Chapter 1
เสียงคุยที่ดังจ้อกแจ้กอยู่ในห้องโถงใหญ่เมื่อวินาทีก่อนหน้านี้เงียบกริบลงทันควัน ได้ยินแต่เสียงฝีเท้าสองคู่ที่ก้าวผ่านประตูเข้ามา

คนที่เดินนำมาก่อนเป็นร่างเล็กที่ค่อนข้างบาง ใบหน้าขาวใสกับริมฝีปากสีชมพูนั้นดูอ่อนหวานน่ารัก แถมยังเข้ากับเสื้อคอปกกะลาสีสีครีมที่เจ้าตัวสวมอยู่อย่างเหมาะเจาะ แต่ที่ทำให้คนทั้งห้องออกจะสับสน เห็นจะเป็นกางเกงขาห้าส่วนที่เจ้าตัวสวมอยู่ มือเรียวขาวปัดเส้นผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาเรี่ยแก้มให้พ้นไป พลางมองผ่านไปรอบๆ ห้องด้วยดวงตาสีน้ำผึ้งที่ปกปิดประกายวับของความสนใจไว้ไม่มิด รอยยิ้มเล็กๆ บนริมฝีปากสีเรื่อที่ทำให้เด็กหนุ่มหลายคนในห้องตาค้างกันไปเรียบร้อย

แต่ระหว่างที่ยังสรรหาคำพูดของตัวเองไม่เจอ สายตาทุกคู่ก็เลื่อนที่คนซึ่งเดินตามมาด้านหลัง…

ร่างสูงโปร่งนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบสีอ่อนเช่นเดียวกับคนแรก เพียงแต่คราวนี้ตัวเสื้อกลับเป็นเสื้อแนวรอยัล แพทเทิร์นคอปกตั้งเรียบกริบ แขนยาวจรดข้อมือตัดเส้นด้วยสีดำสนิท กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน ช่วงขาเพรียวก้าวยาวๆ อย่างไม่รีบร้อนตามหลังคนตัวเล็กกว่าที่เดินนำอยู่ เส้นผมสีบลอนด์เหลือบแดงยาวเกือบถึงกลางหลังที่ถูกมัดรวบพลิ้วไหวเล็กน้อยตามจังหวะก้าวเดิน ใบหน้าเรียวที่ประดับดวงตาสีฮาร์เซลมองตรงไปข้างหน้า ไม่ประหม่า หรือแม้แต่ให้ความสนใจกับสีหน้าตกตะลึงของบรรดาเพื่อนใหม่ที่นั่งอยู่สองฟากทางเดินแม้แต่นิด

ถ้าจะบอกว่า ใบหน้าหวานของผู้มาเยือนคนแรกทำให้ทุกคนนิ่งเงียบมองตาม (โดยเฉพาะพวกนักเรียนชาย) ใบหน้าคมเปี่ยมความมั่นใจของร่างสูงโปร่งที่เดินตามมาด้านหลังก็เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดานักเรียนหญิงทุกโต๊ะได้พอกัน

“คนที่เดินตามมาข้างหลังนั่นเท่จังเลย!”

“จริงด้วย! เด็กผู้ชายคนแรกก็น่ารักนะ แต่คนหลังเท่มากๆ”

“ใครน่ะ มาจากต่างประเทศหรือ? ว้าว จะอยู่บ้านไหนนะ?”

เสียงกลุ่มผู้หญิงแทบทุกบ้าน กระซิบเถียงกันเบาๆ หาคำตอบไม่ได้ แม้จะเป็นกระกระซิบกันเบาๆ แต่เมื่อรวมเสียงของหลายๆ คนเข้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำพูดทั้งหมดจะไม่ไปถึงหูเจ้าตัวคนที่ถูกพูดถึง แต่ร่างสูงโปร่งก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร นอกจากรอยยิ้มเล็กๆ ที่ตีความไม่ออก ส่วนคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่ด้านหน้านั้นถึงกับต้องกัดริมฝีปากกลั้นหัวเราะไปแล้ว

“อุ๊บ หึหึ”

