Chapter 6
บรรยากาศภายในห้องอาจารย์ใหญ่เต็มไปด้วยความอึดอัด และความเงียบ มีเพียงเสียงติ๊กต็อกของนาฬิกา กับเสียงจงอยปากของนกถ้วยชาที่เคาะเป็นจังหวะบนหลังตู้ตัวเล็ก กรอบรูปบรรดาอดีตอาจารย์ใหญ่รุ่นก่อนๆ เหลือเพียงพื้นสีขาวว่างๆ เพราะตัวคนในภาพย้ายไปรวมกันในกรอบรูปเหนือโต๊ะตัวใหญ่ตรงกลางห้อง

ร่างผอมสูงในเสื้อคลุมสีม่วงของอาจารย์ใหญ่ฮอกวอร์ตนั่งกุมมืออยู่ตรงหัวโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาคมกริบไล่มองไปตามใบหน้าของผู้ร่วมโต๊ะแต่ละคนที่กำลังวิตกกังวลไม่แพ้กัน ก่อนที่จะเป็นฝ่ายเปิดประเด็นเพื่อสรุปหัวข้อที่นำมาปรึกษากันให้เร็วที่สุด

“ทุกคนคิดยังไงกับเรื่องนี้บ้าง?” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลทาบมือลงกับโต๊ะพลางเอ่ยถามไปรอบๆ

“รอยแผลของพวกสัตว์เลี้ยงเหมือนถูกกัดด้วยเขี้ยวขนาดใหญ่จริงๆ ค่ะ” มาดามพรอมฟรีย์ที่ก้มหน้าอยู่ตรงมุมหนึ่งออกความเห็นด้วยน้ำเสียงกังวล “ถ้าเป็นอย่างเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน...”

“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครเปิดห้องแห่งความลับได้อีกแล้ว”

ศาสตราจารย์ฟลิตวิกซ์ที่นั่งอยู่อีกด้านเอ่ยค้านขึ้นมา ใบหน้าโปร่งใสกว่าคนปกติเล็กน้อยนั่นซีดเผือดลง

“ฉันเห็นด้วย” อาจารย์ใหญ่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพยักหน้า “เราทุกคนรู้ดีว่าห้องแห่งความลับถูกทำลายไปตั้งแต่ตอนที่แฮร์รี่ พอตเตอร์อยู่ชั้นปี 2 และที่สำคัญ ทายาทคนสุดท้ายของสลิธิริน...ก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว” ท้ายประโยคนั้นเว้นระยะเล็กน้อย ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ความรู้สึกกดดันยามเมื่อเอ่ยถึงอดีต ‘คนที่ทุกคนก็รู้ว่าใคร’ ก็ยังคงครอบงำอยู่ในใจของผู้ที่เคยอยู่ใต้เมฆดำของยุคมืดอยู่ไม่จางหาย

หญิงชราเอ่ยต่อด้วยสีหน้ากังวล “...แต่เราก็ไม่ควรประมาท” เธอหันไปเอ่ยถามใครอีกคนที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะ “คุณเห็นว่าอย่างไรบ้าง เซเวอรัส”

ชายในชุดเสื้อคลุมสีดำนิ่งคิด มือเรียวสัมผัสท้องแขนของตนเองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ผมไม่คิดว่านี่เป็นการกระทำของฝ่ายมืด อย่างน้อย...ก็ไม่น่าใช่พวกเดียวกับที่เราเคยรู้จัก” ไม่อย่างนั้นตรามารของเขาก็ต้องสร้างความเจ็บปวดให้อย่างที่เคยเป็นไปแล้ว

“ถึงอย่างไรก็คงไม่ใช่การกระทำของผู้ที่หวังดีแน่ พวกนักเรียนอาจจะเป็นอันตราย” รองอาจารย์ใหญ่เสนอความคิดเห็น โดยที่อาจารย์คนอื่นๆ รอบโต๊ะเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อสันนิษฐานนั้น

“เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เราคงต้องประกาศเคอร์ฟิล”

ศาสตราจารย์มักกานากัลสรุป แล้วหันไปทางอาจารย์สาวคนใหม่ ประจำวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด

“กาเบรียล คงต้องรบกวนคุณเรื่องจัดตารางเวรยามเดินตรวจตอนกลางคืนให้อาจารย์ทุกคนหน่อยนะ”

“ได้ค่ะ” กาเบรียล เดอ ลา กูร์รับคำ แม้ว่าจะยังไม่รู้เรื่องอดีตของโรงเรียนนี้มากนัก แต่เธอก็ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

“ฉันจะแจ้งพวกนักเรียนตอนอาหารเช้าพรุ่งนี้” อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอร์ตถอนหายใจออกมาเบาๆ “หวังว่าสิ่งที่เราคิดกัน จะเป็นแค่การระแวงเกินไปเท่านั้น....”

........................................................................................................

“อย่างที่ได้แจ้งไปแล้ว ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ขอให้นักเรียนทุกคนเข้าหอนอนให้ตรงเวลา และห้ามออกมานอกหอโดยเด็ดขาด ถ้าหากมีใครถูกพบนอกหอนอนเกินเวลาที่กำหนด จะถูกลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น”

อาจารย์ใหญ่ของฮอกวอร์ตเอ่ยด้วยน้ำเสียงก้องกังวานและสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนจะทรุดนั่งลง คราวนี้พวกนักเรียนที่นิ่งเงียบฟังมานานหันกลับไปคุยกันเสียงเซ็งแซ่

“เห...ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ แฮะ”

เด็กหนุ่มผมสีเพลิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของกริฟฟินดอร์ออกปาก “เธอว่างั้นไหม นาย่า?” หันไปพูดกับเด็กสาวหน้าเหมือนกันเปี๊ยบที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ใช่! ดีนะที่เมื่อคืนพวกอาจารย์ไม่เจอเราที่นั่น” คนถูกถามทำท่าสยองไม่หายเมื่อนึกถึงภาพนองเลือดเมื่อวาน

“นายหาข้อมูลของห้องแห่งความลับไปถึงไหนแล้ว เฮอร์มิส?”

คราวนี้นาย่าหันไปกระซิบกับญาติผู้น้องที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้าง

“ยังไม่ได้เท่าที่เราต้องการหรอก”

เด็กหนุ่มร่างโปร่งที่ยังคร่ำเคร่งอยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โดยมีแซนวิชอาหารเช้าอยู่ในมืออีกข้างเอ่ยตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “ฉันพยายามแฮกก์เข้าไปดูเอกสารเก่าๆ ของฝ่ายสืบสวนแล้ว แต่ฐานข้อมูลของกระทรวงเวทมนต์เองก็ไม่มีรายละเอียดของเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ท่าทางตอนนั้นโรงเรียนคงจะปิดข่าวด้วยละมั้ง”

นิ้วเรียวเสยแว่นตาที่ตกลงมาที่ดั้งจมูกกลับเข้าที่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นในที่สุด “แต่ก็สรุป 100% ไม่ได้หรอกนะ นั่นมันช่วงก่อนสงครามนี่นา ว่าแต่...ดีล? นายได้จดหมายตอบจากพ่อนายหรือยัง?”

