทาท้องรอบๆสะดือไปด้วยก็ดีนะคะ มันช่วยได้ พอๆกับเอาโกเอี๊ยะมาปิดสะดือน่ะค่ะเที่ยวรถตู้นี้พอดีมีคนไทยมาเป็นกรุ๊ปด้วย 5 คน เราเลยได้เพื่อนเดินทางและคุยกันมาตลอด น่ารักดีทุกคน แหะๆแต่ต่างกันตรงอายุ ส่วนความประพฤติและปฏิบัติก็ไม่แตกต่างด้วยเพราะเราเป็นคนชอบเที่ยวเหมือนกันทุกคนค่ะแต่ละคนก็มาหาที่พักกันดาบหน้าทั้งนั้น เพราะที่หลวงพระบางมีเกสเฮ้าท์มากมายหลายสถานที่ มีให้เราเลือกเยอะมากทีเดียวตลอดเส้นทางจากวังเวียงจนถึงหลวงพระบางถนนคดเคี้ยวมาก มากเสียยิ่งกว่าที่ปายอีกโค้งเยอะมาก และก็อันตรายมากด้วยเพราะแต่ละโค้ง ถ้าเป็นวงกลม 360 องศา โค้งมันจะปาเข้าไป 310 องศาแล้วแต่ยังไงมันก็เป็นรูปวงรี ก็สัดส่วนตามจินตนาการณ์เอา เพราะไม่รู้จะเอาไปเปรียบกับอะไรดีป้าซิ่งกับคุณรัตน์ รอดตัวไปไม่อ้วกแตก แต่ก็เล่นเอามึนปนเบลอๆเล่นกินยาแก้เมาก่อน ก็หลับไปช่วงๆแรกหลังคุยกับน้องๆในรถได้พอสมควรค่ะผสมกับวิวทิวทัศน์ระหว่างทางสวยงาม มันสวยยิ่งกว่าไปอำเภอปาย แม่ฮ่องสอนอีกมีหมอกด้วย แม้เป็นเดือนตุลาคมยามสายสิบโมงเช้าแล้วก็ยังมีหมอกให้เห็นภูเขาสวยทุกลูก บางเนื้อที่ตามถนนจะมีวัว, ควาย, เป็ด, ไก่ ,หมูดำ เดินกันเต็มท้องถนนเป็นไฮไลท์ของการเดินทาง ความสวยงามตลอดเส้นทาง ยังฝังใจได้ตลอดไปแต่พอมาเจอะอุบัติเหตุบนถนนของชีวิตคนอื่นและรถตกเหว ก็ย้อนกลับมาดูตัวเราบอกได้ว่าขากลับ ตรูไม่กลับแล้วว่ะคุณรัตน์ เรากลับเครื่องบินลาวกันเหอะ !!เด๋ว...ถึง หลวงพระบาง เราไปจองตั๋วเครื่องบินมาลงเวียงจันทน์ภายในประเทศกันดีกว่า เพราะดูข้อมูลมาเหมือนกันราคาประมาณ 2,000 บาทได้(สุดท้ายของที่สุดก็ซื้อได้ราคา 2,400 บาทแบบกระทันหันหนึ่งวันรวมค่ารถรับจากโรงแรมไปส่งถึงสนามบินหลวงพระบางด้วย)ถ้าหากเราเตรียมล่วงหน้าว่าจะนั่งเครื่องบินแต่แรกเราก็สามารถเตรียมจองตั๋วเครื่องบินเสียแต่แรกจะได้ราคาถูกว่านี้เยอะภาพอุบัติเหตุรถตกเหว เพราะรถเดินทางมาถึงบริเวณเมื่อประมาณ ตี 4-5 ได้ถนนมันลื่นและมาตรงโค้งพอดี รถเลยลื่นไถลตกเหวไปเลยเป็นรถตู้ มีคนอยู่สิบกว่าคน หน่วยกู้ภัยกำลังช่วยกันไทยมุงอย่างเราก็จอดรถลงไปดูกับเขาด้วยรถผ่านไปได้เกือบสามชั่วโมง ก็ได้เวลาหยุดพักกินข้าว เข้าห้องน้ำกลางทางรถเดินทางต่อไปหลังอาหารแล้ว ทุกคนก็เงียบเพราะหลับกันเกือบหมดรถรถมาจอดถึงหลวงพระบาง มีคนขับรถแท๊กซี่จัมโบ้มารอถามเต็มเลยว่าจะไปไหน ?