ดูท่าคนที่กำลังกลั้นหัวเราะจะไม่ได้มีเพียงผู้มาเยือน กลุ่มเด็กผมแดงของบ้านกริฟฟินดอร์พากันปิดปากหัวเราะคิกคักราวกับขำเสียเต็มประดา แต่คนที่ไม่รู้สึกตลกคงเป็นเด็กหนุ่มสลิธิรินคนเดียวในกลุ่มนั่นแหละ ดวงตาสีฟ้ายังคงมองไปที่หนึ่งในสองร่างที่ยืนอยู่กลางโถงด้วยสายตาสนอกสนใจ

“พวกนายรู้จักสองคนนั้น?”

ดีล พอตเตอร์เอ่ยถามเพื่อนร่วมก๊วนโดยไม่ละสายตาจากร่างนั้น แต่คนถูกถามกลับแกล้งยียวน

“สองคนไหน? เธอรู้มั้ย นาย่า เจ้าดีลมันพูดถึงสองคนไหน?”

เมธิสทำหน้าตาไม่รู้เรื่องเต็มที่ หันไปยักไหล่กับเด็กสาวที่เป็นคู่ดูโอ้ประจำโรงเรียน

“เอ...นั่นสิ สองคนไหนน๊อ” นาย่ารับมุขทันควัน

คราวนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมดำจึงยอมละจากจุดสนใจหันกลับมาขมวดคิ้วใส่สองแฝดจอมแสบที่ทำท่าเหมือนเก็บงำความลับระดับชาติไว้อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งมาเจอสายตาอยากรู้จากเขาและคนอื่นๆยิ่งทำเล่นตัวกันไปใหญ่

“สงสัยจะเป็น2คนนั้น... บารอนเลือดกับนิกหัวเกือบขาด”

“ไม่ก็แฮกริดกับฟิลช์”

“หรือจะเป็นรองอาจารย์ใหญ่หัวเมือกกับ....ง่า.......”

เสียงใสขาดหายไป พร้อมกับเปลี่ยนอาการตลกหน้าตายให้เป็นรอยยิ้มจืดเจื่อนในทันที เมื่อมองเห็นร่างสูงในชุดคลุมสีดำสนิทมายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“พูดต่อสิ ฉันกับใคร...วีสลีย์” น้ำเสียงราบเรียบถามโดยเจาะจงทิ่มแทงสายตาไปที่ฝาแฝดทั้งสอง

นาย่ากับเมธิสใช้ศอกถองกันไปมา เกี่ยงจะให้อีกคนตอบ ขณะที่เฮอร์มีสส่ายหน้าเหมือนปล่อยเกาะให้รับกรรมกันเอง

คนถามเองก็คงไม่ได้ใส่ใจ น้ำเสียงเย็นชาขัดขึ้น “หักกริฟฟินดอร์ 20 คะแนน โทษฐานส่งเสียงดังในห้องโถง” มือใต้ชายเสื้อคุลมดำเอื้อมมาดึงคอเสื้อของร่างสูงที่นั่งอยู่ติดๆ กันโดยไม่เสียเวลาฟังเสียงบ่นงึมงำของเด็กทั้งโต๊ะ

“และหักสลิธิริน 10คะแนน – กลับไปนั่งที่ได้แล้ว มิสเตอร์พอตเตอร์”

ร่างสูงต้องรีบลุกขึ้นตามแรง เมื่อคอเสื้อและเนคไทยุ่งๆ ถูกดึงเสียจนเกือบจะรัดคอ “หวา เดี๋ยวฮะ เซเวอรัส” ดีลประท้วงเสียงอ่อยๆ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมลดแรงเลยแม้แต่นิด

“เลิกเดินมานั่งโต๊ะบ้านอื่นเสียที ดีล –เดรโก พ่อเธอยังไม่เคยทำให้ฉันปวดหัวเท่านี้เลยนะ”

คู่แฝดทั้งสองถึงกับทำท่าซาบซึ้งกับความเสียสละของเพื่อน โบกมือหย่อยๆ แทบจะดันตัวดีลส่งให้อาจารย์วิชาปรุงยาประจำโรงเรียนเสียด้วยซ้ำ