“ยังเลย สงสัยป๊ะป๋าจะออกภาคสนามอีกแหง” ร่างสูงในชุดเครื่องแบบสลิธิรินส่ายหน้าแบบเซ็งๆ

ตั้งแต่เข้าโรงเรียน เขาไม่เคยขาดการติดต่อกับทางบ้านมาก่อน ยิ่งกับป๊ะป๋าที่คอยห่วงกลัวว่าลูกชายจะก่อเรื่องวุ่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ดังนั้นถ้าพ่อเขาจะไม่ตอบจดหมายก็มีเหตุผลอยู่ไม่กี่อย่าง คือ ถ้าไม่ไปต่างประเทศในที่ที่ติดต่อลำบาก ก็คงยุ่งมากจนไม่มีเวลา แต่ถ้าเป็นกรณีหลังคุณพ่ออีกคนก็จะเป็นคนเขียนจดหมายบอกเขาแทน

“คราวนี้คงหิ้วเดรกับเฮเลนไปด้วยแน่ๆ ไม่งั้นเดรต้องเขียนตอบกลับมาบอกฉันแล้ว” ดีลคาดเดา

...งั้นก็ต้องมาค้นหาสาเหตุกันเองสินะ

สมาชิกของกลุ่มตัวกวนสรุปออกมาเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ตอนนี้ปัญหาตรงหน้าดูเหมือนจะหนักหนากว่า

คิดแล้วสายตาทุกคู่ก็เลื่อนไปจับที่ใครอีกคนซึ่งนั่งเงียบมาตั้งแต่เริ่มทางอาหาร

เฟนริส เดอ ลา กูร์นั่งก้มหน้า มือเรียวเล็กจับช้อนแน่น แต่ซุปในชามกลับไม่ค่อยพร่องลงไปเลย ใบหน้าเรียวเล็กนั้นซีดเผือด ขอบตาบวมช้ำจากการร้องไห้มาตลอดคืน

ดีลมองเพื่อนร่วมบ้านแล้วก็ได้แต่แอบถอนใจ

จะปลอบยังไงดีนะ รู้อยู่ว่าเพื่อนใหม่ของเขารักเจ้าแมวน้อยตัวนั้นมาก มาเห็นมันตายต่อหน้าโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้มันก็คงต้องเสียใจแน่ๆ ล่ะ แถมยังเป็นการฆาตกรรมโหดเสียอีก

ใบหน้าเรียวยาวขมวดคิ้วมุ่น อดที่จะครุ่นคิดต่อไปไม่ได้

นั่นสิ...คนที่ทำเรื่องแบบนั้นมีจุดประสงค์อะไรถึงต้องทำเรื่องโหดร้ายขนาดนั้น แถมยังอ้างตัวเป็นทายาทของสลิธิรินอีก

ลูกชายของอดีตฮีโร่บ้านกริฟฟินดอร์ยกแขนกอดอก พยายามไล่เลียงความคิด เท่าที่จำได้ลางๆ ห้องแห่งความลับดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในการผจญภัยสมัยเรียนของพวกป๊ะป๋า แล้วตามที่อลิเซียเล่าว่ามันถูกปิดตายไปเมื่อหลายปีก่อน ถ้าคิดว่าเป็นช่วงที่บิดาเขากำลังเรียนอยู่ก็ลงล็อคพอดีเป๊ะ

ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะเป็นฝีมือของใครกันล่ะ? คิดจนหัวแตกตอนนี้ก็คงยังหาคำตอบไม่ได้แน่ ข้อมูลมันน้อยเกินไป...ยังไงตอนนี้มาคิดหาทางปลอบเฟนริสก่อนดีกว่าละมั้ง ดวงตาสีฟ้าเหลือบมองไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง

ดูท่า...คนที่จะทำได้ดีที่สุดก็คือคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เจ้าตัวนั่นแหละ

“กินอะไรเสียหน่อยเถอะ เฟนริส เดี๋ยวจะไม่สบายนะ”

เสียงใสเย็นบอกเบาๆ ร่างโปร่งเลื่อนจานซุปเย็นชืดออกจากมือน้องชายแล้วยื่นชามซีเรียลใส่ผลไม้ที่รินนมสดไว้เรียบร้อยเข้ามาให้แทน

“ผมทานไม่ลงเลยฮะ พี่เฟลย์”

ใบหน้าเล็กส่ายไปมาช้าๆ ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก แต่คนเป็นพี่สาวกลับเอื้อมมือมาลูบศีรษะเล็กพลางโน้มน้าวต่ออย่างใจเย็น “พี่รู้ว่าเธอเสียใจ แต่ถ้าเธอไม่ยอมทานอะไรเลยแบบนี้ จะทำให้ทุกคนเป็นห่วงนะ”

ท้ายประโยคมีเค้าบังคับเล็กน้อยแต่ก็ทอดเสียงอ่อนโยนจนเกือบจับไม่ได้

“เธอคงไม่อยากให้เพื่อนๆ ไม่สบายใจไปด้วยหรอกใช่ไหม?”

