สุขสรรค์ หรรษา กับคุณสามีฝรั่ง กับมิสซิสอาร์โนลด์

Happiness&Fun with my Farang Husband

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

จากสัปดาห์ที่ 10 เข้าสู่ สัปดาห์ที่ 11---ใกล้สิ้นสุดไตรมาสแรกแล้วสินะ

--- จากสัปดาห์ที่ 10 เข้าสู่ สัปดาห์ที่ 11 ---

จะว่าไปก็เร็วเหมือนกันนะเนี่ย กับอายุครรภ์ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
กับท้องนุ้ยๆ ที่เต่งขึ้นทุกวันๆ บวกกับอาการคันยิบๆ
นี่ขนาดได้น้ำมันมะพร้าว และน้ำมันมะกอกมาช่วยแล้วนะเนี่ย
ยังเริ่มเห็นรอยเริ่มแตกแล้วล่ะ ฮือๆๆ จะรอดไหมเนี่ยกับอาการแตกลายงา

น้ำหนักก่อนขึ้นสังเวียน 52.3 kg หลังจากอายุขั้นก้าวสู่สัปดาห์ที่ 11
น้ำหนักปัจจุบัน 54 kg ขึ้นมาประมาณเกือบ 2 kg เห็นจะได้
ได้ยินมาว่าคนท้องช่วงไตรมาสแรกน้ำหนักจะลด
เนื่องจากคุณแม่มีอาการแพ้ ทานอะไรไม่ค่อยได้
แต่สำหรับดิฉันอาการแพ้มีนิดหน่อย แต่ไม่เคยอาเจียนอะไรออกมามีแต่ลม
แถมยังทานเก่งขึ้นเยอะ ทานจุบจิบ

เวลาอาหารเหมือนเวลาเข้าสัมมนา
มื้อแรก อาหารเช้าประมาณ 7 โมง ส่วนมากเป็นโจ๊ก ข้าวต้ม หรือข้าว
จากนั้นสัก 10 โมงหรือ 10 โมงครึ่ง ก็เป็น break เบาๆ คือนมและ snack
พอเที่ยง ก็อาหารกลางวัน สักบ่ายสามก็เป็น breakบ่ายคือผลไม้หรือ snack
ตอนเย็น 5 หรือ 6 โมงเย็นก็ได้เวลาอาหารเย็น
แรกๆ กลางคืนก็หลับแล้ว หลับเลย เพราะหลับเร็ว สองสามทุ่มก็หลับแล้ว
แต่หลังๆ สักสัปดาห์ที่ 10 คุณแม่จะตื่นมาตอนห้าทุ่ม เพราะท้องร้อง
ต้องหานมไวตามิลค์ 1 กล่องพร้อมกับเครกเกอร์ 1 หรือ 2 ชิ้น
ฮ่าๆๆ กินกันไม่ได้หยุดปากเลยค่ะ...จนเพื่อนเริ่มทักว่าหน้าเริ่มกลมแล้วค่ะ
แต่เพื่อความสมบูรณ์ของลูกน้อย..แม่ทำได้!!

---------------------------------------------------------------------------

ลองมาดูความจริงเกี่ยวกับลูกน้อยสัปดาห์นี้ที่ 11 กันค่ะ



ในสัปดาห์นี้ลูกน้อยจะโตอย่างรวดเร็วทีเดียว
น้ำหนักของเจ้าตัวน้อยจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงนี้เค้าได้ผ่านขั้นตอนการมีขนาดตัวเท่าลูกผลไม้เล็กๆ
จนมีขนาดเท่าลูกพลัมแล้วนะ

ช่วงระยะนี้ลูกน้อยของคุณเริ่มเป็นนักสำรวจตัวน้อย
เริ่มขยับไม้ ขยับมือสำรวจบริเวณ หัวหรือปากของตัวเอง
ที่เป็นอย่างนี้ได้เนื่องจากเค้าได้พัฒนาระบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย
ตามคำสั่งที่เค้าต้องการและยังพัฒนาระบบสัมผัสและความรู้สึก
ของอุ้งมือน้อยๆ ให้สามารถรับความรู้สึกต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน

นอกจากระบบขับถ่ายที่ลูกน้อยของคุณได้พัฒนาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว
สัปดาห์นี้เจ้าตัวน้อยจะเริ่มพัฒนาความสามารถในการกลืน
บวกกับการพัฒนาต่อมรับรสต่างๆ ทำให้เค้าเริ่มสามารถรับรสต่างๆ
และเริ่มได้กลิ่นต่างๆ เป็นลำดับถัดมา


สำหรับคุณแม่สัปดาห์นี้ที่ 11

ส่วนใหญ่ อาการ morning sickness
หรืออาการแพ้ท้องของคุณแม่ในสัปดาห์นี้จะลดน้อยลง
พร้อมกับขนาดของมดลูกและเจ้าตัวน้อยได้โตขึ้นเรื่อยๆ
ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากเจ้าตัวน้อยของคุณได้พัฒนาต่อม pituitary gland
ทำให้ร่างกายของคุณแม่เริ่มลดปริมาณการผลิตฮอร์โมนลง
คุณแม่ส่วนใหญ่จึงมีอาการดีขึ้นต้อนรับไตรมาสที่สองที่กำลังจะมา