ดีลบ่นไปตามทางจนถึงที่นั่งจริงของตัวเอง เรียกสายตาทุกคู่ของเด็กทั้งโรงเรียนได้เป็นอย่างดีพอๆ กับเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ซึ่งเจ้าตัวก็คงไม่แคร์หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะหันไปเห็นแววขบขันในดวงตาสีฮาร์เซลของร่างสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบ ใบหน้าเรียวส่ายไปมาน้อยๆ พร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก ซึ่งถึงจะแปลความหมายไม่ออก แต่เด็กหนุ่มประจำบ้านสลิธิรินก็บอกตัวเองได้ทันทีว่า...เขาไม่ชอบเอาซะเลย!

หลังจากรอให้รองอาจารย์ใหญ่จัดการกับสถานการณ์วุ่นวายที่โต๊ะกริฟฟินดอร์อยู่พักใหญ่จนทุกอย่างเรียบร้อย ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ลุกขึ้นอีกครั้ง เธอกระแอมก่อนจะเริ่มพูดต่อ “สมาชิกใหม่ทั้งสองคนนี้เคยศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยเวทมนต์โบซ์บาตง ซึ่งใช้หลักสูตรเดียวกับฮอกวอร์ต และได้ผ่านการเทียบความรู้จากฝ่ายการศึกษาของกระทรวงเวทมนต์เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นจึงสามารถเข้าเรียนในชั้นเรียนปี 4 และ ปี 5 ได้”

เสียงเฮดังขึ้นอีกครั้งจากบรรดานักเรียนทั้งสองชั้น คราวนี้หญิงชราปรายตาปรามก่อนจะเอ่ยต่อ

“เนื่องจากทั้งคู่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ขอให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อนใหม่ในเรื่องต่างๆ อ้อ..งั้นพวกเธอช่วยแนะนำตัวแล้วบอกบ้านที่จะอยู่ไปด้วยนะ” ประโยคหลังหันไปบอกกับคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะอาจารย์ เนื่องจากย้ายที่เรียน ดังนั้นจึงได้ทำการคัดเลือกบ้านจากหมวกคัดสรรตั้งแต่ตอนที่ทำเรื่องย้ายเรียบร้อยแล้ว

ร่างสูงโปร่งพยักหน้าเป็นสัญญาณให้คนตัวเล็กกว่าเป็นฝ่ายพูดก่อน ใบหน้าเรียวสวยพยักหน้าตอบแล้วจึงก้าวมาข้างหน้า

“เฟนริส เดอ ลากูร์ ครับ อยู่ชั้นปี 4 บ้านสลิธิริน ฝากตัวด้วยนะฮะ”

เจ้าตัวปิดท้ายพร้อมกับรอยยิ้มหวานที่เรียกเสียงเฮจากโต๊ะในสุดของห้องโถงได้ทันควัน จะมีก็แต่เด็กหนุ่มผมดำนัยน์ตาฟ้าที่ยังรักษาอาการไว้ได้ ดีลนั่งเท้าคางมองไปยังอีกคนที่เหลือเพราะยังติดใจท่าทางเมื่อครู่ไม่หาย ดวงตาสีฟ้าพิจารณาใบหน้าเรียวค่อนข้างขาว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบาง เสื้อคอปกตั้งสูงเน้นให้เห็นช่วงคอระหง

ยังไม่ทันได้จะได้มองมากกว่านั้น คนที่เป็นเป้าสายตาก็หันมาเห็นเข้าเสียก่อน ดวงตาสีฟ้าสบตากับดวงตาสีฮาร์เซล หากแต่ฝ่ายหลังก็ไม่ได้แสดงท่าทางตกใจหรือหงุดหงิด เพียงแต่เลิกคิ้วน้อยๆ เป็นคำถามกลับมาก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะก้าวไปข้างหน้า เอ่ยแนะนำตัวด้วยเสียงเรียบๆ

“ปี 5 บ้านกริฟฟินดอร์, เฟลย์ เดอ ลากูร์ ค่ะ”

...........................................................