คราวนี้เจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งค่อยรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมองคนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าทั้งญาติสนิทและเพื่อนร่วมบ้านต่างก็ส่งยิ้มปลอบมาให้พร้อมกับสีหน้ากังวล เด็กหนุ่มจึงรีบปาดน้ำตาลวกๆ สูดลมหายใจแล้วพยักหน้ารับทันที

“ผมทานข้าวก็ได้ ขอโทษนะฮะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง”

แล้วมือเล็กก็ค่อยๆ หยิบช้อนขึ้นตักซีเรียลหวานของโปรดเข้าปาก เฟลย์รอจนน้องชายลงมือทานแล้วจึงค่อยจัดการอาหารเช้าของตัวเองบ้าง สัญชาติญาณทำให้รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกมอง ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีฮาร์เซลจึงสบเข้ากับดวงตาสีฟ้าของคนที่มองอยู่ก่อนเข้าพอดี

เด็กหนุ่มผมดำที่นั่งอยู่ตรงข้ามคลี่ยิ้มให้อีกฝ่าย ร่างสูงยกแก้วน้ำฟักทองขึ้นพร้อมกับก้มศีรษะให้นิดๆ ราวกับจะเอ่ยชม ซึ่งอดีตประธานนักเรียนของโบบาตงก็ตอบรับด้วยกิริยาเดียวกัน

ก็ถือว่าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปได้เปลาะหนึ่งแล้วล่ะนะ

........................................................................................................

“ที่จริงติดเคอร์ฟิลอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันน๊า อย่างน้อยเราก็ได้มีเวลาซ้อมกันเต็มที่ แถมมีคนฟังเยอะแยะ”

เมธิส วิสลีย์พูดขึ้นมาลอยๆ ทั้งที่มือยังง่วนกับการปรับสายกีตาร์ไฟฟ้าตัวโปรด ข้างตัวมีลูกพี่ลูกน้องสาวที่มักจะถูกเข้าใจว่าเป็นฝาแฝดกำลังขะมักเขม้นลองจูนเบสตัวใหญ่เข้ากับแอมป์ที่ตั้งอยู่บนพื้น

“พูดไปเหอะ ของของพวกนายมันเก็บไว้ในหอนอนได้นี่หว่า”

เด็กหนุ่มผมดำที่นั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้นวมสีแดงบ่น “รู้ไหม กว่าฉันจะหาที่ซ่อน ‘ไอ้นั่น’ ได้ ต้องหลบเซเวอรัสแทบตายแน่ะ” ถึงได้ไม่ค่อยอยากได้ตำแหน่งนี้ไง ร่างสูงเอนหลังพิงที่วางแขน พาดขาไปอีกด้านด้วยท่าทางสบายๆพลางหมุนแท่งไม้กลมในมือไปด้วย ดวงตาสีฟ้าพยายามมองกวาดไปทั่วห้องนั่งเล่นของบ้านกริฟฟินดอร์อย่างคุ้นเคยราวกับเป็นหอนอนของตนเอง

“เฮอร์มิสไปไหนล่ะ?” ดีลเอ่ยถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่ตอนนี้ไม่เห็นอยู่ในระยะสายตา