และช่วงนี้แหละคุณแม่จะเริ่มทานได้มากขึ้น
แต่อย่าเพิ่งหลงระเริงไปคว้าไอศกรีมกระปุกใหญ่ออกมาทานเป็นมื้อดึกนะคะ
อย่างไรต้องคิดถึงอาหารที่มีวิตามินและมีประโยชน์ต่อร่างกายก่อน
เช่นอาหารประเภทผัก ปลา หรือขนมปังโฮวีต
และก็อย่าลืมรักษาสุขภาพใจให้ดี อาจทำได้โดยการฟังเพลงบรรเลงเบาๆ
อ่านหนังสือดีๆ ผ่อนคลายอารมณ์อย่าให้เครียดจนเกินไปด้วยนะคะ

-----------------------------------------------------------------
แปลและเรียบเรียงโดย มิสซิสอาร์โนลด์
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลดีๆจากเว็บไซท์

//pregnancy.baby-gaga.com/calendar/week11


ขอให้คุณแม่ทุกคนมีความสุขนะคะ อารมณ์ดีกันเข้าไว้ค่ะ
เพื่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์




 

Create Date : 02 เมษายน 2552    
Last Update : 2 เมษายน 2552 9:41:23 น.
Counter : 451 Pageviews.  

สัปดาห์ที่ 9---พบคุณหมอครั้งที่สอง



เช้าวันนี้ วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2009 เวลา 8.30
คุณแม่กับ daddy เดินทางไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาลตามนัด
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองหลังจากที่ตรวจพบว่าคุณแม่หนูตั้งครรภ์
ไปนั่งรอคุณหมอซักพักกว่าคุณหมอจะมา
คุณแม่ก็ตื่นเต้น ลุ้นเฝ้าอยากรู้ความคืบหน้าของหนู
ส่วน daddy ก็มาด้วยอาการง่วงเหมือนเดิม
เช้าวันอาทิตย์แบบนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการนอนตื่นสาย
ของ daddy เป็นอย่างมาก

เมื่อก้าวเข้าไปพบคุณหมอ คุณหมอก็ทักเลยว่า "เป็นหวัดหรือคะ"
คุณแม่ได้แต่ยิ้มๆ บอกปฏิเสธไป อาจเป็นเพราะคุณแม่มีอาการฟึดฟัดนิดหน่อย
เลยทำให้คุณหมอสงสัย...หลังจากคุณหมออ่านผลเลือด
และผลอะไรอื่นๆ อีกมากมาย
คุณหมอบอกว่า "คราวก่อนไปตรวจตามา ลานสายตาก็ปกติดีค่ะ"
"หมอกลัวว่าหยุดยาแล้วก้อนจะโตขึ้น"
ก็เพราะโรคเดิม เจ้าเนื้องอกที่ต่อม pituitary ของคุณแม่
จากที่เคยทานยาระงับการโตไว้ ตอนนี้คุณแม่ต้องหยุดยา
เพื่อให้หนูเติบโตอย่างเป็นปกติที่สุด

เลยต้องยุ่งยากนิดนึง หลังจากมาเจอคุณหมอสูตินารีเวชแล้ว
ต้องไปให้คุณหมอตาตรวจด้วย เพราะเจ้าก้อนเนื้อดันงอกอยู่ใกล้ๆ
กับ opitic chiasma หรือตรงบริเวณที่เส้นประสาทตาในสมองมาไขว้กันพอดี

คุณหมอก็งง ว่าทำไมคุณแม่รู้จัก optic chiasma ด้วย
คุณแม่เลยบอกว่า จำได้นิดหน่อยจากตอนเรียน
โชคดีที่คุณแม่จบ สาขาชีววิทยามา เลยคุยกับคุณหมอพอรู้เรื่อง

จากนั้นคุณหมอก็รายงานเรื่องผลการตรวจเม็ดเลือด ว่าปกติดี
ไม่มีภาวะเสียวงเป็นโรค ธาลัสซีเมีย
ไม่มีเชื้อซิฟิริส หรือ ไวรัสตับอักเสบบี
แถมภูมิหัดเยอรมันที่ฉีดไว้ตอนแรก ภูมิคุณแม่ก็ขึ้นมาดีด้วยแหละ

พอจบบทสนทนาปราศรัย คุณหมอก็ถามประโยคเดิมเหมือนคราวก่อนกับ daddy
"Do you wanna see your baby?"
แหม Daddy ก็จะตอบอะไรไปได้อีกล่ะนอกจะ "yes, of course!"
Daddy ตื่นเต้นอยากจะเห็นหนูจะแย่แล้วล่ะ
พอคุณแม่เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมพร้อมตรวจ
vaginal ultrasound คุณหมอก็เรียก daddy เข้ามาดูหนูพร้อมๆ กัน