บรรยากาศวันเปิดเรียนวันแรกภายในห้องนั่งเล่นของหอนอนบ้านสลิธิรินก็เหมือนกับที่อื่นๆ เสียงคุยเสียงฝีเท้าดังลั่นไปหมด เด็กใหม่ชั้นปี1 วิ่งเข้าวิ่งออกห้องโน้นห้องนี้อยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง แต่ซักพักก็หมดแรง หายเข้าห้องนอนของตัวเองกันไปหมด เหลือเพียงรุ่นพี่ปีสูงๆ ที่ชินกับสถานที่จนหาเรื่องตื่นเต้นกับวันแรกได้ไม่เท่ารุ่นน้อง ยังคงนั่งคุยกับเงียบๆ ตามมุมประจำของแต่ละกลุ่ม ยกเว้นร่างสูงของเด็กหนุ่มผมดำเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าไปร่วมกับกลุ่มไหน

ดีลทรุดตัวลงบนโซฟาตัวใหญ่ข้างเตาผิง...ที่ประจำของเขาเพียงผู้เดียว (และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าคัดค้าน) ถึงจะเป็นลูกชายของอดีตคุณชายบ้านสลิธิริน แต่เขากลับไม่มีเพื่อนที่สนิทเป็นพิเศษในบ้านนี้ - - ถึงที่นี่จะเป็นบ้านที่เขา ‘เลือก’ เข้ามาอยู่ก็เถอะ

โธ่เอ๊ย...แค่ลำพังหาเรื่องสนุกๆ กับพวกเพื่อนๆ ที่กริฟฟินดอร์ ตารางชีวิตเขาก็แน่นเอี๊ยดแล้ว เวลาพักผ่อนตอนค่ำก็ขอนั่งคิดอะไรเงียบๆ เสียบ้าง ขืนต้องไปนั่งฟังเจ้าพวกสองแฝดจอมแสบสาธยายร่ายโน่นนี่ หรือไม่ก็หาเรื่องแกล้งป่วนกวนประสาทคนอื่นอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เขาคงได้กลายเป็นนักฟังที่แสนอดทนแบบเฮอร์มิสแน่ๆ (แต่รายนั้นก็ยังฟังไป ‘เตรียมบทเรียนสำหรับเทอมนี้เป็นครั้งสุดท้าย’ ไปอยู่ดีนะ)

“เฮ้อ ไปนอนกันเถอะ ราตรีสวัสดิ์นะทุกคน อ๊ะ ราตรีสวัสดิ์ พอตเตอร์”

รุ่นพี่นักเรียนหญิงปี 7 กลุ่มหนึ่งลุกจากโซฟาแล้วล่ำลาเพื่อนๆ โดยไม่ลีมที่จะเผื่อแผ่รอยยิ้มมาถึงเขา

“อืม ราตรีสวัสดิ์” ดีลยิ้มรับพลางพยักหน้าน้อยๆ สำหรับเขา ไอ้ธรรมเนียมคร่ำครึที่ว่า เด็กสลิธิรินห้ามสนิทกับกริฟฟินดอร์น่ะมันไม่มีผลอะไรสักนิด เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ในกลุ่มเด็กเลือดบริสุทธ์พวกนี้ได้อย่างสบายๆ

ร่างสูงเอนตัวลงนั่งพิงโซฟานุ่ม ยอกแขนขึ้นมารองศีรษะแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องเป็นการฆ่าเวลา มีเพื่อนร่วมบ้านหลายคนแวะเวียนเข้ามาทักทายชวนคุยบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถลากเอาคนดังของรุ่นออกไปจากมุมสุดโปรดได้ จนกระทั่งประตูห้องนั่งเล่นถูกเปิดออกอีกครั้ง และอาจารย์ประจำบ้านพร้อมกับนักเรียนใหม่ผู้เป็นหัวข้อสนทนาของเกือบทุกกลุ่มก้าวเข้ามานั่นแหละ ดวงตาสีฟ้าจึงค่อยมีแววของความสนใจปรากฏขึ้น