นาย่าปรับเสียงลำโพงให้หรี่ลงก่อนจะตอบ “ไปแบกพวกตำรามาจากห้องสมุดแล้วก็ขึ้นห้องนอนเงียบไปตั้งแต่ตอนค่ำโน่นแน่ะ เห็นบอกว่าจะลองค้นพวกเลคเชอร์เก่าๆของน้าเฮอร์ไมโอนี่ด้วย”

“เห...บ้านนี้เขาส่งต่อเลคเชอร์เป็นมรดกตกทอดกันเหรอเนี่ย”

ลูกชายคนโตของครอบครัวพอตเตอร์อุทานอย่างเหลือเชื่อ แต่ถ้าดูจากนิสัยของเฮอร์มิสแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่แฮะ งั้นเป็นอันว่าการซ้อมคืนนี้ก็ไม่มีมือคีย์บอร์ดสินะ ตัวเขาเองก็ไม่มีอุปกรณ์ด้วย

เอ...ว่าแต่ใครอีกคนที่มักจะอยู่รวมกลุ่มกับเจ้าแสบพวกนี้ล่ะ

ดวงตาสีฟ้าพยายามมองกวาดอีกรอบ แต่ถูกขัดด้วยเสียงพูดลอยๆ จากเจ้าเพื่อนตัวยุ่งที่ยังนั่งเกากีตาร์อยู่อีกฝั่ง

“เฟลย์สอนการบ้านพวกเด็กปี 3 อยู่ที่หอหญิงโน่นแน่ะ เห็นว่าน้องๆ เขามาขอร้องเลยช่วยเสียหน่อย คนใจดีก็ลำบากแบบนี้ล่ะน๊า....” น้ำเสียงยานคางปนกลั้วหัวเราะนั้นทำเอาดีลรู้สึกคันเท้าขึ้นมาตงิดๆ อยากจะประเคนบาทาให้เป็นของว่างหลังอาหารแต่ก็ถูกขัดรอบสองด้วยเสียงนาฬีกาตีบอกเวลาเกือบ 4 ทุ่ม

เสียงทุ้มอุทานออกมา“เฮ้ เลยเวลาเคอร์ฟิลมาตั้งเยอะแล้วนี่หว่า”

ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนจัดเสื้อจัดแสงโดยมีเสียงเพื่อนๆ ทักอย่างแปลกใจ

“นึกว่านายจะนอนหอนี้เสียอีก?” เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ชินกับภาพคนดังของรุ่นมาค้างที่หอ แถมยังคุ้นเคยกับเขาเสียจนเกือบลืมไปแล้วว่า ดีล พอตเตอร์เป็นนักเรียนของบ้านคู่แข่ง

“ก็อยากอยู่หรอก แต่เป็นห่วงเฟนริสน่ะ”

ที่จริงก่อนออกมา ดีลก็เอ่ยปากชวนเพื่อนสนิทคนใหม่มาด้วยแล้ว แต่ฝ่ายนั้นปฏิเสธด้วยท่าทางที่ยังดูซึมๆ ไม่หาย อาการแบบนั้น ขืนทิ้งให้นอนอยู่หอคนเดียวคงจะน่าสงสารแย่ จะฝากฝังกับเพื่อนร่วมหอนอนอีกคนก็คงไม่ไหว นึกถึงใบหน้าเย็นชากับดวงตาสีเทาของเจ้านั่นแล้ว เฟนริสคงกลัวจนขาดใจตายไปเสียก่อนมากกว่า

“งั้นฉันไปล่ะนะ ฝากบอกเฮอร์มิสกับ...คนอื่น...ด้วยล่ะ”

ท้ายประโยคเว้นระยะเล็กน้อย แต่นาย่ากลับรีบเงยหน้าจากเบสมาตอบรับเสียงดัง

“เออ ไว้ ‘คนอื่น’ เขาลงมาจากหอนอนเมื่อไหร่ จะบอกให้ว่านายฝากความคิดถึง”

ประโยคนั้นทำให้คู่หูอีกคนหัวเราะชอบใจออกมาทันควัน คุณชายคนที่สองของสลิธิรินได้แต่ทำเสียงจิ๊กจั๊กขัดใจ เจ้าพวกนี้มันรวมหัวกันดีเสียจริ๊ง เวลาล้อชาวบ้านเขานี่

เฮ้อ พูดแล้วก็เสียดายที่ไม่ได้คุยกันอีกเลยตลอดช่วงหัวค่ำ ป็อบปูล่ากว่าที่คิดจริงๆ ด้วยแฮะ

........................................................................................................