แว๊บแรกที่เห็นหนู หนูขดตัวเป็นก้อนกลมๆ แบบนี้



แต่แค่เห็นว่าหนูมีตัวตน จากคราวก่อนที่เห็นแค่ถุง
ก็เรียกน้ำตาคุณแม่ออกมาเอ่อแล้วล่ะ
นอกจากเห็นตัวหนูกลมๆ แบบนี้ คุณหมอยังชี้ให้ดูหัวใจเต้น ตุ๊บๆ
เร็วเป็นสองเท่าของคุณแม่อีกด้วย
เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย คุณแม่ได้แต่จับมือกับ daddy
และยิ้มอย่างมีความสุข...แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ
พอหนูรู้ว่ากำลังจะถูกถ่ายรูป ก็เลยขยับตัวให้ คุณแม่ กับ daddy ได้เห็นกันชัดๆ
กระดุ๊ก กระดิ๊ก ยืดขาและแขนออก ไม่เสียชื่อเจ้าแม่โพสท่า
อย่างเช่นคุณแม่ของหนูเชียวล่ะ...
คุณหมอเลยได้เก็บภาพสวยๆ มาอีกภาพสองภาพ
แถมเห็นถุงไข่แดง หรือ egg yolk ของหนู
หรือสิ่งที่หนูรับประทานเป็นอาหารช่วงแรกของการเจริญเติบโตด้วยล่ะ




คุณหมอบอกว่า ตอนนี้หนูมีความยาวจากศรีษะถึงก้น ประมาณ 23.6 mm
และกำหนดคลอดจากคราวก่อนที่คำนวณว่าน่าจะวันที่ 8 ตค.
ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 24 ตค แล้วล่ะ
daddy ดีใจใหญ่ เพราะว่าเป็นวันเสาร์พอดี
แหม...คุณหมอบอกว่า วันคลอดอาจคลาดเคลื่อนภายใน 7 วัน
daddy ก็ทำเป็นกระต่ายตื่นตูมไปได้

หลังเสร็จจากการถ่ายภาพ...คุณหมอก็นัดคุณแม่เจออีกครั้ง หลังสงกรานต์
และให้แคลเซียมเสริมมาให้คุณแม่ทาน
พร้อมกับ folic acid เหมือนเดิม ให้บำรุงหนูเข้าไว้
นอกจากนั้น เนื่องจากอาการแพ้ท้องที่คุณแม่เริ่มเป็นด้วย
คุณหมอเลยให้ยาแก้แพ้มาด้วย เอาไว้ทานเฉพาะมีอาการ
ยานี้คุณหมอว่าไม่มีผลใดๆ กับเด็ก แต่จะทำให้คุณแม่ง่วงนอนเท่านั้นเอง

แล้วคุณแม่กับ daddy ก็จูงมือกันไปตรวจตาอีกรอบ
ก่อนจะกลับบ้านกัน...ตอนขับรถกลับบ้าน
คุณแม่ถาม daddy ว่ารู้สึกอย่งงไรที่เห็นหนูดิ้นดุ๊กดิ๊ก
Daddy ยิ้มด้วยน้ำตาคลอๆ (ที่คุณแม่แอบเห็น)
แล้วตอบว่า "The baby completely changes my life"
หนูคงจะดีใจที่ได้รู้ว่า หนูมีความหมายกับคุณแม่ และ daddy มากแค่ไหน

ในช่วงนี้ พุงคุณแม่ขยายเยอะมาก ไม่รู้ว่าทำไม
ทั้งๆ ที่ตัวหนูยังกระจิ๊ดเดียว แต่พุงคุณแม่เริ่มลอกเป็นขุยๆ
แต่คุณแม่ก็ทาทั้งน้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ตลอด ตามสูตรคุณยายบัว
น้ำหนักคุณแม่ก็ขึ้นมาประมาณเกือบ 1 กิโลกรัม จาก 52.6 มาเป็น 53.4
ปกติคนแพ้เค้าจะน้ำหนักลดกัน เพราะอาเจียนและทานไม่ได้
แต่คุณแม่หนูทานได้ดี ทานได้ทีละน้อย แต่ทานบ่อย
มีอาการจะอาเจียนอยู่หลายครั้ง แต่ไม่อาเจียนสักทีได้แต่นั่งเฝ้าโถชักโครก
ในห้องน้ำเป็นนานสองนาน

ช่วงกลางวัน คุณแม่ก็แข็งแรงดี ไม่มีอาการใดๆ
ยังไปว่ายน้ำตามปกติกับ daddy
ออกกำลังกายให้หนูแข็งแรง



แต่พอตกดึก คุณแม่กลับบ้านทานข้าวเย็นเสร็จ
ที่ประจำของคุณแม่คือที่ในรูปนี่แหละ



daddy ตัวดีก็อุตส่าห์แอบเก็บรูปไว้เป็นหลักฐาน
บอกคุณแม่ว่า เอาไว้ดุหนู ตอนหนูดื้อซน ว่าคุณแม่อดทนเพื่อหนูขนาดไหน
เพื่อปรามไม่ให้หนูดื้อกับคุณแม่....
ส่วนหนูก็ค่อยๆ เติบโตต่อไปในท้องของคุณแม่
ตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะออกมาเจอหน้า อยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่
กับ daddy อย่างใจจดใจจ่อ




 

Create Date : 22 มีนาคม 2552    
Last Update : 22 มีนาคม 2552 16:16:21 น.
Counter : 722 Pageviews.  

