สองพระนางของเรื่องแล้วเรื่องราวก็เริ่มขึ้นในเม็กซิโกเมื่อตากล้องหนุ่ม Andrew Kaulder (Scoot McNairy) ถูกนายจ้างขอร้อง(แกมบังคับ)ให้ส่ง Samantha Wynden (Whitney Able) ลูกสาวแสนสวยของตนที่ไปเที่ยวที่นั่นให้ขึ้นเรือเฟอร์รี่กลับอเมริกาให้ได้ก่อนที่ทางสหรัฐจะปิดพรมแดนไปอีกหกเดือน ซึ่งแรกๆ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร ถ้าเกิดว่าฝ่ายชายจะไม่เผลอทำทั้งพาสปอร์ต(ของฝ่ายหญิงด้วย)และเงินหายไปหมดซะก่อน จนในที่สุดพวกเขาเลยต้องตัดสินใจเดินทางผ่านเขตติดเชื้อกลับบ้านมันซะเลย ซึ่งงานนี้ทั้งคู่จะกลับไปถึงบ้านมั้ยนั้น ก็ต้องลุ้นกันเอาเองแล้วล่ะจ้า
พระเอกกำลังเครียดเพราะต้องลุยป่าฟังพล็อตเรื่องแล้วเอื้อแก่การเป็นหนังไซไฟสุดระทึกเอามากๆ แต่ ผกก.Gareth Edwards ขอเลือกที่จะทำเป็นหนังรัก+โรดมูวี่+ไซไฟ นิ่งๆ ซะมากกว่า ดังนั้นอย่าได้หวังว่าจะเจออะไรระทึกๆ มากมายเลย(แต่ก็มีบ้างประปราย) หนังเด่นตรงทิวทัศน์ป่าเขาอันงดงามของเม็กซิโกและซากปรักหักพังของบ้านเมืองอันรกร้างที่พระนางต้องตะลอนทัวร์ผ่าน รวมทั้งไอเดียต่างๆ ที่เกี่ยวกับเอเลี่ยนที่แม้จะไม่ใช่ของใหม่แต่ก็ทำออกมาได้จริงจังเข้าท่าดี ส่วนสองพระนาง(ที่เป็นแฟนกันจริงๆ)ก็ทำหน้าที่ได้ดี ดูมีเสน่ห์ทั้งคู่(โดยเฉพาะนางเอก อิอิ)
ถึงใส่หน้ากากก็ยังน่ารักอยู่ (อิอิ)
ที่เด็ดคือสุดเบื้องหลังงานสร้างของหนังเรื่องนี้ ที่ใช้งบสร้างแค่หมื่นห้าพันเหรียญ (เท่ากับหนัง Paranormal Activity เลย) แต่ก็สามารถเนรมิตสภาพบ้านเมืองอันรกร้างว่างเปล่าและปรักหักพังจากการรบกับเอเลี่ยนได้อย่างน่าเชื่อถือ รวมทั้งงานวิช่วลเอฟเฟกต์ก็ไม่ได้ออกมาขี้ริ้วขี้เหร่เลย (เพราะ ผกก.ทำงานด้านนี้มาอยู่แล้วด้วย) ทั้งยังทราบมาว่าตอนถ่ายทำก็ใช้ทีมงานแค่สองคนตะลอนๆ ไปกับนักแสดงนำทั้งคู่ แล้วก็ถ่ายทำแบบกองโจรตามมีตามเกิด ไม่ได้ขออนุญาตถ่ายทำให้เป็นเรื่องเป็นราวอะไรเลย ส่วนตัวประกอบก็หาใช้คนแถวนั้นเอานั่นแหล่ะ