“หนอย เจ้าพวกนั่นเห็นคนจะออกมาล่ะถือโอกาสใช้เลยนะ”

เด็กหนุ่มผมดำบ่นงึมงำอย่างหงุดหงิด ร่างสูงเดินไปตามระเบียงอย่างทุลักทุเลไม่น้อย เมื่อมือข้างหนึ่งต้องถือกีตาร์ตัวโปรดของเมธิส ขณะที่มืออีกข้างก็ต้องหิ้วกล่องใส่อุปกรณ์เครื่องเสียงของนาย่า โดยมีเบสตัวใหญ่ของเจ้าหล่อนแขวนไว้บนบ่า นี่ถ้าเฮอร์มิสโผล่มาฝากคีย์บอร์ดอีกเครื่องล่ะก็ เขาคงต้องคาบไว้ในปากแล้วล่ะ

‘ก็ถ้าศาสตราจารย์หัวเมือกจับได้ขึ้นมา นายจะเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกโทษกักบริเวณนี่หว่า’

หรือไม่ก็ถูกเชือดคอไปเลยน่ะสิ คุณชายเบอร์สองของบ้านสลิธิรินบ่นในใจ ทำไมเจ้าพวกนั้นต้องเกิดอยากจะเอาของไปเก็บที่ห้องซ้อมกันตอนนี้ด้วยฟะ? ของพะรุงพะรังขนาดนี้ เรื่องจะคลุมผ้าคลุมล่องหนเป็นอันพับไปได้

จะว่าไปก็ชักง่วงเหมือนกันแฮะ รีบเอาของไปเก็บแล้วกลับไปนอนดีกว่า

ขณะที่คิดตัดสินใจได้ ดวงตาสีฟ้าก็เหลือบไปเห็นเงาร่างของใครบางคนในระยะไกล

‘เฟนริส?’

ดีลขมวดคิ้ว เพื่อนตัวเล็กของเขากำลังเดินอยู่บนระเบียงฝั่งตรงข้าม ใบหน้าเรียวเหมือนจะเพ่งมองไปที่อะไรบางอย่างที่อยู่เลยถัดออกไป แต่เสาหินขนาดใหญ่บดบังสายตาของเสนาธิการกลุ่มตัวกวนจนเขามองไม่เห็นเป้าหมายนั้น

ร่างสูงตัดสินใจรีบสาวเท้าเข้าไปหาแล้วส่งเสียงกระซิบเรียก “เฟนริส”

เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงรีบหันกลับมาทันควัน แต่แล้วใบหน้าเรียวสวยก็คลี่ยิ้มโล่งอก

“ดีล! อยู่ๆ ก็เรียก ผมตกใจหมดเลย”

“ขืนไม่เรียกนายก็เดินไปให้ฟิลช์จับตัวน่ะสิ ออกมาทำอะไรดึกๆ น่ะ หือ?” คนตัวสูงกว่าถามกลับพลางเพ่งมองอีกฝ่าย ร่างบางอยู่ในชุดนอนตัวโปรดคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีเข้ม ทำท่าเหมือนเพิ่งจะลุกมาจากเตียง

“ผม...เห็นว่าดีลไม่กลับมาเสียที ก็เลยว่าจะไปตามที่หอกริฟฟินดอร์น่ะฮะ”