สัปดาห์ที่ 8---เริ่มแล้วกับอาการแพ้ท้อง

แหม..กะแล้วเชียว ไม่น่าทักว่าทำไมไม่แพ้เลย
ทักปุ๊บ อาการก็มาปั๊บ
เริ่มแรกๆ อาการที่มีคืออาการอาหารไม่ย่อย
จากสัปดาห์ที่หก บวกกับอาการเรอในตอนกลางค่ำกลางคืน
ผ่านมาจนถึงสัปดาห์ที่แปดนอกจากเรอแล้วยังรู้สึกเหมือนจะมีอะไร
ตามออกมาด้วย......

ไอ้ที่แย่ที่สุดคื่อมันไม่มีอะไรออกมานะสิ ทรมานที่สุด
เพราะมันรู้สึกคลื่นไส้ตลอดช่วงเวลา คิดว่าถ้าอาเจียนไปเลยน่าจะดีกว่า
อ่านเจอในหนังสือที่ซื้อมา พบว่ามันเป็นปกติของคนท้อง
ที่อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้...พวกยาลดกรดใดๆ อย่าไปพึ่งเลย
เพราะจะเสียงตังค์ป่าว ไม่ช่วยอะไร หมอคนเขียนเค้าบอก

แรกๆ คุณสามีก็ทักว่าทำไม morning sickness ของเธอนี่
มันเป็นตอนเย็นล่ะ เช้าๆ ไม่เห็นเป็นไรเลย
เราก็ไม่รู้ตอบไม่ได้ หรืออาจเป็นเพราะกลัว
เลยทำตามคำแนะนำคุณนายบัว

ที่หอบหิ้ว cracker ใส่ถุง zip lock ไปวางไว้ข้างเตียง
ตื่นเช้ามาคว้าเข้าปากเคี้ยวๆ ทั้งๆ ที่ตายังไม่ตื่นดี
ท้องเลยไม่ว่าง เลยไม่มีอาการอาเจียน หรือคลื่นไส้

แต่สองสามวันมาเนี่ย อาการตอนเย็นเริ่มหายไป
ไม่ค่อยมีปัญหาหลังทานอาหารเย็น แต่ morning sickness นี่สิ
เริ่มมาแล้ว ยิ่งเมื่อเช้านี่สุดยอด
ขับรถมาทำงาน เกือบไม่รอด
ทั้งๆ ที่ใส่อะไรมาบ้างในท้อง
แต่ด้วยอาการรถติดเช้าวันจันทร์บวกกับ morning sickness
ดิฉันถึงกับเอาถังขยะในรถมานั่งเป็นเพื่อนข้างคนขับ
อารมณ์แบบมันจะออกมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้น่ะคะ
บวกกับมีอาการปวดหัวตึบๆ มึนๆ หน่อย แต่ก็พอทนได้อยู่ค่ะ
ต้องพยายามต่อสู้ให้ผ่านพ้นเดือนที่สามไปให้ได้ น่าจะดีขึ้น

สิ่งที่ช่วยบรรเทาอาการ sickness ของตัวเองได้ดี
นอกจากสูตร cracker ใส่ถุง zip lock ข้างเตียงของคุณนายบัวแล้ว
ยังมีข้อแนะนำจากเพื่อนสามีที่อเมริกา...นั่นคือเครื่องดื่ม
"Gingerale" แช่เย็นๆ...

ต้องขอบคุณบริษัทหนึ่งที่นำสินค้าตัวนี้เข้ามา
เพราะเครื่องดื่มนี้มีส่วนผสมที่มีขิงอยู่นิดหน่อย
ซึ่งสรรพคุณก็บรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ดีอยู่แล้ว
ฝานมะนาวสดบางๆ สักสองสามชิ้นใส่ในแก้วพร้อมน้ำแข็งนะ
อืม....สูตรนี้ช่วยได้ชะงัดนัก

แต่กระนั้นเลย อย่าลืมว่า เครื่องดื่มนี้ก็เป็นประเภทน้ำอัดลมชนิดหนึ่ง
คุณแม่ควรดื่มแต่น้อย แล้วดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ ด้วยจะช่วยได้

ของดิฉันก็กระป๋องนึง ดื่มได้สามครั้ง

(ฝากระป๋องที่เปิดแล้วก็หาอะไรมาอุด หรือปิดรูไว้เพื่อให้ยังคงรสเดิม)
ประหยัดซะไม่มี

ตอนนี้ก็บรรเทาอาการตัวเองไปพลางๆ ก่อน
รอสุดสัปดาห์นี้นัดพบคุณหมอเป็นครั้งที่สอง ครบรอบครรภ์สองเดือน
เตรียม list คำถามไว้มากมาย
เพื่อถามไถ่และจะได้นำมาปฏิบัติตัวถูก
ขอให้ผลทุกอย่างออกมาดี เจ้าตัวน้อยแข็งแรงดีด้วยเถิด...เจ๊าประคู๊ณ....




 

Create Date : 16 มีนาคม 2552    
Last Update : 16 มีนาคม 2552 16:17:35 น.
Counter : 971 Pageviews.  

อัพเดทคุณแม่สัปดาห์ที่ 6



เข้าสัปดาห์ที่ 6 แล้ว มีแต่คนถามว่าเริ่มแพ้หรือยัง
เราก็บอกไม่ถูก รู้สึกไม่ได้แตกต่างจากที่เคยเป็น
มีอาการผอืดผอมนิดหน่อย มึนๆ เล็กน้อย
แต่มันก็คล้ายๆ กับตอนที่เรากินยาฮอร์โมนอยู่นั่นแหละหนา
เลยตอบไม่ได้ว่า แพ้หรือเปล่าเนี่ย

เอ...แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่า ปกติคุณแม่เค้าเริ่มแพ้กันช่วงไหนเนี่ย
ไม่แน่อาการอาจจะมาอีกสองสามอาทิตย์ข้างหน้าก็ได้มั้ง!!

อาการอื่นๆที่มี ก็เช่น หิวบ่อย คือกินได้เยอะมาก ไม่เหม็นอะไรเลย
ท่าทางอีกสองสามเดือนข้างหน้าคุณแม่คงกลายมาเป็นตุ่มใบน้อยๆ แน่ๆ เลย

และที่เป็นหนักสุดๆ คืออาการเรอ...เฮอะๆๆ ฟังดูน่าเกลียดพิลึก
เราเรอจนสามีสุดที่รักแทบจะหอบข้าวของหนีออกจากบ้าน
คือเรอได้ เรอดีทั้งวัน แถมยังมีหลายระรอกติดต่อกัน
ส่วนผายลมก็มีบ้าง แต่ไม่มากเท่ากับเรอน่ะ
ยังแอบสงสัยอยู่เลยว่า ไอ้ท้องป่องๆ เล็กๆ เนี่ย คงจะเป็นอาหารที่กินเข้าไป
เยอะกว่าปริมาณปกติ บวกกับเจ้าแก๊สในท้องเนี่ยแหละ
ไม่ใช่สิ่งอื่นใด...แต่คุณแม่ก็ไม่กล้ากินยาต่างๆ ที่ช่วยลดกรด
กลัวว่าจะมีผลต่อเจ้าตัวน้อยในครรภ์น่ะ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่รู้เป็นอะไร คุณแม่หนูน้อยอยากกินแต่ก๋วยเตี๋ยว
หรืออะไรก็ตามที่ประกอบด้วยเนื้อผัก และน้ำซุป

วันศุกร์ที่แล้วตอนเย็นขับรถไปรับ Daddy กลับบ้านด้วยกัน
หลัง Daddy เล่นบาสกับเพื่อนเสร็จ ตอนแรกก็ว่าจะสั่งอะไรมาทานกัน
แต่พอกลับถึงบ้าน คุณแม่เห็นใบปลิวของ MK เท่านั้นแหละ

รีบไปรบเร้า Daddy ให้พาไปทาน MK ให้ได้
ฮะๆๆ...และแล้วก็ได้กินสมใจอยาก...คุณแม่ซะอย่าง
เรื่องอ้อน Daddy เพื่อให้ได้ดังใจเนี่ยถนัด

ส่วนด้านคุณยายบัว ก็เห่อหลานซะไม่มี ขนซื้ออาหาร ผักสด
และผลไม้มาให้ เป็นหลายๆ กิโล
แถมกำชับ Daddy ให้คั้นน้ำผัก ผลไม้สดให้คุณแม่ดื่มตอนเช้า
ก่อนไปทำงานทุกวันเลย Daddy เลยอดนอนตื่นสายเลย

คุณแม่หลังจากรู้ว่าท้องเลยเริ่มไปขนซื้อหนังสือจำพวก
คู่มือคุณแม่ เทคนิคการดูแลครรภ์มาอ่าน

ก็ทำเอาคุณแม่วิตกจริตไปเหมือนกัน
กลัวว่าที่คิดว่าหนูเติบโตอยู่ข้างใน
จะเป็นแบบครรภ์ไข่ปลาอุก (ศัพท์ในหนังสือ) บ้าง
คือประมาณว่าเจริญแต่ถุงหุ้มเด็ก แต่เด็กไม่เจริญ

คุณแม่ได้สงบจิตใจโดยการทำบุญ ใส่บาตร สวดมนตร์ขอพร
ทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณแม่เคารพ และ Daddy เคารพ
ให้หนูอยู่รอดปลอดภัย มีสุขภาพแข็งแรง

แต่หลังๆ มาคุณแม่เริ่มทำใจได้ มุ่งมั่นว่าหนูต้องอยู่กับคุณแม่แน่ๆ
และพยายามไม่คิดมากเกินไปโดยการหยุดบริโภค information
สักพักดีกว่า รอให้ไปพบคุณหมอตอนปลายเดือน
เพื่อคอนเฟิร์มสุขภาพของหนู คงทำให้คุณแม่ใจชื้นขึ้น


ช่วงนี้ Daddy ดูแลคุณแม่ดีมากยิ่งกว่าเดิมอีก ทั้งๆ ที่เคยดูแลดีอยู่แล้ว
ดูแลคุณแม่ดื่มนมตอนเช้าและก่อนนอนทุกวัน
คั้นน้ำผลไม้ตามที่คุณยายบัวสั่ง
แถมยังอดทนไม่หนีออกจากบ้าน..เพราะต้องนั่งฟังเสียงเรอของคุณแม่!!

ที่สำคัญ ขี้เห่อ แอบจุ๊บท้องคุณแม่ทุกคืน ให้ good night kiss
กับหนูตลอดเลย...ยังไงก็ขอให้หนูเจริญเติบโตอย่างดีในท้องนะจ๊ะ




 

Create Date : 04 มีนาคม 2552    
Last Update : 4 มีนาคม 2552 16:43:46 น.
Counter : 464 Pageviews.  