อาจารย์วิชาปรุงยาสรุปให้เด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดสีครีมฟังสั้นๆ “...กฎของบ้านสลิริน หวังว่าเธอคงจำได้ทั้งหมดก่อนพรุ่งนี้เช้านะ มิสเตอร์เดอ ลา กูร์ ---คิดว่าฟิลช์คงจัดการข้าวของทั้งหมดไปไว้ให้แล้ว ที่ห้องนอนของเธอ...ฉันคิดว่าคงเป็นห้องด้านในสุด ถ้ามีอะไรติดขัดก็แจ้งฉันพรุ่งนี้แล้วกันนะ” พูดจบแล้วคนในชุดเสื้อคลุมสีดำก็ผละก้าวกลับออกไปจากห้องทันที

ร่างเล็กเล็กยืนงงอยู่ที่เดิมชั่วอึดใจ ใบหน้าเรียวสวยหันมองซ้ายขวาเหมือนจะหาคนที่พอจะช่วยเหลือได้ แต่ส่วนใหญ่กลับยังจับกลุ่มดูท่าทีกันอยู่ ถึงจะพากันแอบเหลือบมองมาตั้งแต่ต้นก็เถอะ สุดท้ายผู้มาใหม่จึงสุ่มตัวเลือกที่ใกล้ที่สุด

“ขอโทษฮะ คุณรู้มั้ย ว่าห้องนอนด้านในสุดคือห้องไหน”

เสียงใสเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังจะเดินผ่านเขาไป ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเพื่อให้ดูเป็นมิตร แต่แล้วรอยยิ้มก็ต้องเจื่อนเมื่อเห็นคนที่ถูกถามเต็มตา ร่างสูงในชุดสเว็ตเตอร์คอเต่าสีดำสนิทที่หยุดอยู่ในระยะประชิดนั้นแทบจะบังเขามิด จนเฟนริสอดกลื่นน้ำลาย แอบคิดในใจไม่ได้ ‘ตัวใหญ่ชะมัดเลยแฮะ’

ดวงตาสีเทาบนใบหน้าไร้อารมณ์ก้มมองคนที่เรียกตัวเองไว้ คราวนี้เด็กหนุ่มตัวเล็กถึงกับชะงัก รู้สึกได้ถึงบรรยากาศเย็นเยือกที่ลอยอวลอยู่รอบตัวของคู่สนทนา แต่อีกฝ่ายก็เบือนหน้าเดินผ่านไปโดยไม่ตอบคำถามใดๆ ทั้งสิ้น กว่าที่เฟนริสจะหาเสียงของตัวเองเจอ ร่างนั้นก็เดินหายไปอีกห้องหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ‘อะไรกันเนี่ย น่ากลัวชะมัด’

ยังไม่ทันได้ออกปากบ่น มือหนึ่งก็ทุบปุลงมาเบาๆ บนไหล่เล็ก

“เฮ้อ โชคร้ายหน่อยนะ คิดยังไงไปเลือกถามหมอนั่นล่ะเนี่ย” ร่างบางหันหน้ากลับไปหาคนพูด คิ้วเรียวขมวดมุ่นเล็กน้อย แต่เด็กหนุ่มผมดำเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าก็คลี่ยิ้มพร้อมกับยักไหล่ “อย่าใส่ใจเลย เจ้านั่นก็เป็นแบบนี้แหละ”

ใบหน้านวลยังคงงุนงงเหมือนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่สุดท้ายก็พยักหน้า คราวนี้คนที่เข้ามาทักจึงยื่นมือมาข้างหน้า

“ดีล พอตเตอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

เด็กหนุ่มในชุดสีอ่อนจับมือตอบ “เฟนริส เดอ ลากูร์ฮะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”

“เดอ ลากูร์? คุ้นๆ นะ เอ...เหมือนจะเป็นญาติกับพวกวิสลีย์ใช่ไหม?”

“ฮะ เราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อผมเป็นพี่ชายของพวกอาเฟร็ดอาจอร์จ แล้วก็อารอนน่ะฮะ” ร่างเล็กทรุดนั่งตามคำเชิญของเจ้าบ้าน “บิล วิสลีย์ คุณรู้จักไหมฮะ?”