เจ้าของดวงตาสีน้ำผึ้งตอบอึกอัก ดูเหมือนกำลังกลบเกลื่อนอะไรบางอย่าง

เด็กหนุ่มผมดำหรี่ตาอย่างรู้ทัน โกหกไม่เนียนเลยน๊า พ่อหนูเอ๊ย...ทางไปหอกริฟฟินดอร์มันทางนั้นที่ไหนกันเล่า แต่เอาเถอะ ตอนนี้รีบหลบฟิลช์ก่อนดีกว่า เอาของไปเก็บแล้วกลับหอนอนไปสอบสวนก็ไม่สาย

“งั้นฉันมาแล้ว เรารีบเอาของพวกนี้ไปเก็บที่ห้องซ้อมของพวกฉันก่อนแล้วค่อยกลับหอนอนกันนะ”

ใบหน้าเรียวเล็กดูโล่งใจที่ไม่ถูกถามต่อ “ของพวกนี้? อะไรกันหรือฮะ?” เฟนริสมองดูข้าวของที่แขวนอยู่บนตัวเพื่อนร่วมบ้าน ทำท่าจะเข้าไปช่วยหิ้ว “แล้วห้องซ้อมมันอยู่ที่ไหนเหรอ?”

“ถามหลายคำถามจริงนะนายนี่” ดีลพูดกลั้วหัวเราะ อยากจะขยี้ผมคนช่างสงสัยไปสักที แต่ติดที่มือไม่ว่าง เขาทำท่าจะยื่นกีตาร์ที่คิดว่าน่าจะน้ำหนักเบาที่สุดให้อีกฝ่าย “ก็ ‘เครื่องดนตรี’ ของพวกฉันไง เราหัดเล่นกันมาตั้งแต่ปิดเทอมปีที่แล้วแน่ะ อีกไม่นานก็ว่าจะหาทางเล่นโชว์สักที ไว้นายไปดูพวกเราซ้อมสิ แต่ว่าตอนนี้เอาของไปเก็บก่อ...”

“แง๊วววววววว”

เสียงเล่าถูกขัดจังหวะด้วยเสียงร้องแหลมสูงที่ดังมาจาดทิศทางตรงข้าม คนที่อยู่บนระเบียงหันขวับไปมองพร้อมกัน เจ้าแมวหน้าตาอัปลักษณ์กำลังโก่งตัวทำพองขน ตาวาววามจ้องเขม็งมาที่พวกเขา

“ซวยแล้ว! มิสซิสนอร์ริส!” ดีลอุทาน มีนางแมวแก่นี่ก็แปลว่า ฟิลช์ต้องอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแน่ๆ

ท่าทางเขาจะคิดไม่ผิด เสียงกุกกักดังขึ้นจากเงามืดของหัวมุมระเบียงห่างออกไปเพียงนิดเดียว แมวตัวผอมหมุนกลับแล้ววิ่งหายลับไปยังต้นเสียงเหมือนจะรีบไปแจ้งข่าว

“เฟนริส หลบก่อนเร็ว”

เขาเรียกเพื่อนที่ยืนข้างๆ แล้วรีบวิ่งหลบไปยังทางเดินแคบอีกด้านหนึ่ง “นายตามฉันมานะ ท่าทางเราคงต้องหาที่หลบก่อนแล้วล่ะ” เขาหันไปบอกอีกฝ่ายที่วิ่งตามมาด้วยท่าทีงงๆ ที่จริงอยากจะเอื้อมมือไปช่วยดึง แต่สองแขนเขาก็ยังต้องประคับประคองข้าวของพวกนี้อีกน่ะสิ โว๊ย! คิดแล้วไม่น่ารับฝากของเจ้าพวกสองแสบเลยจริงๆ

“เดี๋ยว เราจะไปไหนกันฮะ ดีล?” ร่างเล็กที่วิ่งตามแทบไม่ทันถาม “ไม่กลับหอเหรอฮะ”

“จากที่นี่ไปห้องซ้อมของพวกฉันใกล้กว่าน่ะ” ดีลพูดพลางวิ่งพลาง มือที่ถือกล่องอุปกรณ์ขยับไปดึงสายเบสที่ทำท่าเหมือนจะเลื่อนหลุดจากไหล่ ไปได้ช้ากว่าที่คิดจริงๆ ด้วยแฮะ เสียงนางแมวที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังดังขึ้นอีกครั้ง

เปลี่ยนแผนดีกว่า!

ฝ่ายวางแผนของกลุ่มตัวกวนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “นายจำทางกลับหอได้นะ เฟนริส ฉันจะล่อเจ้าภารโรงแก่นั่นให้ นายกลับหอไปก่อนแล้วกัน”

“เดี๋ยวสิฮะ ดีล” ฝ่ายที่เริ่มหอบฮั่กๆ พยายามจะค้าน แต่เด็กหนุ่มผมดำก็รีบหมุนตัววิ่งไปอีกทางเสียแล้ว

คุณชายของสลิธิรินกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามระเบียง เอาเถอะ ลำพังแค่เขาคนเดียวคงเอาตัวรอดได้ไม่ยาก อย่างมากก็คงโดนทัณฑ์บนรอบที่ 238 เท่านั้นเอง แต่ไม่อยากให้เพื่อนใหม่ตัวน้อยมาโดนหางเลขไปด้วย เดี๋ยวพี่สาวแสนดีคนนั้นจะยิ่งมองเขาแย่ลงไปอีก

“อ๊ะ” มัวแต่คิดเพลิน เกือบจะชนเข้ากับใครบางคนที่เดินมาจากหัวมุมฝั่งตรงข้าม “เฮ้...! อ้าว...?” เสียงทุ้มหลุดปากอุทานอย่างประหลาดใจเมื่อมองเห็นอีกฝ่ายถนัด

ดวงตาสีฮาร์เซลที่มองกลับมาจากเงาสลัวก็เต็มไปด้วยคำถามไม่ต่างกัน

........................................................................................................

TBC~


TALK

Acacha
ตอนใหม่ ช้าไปร่วมเดือน ^^”

เรื่องวงดนตรีนี่เคยชี้แจงไปในรวมเล่มแล้วครั้งนึง แต่ก็ขอบอกอีกทีว่าเราให้พวกนี้เล่นดนตรีก็เพราะได้อิทธิพล กรี๊ดกร๊าดโดของhappy family ค่ะ ^^ ตอนหน้าอาจจะเร็วๆ นี้ แต่ขอไม่บอกวันเหมือนเคย - - เครื่องจักรสังหารสนิมเกาะไปแล้ว ปั่นฟิคอย่างบ้าคลั่งแบบเมื่อก่อนไม่ไหว ^^”

Na-O
อยู่ดีๆ ก็ชอบจังหวะการส่งบทของเมธิส นาย่า เฮอร์มิส ขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล สงสัยเพราะเป็นตัวละครกลุ่มที่มีบุคลิกชัดเจนละมั้ง อยากเขียนบทให้เจ้าพวกนี้อีกเยอะๆ แต่ถ้าขืนลากไปไหนมาไหนด้วย เจ้าดีลไม่มีโอกาสจีบคุณพี่สาวสุดเท่แหงเลย (จนถึงตอนที่ 6 แล้วคะแนนมันก็ยังไม่ขึ้น เฮ่อ สงสารจริ๊ง)

อย่างที่คนข้างบนบอกนั่นแล ตอนหน้าจะลงไวกว่านี้ครับ สัญญาๆ ดีใจที่มีคนคิดถึงเจ้าดีลด้วยน๊า



Create Date : 01 สิงหาคม 2549
Last Update : 1 สิงหาคม 2549 11:30:30 น.
Counter : 422 Pageviews.

1 comments
  
โชคดีจิง คลิกมาเจอ ...
ไม่ได้อ่านมานาน ขอบคุณค่า
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
โดย: greenmania วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:21:43:40 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]