พักที่ไหน? ในจำนวนนั้นก็จะมีพนักงานของโรงแรมที่พักมาถามและบอกราคาห้องเสร็จสรรพ์ แต่พอดีว่าในกลุ่มคนไทยมีคนเคยมาเที่ยวหลวงพระบางอยู่แล้วคนหนึ่ง เลยชักชวนกันเหมารถไปลงที่ร้านกาแฟ JOMA บอกว่าในซอยปากทางร้านกาแฟมีเกสเฮ้าท์ราคาถูกอยู่เยอะทีเดียวป้าซิ่งก็เข้าไปช่วยดูห้อง ไม่รู้เป็นไรถูกชะตากับน้องกลุ่มนี้มากไปๆมาๆ ดูไป 3 ที่ก็ไม่ถูกใจ ราคา 400-500 บาท แต่อยากเดินดูที่พักที่อื่นต่อก็เลยเดินเฮละโลกันไปอีกหลายกิโล ในที่สุดก็มาได้ที่พักแถวแม่น้ำคานเพราะป้าซิ่งได้จิ๊กโบชัวร์จากพนักงานที่ท่ารถ แล้วมาพิจารณาดูตามที่พนักงานบอกว่า 400 บาทครับ ส่วนที่เราเห็นเกสเฮ้าท์ในซอย JOMA ไม่สวยเท่าที่พักเฮือนเจ้าพะสิดแล้วอีกอย่างที่พักเจ้าพะสิดยังใหม่อยู่ เลยตัดสินใจไปที่พักนั้นน้องกลุ่มนั้นส่งป้าซิ่งไปดูห้องคนเดียว ถ้าเห็นดีแล้วก็ต่อราคามาแล้วกันตามนั้น ต่อราคาได้เดี๋ยวน้องเดินไปที่พักครับ และแล้วช่วงระหว่างเวลาที่ป้าซิ่งไปดูห้อง ก็ทำให้คิดได้ว่าน้องกลุ่มนั้น ส่งเรามาดูห้องพัก เหมือนส่งให้เราไปตายในสนามรบก่อนใคร<<<แอบคิดเล่นๆไปงั้น แต่ก็อดขำไม่ได้>>>>(น้องๆกลุ่มนั้น พักกัน 2 คืน ส่วนป้าซิ่งพักแค่คืนเดียว)ต่อลองราคาแบบจนแล้วจนรอดก็ได้ราคา 360 บาทป้าซิ่งต่อ 350 บาท ยังไง ยังไง ก็ไม่ให้ ขี้เกียจต่อลองแค่ 10 บาทเลยให้พนักงานโรงแรมขับรถแมงกาไซด์ไปตามน้องๆมาน้องๆเห็นห้องก็โอเคเลยครับพี่ !!ที่พักเฮือนเจ้าพะสิดเดินไกลพอสมควรอยู่ตรงข้ามพระธาตุภูสี ทางขึ้นเขาพอดี เราขึ้นอีกทาง ไปลงอีกทาง ซึ่งเป็นตลาดไนท์พลาซ่าพอดีที่พักอยู่ตรงข้ามร้านสเต๊กค์ลาว น้องในกลุ่มก็ชักชวนเราเหมือนรวมพลังแก๊งค์ เที่ยวกันในวันนั้นเพราะวันรุ่งขึ้นต้องตัวใครตัวมัน เพราะคนละโปรแกรมวันนี้ทำได้คือ ตอนห้าโมงเย็นเที่ยวนมัสการพระธาตุภูสีและ ทานอาหารค่ำข้างทางร่วมกัน และ เดินเล่นไนท์พลาซ่า ส่วนตอนเช้าวันใหม่ ใครตื่นเช้าก็มาใส่บาตรพระหลายร้อยรูปร่วมกัน(พอเช้าจริงๆก็ไม่ได้ใส่ เพราะ ฝนตกหนักมากๆเลย แง๊ๆอดใส่บาตรข้าวเหนียว)ทาดพูสิ หรือ พระธาตุภูสี เสียค่าเข้าชม 20,000 กีบชื่นชมพระธาตูภูสี และ มองบรรยากาศรอบนอกบนเขาเสร็จก็เดินลงบันไดเขาลงมาอีกทาง เป็นตลาดไนท์พลาซ่าของขายเหมือนถนนคนเดินแถวเชียงใหม่แค่แตกต่างตรงมีเสื้อยืดโลโก้ลาวและผ้าถุงสาวลาว ลวดลายถักทอด้วยมือแตกต่างกับไทยป้าซิ่งซื้อด้วยผืนหนึ่งเย็บเสร็จเรียบร้อย เตรียมใส่เดินเล่นในวันรุ่งขึ้น อิๆกินอาหารมื้อค่ำด้วยกัน ด้วยบุฟเฟ่ย์ข้างทางจานใครจานมัน ก็สะดวกดีค่ะ5,000 กีบ ต่อจากนั้นแวะเข้าร้านกาแฟ JOMA ชาติตระกูลของประเทศคานาดาป้าซิ่งซื้อน้ำปั่นเป๊ปเปอร์มิ้นท์กับกีวี มาดื่มไว้เช้าๆจะมากินอาหารเช้าที่ร้านนี้อีกและกาแฟด้วยก่อนจากกันในคืนนั้น แวะเข้าวัดแถวบริเวณไนท์พลาซ่าเป็นโคมกระดาษสีสวยๆ ป้าซิ่งเห็นตั้งแต่เดินหาที่พักในตอนกลางวันแล้วค่ะ สำหรับคืนนี้สิ้นสุดลงเท่านี้ก่อนนะคะบล๊อคถัดไปจะพาไปชมความสวยงามของวัดอารามหลวงสำคัญของหลวงพระบาง