“อ๋อ...ลุงบิล...” ลูกชายคนโตของบ้านพอตเตอร์พยักหน้า จำได้ว่าเคยเจอตอนสมัยเด็กๆ ลุงบิลสุดเท่ที่ชอบหอบของฝากจากฝรั่งเศสมาให้หลานๆ แถมยังเผื่อแผ่มาถึงเขาด้วย ลุงบิลแต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงนี่นะ มิน่า นามสกุลถึงไม่เหมือนกัน

“อย่างนี้นี่เอง...เจ้าพวกเมธิส นาย่าถึงได้ทำท่ามีลับลมคมนัยกันนัก”

เสียงทุ้มรำพึงกับตนเอง แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อ เสียงทักก็ดังขึ้นจากกลุ่มเด็กสาวที่เพิ่งเดินลงมาจากหอนอนหญิง

“ดีล กินขนมไหม พวกฉันหอบมาจากลอนดอนเยอะแยะเลย”

ใบหน้าเรียวยาวส่ายไปมาช้าๆ “ม่ายล่ะ ไว้คราวหน้าดีกว่า เดี๋ยวฉันก็จะเข้านอนแล้วล่ะ” พอหันไปตอบทางโน้นเสร็จก็มีแขนเอื้อมมาล็อคคออีกด้าน “ไง พอตเตอร์ ต้องการคนนั่งเป็นเพื่อนมั้ย?”เด็กหนุ่มผิวสีอีกคนพูดอย่างอารมณ์ดี แต่ดวงตามองเลยไปยังร่างบางที่นั่งตรงข้ามคนที่ตัวเองล็อคไว้ ก่อนจะกระซิบ

“เฮ้ย ถ้าสนิทแล้ว อย่าลืมแนะนำฉันบ้างนะ บอกว่าห้องฟรีเฟ็คยินดีต้อนรับเสมอ ทั้งคุณพี่สาว ทั้งคุณน้องชายเลย”

“เจ้าบ้า เป็นฟรีเฟ็คก็ทำตัวให้สมกับเป็นฟรีเฟ็คซะไป ซาบินี่” ดีลผลักศีรษะใหญ่ๆออกให้พ้นรัศมีโจมตี “ไม่งั้นหนี้ที่แพ้ไพ่โป๊กเกอร์คราวก่อน ฉันทวงคืนแน่”

“โห เล่นงี้เลยเรอะ เออ เออ ไม่ถึงคราวฉันชนะบ้างก็ให้รู้ไป” พรีเฟ็คของบ้านฝากทิ้งท้ายก่อนจะแยกขึ้นหอนอนไป

“คุณนี่ คนรู้จักเยอะดีนะ” เฟนริสชม พลางยิ้มให้ซาบินี่ที่โบกมือลาไม่เลิก

“ก็กลุ่มของฉัน, พวกสองแฝด แล้วก็เฮอร์มีสน่ะ ทำ ‘อะไรดีๆ’ ไว้เยอะนี่นา” ใบหน้าเรียวยาวของเด็กหนุ่มผมดำคลี่ยิ้มพลางเอนหลังพิงพนักอย่างรื่นรมย์ “ถึงใครจะไม่รู้จักเรา เดี๋ยวฟิลช์ก็คงประกาศให้รู้จักเองนั่นแหละ” เสียงทุ้มตอบพลางยักคิ้วแบบกวนๆ จนคนฟังชักจะรู้ว่า ‘อะไรดีๆ’ ที่ว่านั้นคงไม่ใช้เรื่องธรรมดาแน่ๆ

“อืม...ว่าจะถามตั้งแต่แรกแล้ว…” ดีลเอ่ยต่อ “นายมาจากโบบาตงเหรอ? เครื่องแบบไม่เห็นเหมือนกับเครื่องแบบที่ฉันเคยเห็นเลยนี่นา” พูดว่าเคยเห็น แต่ที่จริงก็แอบดูจากในอัลบัมสมัยของพวกป๊ะป๋ากับเดรนั่นแหละ เสื้อคอปกกะลาสีของคนตรงหน้ายังไม่แปลกเท่าไหร่ แต่ชุดรอยัล แพทเทิร์นอย่างกับเครื่องแบบทหารของใครอีกคนต่างหากที่ชวนให้สงสัย

ใบหน้าที่ประดับด้วยเส้นผมสีบลอนด์ก้มลงมองตัวเองแล้วก็คลี่ยิ้ม “อ๋อ เราเพิ่งเปลี่ยนเครื่องแบบเมื่อไม่กี่ปีมานี้เองฮะ นักเรียนชายเพิ่มขึ้น ทางโรงเรียนก็เลยปรับอะไรหลายอย่าง” พอมีเพื่อนคุย คราวนี้หนุ่มน้อยนักเรียนใหม่เลยชักเพลิน

“อย่างของมาเซอร์ เอ๊ย...พี่เฟลย์น่ะก็จะไม่เหมือนนักเรียนหญิงคนอื่น เพราะเขาเป็นประธานนักเรียนน่ะฮะ ต้องคอยจับพวกผิดกฏโรงเรียนกับกันพวกที่ชอบเข้ามาวุ่นวายกับนักเรียนหญิง ก็เลยต้องแต่งตัวให้ทะมัดทะแมงหน่อย”

“อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง”

คนฟังพยักหน้า นึกถึงท่าเดินที่ดูมั่นใจ ใบหน้านิ่งสนิทกับดวงตาสีฮาร์เซลที่จ้องตอบแบบไม่มีตกประหม่านั้นแล้วก็พอจะเดาได้ว่าไม่ใช่นักเรียนธรรมดาแน่ๆ

...และเมื่อคิดถึงรอยยิ้มบางๆ ที่แปลไม่ออกตรงมุมปากสวยนั่นแล้ว ดีลก็อดขมวดคิ้วเล็กๆ ไม่ได้

ดูท่าทางปีนี้ก็จะมีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้นอีกแล้วแฮะ

..........................................................................



TBC~
Please Wait For the Next State
17 May 2006




Talks


ตอนแรกลงแล้วจ้า!!!!!!!!

ขอโทษที่ปล่อยให้รอคอยกันมานานนะฮะ ตอนนี้เราเปิดตัวตัวละครใหม่ไปเยอะเลย (ที่จริงมันก็เซตใหม่เกือบทั้งเรื่องนั่นแหละนะ) เหนื่อยคิดชื่อมากมาย แต่ยังไงก็เข็นออกมาจนได้ โดยเฉพาะ ‘คนคนนั้น’ ที่ได้ฤกษ์ปรากฏตัวเสียที

อืม...หลายคนคงรู้สาเหตุแล้วสิว่าทำไมถึงไม่เรื่องในที่หมู่บ้าน แหะแหะแหะ ที่จริงตอนที่คิดพล็อตกับเซตตัวละคร เราก็คิดมากกันเหมือนกันนะ แต่ยังไงก็ถูกใจลูกสาวคนโตของพี่บิลกับหนูเฟลอร์อ่ะ แล้วก็ต้องเป็น ‘ผู้หญิง’ เสียด้วยสิ (ชอบนางเอกเท่ๆ แมนๆ แบบนี้ชะมัด)

ยังไงก็ต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามด้วยน๊อ ตอนต่อไปจะมาลงวันพุธหน้า (17 พ.ค.49) นะคะ เวลาก็คงประมาณเที่ยงๆ แบบนี้แล

ขอบคุณที่มาชมอีกครั้งค่า (*โค้ง)

อคาชา-นะโอ




Create Date : 10 พฤษภาคม 2549
Last Update : 10 พฤษภาคม 2549 12:14:48 น.
Counter : 613 Pageviews.

1 comments
  
กรี๊ดดดดดดด

บอกได้คำเดียว ว่า กรี๊ดดดดดด ค่า

เย้ ๆ มาคนแรกเลย เป็นกำลังใจให้อคาชา-นะโอ เสมอค่ะ
โดย: อิงฟ้า IP: 58.9.187.225 วันที่: 17 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:05:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]