เมื่อชะตาฟ้ากำหนดมาให้ขึ้นสองขีด



เมื่อชะตาฟ้ากำหนดมาให้ขึ้นสองขีด

หลายครั้งในชีวิตหลังแต่งงาน
ผู้หญิงหลายๆ คนคงเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกันกับฉัน
ประสบการณ์ที่ว่าคืออารมณ์ลุ้นระทึก
ใจเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่นั่งอยู่ในห้องน้ำ
พร้อมกับมีกางเกงในคาอยู่ที่ขาทั้งสอง
เพื่อรอรอผลการหยดปัสสาวะ 4 หยด
จากการตรวจ Pregnancy test

จำได้ว่าการตรวจครั้งแรก ฉันนั่งจ้องเจ้าพลาสติกอันนั้นอยู่ตั้งแต่เริ่มหยด
จนกระทั่งน้ำปัสสาวะวิ่งไปจนสุดทาง
และแล้วขีดบางๆ สีม่วงแดงก็เด่นชัดขึ้น
แต่มันขึ้นตรงแถบ C เพียงแถบเดียว
ตอนนั้นใจก็คิดว่ามันคงต้องรอสักพัก อีกแถบคงจะขึ้น
รอแล้วรอเล่า รอจนคุณสามีเคาะประตูถามเนื่องจากรอลุ้นอยู่เหมือนกัน
มันก็ไม่ขึ้น....เศร้า...

คืออารมณ์ของคนเตรียมพร้อมจะเป็นแม่
พอประจำเดือนขาดก็รีบแจ้นไปซื้อมาเทสต์
หลังจากเทสต์ได้สองสามวัน เจ้าประจำเดือนมันก็มาทันทีทันใด
มันน่าเศร้าใจขนาดไหนกัน

แรกๆ ฉันก็บอกสามีอยู่หรอกค่ะ ว่าฉันจะเทสต์แล้วนะ เพราะเมนส์ขาด
แต่พอหลังๆ เริ่มซื้อมาเทสต์เอง ไม่บอกไม่กล่าว
เพราะสงสารเค้าที่ต้องคอยกอดเราหลังเดินออกจากห้องน้ำ แล้วบอกว่า
“It’s ok, honey”

ถ้าถามว่าดิฉันมีประสบการณ์แบบนี้กี่ครั้งละก็
อืม....ประมาณสักห้าครั้งมั้งคะ จนเภสัชกรที่สนิทกันแถวบ้าน
ลุ้นไปด้วย คอยถามทุกครั้งว่า
“เป็นไงน้อง สำเร็จยัง”
ใครๆ อาจคิดว่าดิฉันบ้าไปแล้ว ทำไมซื้อมาตรวจบ่อย
ไม่รอให้ประจำเดือนขาดแน่ๆ แล้วค่อยตรวจ

เผอิญเจ้าโรค hyperprolactenemia ของดิฉันมันเป็นตัวเจ้าปัญหา
คือโรคนี้พูดง่ายๆ คือ ร่างกายหลั่งฮอร์โมน prolactin
(มีมากในหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด) มากกว่าปกติ
ครั้งแรกที่ตรวจเจอ ของดิฉันสูงเท่าๆ กับหญิงตั้งครรภ์
หรือระยะให้นมลูกเลยล่ะค่ะ
เมื่อฮอร์โมนตัวนี้สูง มันไปยับยั้งการตกไข่
ซึ่งถือว่าเป็นวิธีคุมกำเนินแบบธรรมชาติของหญิงให้นมลูก

ประจำเดือนดิฉันจึงไม่คงที่ มาๆ ขาดๆ
นับรอบไข่ตกตามวิธีต่างๆ ที่แนะนำไม่เคยได้
จึงต้องตรวจกันบ่อย กลัวว่าจับพลัดจับผลูท้อง
ยาที่กินอยู่ประจำจะทำอันตรายเจ้าตัวน้อยในครรภ์

พอเห็นว่าเราตั้งใจจะมีลูกก็มีรุ่นพี่ที่ทำงานหลายคน
แนะนำวิธีนู้น วิธีนี้ นับวันบ้างละ
ท่วงท่าและลีลาบ้างละ (เซ็กซี่ไปนิด เด็กควรได้รับคำแนะนำก่อนอ่าน)
แต่ที่เห็นว่าได้ผล และหญิงสาวแบบดิฉันไม่เคยรู้คือ
กลเม็ดหลังจาก...

พี่เค้าแนะนำมาว่าหลังจากจบการบรรเลงเพลงแล้ว
อย่ารักความสะอาด รีบวิ่งเจ้นไปเข้าห้องน้ำทันที
เนื่องจากตามกฎแรงโน้มถ่วงของนิวตัน
สิ่งต่างๆ จะหล่นตามโรงโน้มถ่วง เหมือนกับลูกแอปเปิล

เจ้าตัวเล็กๆ ที่มีหางก็เช่นเดียวกัน จะหล่นออกมาตามแรงโน้มถ่วง
ข้อนี้ดิฉันก็ไม่เคยเอะใจ จนกระทั่งได้คุยกับพี่คนนึง
ซึ่งเคยใช้ทฤษฎีนี้แล้วได้ผล พี่แกถามว่า

“เราลุกขึ้นเข้าห้องน้ำทันทีเลยใช่ไหม
นั่นแหละมันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่ช่วยให้ท้อง”

ดิฉันเลยถามกลับไปว่า
“อ้าวพี่ แล้วต้องรอนานเท่าไหร่ถึงลุกเข้าห้องน้ำได้”

พี่เค้าแนะนำว่า อย่างน้อยสัก ครึ่งชั่วโมงก็ยังดี
และถ้าให้ดีก็ดึงหมอนมารองบริเวณบั้นท้าย
ให้สูงเข้าไว้ เพื่อสร้างพื้นเอียงให้เจ้าตัวมีหาง
เดินทางไปพบกับไข่ได้สะดวกขึ้น
ฮ่าๆๆ ไม่เคยคิดเลยว่า ไอ้เรื่องที่พูดกันขำๆ ทะลึ่งเล็กน้อย
มันก็มีหลักการทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุนเหมือนกันนะเนี่ย

เอาล่ะ นอกเรื่องไปนาน มาถึงเรื่องที่จะเล่าดีกว่า
ครั้งนี้ดิฉันรู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย
ร่วมกับประจำเดือนขาดไปแล้วประมาณเกือบเดือน

อาการที่ดิฉันมีคือคันที่ท้อง แล้วยังรู้สึกว่าทำไมฉันลงพุงแล้วล่ะ
เพราะเมื่อก่อนหน้าท้องแบนราบจนคนอื่นทักว่า "เธอเอาไส้ไปไว้ที่ไหน"
แล้วหน้าอกก็เริ่มใหญ่ขึ้น มีความสุขมากตอนดูตัวเองในกระจก
ส่วนหัวก็จะรู้สึกแข็งไวต่อสิ่งเร้าต่างๆ เช่น ลมพัด (อันนี้เว่อร์ไป)
จริงๆ เช่น เวลาใส่เสื้อชั้นในแล้วบังเอิญไปสัมผัสโดน
หรือเดินชนอะไรมันก็จะเจ็บๆ

สามีสุดที่รักก็เริ่มทักว่าเราเธอเปลี่ยนไป
ดิฉันเลยตัวสินใจ เอาก็เอา ไปซื้อมาตรวจ
แต่ครั้งนี้เริ่มไม่ลุ้นแล้วล่ะ หยดเสร็จแล้วเดินหนีออกจากห้องน้ำทันที
ไม่อยากอยู่ลุ้น เดียวสักสองสามนาทีค่อยเดินมาดู
แต่ได้ตอนล้างมือ แล้วเหลือบไปเห็น
เริ่มมีเส้นลางๆ ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนขึ้น

ในใจคิดว่า เออ รอก่อน เอาให้แน่ เดี๋ยวเดินมาดูอีกที
แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ ถือมันออกให้สามีดูลยดีกว่า

เราก็เริ่มถามความคิดเห็นสามีว่า

“How many lines do you see?”

สามีทำหน้าตื่นเต้น ตอบมาว่า “Two”

ทนไม่ไหวด้วยความตื่นเต้น เค้าก็ถามต่อ
“What does it mean?”

คือเค้าคงจำไม่ได้ค่ะ เพราะที่ให้ดูครั้งแรกมันก็นานมาแล้ว
ทั้งตื่นเต้น ทั้งความจำสั้น คุณสามีก็เร่งรัดดิฉันใหญ่
ว่าตกลงมันท้องหรือเปล่า ไอ้สองขึดเนี่ย

เราเลยไปเอาฉลากมาให้อ่าน โชคดีที่ซื้อมามีภาษาอังกฤษ
เค้าอ่านเองได้
หลังจากอ่านจบ เค้ารีบวิ่งเข้ามากอดด้วยความดีใจพร้อมร้องดีใจ
“You are pregnant!!”
สำหรับเรา ดีใจก็ดีใจนะ แต่มันยังกลัวว่า
ผลผิดหรือเปล่า ยังไม่อยากดีใจเก้อ
เลยวางมันไว้สักพัก เดินไปเดินมาดูอยู่หลายรอบปรากฏว่า
ผลก็ยังอยู่ยง สองขีดเหมือนเดิม
หน้าตาออกมาแบบนี้ค่ะ



ไม่วาย...ด้วยความเป็นเด็กวิทยาศาสตร์มาก่อน
การทดลองต้องทำซ้ำ กะเอาสักสามซ้ำอย่างน้อยเหมือนตอนเรียน
แต่ก็รู้สึกจะเปลืองโดยใช่เหตุ เลยบอกให้คุณสามีขี่ฟีโน่ไปซื้อมาอีกอัน
เดี๋ยวเย็นๆ จะลองใหม่
และแล้วหลังตรวจ เอาผลมาเทียบกัน ออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ



คือผลเหมือนกับเปี๊ยบ สองขีดขึ้นเด่นชัด
นี่แหละหลาชะตาฟ้ากำหนดมาให้มีสองขีด
ยอมรับ ด้วยความรู้สึกหน้าชื่นตาบาน
จูงมือพี่ดี้ สามีสุดที่รักไปโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้น
------------------------------

ผลปรากฏว่า
“หมอยินดีด้วยคุณตั้งครรภ์ได้ 5 สัปดาห์แล้วค่ะ”
สองคนนั่งกุมมือกันดีใจจนบอกไม่ถูก
หมอสั่ง folic acid ให้ทานบำรุงสมองลูก
พร้อมกับคำแนะนำต่างๆ

แต่สำหรับดิฉันดันเป็นเคสพิเศษต้องเจาะเลือดตรวจ prolactin ด้วยนะสิ
ก่อนไป คุณหมอถามว่าอยากเห็นลูกไหม
เราก็หันไปหาพี่ดี้ ที่กำลังพยักหน้าหงึกๆ
เอาเลยค่ะ ต้องขึ้นขาหยั่งอีกครั้ง เนื่องจากยังตรวจหน้าท้องไม่ได้
อายุครรภ์น้อยอยู่ ต้องตรวจทางช่องคลอด
ตอนใส่เครื่องมือรู้สึกเจ็บเหมือนกัน แต่ก็มีความสุข

ตอนดูภาพในจอตื่นเต้นมาก
ถึงแม้ไม่เห็นอะไรมากก็ตาม รู้แต่ว่า มดลูกหนาตัวดีมาก
คุณหมอบอกว่าโอกาสแท้งน้อยมากค่ะ
แถมยังบอกเราได้ด้วยว่า
เจ้าตัวน้อยที่กำลังเจริญเติบโตเป็นผลมาจากรังไข่ข้างขวา
แล้วก็หมุนเครื่องมือเพื่อโชว์ร่องรอยการตกไข่
จากรังไข่ทางด้านขวาให้ดู
เทคโนโลยีพวกนี้ดีจริงๆ ตอนขยับก็มีเจ็บบ้าง แต่ก็ทนค่ะ

ขนาดถุงที่ห่อเจ้าตัวเล็กมีขนาด 9.9 mm
(อันนี้คุณหมอคอนเฟิร์มว่า 5 สัปดาห์จริง)
ภาพใบแรกของเจ้าตัวเล็กหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ



แล้วเราก็บ๊าย บายคุณหมอสูติไป นัดอีกทีเดือนหน้ามาเช็คอัพอีกครั้ง
จบจากคุณหมอสูติ ดิฉันต้องไปหาคุณหมอต่อมไร้ท่อต่อ
เพื่อปรึกษาเรื่องหยุดยาที่ทานอยู่
ไปเจาะเลือด ตรวจลานสายตา หรือ visual field

ผลออกมาปกติดีทุกอย่าง
แต่มีข้อแม้ว่า ทุกเดือนที่มาตรวจครรภ์
ต้องมาตรวจ visual field ทุกครั้งไป
ที่เปนแบบนีเนื่องจากหลังหยุดยา
เจ้าเนื้อที่ต่อมใต้สมองมันอาจโตขึ้นอีกได้

ถ้าโตมากจนเบียดทับเส้นประสาท
อาจจะต้องผ่าออก หรือ ทานยาสเตอรอยด์

สาธุ...อย่าโตขึ้นมามากเลยเจ้าต่อมน้อย
อยู่กันมาทั้งชีวิต ขอฉันพักตั้งครรภ์สักเก้าเดือนเถอะ
ยังไงก็ขอกำลังใจให้คุณแม่มือใหม่
เดินทางสู่เส้นชัยในแปดเดือนข้างหน้าด้วยเถอะค่ะ


ปล. คุณหมอคำนวณวันคลอดได้ด้วยล่ะ ประมาณวันที่ 8 ตุลาคม ....เราจะได้เจอกันแล้ว

ฮึๆ ดีใจจัง




 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2552 18:12:36 น.
Counter : 1611 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

มิสซิสอาร์โนลด์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




&dateผู้หญิงคนหนึ่ง..บนโลกกลมๆใบนี้..
ยังมีความฝันอีกหลายอย่างที่กำลังเดินหน้าตามล่าฝัน
โดยมีคุณสามีฝรั่งคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ

©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความในบล็อกนี้ไปใช้เผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©©










What's new!


บล็อกอัพเดทล่าสุด


ลูกคุณมีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่...โรคข้อสะโพกเคลื่อนหรือหลุด


คุณสามี MR.Speedy มีโอกาสได้เข้าวงการแสดงแล้วจ้า


ซาอีดาเปลี่ยนเฝือกครั้งที่ 1 พร้อมภาพ x-ray @21 months



วิธีทำให้ลูกมีความสุขมากขึ้น..ในเวลาที่ต้องทนทุกข์ๆ ในเฝือกเกือบ 2 เดือน



เข้าโรงพยาบาลอีกครั้งเมื่อครบ 1 ปี 8เดือน



ซาอีดา...บนปก mother and care เดือนมิถุนายนนี้ค่ะ



ประสบการณ์ผ่าตัดครั้งแรกของน้องซาอีดา



ต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกรอบ---กับข้อสะโพกหลุดแต่กำเนิด--



เสียงสะท้อนจากผู้อ่าน





Mrs. Arnold's Blog

จากบล็อกออกเป็น pocketbook

...วางแผงแล้ววันนี้..

ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มิสซิสอาร์โนลด์'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.