บทที่6:สิ่งที่ไม่คาดฝัน
ยัยซุ่มกับนายจอมซ่า บทที่ 6 :สิ่งที่ไม่คาดฝัน ปึง! เสียงกระทบของอะไรบางอย่างที่กระแทกอย่างแรง จนเกิดเสียงดังก้องหน้าห้องสมุดอีกครั้ง พร้อมกับอาการหน้าแดงเรื่อขึ้นมา ด้วยอาการอายสุดๆ ที่มีมากกว่าอาการเจ็บ แทบจะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ดีของโลกใบนี้ ซึ่งตอนนี้มันไม่ทันแล้ว เพราะทุกสายตาที่เดินผ่านไปมาหน้าห้องสมุด ต่างหันมาหยุดมองเธอเป็นตาเดียว นราวดี เธอเดินยังไงเนี่ย ประตูก็ออกจะบานใหญ่ ตัวหนังสือก็ออกจะโต๊โต มองไม่เห็นหรือไงยะ วรินทรบ่นอย่างเสียไม่ได้ ของการกระทำของเพื่อนรักที่ซุ่มซ่ามเสียเหลือเกิน ดีน่ะที่เจ้าแม่ เจ๊แกไม่อยู่ช่วงนี้ไปสัมมนาห้องสมุดที่ต่างจังหวัด ไม่งั้นเธอคงได้เช็ดถูห้องสมุดไปอีกเดือนแน่ๆ และคราวนี้ เธอจะกลายเป็นทาสรับใช้ในห้องสมุดไปจนตาย แบบนางทาสแน่ๆ เลย เสียงเหน็บแนมของเพื่อนอีกหน่อหนึ่งเจ้าประจำของการเหน็บแนม นายอำนาจตัวดีนี่เอง ช่างฉันเถอะช่วงนี้ ก็ยังใช้หนี้กับเจ๊แกไม่หมด ก็ช่าง ๆ มันเถอะ อยู่ห้องสมุดก็ดีสบาย ๆ แอร์ก็เย็น ประหยัดไฟที่หอด้วย ไม่ต้องคิดไรมาก ก็ดันมาหลงเรียนวิชา บรรณารักษ์นี่ ช่วยไม่ได้จริงๆนะเนอะ ว่าพลางนราวดีก็ก้มลงเก็บหนังสือที่ทำหล่นขึ้นมาประคองไว้แล้วออกเดินต่อไปที่เคาน์เตอร์บริการระหว่างนั้น สายตาของวรินทร ก็ดันไปสะดุด เข้ากับนักศึกษาที่สวมชุดกาวน์ยืนอ่านหนังสืออยู่ในชั้นหนังสือที่อยู่ห่างจากเคาน์เตอร์ไม่เท่าไรนัก
อุ๊ย หล่อจัง ใครนะที่ยืนอยู่ตรงชั้นหนังสือนั้น ท่าทางจะเรียนหมอน่ะเนี่ยตั้งใจอ่านน่าดูเลย อยากรู้จังว่ายืนอ่านหนังสือไรอยู่น่ะ ว่าแล้วเธอก็ชำเลืองมองขึ้นไปยังป้ายของชั้นหนังสือนั้น อาการแปลกใจก็เริ่มปรากฏบนสีหน้า แปลกแฮะนักศึกษาหมอคนนี้ ทำไมมายืนอ่านหนังสือเกี่ยวกับบรรณารักษ์น่ะ ว๊าว...หรือว่า เค้ากำลังสนใจใครในหมู่พวกเราที่กำลังเรียนเอกบรรณารักษ์อยู่นะ ตื่นเต้นๆ อยากรู้จังว่าใครนะ ท่าทางเค้าคร่ำเคร่งน่าดู ยิ่งมีเสน่ห์อย่าบอกใครเลย เอ๊ะ! นั่นๆเค้าเงยหน้าขึ้นมาแล้ว.. แล้วดูเหมือนเค้าจะเดินตรงเข้ามาหาพวกเรานะ แย่ล่ะสิ ว่าแล้วผู้ที่เพิ่งเอ่ยชมเมื่อครู่ก็หายไปอยู่ข้างหลังเพื่อนจอมซุ่มซ่ามอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าเค้าจะจับได้อย่างงั้นแหละ ว่าแอบดูเค้าอยู่ตั้งนานสองนาน ชาวหนุ่มรูปร่างสูงในเสื้อกาวน์เดินมาตรงกลุ่มที่ทั้งสามยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
อ้าว นึกว่าใครที่ไหน คุณนะเอง เปลี่ยนแว่นเสียจนจำแทบไม่ได้แน่ะ ไม่รู้ยังจำกันได้หรือเปล่าน่ะครับ ผมวิชูเพื่อนเจ้าสุดเดชที่วันนั้นโวยวายกับคุณหวังว่าคุณคงหายโกรธแล้วนะครับ วิชูออกตัวขอโทษขอโพยอีกครั้ง อ๋อ คุณวิชู นี่เองดิฉันนึกออกแล้วคะ นราวดีว่าพลางขยับแว่นที่ใส่อยู่ และพยักหน้าน้อยๆ อ้าว แย่แล้วใกล้เวลาเรียนวิชากายวิภาคแล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไปสาย หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก หลังจากก้มลงดูนาฬิกาข้อมือเรือนทองที่สวมอยู่ที่ข้อมือ และยิ้มอำลา พลันก้าวเท้าฉับๆออกจากห้องสมุดไปอย่างรวดเร็วดั่งพายุ นักศึกษาทั้งสามถึงกับยืนตะลึงเป็นหินกับสถานการณ์ที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ชนิดว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยไรไปมากกว่าทักทายทั่วไป งงง่ะ คนหรือว่าลิงเนี่ยเร็วจังแฮะ เสียงอุทานจากสมาชิกหนุ่มตัวแสบในกลุ่ม ทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาได้สติกันอีกครั้งนึง ไปซะแล้ว ทำไม ? เธอไม่เคยเล่าให้ฟังเลยนะ ว่าเคยเจอนักศึกษาหมอสุดหล่อคนนั้น แล้วคุณ สุดเดชนี่ใครบอกมาเดี๋ยวนี้นะ คุณนา ไม่งั้นฉันโกรธด้วย วรินทรเริ่มส่งสายตาเอาเรื่องพลางยื่นหน้าท้าวสะเอวน้อยๆเข้าไปใกล้ เฮ้อ เอาล่ะๆ นักศึกษาแพทย์คนนั้นชื่อ คุณวิชู ส่วนคนที่เค้าพูดถึงเป็นเพื่อนเค้าชื่อนายสุดเดชจอมแสบนะ แล้วฉันก็เคยไปเดินชนเค้า มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันก็เลยรู้จักเท่านั้นเอง ไม่มีไรมากกว่านั้นหรอก นราวดีรีบไกล่เกลี่ย จริงหรอ แต่จากสายตาเธอนี่ดูมันไม่ธรรมดานะวรินทรมองด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัยเพื่อจับพิรุธ ไม่มี ๆ จริงๆ เชื่อฉันสิ นราวดีรีบกล่าวตอบทันควัน แล้วทำไม ต้องไปเรียกเค้าว่า จอมแสบ ด้วยล่ะ ก็เจ้าบ้า นั้นโวยวายแค่เรื่องฝุ่นจากหนังสือไปเลอะโดยเสียกาวน์ของนายนั่นนะสิ แล้วมันก็โวยวายๆเสียลั่นเลย นราวดี เล่าด้วยอารมณ์โมโห อ๋อ อย่างงี้นี่เอง.. วรินธรพยักหน้าหงึกๆ นอกจากนั้น ก็ไม่มีอย่างอื่นจริง นราวดีพูดย้ำอีกครั้ง อืม ก็ได้ตกลง ฉันจะเชื่อเธอ คราวหน้าเธอต้องแนะนำฉันให้คุณวิชูรู้จักด้วยเข้าใจไหม นราวดี วรินธรพูดคะยั้นคะยอ จ้าๆ ฉันสัญญา นราวดีพยักหน้าน้อยๆ ยอมตกลงแต่โดยดีอย่างเสียไม่ได้ ทำให้วรินทรยิ้มออกกระโดดเข้าเกาะคอนราวดีแน่นหนึบราวกับปลาหมึก เล่นเอานราวดีรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ปล่อยคอได้แล้ว วรินทรฉันจะแย่แล้ว ปล่อยๆ นราวดีร้องด้วยเสียงอันแหบแห้ง จ้าๆ ปล่อยๆ ฮิฮิ โทษทีดีใจมากเกินไปหน่อย ว่าพลางก็ปล่อยนราวดีออกจากการกอดรัดฟัดเหวี่ยงของตน ว่าแต่นี่มันกี่โมงแล้วนะ นายอำนาจ ว่าพลาง อำนาจก็ยกข้อมือพลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมือของตน เวลาเที่ยงสิบนาทีแล้วนะ อำนาจพูดออกมาพลางลดข้อมือลง ตายแล้ว!! วันนี้ฉันมีนัดนะ ตอนเที่ยงครึ่งเสียด้วย เหลือเวลาแค่ 20 นาที เอง ฉันต้องไปก่อนหละ แล้วไว้เจอกันนะ ว่าแล้วก็รีบวิ่งผลุนผลันลงบันไดออกจากห้องสมุดไป ปล่อยให้เพื่อนสองคนยืนค้างเติ่งไปหลายวินาที จนกระทั่งวรินทรผู้ได้สติก่อนหันมาเขย่าแขนของนายอำนาจ ว่าแต่นราวดี ทำไมรีบร้อนจังเลยนะ ปรกติไม่เห็นจะไวเหมือนลิงขนาดนี้ ถ้าเป็นนายก็ว่าไปอย่างเนอะ เอ..เธอกำลังว่าฉัน ว่าฉันเป็นลิงใช่ไหมเนี่ย อำนาจโวย อ้าว..ร้อนตัวนะยะ ฉันไม่เกี่ยว พูดตามความจริงยะ ขอตัวไปหาหนังสือนิยายสนุกๆอ่านดีกว่า ว่าแล้ว วรินทรก็รีบวิ่งไปเข้าห้องสมุดส่วนที่เก็บนวนิยายทันที
ณ สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง แฮ่กๆๆ เสียงหอบหายใจถี่ๆ พลางทรุดลงนั่งยังม้านั่งที่ตั้งอยู่ใต้หอนาฬิกา ของสวน โอย... เหนื่อยแทบแย่ ผู้พูดพลางยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา ซึ่งเข็มบอกเวลาเที่ยงครึ่งพอดี ดีนะ ยังไม่มีใครมาถึง ว่าพลางนราวดี ก็ถอนหายใจ อย่างโล่งอก ไม่งั้นมีหวังโดนโวยแน่เลย.. หรอจ๊ะ.. เสียงคุ้นหูดังมาจากทางด้านหลังของหอนาฬิกา นั่นเอง.. งั้นเธอคงต้องหูชาแน่ๆ เพราะ พวกเรามารอเธอนานแล้ว.. เสียงอีกเสียงหนึ่งตะโกนออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ หอนาฬิกา แล้วเจ้าของเสียง..นั่นก็ปรากฏตัวขึ้น จากพุ่มไม้ เผยให้เห็นสาวน้อยผิวขาว รูปร่างอวบ ในชุดนักศึกษา กระโปรงยาวทรงจีบรอบตัวสีดำ เธอก้าวตรงเข้ามาหาเธอ พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ บนมุมปาก ยิ่งส่งให้เธอดูน่ารักยิ่งขึ้น ยัย ศศิตา !! ว่าแล้วก็ นราวดีก็กระโดดเข้าไปกอดเพื่อนของเธอเสียเต็มรัก โอย..คิดถึงจังเลย แหม..หุ่นแกนี่ยังไม่เปลี่ยนเลยนะจ๊ะ ไหนบอกว่าจะลดน้ำหนักไง แหม..เจอปุ๊บก็ทักปั๊บเลย รู้แล้วๆ กำลังพยายามอยู่ ศศิตาโวยขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยทักทายตอบ ทันใดนั้นสายตาของนราวดี ก็เหลือบไปสะดุดกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอสวมเสื้อแขนยาวสีขาวที่มีโบว์ลายสก็อตติดอยู่ที่ชายแขนเสื้อ ซึ่งรับกับผิวขาวและหุ่นของเธอมาก กระโปรงสายสก็อตยาวพอดีกับเข่า เครื่องแบบนักศึกษาที่มีสไตล์กระเดียดไปทางต่างประเทศ ทันใดนั้นนราวดีก็ปล่อยมือที่กอดศศิตาทันที และวิ่งไปหาอย่างรวดเร็ว ว่าไง ยัยสุวรี คิดถึงจังเลย แหม...แต่งตัวเสียอินเตอร์เลยนะ นราวดีพูดด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างที่สุด ที่เธอได้เจอเพื่อนสนิทของเธออีกครั้ง เธอจับมือผู้ที่พูดด้วยไว้แน่น อ๋อ แน่นอนฉันนะ เด็กอินเตอร์นี่หว่า ไม่ใช่พวกเด็กมหาลัยรัฐอย่างพวกหล่อนนี่ยะ เครื่องแบบมันก็ต้องแปลกเป็นธรรมดา โฮะๆๆ พลางสุวรีก็เชิดหน้าหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ และสะบัดผมไปข้างหลังอย่างภูมิใจ เหมือนเธอจะมีออร่าเปล่งประกายออกมาด้วย.. โอ้ มาดคุณหนู..จริ๊งๆ เพื่อนฉัน ว่า แต่เหมือนจะขาดใครไปคนนึงนะ สายตาสบที่เพื่อนทั้งสองของเธอ อย่างผิดหวังเล็กน้อย แต่น แตน แต๊น... ไอ้พรมาแล้ว... เสียงแปร๋นๆดังมาจากด้านหลัง พร้อมกับแรงที่ถาโถมเข้ามาจากด้านหลังของนราวดีอย่างสุดแรงด้วยมิตรภาพ ความรักและคิดถึงจากดวงใจ มันยิ่งทำให้นราวดีหัวใจพองโตทีเดียว น้ำตาไหลคลอเบ้า แทบจะไหลออกมาด้วยความปลื้มปีติยินดี กับมิตรภาพของเพื่อนที่ไม่เคยเลือนหายไปจากใจของเธอเลยแม้แต่น้อย ไอ้พร นี่มันไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ยังขี้เล่นไม่เปลี่ยนเลยนะยะ เจ้าตัวเอ่ย ฮะๆๆ แน่นอน ไม่งั้นก็ไม่ใช่ปิยะพรจอมแก่นประจำกลุ่มสิ ปิยะพรหรือไอ้พร ก็ยืดอกพูดอย่างภาคภูมิใจในตำแหน่งของมันมาก.. เอ่อ..แต่ฉันว่า ฉันสงสารประเทศนะ สุวรีพูดโพล่งขึ้นมา สายตาหันไปจับจ้องที่ไอ้พรอย่างเหลืออด ทำไมล่ะ สุ ศศิตาถามด้วยความสงสัย พลางหันไปมองเพื่อนตัวจุดประเด็นของเรื่อง ก็..ประเทศเราคงต้องมีคุณหมอหน้าใหม่ ที่ขี้เล่น และต๊องที่สุดนะสิ ถามได้ พอจบประโยค ทุกคนก็หัวเราะดังลั่นขึ้นพร้อมกัน โทษทีนะที่ช้า คงไม่รอนานใช่ไหม? นราวดีเอ่ยขึ้น หลังจากทักทายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่หรอกเธอตรงเวลาพอดีเลย ไม่สายหรอกจ้า ถึงสายยังไงพวกฉันก็คงจะยังรอแกแหละ เพราะพวกเราทุกคนคิดถึงแกทั้งนั้นแหละ จริงๆนะแววตาทุกคู่หันมาจับจ้องอยู่ที่นราวดี พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นดังแสงตะวันอันอบอุ่น เพื่อนนราวดีของเรานี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ยังดูซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนเลย.. สุวรีพูดพลางยิ้มขำ และชี้ไปยังผมที่ตอนนี้มันชี้โด่ชี้เด่ ซึ่งมาจากความรีบร้อน ที่ดันไปเดินชนเข้ากับประตูที่หน้าห้องสมุดนั่นเอง
มานี่ ๆ เลย เดี๋ยวฉันจะหวีผมให้เธอ ไม่ไหวๆ ผมเป็นทรงรังนก ก็ไม่ยอมพกกระจกตามเคยเลยนะยะ เอ้า! นี่ถือกระจกไว้ ศศิตา ว่าพลางส่งกระจกบานจิ๋วจากในกระเป๋าที่สะพายไว้ของเธอ ยื่นส่งให้กับนราวดี และก้มหน้าก้มตาล้วงหาหวีประจำตัวที่เธอมักพกติดตัวเสมอขึ้นมา ส่วนสุวรีก็จัดแจงจับนราวดี มานั่งยังม้านั่งตัวที่ใกล้กับจุดที่พวกเธอยืนอยู่แล้ว ส่วนปิยะพรเอง ขะมักเขม้นเข้าไปช่วยดึงแว่นออก เพื่อให้การหวีผมเป็นไปอย่างง่ายดาย ถามจริงๆ เถอะ นราวดีทำไม นี่ก็ป่านนี้แล้ว เธอทำไมไม่เปลี่ยนมาใส่คอนแทคเลนส์นะ มันน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่านะ ปิยะพรพูดพลางดึงแว่นออกจากที่ที่มันอยู่ มาถือไว้อย่างระมัดระวัง เมื่อถอดแว่นหน้าตาของนราวดีก็เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนจากคนที่เฉยเปิ่นก็กลายเป็นสาวน้อยน่ารักอย่างไม่ยากที่ใครๆที่เห็นก็ต้องหลงรักเธอแน่นอน
ไม่ล่ะ ฉันไม่ค่อยชอบนะ ใส่แล้วสบายใจกว่า กลัวมันคันๆด้วยนะ นราวดีพูดขณะที่เพื่อนๆกำลังช่วยเธอจัดทรงผมอยู่ แล้ว แว่นอันเก่าหายไปไหนล่ะ เห็นเธอชอบมันมากไม่เคยเปลี่ยนเลยนี่ แล้วทำไมเปลี่ยนจ๊ะ ศศิตาเอ่ยถาม ใช่ๆตอนนั้นจำได้ไหม? พวกเราเคยแกล้งเอาแว่นเธอไปซ่อน เธอโกรธพวกฉันไปตั้งหลายวันเลยนี่ ฉันยังจำตอนนั้นได้ดี สุวรีพูดสมทบ พลางนึกถึงอดีตเมื่อครั้งก่อน สมัยยังผูกคอซองกระโปรงจับจีบสีน้ำเงินวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ว่าแล้วก็คิดถึงจัง อยากกลับไปตอนนั้นอีกจัง นราวดีรำพึง พลางเอามือเท้าคางหวนรำลึกถึงอดีต สักพักทุกคนก็เงียบไปและนึกย้อนถึงอดีตอันแสนสุขที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน เพี๊ยะ เพี๊ยะๆ เสียงดังมาจากม้านั่งที่ตั้งอยู่หลังพุ่มไม้ซึ่งไม่หากจากที่พวกเธอนั่งกันอยู่นัก เรียกความสนใจจากทุกคน ให้หันไปสนใจกับเสียงนั้นโดยอัตโนมัติ.. ทุกคนพากันก้มลงต่ำและมุดตัวเขยิบเข้าไปใกล้หลังพุ่มไม้ที่อยู่หลังม้านั่งของพวกเธอ สุวรีค่อยๆเอื้อมมือไปแหวกพุ่มไม้นั้นออกช้าๆอย่างเงียบกริบ ทำให้เห็นภาพเหตุการณ์ได้ชัดเจน ภาพของสาวสวย มือที่ดูบอบบาง ดูนุ่นนวลชวนให้น่าทะนุถนอม บัดนี้มันได้ทำหน้าที่ส่งออกไปตบกระทบกับหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าเต็มแรง จนปรากฏรอยนิ้วจางๆสีแดง ขึ้นบนหน้าของฝ่ายชายด้านหน้าเธอ ผมยาวสลวยของเธอสะบัดไปตามแรงโกรธที่อัดอั้นมานาน แสงอาทิตย์ในยามบ่ายส่องกระทบผมของเธอสะท้อนถึงการได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าของหญิงสาวแสดงถึงอารมณ์ที่ดูเจ็บปวด ฉายชัดขึ้นในสายตาทุกคู่ที่แอบซุ่มมองดูอย่างเงียบๆ เราเลิกกันเถอะ หญิงสาวเอ่ย พลางวิ่งออกไปจากพร้อมกับน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ปล่อยให้ฝ่ายชายตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิด มืออันสั่นเทาค่อยๆ ยกขึ้นลูบลงบนแก้มที่แดงเรื่อขึ้นเรื่อยๆจากแรงตบกระทบ ซึ่งตอนนี้เริ่มชาจากฝ่ามือเรียวงามของหญิงสาวที่เพิ่งกล่าวประโยคที่ทำให้โลกๆทั้งโลกหยุดนิ่งไปชั่วขณะ
เหมือนเสียงบนโลกนี้ได้ดับวูบไปไร้ซึ่งสรรพเสียงใดๆ คล้ายตกลงไปยังหลุมดำอันมืดมิด ไม่มีแม้แต่แรงที่จะพยุงกายไว้ให้หยัดยืนอยู่ต่อไปได้ ชายหนุ่มทรุดตัวลงบนม้านั่งนั้นพลางบ่นพึมพำ สกุณาบินไปไม่หวนกลับ ไยไม่รับรักฉันไว้ในหทัย จากสวนแห่งนี้ไปแสนไกล ไร้เงาบินผกผินกลับรังนอน เสียงที่เอ่ย ออกมานั้นทำให้ นราวดีถึงกับตกตะลึง นั่นมัน เสียงที่คุ้นเคย .. พลางพึมพำออกมาอย่างลืมตัว
สุดเดช.. โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 6 เป็นตอนที่เตรียมเอาไว้ลงโดยเฉพาะ มีความยาวเป็นพิเศษ เพราะไม่แน่ใจว่า ปลายเดือนจะมีการมาลงต่อตามกำหนดการเดิมหรือไม่ เพราะเป็นช่วงที่กำลังทำตัวเล่มวิทยานิพนธ์ค่ะ แต่ยังไง ผู้เขียนจะพยายามเคลียร์ให้เสร็จก่อนวันนั้นนะคะ ดังนั้น ตอนนี้อาจจะมีคำผิดอยู่ด้วย ต้องขออภัยผู้อ่านทุกท่านนะคะ
Free TextEditor
Create Date : 01 มีนาคม 2555 | | |
Last Update : 18 กันยายน 2555 20:12:56 น. |
Counter : 454 Pageviews. |
| |
|
|
|