แอฟริกาใต้Jerusalema (2008) : เห็นเมืองโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้ในแบบไซไฟกันไปแล้วใน District 9 (2009) คราวนี้ลองมาสำรวจมุมมืดแห่งโลกอาชญากรรมของเมืองนี้กันบ้าง โดยคุณ ผกก.Ralph Ziman (The Zookeeper [2001]) ที่ลงทุนค้นคว้าข้อมูลอย่างดีมาเขียนเป็นบทหนังด้วยตนเอง ขออาสาพาเราไปทัวร์เมืองนี้กันแบบเจาะลึก ถึงลูกถึงคน และถึงคุณภาพ ชนิดที่ว่าหนังอาชญากรรมประเทศอื่นต้องหันขวับมามองค้อนด้วยความอิจฉากันเลยทีเดียว
เด็กกะโปโลในวันนี้คือเจ้าพ่อในวันหน้า
ช่วงเริ่มแรกของหนังอาจชวนนึกถึง City of God (2002) อยู่บ้าง แต่พอพระเอกเราโตเต็มตัวฉลาดเต็มวัย หนังก็เริ่มเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาทันใด และก็เล่าเรื่องอย่างน่าติดตามได้จนจบ เหล่านักแสดงหน้ามืดทั้งหลายก็ดูเหมาะสมกับบทบาทกันดี แม้หน้าตาพระเอกจะอย่างโฉด แต่ด้วยความที่จะเป็นคนดีจิตใจงามอยู่บ้างก็เลยซื้อใจคนดูได้อยู่ ถึงหนังจะออกมาคล้ายๆ หนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ แต่การได้เห็นโลกแห่งอาชญากรรมของเมืองนี้ ก็สามารถสร้างความแตกต่างและมีอะไรน่าสนใจให้ได้เห็นกันพอดู คอหนังอาชญากรรมน่าจะชอบกันจ่ะ
ขาใหญ่เวลาจะไปไหนมาไหนมักมีลิ่วล้อคอยติดสอยห้อยตามเสมอ
ถึงแม้ว่าคนขาวกับคนพื้นเมืองจะอยู่ร่วมกันในนามชาวแอฟริกาใต้แล้ว แต่ในหนังก็ยังแสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้วก็ยังคงมีการแบ่งแยกสีผิว ถิ่นใครถิ่นมันอยู่นั่นเอง อีกอย่างที่น่าสนใจคือ พระเอกเราถึงแม้จะเป็นเจ้าพ่อที่ทำอะไรผิดกฏหมายอยู่เนืองๆ แต่เขาก็มีทัศนคติที่น่าสนใจเกี่ยวกับยาเสพติดดังนี้ "คนฉลาดเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดกันหรอก ส่วนคนโง่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและมันทำให้เขาคิดว่าตนฉลาดแล้ว" เอ้า ใครเห็นด้วยโชว์จั๊กแร้หน่อยเร้วว
*ที่ฮาแต่ก็น่าคิดก็คือในหนังเหล่าแก๊งโจรใช้หนังอาชญากรรมของฮอลลีวู้ดมาเปิดศึกษาดูไว้เป็นต้นแบบในการปล้นซึ่งก็นำไปใช้ได้ผลจริงๆ ซะด้วยสิ*
- น่าดูเพราะ: เป็นหนังอาชญากรรมจากแอฟริกาใต้ที่มีคุณภาพ ให้มุมมองที่แปลกใหม่น่าสนใจดี
- ไม่น่าดูเพราะ: มีแต่คนหน้ามืดเต็มเรื่อง ดูแล้วไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาเลย